สวัสดี

ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - admin

หน้า: 1 ... 15 16 [17] 18 19 ... 30
241
รวมที่เที่ยวกรุงเทพฯ หลากหลายรสชาติ

1. Habito Mall

          ฮาบิโตะ มอลล์ (Habito Mall) เป็นคอมมูนิตี้มอลล์แห่งใหม่ในย่านสุขุมวิท 77 ซึ่งมีคอนเซ็ปต์ที่แตกต่างจากคอมมูนิตี้มอลล์ทั่วไป ด้วยการให้ที่นี่เป็นเสมือนดั่งส่วนหนึ่งของชีวิต คุณสามารถที่จะมาใช้ชีวิตและทำกิจกรรมต่าง ๆ บนพื้นที่แห่งนี้ได้ตลอดทั้งวัน ตั้งแต่เช้ายันเย็น มีร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ และร้านค้าคุณภาพดีมากมายที่พร้อมให้บริการที่นี่ อีกทั้งยังมีพื้นที่ Co-Working Space สุดกว้างใหญ่ให้มาปล่อยไอเดียกันอย่างจุใจ ไม่ว่าจะวันไหน ๆ ที่นี่ก็สามารถเที่ยวได้อย่างมีความสุข

          ที่ตั้ง : ถนนสุขุมวิท 77 ซอยอ่อนนุช 1/1 แขวงพระโขนงเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
          เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-22.00 น.
          เว็บไซต์และเฟซบุ๊ก : sansiri.com, เฟซบุ๊ก Habito Mall

2. โครงการป่าในกรุง


          อยู่กรุงเทพฯ ก็ไปสูดอากาศบริสุทธิ์ให้ชุ่มปอดได้ที่โครงการป่าในกรุง บริเวณถนนสุขาภิบาล 2 ซึ่งเป็นโครงการของกลุ่ม ปตท. ที่จะพัฒนาและส่งเสริมพื้นที่สีเขียวในเขตเมือง โดยรอบพื้นที่กว่า 12 ไร่ของโครงการนี้ เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่นานาชนิด มีทั้งไม้ยืนต้น ไม้พุ่ม และไม้พื้นล่าง อาทิ กรวยป่า กระเจียว ขันทองพยาบาท พระเจ้าห้าพระองค์ แคแสด จันทน์ชะมด ชุมแสง ชำมะเลียง เต็งรัง ตะเคียนทอง มะกอกน้ำ มะเม่า สะตือ นุ่น สมพง ยางนา เหียง ฉนวน จัน-อิน สมอไทย ทองพันช่าง เป็นต้น

          ทุกต้นได้รับการดูแลรักษาอย่างดี ทำให้ที่นี่โอบล้อมไปด้วยสีเขียว บรรยากาศเย็นสบาย มีหนองน้ำให้ความเย็นสดชื่น นักท่องเที่ยวจะได้เดินไปบนทางเดินลอยฟ้า (Sky Walk) เพื่อชื่นชมความงดงามโดยรอบพื้นที่และสูดอากาศอันสดชื่น มีหอคอยให้ขึ้นไปชมวิวมุมสูง พร้อมทั้งอาคารพิพิธภัณฑ์ให้ความรู้อีกด้วย

          ที่ตั้ง : เลขที่ 81 ถนนสุขาภิบาล 2 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กรุงเทพฯ
          เวลาเปิด-ปิด : ตั้งแต่เวลา 09.00-18.00 น. ปิดทุกวันจันทร์ (ยกเว้นตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์)
          โทรศัพท์ : 0 2136 6380
          เว็บไซต์และเฟซบุ๊ก : pttreforestation.com, เฟซบุ๊ก โครงการป่าในกรุง ปตท.

3. บ๊าวซ์ ไทยแลนด์ (Bounce Thailand)


          บ๊าวซ์ ไทยแลนด์ พื้นที่ที่จะไม่ปล่อยให้คุณได้ยืนอยู่กับที่นิ่ง ๆ การวิ่งและกระโดดเท่านั้นที่จะทำให้คุณได้สนุกสนานอย่างเต็มที่ภายในอารีน่าที่มีแทรมโพลีน หรือบอร์ดสปริงเชื่อมต่อกันไปมากว่า 100 ผืน ซึ่งมีสีสันสดใสสวยงาม กระตุ้นอะดรีนาลินในร่างกายให้พุ่งปรี๊ดขึ้นไปอีกเท่าตัว

          กิจกรรมสุดมันที่จะสร้างสรรค์ขึ้นบนพื้นที่แห่งนี้มีให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการบ๊าวซ์ตีลังกาข้ามแทรมโพลีน การเล่นสแลมดังก์ การวิ่งขึ้นกำแพง การแข่งดอดจ์บอล เป็นต้น ใครอยากได้เหงื่อเพราะการออกกำลังกายที่ไม่ซ้ำจำเจ ต้องพุ่งตัวไปที่นี่เลย

          ที่ตั้ง : ชั้น 5 ศูนย์การค้าเดอะสตรีท รัชดา ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ
          เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-22.00 น.
          โทรศัพท์ : 0 2014 2446
          เว็บไซต์และเฟซบุ๊ก :  bounceinc.co.th, เฟซบุ๊ก Bounce Thailand

4. ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพฯ (Bangkok Planetarium)


          กลับมาครั้งใหม่สวยงามอลังการสุด ๆ สำหรับท้องฟ้าจำลอง สถานที่ที่จะทำให้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ได้สนุกไปกับการเที่ยวในจักรวาลอันกว้างใหญ่ โดยเฉพาะในห้องฉายดาว ที่ได้มีการปรับโฉมใหม่จนไฉไลและน่าทึ่งมาก ๆ โดยมีลักษณะเป็นโดมคล้ายท้องฟ้าจริง สามารถฉายดาวต่าง ๆ รวมทั้งดาวเคราะห์ในระบบสุริยะจักรวาลได้อย่างครบถ้วน ผู้ชมจะได้เห็นท้องฟ้าจำลองในรูปแบบที่สวยงามแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยทีเดียว

          นอกจากนี้ยังมีการแสดงมหัศจรรย์แห่งแสงออโรร่า ซึ่งเป็นการแสดงที่ให้ความรู้เกี่ยวกับแสงออโรร่าหรือแสงเหนือแสงใต้อันงดงามอีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้นภายในศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาแห่งนี้ยังมีนิทรรศการอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นมหัศจรรย์ชีวิตในสายน้ำ, นิทรรศการไดโนเสาร์, โลกของแมลง, นิทรรศการเมืองเด็ก, นิทรรศการแสงอาทิตย์ เป็นต้น

          ที่ตั้ง : 928 ถนนสุขุมวิท เขตคลองเตย กรุงเทพฯ
          เวลาเปิด-ปิด : ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. ปิดทุกวันจันทร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์
          โทรศัพท์ : 0 2391 0544, 0 2392 0508, 0 2392 1773
          เว็บไซต์และเฟซบุ๊ก : sciplanet.org, เฟซบุ๊ก ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ - Bangkok Planetarium

5. โพโรโระ อควา พาร์ค กรุงเทพฯ (Pororo Aquapark Bangkok)


          เมืองไทยเป็นเมืองร้อน ยิ่งในกรุงเทพฯ อากาศก็ยิ่งร้อนระอุ เพราะฉะนั้นต้องหาที่คลายร้อนกันสักหน่อย ซึ่งโพโรโระ อควา พาร์ค กรุงเทพฯ (Pororo Aquapark Bangkok) ก็เป็นตัวเลือกที่ดีมาก ๆ ในการไปสลัดความร้อนออกจากร่างกาย ที่นี่เป็นสวนน้ำกลางกรุงและยังเป็นสวนน้ำลอยฟ้าอีกด้วย เพราะตั้งอยู่บนชั้น 6 ของศูนย์การค้าเซ็นทรัล บางนา ครบครันไปด้วยเครื่องเล่นนานาชนิด อีกทั้งยังตกแต่งด้วยธีมของการ์ตูนซีรีส์สุดฮิตของเกาหลีอย่างโพโรโระ เพนกวินป่วนก๊วนขั้วโลก (Pororo the Little Penguin) วันหยุดว่าง ๆ ไปเติมความเย็นชุ่มฉ่ำให้ร่างกายบ้างก็ดีไม่ใช่เลยทีเดียว

          ที่ตั้ง : ชั้น 6 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล บางนา แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพฯ
          เวลาเปิด-ปิด : วันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 10.30-19.00 น., วันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 10.00-19.00 น.
          ค่าบัตรเข้าชม : ผู้ใหญ่ 400 บาท, เด็ก 280 บาท, ผู้สูงอายุ 280 บาท และเด็กต่ำกว่า 90 ซม. ฟรี
          โทรศัพท์ : 0 2745 7377
          เว็บไซต์และเฟซบุ๊ก :  pororoaquapark.com, เฟซบุ๊ก Pororo Aquapark BKK

6. ไดโนซอร์ แพลนเน็ต (Dinosaur Planet)


          ไดโนซอร์ แพลนเน็ต (Dinosaur Planet) ดินแดนสุดตื่นเต้นที่จะพาคุณกลับไปสนุกสนานกับโลกในยุคไดโนเสาร์ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องราวความเป็นมาของไดโนเสาร์อย่างตื่นตาตื่นใจ ด้วยการจัดนิทรรศการที่ผสมผสานเทคโนโลยีสุดทันสมัย แบ่งออกเป็น 7 โซน ได้แก่ Dinosaur District, Stars of Dino, Dino Eye, 4D Deep-World, The Great Volcano & The Extinction Live Show, Raptor X-Treme และ Dino Farm ซึ่งแต่ละโซนจะให้ประสบการณ์ที่แตกต่างกันออกไป

          ใครอยากชมวิวกรุงเทพฯ สวย ๆ ก็ขึ้นไปบน Dino Eye หรือถ้าต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับภูเขาไฟก็ต้องไม่พลาดการแสดง The Great Volcano & The Extinction Live Show แนะนำว่าให้เที่ยวชมทุกจุด แล้วคุณจะได้รับความประทับใจแบบสุด ๆ แน่นอน

          ที่ตั้ง : สุขุมวิท 22 ดิ เอ็มสเฟียร์ แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพฯ
          เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-22.00 น.
          ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 600 บาท, เด็ก 400 บาท, เด็กสูงต่ำกว่า 90 ซม. เข้าฟรี แต่มีค่าบริการ Dino Eye 200 บาท และขี่ไดโนเสาร์ 100 บาท
          โทรศัพท์ : 06 3167 6975 , 06 3162 5830
          เว็บไซต์และเฟซบุ๊ก : dinosaurplanet.net, เฟซบุ๊ก Dinosaur Planet

7. เดอะ สตรีท (The Street) รัชดา


          เดอะ สตรีท (The Street) แหล่งแฮงก์เอาท์สุดฮิปบนถนนรัชดาภิเษก ศูนย์รวมความสนุกสนานของการใช้ชีวิตในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะมากิน ดื่ม เที่ยว ช้อปปิ้ง หรือแม้แต่ออกกำลังกายที่นี่ก็มีหมด พบกับร้านอาหาร ร้านกาแฟ หลากหลายแบบ ทั้งอาหารไทยและอาหารนานาชาติ นอกจากนี้ยังมีร้านค้าแฟชั่นอีกกว่า 200 ร้านให้เลือกเดินช้อปปิ้งกันอย่างจุใจ ไม่ถูกใจก็เดินวนไป รับรองมีแบบที่สวยและโดนใจแน่นอน

          ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เพราะที่นี่ยังมีบ๊าวซ์ ไทยแลนด์ (Bounce Thailand) สถานที่ออกกำลังกายสุดชิค ที่จะไม่ทำให้คุณได้อยู่นิ่ง ๆ คุณจะได้ทั้งกระโดดไปมา หรือจะปีนป่ายหน้าผา ก็เลือกเอาตามที่ใจชอบได้เลย ที่สำคัญร้านค้าร้านอาหารบางแห่งยังเปิด 24 ชั่วโมงอีกด้วย

          ที่ตั้ง : 139 ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ
          เวลาเปิด-ปิด : ร้านค้าส่วนใหญ่เปิดตั้งแต่เวลา 10.00-22.00 น. บางร้านเปิดตลอด 24 ชั่วโมง
          เว็บไซต์และเฟซบุ๊ก : thestreetratchada.com, เฟซบุ๊ก The Street Ratchada

8. The Commons ทองหล่อ


          ไม่ว่าทองหล่อจะวุ่นวายสักแค่ไหน ก็ยังมีที่พักใจสุดเงียบสงบอย่างเดอะ คอมมอนส์ (The Commons) ไว้รอต้อนรับตลอดตั้งแต่เช้าจรดเย็น ที่นี่เป็นคอมมูนิตี้มอลล์แบบใหม่ ออกแบบให้พื้นที่โปร่งโล่ง และตกแต่งทุกมุมด้วยต้นไม้สีเขียว คล้ายกับเป็นพื้นที่สวนสวย ๆ หลังบ้านที่มีร้านอาหาร ร้านกาแฟสุดอร่อยมากมายให้เลือกเดินชิมลิ้มรส

          บรรยากาศโดยทั่วไปจึงดูผ่อนคลาย ไม่วุ่นวาย สามารถมานั่งเล่น นั่งพักผ่อน หรือนั่งทำงานได้ตลอดทั้งวัน ถ้าหิวก็แค่เดินเพียงไม่กี่ก้าวก็จะได้กินอาหารสุดอร่อยมากมายหลากหลายเมนู โอ้ว ! แค่นี้ชีวิตก็แฮปปี้แล้ว :)

          ที่ตั้ง : 335 ซอยทองหล่อ 17 ถนนสุขุมวิท 55 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
          เวลาเปิด-ปิด : 08.00-24.00 น.
          เฟซบุ๊ก : เฟซบุ๊ก The COMMONS

9. สวนเพลิน มาร์เก็ต (Suanplern Market)


          สวนเพลิน มาร์เก็ต (Suanplern Market) มาร์เกตมอลล์สุดชิคในย่านพระราม 4 แค่ดีไซน์ภายนอกของอาคารก็ทำให้คนกรุงหลงใหลไปไม่น้อย เพราะออกแบบในสไตล์อินดัสเทรียล ลอฟท์ ให้มีกลิ่นอายของสถานีรถไฟ ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากการที่ที่ตั้งของโครงการเคยมีสายรถไฟสายแรกของประเทศไทยอย่างสายปากน้ำวิ่งผ่าน

          ภายในโครงการยังออกแบบตกแต่งอย่างเรียบง่าย แต่เก๋ไก๋ โปร่งโล่งน่ามาเดินเล่นพักผ่อนสุด ๆ ที่นี่เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ฯลฯ ไว้รอต้อนรับมากมาย จะมาเช้า สาย บ่าย เย็นก็เต็มที่กับชีวิตได้เหมือนกัน

          ที่ตั้ง : 3654 ถนนพระราม4 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพฯ
          เวลาเปิด-ปิด : 09.00-21.00 น.
          โทรศัพท์ : 0 2249 8854
          เฟซบุ๊ก : เฟซบุ๊ก Suanplern Market - สวนเพลิน มาร์เก็ต

10. ณ กรุงเทเวศร์


          ณ กรุงเทเวศร์ เป็นโครงการร้านค้าติดแอร์ และตลาดที่อยู่ท่ามกลางชุมชนเก่าแก่อย่างชุมชนเทเวศร์ ภายในโครงการเต็มเปี่ยมไปด้วยบรรยากาศของอดีตในสมัยรัชกาลที่ 6 ด้วยอาคารต่าง ๆ มีสถาปัตยกรรมตามสมัยนั้น รวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งต่าง ๆ ก็มีกลิ่นอายของอดีตด้วยเช่นกัน และยังมีต้นไม้ร่มรื่นสีเขียวขจี อากาศเย็นสบาย

          เป็นแหล่งช้อปปิ้งสินค้าหลากหลายแบบ ไล่ไปตั้งแต่ของใช้ในบ้าน เสื้อผ้า เครื่องประดับ สินค้าแฟชั่น และอาหารหลากหลายแบบ ณ กรุงเทเวศร์ จึงเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจที่ดีของคนกรุงเทพฯ อีกหนึ่งแห่ง

          ที่ตั้ง : 164-172 ถนนกรุงเกษม แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร กรุงเทพฯ
          เวลาเปิด-ปิด : 09.00-10.00 น.
          โทรศัพท์ : 09 7009 3604
          เฟซบุ๊ก : เฟซบุ๊ก ณ กรุงเทเวศร์

11. เดอะ ไบรท์ (The BRIGHT)


          เดอะ ไบรท์ (The BRIGHT) แหล่งช้อปปิ้งสุดทันสมัยย่านพระราม 2 ที่จะตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ออกแบบอาคารให้ความโดดเด่นทันสมัย โปร่งโล่ง น่าเดินเที่ยวพักผ่อน มีทั้งหมด 4 ชั้น โดยแต่ละชั้นจะเชื่อมต่อกับอาคารจอดรถอันกว้างขวาง

          ภายในอาคารของเดอะ ไบรท์ จะประกอบไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ฯลฯ มากมาย จะอาหารไทย หรืออาหารนานาชาติที่นี่ก็มีให้บริการ บริเวณด้านบนของอาคารยังเป็นพื้นที่สวนสีเขียว จัดไว้เพื่อให้ได้นั่งพักผ่อนกันอีกด้วย

          ที่ตั้ง : 15/6 ถนนพระราม 2 แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ
          เวลาเปิด-ปิด : 10.00-22.00 น.
          เว็บไซต์และเฟซบุ๊ก : thebright.cc, เฟซบุ๊ก THE BRIGHT

12. ชินเซน ฟิช มาร์เก็ต (Shinsen Fish Market)


          ชินเซน ฟิช มาร์เก็ต (Shinsen Fish Market) ตลาดปลาและซีฟู้ดสไตล์ญี่ปุ่นที่เดียวในกรุงเทพฯ ซึ่งมีปลาทะเล ปูทะเล และซีฟู้ด หลากหลายแบบให้เลือกซื้อ มีทั้งแบบสดและแบบแช่แข็ง คัดเลือกคุณภาพมาแล้วอย่างดี ใครที่ชอบทานอาหารทะเลสด ๆ หรือเนื้อปลาดิบสไตล์ญี่ปุ่น สามารถมาเลือกเพื่อไปทำกินเองได้เลย หรือถ้าไม่ถนัดทำกินเอง ที่นี่ก็มีบาร์อาหารพร้อมเสิร์ฟไว้บริการด้วย นอกจากนี้ที่นี่ยังมีผัก-ผลไม้คุณภาพพรีเมียมไว้จำหน่ายอีกด้วย

          ที่ตั้ง : 163/6 ซอยสุขุมวิท 39 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
          เวลาเปิด-ปิด : 11.00-22.00 น.
          โทรศัพท์ : 0 2260 6522
          เฟซบุ๊ก : เฟซบุ๊ก Shinsen Fish Market

ตั๊กออแกไนท์ดินแดงรับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ 
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคดินแดง
นางรำดินแดงเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคดินแดง
ดินแดงรําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคดินแดง
รําบวงสรวงพญานาคดินแดง
ฟ้อนบูชาพญานาคดินแดง
รําบวงสรวงพญานาคดินแดง

  ติดต่อสอบถามเรา        
            


242
15 ที่เที่ยวปทุมธานี ครบรสความสนุก อยู่ใกล้กรุงเทพฯ แค่เอื้อม

1. พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

          พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เผยแพร่พระอัจฉริยภาพของพระมหากษัตริย์ไทยกับความสัมพันธ์ในด้านการเกษตรตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 200 ไร่ ซึ่งจะจัดแสดงนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับโครงการพระราชดำริ พระราชกรณียกิจ และโครงการพระราชพิธีต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องด้านการเกษตร แบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ ๆ ได้แก่ พิพิธภัณฑ์ในอาคาร นำเสนอพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้านการเกษตรและวิถีเกษตรไทยผ่านสื่อผสมผสานที่ทันสมัย และพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง ซึ่งเป็นฐานเรียนรู้การทำการเกษตรต่าง ๆ

          อัตราค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 30 บาท (กรณีเข้าชมต่อหนึ่งอาคาร)

          ที่ตั้ง : ตรงข้ามโรงพยาบาลการุญเวช นวนคร ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี

          เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการวันอังคาร-อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์) ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น.

          เว็บไซต์และเฟซบุ๊ก : wisdomking.or.th, พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ
 
2. ร้านกาแฟชายทุ่ง

           ร้านกาแฟชายทุ่ง เป็นร้านกาแฟที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปิดขึ้น เป็นร้านกาแฟขนาดกะทัดรัด ภายนอกเป็นอาคารสีขาวชั้นเดียว รายล้อมด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ ตกแต่งและออกแบบอย่างสวยงาม ผสมผสานระหว่างสไตล์ไทยและโมเดิร์น ให้บริการเครื่องดื่มมากมายหลากหลายเมนู พร้อมด้วยขนมหวานโฮมเมดสุดอร่อย บริเวณด้านหลังของร้านยังมีบ่อปลา แปลงนาสาธิต แปลงผักสวนครัว และแปลงสมุนไพร ให้ได้เดินเข้าไปศึกษากันอีกด้วย

            ที่ตั้ง : โครงการศูนย์การเรียนรู้เกษตรชุมชนเมืองในพื้นที่ดินเปรี้ยว บริเวณถนนรังสิต-นครนายก ตำบลบึงยี่โถ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี

           เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.30-17.30 น.

           เฟซบุ๊ก : กาแฟชายทุ่ง

3. ตลาดอิงน้ำสามโคก

          ตลาดอิงน้ำสามโคก เป็นตลาดบรรยากาศน่ารัก ตามแบบวิถีชาวบ้านที่เรียบง่าย ตั้งอยู่ริมคลองบางเตยและแม่น้ำเจ้าพระยา ภายในตลาดเป็นนชุมชนเก่าแก่ บ้านเรือนจะเป็นเรือนแถวไม้แบบดั้งเดิม มีของกินอร่อย ๆ ให้ได้เลือกกินเพียบ พร้อมทั้งมีร้านขายของชำที่จำหน่ายสินค้าโบราณ ให้ได้มาย้อนวัยกัน นอกจากนี้ก็ยังมีร้านกาแฟริมน้ำ ร้านอาหารริมน้ำบรรยากาศดี ให้แวะพักใจชิล ๆ อีกต่างหาก

           ที่ตั้ง : ตำบลบางเตย อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี

          เวลาเปิด-ปิด : วันศุกร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00-15.00 น.

          เฟซบุ๊ก : ตลาดอิงน้ำสามโคก ชุมชนตลาดเก่าบางเตย

4. วัดเจดีย์หอย

           วัดเจดีย์หอย เป็นวัดที่มีโบราณสถานสำคัญอย่างเจดีย์หอยโบราณตั้งอยู่ ซึ่งเจดีย์ดังกล่าวก่อสร้างขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2538 โดยพระครูสุนทรคุณธาดา หรือหลวงพ่อทองกลึง สุนทโร เจดีย์นี้หอยนี้ได้สร้างขึ้นมาจากซากหอยโบราณที่ฝังตัวอยู่ใต้พื้นดินและมีอายุนับพัน ๆ ปี ซึ่งขุดพบได้บริเวณวัดนั่นเอง นอกจากนี้ภายในวัดยังมีพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมพระพุทธรูป ศิลปวัตถุ โบราณวัตถุ ข้าวของเครื่องใช้เก่า ๆ จำนวนมาก ให้ได้เที่ยวชมกันด้วย

           ที่ตั้ง : หมู่ 4 ตำบลบ่อเงิน อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี

           เฟซบุ๊ก : วัดเจดีย์หอย จ.ปทุมธานี

5. วัดป่าคลอง 11

          วัดป่าคลอง 11 ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว้างกว่า 16 ไร่ เป็นวัดที่ประชาชนเชื่อกันว่ามีพญานาคทำหน้าที่ปกปักรักษา ด้านในโดดเด่นด้วยโบสถ์ไม้กลางสระน้ำ มีรูปปั้นพญานาคแกะสลักล้อมรอบ พร้อมทั้งมีรูปปั้นพญานาคตั้งอยู่รอบ ๆ วัดด้วย ประชาชนที่ศรัทธาก็มักจะเดินทางมากราบไหว้ขอพร หากมีเวลาก็จะอยู่ถือศีลเพื่อเพิ่มบุญบารมีกันด้วย

          ที่ตั้ง : ตำบลบึงกาสาม อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี

          เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 05.00-18.00 น.


6. วัดโบสถ์

          วัดโบสถ์ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นวัดเก่าแก่และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวจังหวัดปทุมธานี ด้วยมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์หลวงพ่อเหลือประดิษฐานอยู่ อีกทั้งยังมีรูปปั้นเหมือนของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี องค์ใหญ่ สูงมากถึง 28 เมตร ให้พุทธศาสนิกชนได้เดินทางมากราบไหว้ขอพร และเมื่อเร็ว ๆ นี้ก็ได้สร้างพระพุทธโสธรองค์ใหญ่ ประดิษฐานอยู่ใกล้ ๆ กับหลวงพ่อโตด้วย นอกจากนี้ยังมีโบราณสถาน และโบราณวัตถุ พร้อมทั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกมากมายให้ได้มาทำบุญเสริมบารมีกัน

          ที่ตั้ง : ตำบลบางกระบือ อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี

          เฟซบุ๊ก : วัดโบสถ์ สมเด็จโต หลวงพ่อโสธร องค์ใหญ่ สามโคก ปทุมธานี

7. ตลาดระแหง 100 ปี

          ตลาดระแหง 100 ปี ตั้งอยู่ในชุมชนเก่าแก่ริมคลองระแหง บ้านเรือนเป็นเรือนแถวไม้เก่าแก่ อายุมากกว่า 100 ปี บรรยากาศสบาย ๆ โดดเด่นด้วยร้านขายของชำแบบโบราณ พร้อมด้วยร้านอาหารเก่าแก่ที่เสิร์ฟแต่อาหารอร่อย ๆ เช่น ร้านแปโภชนา ร้านอากง เมี่ยงคำอิกคิว ก๋วยเตี๋ยวโบราณตาพ้ง เป็นต้น

          ที่ตั้ง : ตำบลระแหง อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี

          เวลาเปิด-ปิด : ร้านค้าจะเปิดคึกคักเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์

          เฟซบุ๊ก : ตลาดระแหง 100 ปี ปทุมธานี

8. วัดปัญญานันทาราม


          วัดปัญญานันทาราม ก่อตั้งโดยพระพรหมมังคลาจารย์ (ปั่น ปทุมุตฺตโร) หรือที่เรารู้จักกันคือ หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ เป็นวัดที่พุทธศาสนิกชนให้ความเคารพศรัทธา ด้วยมีหลักปฏิบัติที่เรียบง่าย มีเหตุและผลตามหลักพระพุทธศาสนา คำสอนของหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตได้จริง โดยมีกิจกรรมงานเผยแผ่พระศาสนา โดยมุ่งเน้นการศึกษา อบรมปฏิบัติธรรม และเผยแผ่ธรรมะ เปิดให้พุทธศาสนิกชนได้เข้าร่วมตลอดทั้งปี ทั้งนี้บรรยากาศในวัดก็เงียบสงบ ในวันพระก็มีการทำบุญตักบาตรใต้ร่มไม้ร่มรื่น เหมาะแก่การไปทำบุญกับครอบครัว มีเจดีย์พุทธคยาจำลองให้ได้มาเที่ยวชมกันด้วย

          ที่ตั้ง : เลขที่ 1 หมู่ 10 ตำบลคลองหก อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี

          เว็บไซต์และเฟซบุ๊ก : watpanya.org, วัดปัญญานันทาราม - สถานที่ที่ทำให้เกิดปัญญา

9. วัดเจดีย์ทอง


          วัดเจดีย์ทอง เป็นอีกวัดที่มีชื่อเสียงของจังหวัดปทุมธานี ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นตั้งแต่ปลายสมัยอยุธยา โดยชาวมอญที่อพยพหนีพม่าจากเมืองเมาะตะมะ สิ่งที่สำคัญของวัดนี้ ได้แก่ เจดีย์ทอง มีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงรามัญ เจดีย์ประธานมีสีทองอร่ามตา ล้อมรอบด้วยเจดีย์องค์เล็กสวยงามสะดุดตา นอกจากนี้ก็ยังมีพระพุทธรูปปางสะดุ้งมาร แบบทรงมอญ ทำมาจากแก้วหยกประดิษฐานอยู่ด้วย

          ที่ตั้ง : หมู่ 1 ตำบลคลองควาย อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี

10. ดรีมเวิลด์


          ดรีมเวิลด์ เป็นสวนสนุกและสวนสัตว์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของไทย มีเนื้อที่กว้างขวางมากกว่า 160 ไร่ ซึ่งประกอบไปด้วยเอนเตอร์เทนเมนต์มากมาย ทั้งเครื่องเล่น สวนน้ำ สวนสัตว์ ทะเลสาบขนาดใหญ่ สิ่งที่น่าสนใจ อาทิ เมืองหิมะ, ทอร์นาโด, เฮอริเคน, สกายโคสเตอร์, ไวกิ้ง, แกรนด์แคนยอน, ซูเปอร์สแปลช, ปราสาทผีสิง, เคเบิลคาร์, เรือบั๊มพ์, จักรยานน้ำ เป็นต้น ทั้งนี้ก็มีร้านค้า ร้านอาหาร พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

          อัตราค่าเข้าชม : เริ่มต้น เด็ก 200 บาท ผู้ใหญ่ 250 บาท

          ที่ตั้ง : 62 หมู่ 1 ถนนรังสิต-องครักษ์ (กม.7) ตำบลบึงยี่โถ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี

          เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวัน วันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 10.00-17.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 10.00-19.00 น.

          เว็บไซต์และเฟซบุ๊ก : dreamworld.co.th, Dream World

11. บ้านครูธานี หอมชื่น


          บ้านครูธานี หอมชื่น เป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับการทำนา และการใช้ชีวิตสุดเรียบง่ายตามวิถีชีวิตของเกษตรกรชาวไทย ซึ่งจะเปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปมาเข้าชมบ้านเรือนไทยภาคกลางและร่วมเรียนรู้เกี่ยวกับการทำนาตามแบบดั้งเดิมกันแบบเป็นหมู่คณะ บางครั้งก็เปิดให้ผู้ที่สนใจสมัครเข้าร่วมกิจกรรมตามวันและเวลาที่ทางครูธานี หอมชื่น กำหนด โดยจะมีกิจกรรมให้ทำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเก็บไข่ในเล้าไก่ การทำความรู้จักกับควายไทย การเล่นเครื่องเล่นโบราณ การดำนาในท้องนาจริง ๆ ฯลฯ ซึ่งเหมาะกับการเที่ยวแบบครอบครัว สามารถติดตามกิจกรรมต่าง ๆ ได้ที่เฟซบุ๊ก บ้านนาครูธานี

          ที่ตั้ง : ตำบลระแหง อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปุทมธานี

          เวลาเปิด-ปิด : เปิดเฉพาะวัน-เวลา ที่มีกิจกรรม ซึ่งสามารถดูรายละเอียดได้ที่เฟซบุ๊ก

          เฟซบุ๊ก : บ้านนาครูธานี

12. ตลาดริมน้ำวัดศาลเจ้า

          ตลาดริมน้ำวัดศาลเจ้า ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงบริเวณปากคลองบางหลวงเชียงราก อยู่ในบริเวณเดียวกับวัดศาลเจ้า และอยู่ใกล้กับวัดมะขาม เป็นตลาดในร่ม มีร้านค้ามากกว่า 100 ร้าน เป็นแหล่งรวบรวมร้านอาหารอร่อย ๆ ของจังหวัดปทุมธานี ที่น่าสนใจ อาทิ ร้านกุยช่ายต้นโพธิ์, กุยช่ายเจ้มล, ห่อหมกตาเรศ, ก๋วยเตี๋ยวโบราณนายทองสุข, หมูสะเต๊ะแม่สังเวียน, ก๋วยเตี๋ยวเรือนไม้, ป้าป่องกุ้งทอด เป็นต้น

          ที่ตั้ง : ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี

          เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวัน (วันจันทร์ร้านค้าส่วนใหญ่จะปิด ยกเว้นวัดหยุดนักขัตฤกษ์) ตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น.

          เฟซบุ๊ก : ตลาดริมน้ำวัดศาลเจ้า - วัดมะขาม ปทุมธานี

13. พิพิธภัณฑสถานเครื่องถ้วยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

          พิพิธภัณฑสถานเครื่องถ้วยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรวบรวมเครื่องปั้นดินเผาโบราณจำนวนกว่า 16,000 รายการ ที่อาจารย์สุรัตน์ โอสถานุเคราะห์ ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัย มอบให้ เป็นอาคารชั้นเดียว มีบางส่วนอยู่ใต้ดิน ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากเตาเผาโบราณ ด้านในอาคารจัดแสดงเรื่องพัฒนาการของเครื่องปั้นดินเผาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งประวัติเครื่องปั้นดินเผาที่เป็นสินค้าออกของประเทศไทยและประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมทั้งเครื่องปั้นดินเผาโบราณมากมาย

           ที่ตั้ง : มหาวิทยาลัยกรุงเทพ วิทยาเขตรังสิต เลขที่ 9/1 หมู่ที่ 5 ถนนพหลโยธิน ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี

           เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 10.00-16.00 น.

           เว็บไซต์และเฟซบุ๊ก : museum.bu.ac.th, Southeast Asian Ceramics Museum

14. ท้องฟ้าจำลองรังสิต

          ท้องฟ้าจำลองรังสิต หรือศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษารังสิต เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงการศึกษาให้ความรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์ โดยมีการฉายภาพยนตร์ทางวิทยาศาสตร์และการบรรยายดาว เป็นกิจกรรมที่ขึ้นชื่อ ซึ่งจะมีรอบการแสดงทุกวันอังคาร-อาทิตย์ รอบละ 160 ที่นั่ง 45 นาที/รอบ เรื่องที่จัดแสดง อาทิ Origin of life, The Secrets of Gravity, Polaris, Kaluokahina, From Earth to the University, การบรรยายดาว เป็นต้น

          ค่าเข้าชม : คนละ 30 บาท

          ที่ตั้ง : เลขที่ 5หมู่ 2 ตำบลรังสิต อำเภอธัญบุรี

          เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการวันอังคาร-อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) วันอังคาร-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 10.00-15.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 10.00-16.00 น.

          เว็บไซต์และเฟซบุ๊ก : rscience.go.th, ท้องฟ้าจำลองรังสิต

15. บ้าน ๑,๐๐๐ไม้ Cafe' & Farm

          บ้าน ๑,๐๐๐ไม้ Cafe' & Farm เป็นร้านกาแฟเล็ก ๆ ที่มีบรรยากาศน่านั่งพักผ่อน ด้วยร่มรื่นไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ และสวนน่ารัก ๆ มีแปลงผัก บ่อน้ำ นาข้าวเล็ก ๆ ให้ได้มาเดินชมกันชิล ๆ ในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์จะมีการจัดกิจกรรมให้กับเด็ก ๆ ให้ได้มาสนุกสนานกับวิถีชีวิตของเกษตรกรแบบเรียบง่าย สนุกกันได้ทั้งครอบครัว

          ที่ตั้ง : 48/8 หมู่ 6 ตำบลบางเตย อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี

          เวลาเปิด-ปิด : เปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 10.00-17.00 น.

          เฟซบุ๊ก : บ้าน๑,๐๐๐ไม้cafe'&farm

           ปทุมธานี ใกล้กรุงเทพฯ แค่นี้ แล้วยังมีที่เที่ยวให้ได้ไปเช็กอินหลากหลายแบบด้วย วันไหนว่าง ๆ ก็พากันไปเที่ยวได้นะคะ ขับรถแป๊บเดียวก็ถึง วันเดียวเที่ยวได้สบายมาก เป็นตัวเลือกของการพักผ่อนวันหยุดที่ดีทีเดียว :)

ตั๊กออแกไนท์ดอนเมือง รับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ 
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคดอนเมือง
นางรำดอนเมืองเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาดอนเมือง
ดอนเมืองรําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคดอนเมือง
รําบวงสรวงพญานาคดอนเมือง
ฟ้อนบูชาพญานาคดอนเมือง
รําบวงสรวงพญานาคดอนเมือง

  ติดต่อสอบถามเรา        
            


243
พาไปเช็กอิน “จอมทอง” อำเภอนี้ ต้องลองมาเที่ยว

“จอมทอง” ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งอำเภอท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดยอดฮิต จุดเช็คอินที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ต้องมาเที่ยวชมความสวยงามของธรรมชาติ และผ่อนคลายไปกับบรรยากาศที่เงียบสงบ แต่จะมีที่ไหนบ้างที่น่าสนใจ และต้องมาเช็คอิน มาดูไปพร้อม ๆ กันเลย

1.พระธาตุศรีจอมทอง

เริ่มต้นกับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่คู่อำเภอมาอย่างยาวนาน และมีประวัติเล่าขานที่น่ารับชม “พระธาตุศรีจอมทอง” พระธาตุเก่าแก่สวยงาม สีทองเด่นอร่าม (พระธาตุประจำปีชวด) เป็นที่เคารพนับถือของชาวเหนือ ที่ใครผ่านมาที่อำเภอจอมทอง ต้องแวะเข้ามากราบไหว้กันเป็นประจำ

2.อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์

ถ้าหากมาถึงที่อำเภอจอมทองกันแล้วไม่ได้มาเที่ยวเช็คอินที่นี่ เหมือนกับว่ามาไม่ถึง กับจุดเช็คอินท่องเที่ยวยอดฮิตที่มีอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปี “อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์” อุทยานท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดเชียงใหม่ ที่จะทำให้คุณได้เพลินตาไปกับธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ พร้อมถ่ายรูปกับป้าย “จุดสูงสุดแดนสยาม” ไว้เป็นที่ระลึก

3.บ้านแม่กลางหลวง

สัมผัสบรรยากาศของวิวทิวทัศน์ทุ่งนาขั้นบันได ที่เรียงรายสวยงามลงเป็นขั้น ๆ ท่ามกลางความเงียบสงบ ณ “บ้านแม่กลางหลวง” หรือที่รู้จักคุ้นหูกันดีในชื่อ “แม่กลางหลวง” สถานที่ท่องเที่ยวที่จะทำให้คุณได้ผ่อนคลายกับธรรมชาติ และเพลินตาไปกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ท่ามกลางอากาศที่เย็นสบาย

4.นาขั้นบันไดบ้านผาหมอน

เพลินตา สบายใจไปกับนาขั้นบันไดที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดของอำเภอจอมทอง “บ้านผาหมอน” เป็นหมู่บ้านกลางหุบเขาที่ถูกโอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ เงียบสงบ และโดดเด่นด้วยนาขั้นบันไดที่เรียงรายสวยงาม พร้อมบ้านพักของชุมชนให้ได้มาพักแรม ชมบรรยากาศความสวยงามของธรรมชาติที่นี่อย่างใกล้ชิด

5.น้ำตกแม่กลาง

“น้ำตกแม่กลาง” แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ จุดแวะเที่ยวเล่นน้ำผ่อนคลาย ก่อนเข้าสู่ภายในอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ สัมผัสสายน้ำอันเย็นฉ่ำที่ตกผ่านหน้าผาขนาดใหญ่ สวยงาม ไหลลงมาสู่แอ่งน้ำขนาดใหญ่ ให้ได้มานั่งเล่นน้ำ แช่น้ำ และที่สำคัญมีน้ำไหลตลอดทั้งปี


6.น้ำตกแม่ยะ

ชมความสวยงามของสายน้ำที่ไหลลงมาจากด้านบน เป็นสายน้ำที่ไหลลงมาเป็นแบบขั้นบันได จนได้ขนานนามว่าเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดแห่งอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ และเป็นน้ำตกที่สวยเป็นอันดับต้น ๆ ในประเทศไทย กับชื่อที่คุ้นหูกันเป็นอย่างดี “น้ำตกแม่ยะ” น้ำตกขนาดใหญ่ ไหลลดหลั่นลงมาประมาณ 30 ชั้น ให้คุณได้มาเที่ยวชมละอองน้ำที่กระจายสวยงาม และเป็นม่านน้ำในช่วงหน้าฝน รอบข้างเป็นป่าไม้พรรณไม้ร่มรื่นเหมาะสำหรับการไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ

7.น้ำตกแม่เตี๊ยะ

เที่ยวชมความอลังการของน้ำตกกลางป่าลึก ขนาด 4 ชั้น “น้ำตกแม่เตี๊ยะ” น้ำตกขนาดใหญ่ และสวยงาม ตั้งอยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติออบหลวง รอบข้างรายล้อมไปด้วยต้นไม้ที่อุดมสมบูรณ์ ให้บรรยากาศที่สุดแสนร่มรื่น และให้คุณได้เพลิดเพลินไปกับสายน้ำที่ชุ่มฉ่ำใจ

8.เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน

จุดท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อ และโด่งดังที่สุดภายในอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ “เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน” จุดชมวิวทิวทัศน์ที่จะทำให้คุณได้ฟิน อิน ธรรมชาติ กับเส้นทางธรรมชาติระยะทาง 3 กิโลเมตร เต็มอิ่มไปด้วยความสวยงาม เดินรับสายลมเย็น ๆ ชมวิวทิวทัศน์ ถ่ายรูป สูดอากาศบริสุทธิ์กันให้ชุ่มฉ่ำปอด

9.ดอยผาตั้ง

สัมผัสธรรมชาติ รับชมความสวยงามของสายหมอก ทิวเขา และวิวทิวทัศน์สีเขียว ๆ ที่อุดมสมบูรณ์บน “ดอยผาตั้ง” สถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งภายในอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เต็มเปี่ยมไปด้วยธรรมชาติ และความเงียบสงบ รวมไปสถานที่ท่องเที่ยวอย่าง “ม่อนน้องแกะ” สุดน่ารัก ขนนิ่ม ๆ ให้ได้มาเล่น มาถ่ายรูปกันอย่างใกล้ชิด และที่นี่ยังถือได้ว่าเป็นจุดชมวิวดอกพญาเสือโคร่งที่ขึ้นชื่อกันอีกด้วย

10.ทุ่งดอกไฮเดรนเยีย บ้านขุนแปะ

เพลินตาไปกับดอกไม้สีสันสวยงาม ท่ามกลางอากาศที่เย็นสบาย ภายใน “โครงการหลวงขุนแปะ” ชมความสวยงามของ “ดอกไฮเดรนเยีย” ที่บานสะพรั่งไปทั่วทุ่งแบบไม่ต้องไปไกลถึงเวียดนาม แค่มาที่อำเภอจอมทองก็ฟินแล้ว

ตั๊กออแกไนท์จอมทอง รับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ 
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคจอมทอง
นางรำจอมทองเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคจอมทอง
จอมทองรําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคจอมทอง
รําบวงสรวงพญานาคจอมทอง
ฟ้อนบูชาพญานาคจอมทอง
รําบวงสรวงพญานาคจอมทอง

  ติดต่อสอบถามเรา        
            


244
เที่ยวมีนบุรี เดินเพลิน ๆ ตลาดน้ำ พร้อมเสพความรู้ในพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น

วันนี้ก็มาถึงคิวของย่านมีนบุรี กันบ้างค่ะ ซึ่งก็มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจซ่อนตัวอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน จะมีที่ไหนบ้าง ตามไปดูกัน

1. ตลาดน้ำขวัญ เรียม

          ตลาดน้ำขวัญ เรียม เป็นตลาดน้ำที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ตั้งอยู่ริมคลองแสนแสบ ช่วงระหว่างวัดบำเพ็ญเหนือและวัดบางเพ็งใต้ มีการจัดตลาดให้มีบรรยากาศย้อนยุค ผสมผสานกับความทันสมัยนิด ๆ แต่ยังคงกลิ่นอายของความเป็นพื้นบ้านแบบไทย ๆ พร้อมทั้งยังมีการจำลองชีวิตของชุมชนริมฝั่งคลอง ทั้งการตักบาตรพระสงฆ์ทางเรือ การทอดผ้าป่าทางน้ำ และการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย

          ส่วนใครที่ชอบกินอาหารพื้นบ้านอร่อย ๆ ราคาย่อมเยา ที่นี่ก็มีร้านค้ามากกว่า 50 ร้าน ให้ได้เดินเลือกซื้อกินกันอย่างจุใจ ทั้งบนบกและในน้ำ เหมาะที่จะมาเที่ยวพักผ่อนในวันหยุด

          เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 07.00-18.00 น. ตักบาตรทางเรือเริ่มเวลา 07.30-08.00 น.
          เฟซบุ๊ก : ตลาดน้ำขวัญ เรียม

2. วัดบำเพ็ญเหนือ และวัดบางเพ็งใต้

          วัดบำเพ็ญเหนือ และวัดบางเพ็งใต้ ตั้งอยู่ริมฝั่งคลองแสนแสบ เป็นวัดสำคัญในเขตมีนบุรี โดยวัดบำเพ็ญเหนือ จะตั้งอยู่ทางฝั่งซอยเสรีไทย 60 ส่วนวัดบางเพ็งใต้ ตั้งอยู่ทางฝั่งซอยรามคำแหง 187 ทั้งสองวัดสร้างมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 มีพระอุโบสถที่สวยงาม พร้อมทั้งสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่าง หนึ่งในนั้นก็คือ ตลาดน้ำขวัญ เรียม ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งคลองแสนแสบในเขตของทั้ง 2 วัด เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวชมวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์

3. พิพิธภัณฑ์เรือจิ๋ว

          พิพิธภัณฑ์เรือจิ๋ว ตั้งอยู่เลขที่ 2/173-175 หมู่บ้านบัวขาว ซอย 22 ถนนสุขาภิบาล 3 เป็นสถานที่จัดแสดงเรือจำลองขนาดเล็ก ซึ่งมีหลากหลายแบบ ทั้งเรือไทยและต่างชาติ เช่น เรือสำเภาจีน, เรือใบ, เรือกระแชง, เรืออีโปง และเรือเสด็จประพาสต้น พร้อมทั้งยังเปิดให้นักท่องเที่ยวชมอู่ต่อเรือ และสาธิตการทำเรือจิ๋วด้วย

          เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้เข้าเที่ยวชมทุกวันจันทร์-เสาร์ (ปิดวันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์) ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น.
          เฟซบุ๊ก : พิพิธภัณฑ์เรือจิ๋ว

4. พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นเมืองมีนบุรี

          พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นเมืองมีนบุรี ตั้งอยู่บนถนนสีหบุรานุกิจ ภายในบริเวณสํานักงานเขตมีนบุรี มีลักษณะเป็นอาคารไม้สักทั้งหลัง สถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างสมัยกรุงธนบุรีและกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ชื่อเต็มของที่นี่คือ พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นเมืองมีนบุรี เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ซึ่งได้รับพระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

          ด้านในของพิพิธภัณฑ์จัดแสดงวัตถุ สิ่งของ เอกสาร ศิลปวัฒนธรรม และข้อมูลวิถีชีวิต ภูมิปัญญาท้องถิ่น และประวัติความเป็นมาของเมืองมีนบุรีจากอดีตถึงปัจจุบัน โดยมีส่วนจัดแสดงเฉลิมพระเกียรติที่มีเก้าอี้ที่ประทับของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อคราวที่เสด็จมาเยือนตั้งอยู่ด้วย

          เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น.
          เฟซบุ๊ก : พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นเมืองมีนบุรี


5. ตลาดนัดจตุจักร 2 เมืองมีนบุรี

          ตลาดนัดจตุจักร 2 หรือตลาดเมืองมีน ตั้งอยู่บริเวณริมถนนสีหบุรานุกิจ มีลักษณะเป็นตลาดซื้อ-ขายสินค้าเหมือนกับที่ตลาดนัดจตุจักร บริเวณสวนจตุจักร เต็มไปด้วยสินค้าครบครัน ทั้งเสื้อผ้าแฟชั่น รองเท้าแฟชั่น กระเป๋า เครื่องประดับ สินค้ามือสอง ต้นไม้ สัตว์เลี้ยง อุปกรณ์ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมไปถึงอาหารและเครื่องดื่มมากมาย ราคาไม่แพง

          เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00-21.00 น.

6. สวนบึงกระเทียม

          สวนบึงกระเทียม ตั้งอยู่บริเวณริมถนนหม่อมเจ้าสง่างาม สุประดิษฐ์ มีลักษณะเป็นสวนสาธารณะริมคลองบางชัน ซึ่งจัดตกแต่งให้เป็นสวนหย่อมบรรยากาศร่มรื่น มีไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ไม้ดอกไม้ประดับ ไม้พุ่มเล็ก และไม้คลุมดิน โดยรอบพื้นที่กว่า 82 ไร่ และยังออกแบบให้มีเส้นทางวิ่งออกกำลังกาย พร้อมทั้งมีอุปกรณ์ออกกำลังกาย และห้องน้ำไว้รองรับประชาชน

          เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 06.00-20.00 น.

7. ตลาดเก่ามีนบุรี และชุมชนมีนบุรีอุปถัมภ์

          ตลาดเก่ามีนบุรี เป็นตลาดดั้งเดิมของชาวมีนบุรี จะอยู่บริเวณริมถนนสีหบุรานุกิจ ในโซนนี้จะมีสินค้าจำหน่ายมากมาย ทั้งของสด ของแห้ง ผัก-ผลไม้นานาชนิด รวมทั้งของกินอีกหลากหลายประเภท นอกจากโซนนี้แล้วก็ยังมีโซนที่เป็นตลาดเก่าดั้งเดิม ซึ่งจะตั้งอยู่ริมคลองแสนแสบ แต่ได้ถูกไฟไหม้ไป จึงย้ายตลาดไปอยู่ยังที่ตั้งปัจจุบัน

          ตลาดเก่าดั้งเดิมจะมีศาลเจ้าสไตล์จีนสวยงามเป็นแลนด์มาร์กสำคัญ พร้อมทั้งมีเรือนแถวไม้แบบโบราณให้ได้เดินเที่ยวชม สามารถมาเดินเที่ยวถ่ายรูปชิค ๆ ได้ตลอดทั้งวัน

8. สวนเฉลิมพระเกียรติ ร.9

          ตั้งอยู่ใกล้กับโรงเรียนมีนบุรี หน้าเขตมีนบุรี ตรงข้ามศาลจังหวัดมีนบุรี เป็นสวนสาธารณะบรรยากาศร่มรื่น เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่มากมาย พร้อมกับมีเส้นทางเดิน-วิ่ง และออกกำลังกาย รวมทั้งพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อนหย่อนใจ มีสิ่งสำคัญภายในสวน คือ พระบรมรููปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่จัดสร้างขึ้นเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2530 เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 5 รอบของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

          เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้เข้าเที่ยวชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-20.00 น.

9. Cafe du Coq
         Cafe du Coq ตั้งอยู่ในซอยร่มเกล้า 8/1 เป็นร้านกาแฟบรรยากาศดีอีกหนึ่งแห่งของเขตมีนบุรี ร่มรื่นไปด้วยสวนสีเขียว ประดับประดารอบ ๆ ร้านไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่มากมาย ให้ความรู้สึกสดชื่น ผ่อนคลาย และน่านั่งพักผ่อนระหว่างวัน มีที่นั่งให้ลูกค้าเลือกชิลทั้งด้านนอกและภายในห้องปรับอากาศ ในส่วนของกาแฟสด ก็อร่อยเข้มข้น ถูกใจคอกาแฟแน่นอน และยังมีเครื่องดื่มอื่น ๆ ให้เลือกลิ้มลอง พร้อมทั้งมีเค้กและขนมหวานพร้อมเสิร์ฟอีกหลากหลายเมนู

          เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 11.00-20.00 น.
          เฟซบุ๊ก : Cafe du Coq

10. ARABIA COFFEE

ตั๊กออแกไนท์คันนายาว รับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ 
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคคันนายาว
นางรำคันนายาวเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคคันนายาว
คันนายาวรําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคคันนายาว
รําบวงสรวงพญานาคคันนายาว
ฟ้อนบูชาพญานาคคันนายาว
รําบวงสรวงพญานาคคันนายาว

  ติดต่อสอบถามเรา        
            


245
รวมที่เที่ยวกรุงเทพฯ หลากหลายรสชาติ

วันนี้เราจึงได้รวบรวม 12 ที่เที่ยวกรุงเทพฯ 2016 ที่น่าสนใจมาไว้ให้ที่นี่แล้ว ไม่ต้องไปไกลถึงต่างจังหวัดก็สามารถที่จะเพลิดเพลินได้ จะมีที่ไหนที่น่าสนใจบ้าง...ไปดูกัน

1. Habito Mall

          ฮาบิโตะ มอลล์ (Habito Mall) เป็นคอมมูนิตี้มอลล์แห่งใหม่ในย่านสุขุมวิท 77 ซึ่งมีคอนเซ็ปต์ที่แตกต่างจากคอมมูนิตี้มอลล์ทั่วไป ด้วยการให้ที่นี่เป็นเสมือนดั่งส่วนหนึ่งของชีวิต คุณสามารถที่จะมาใช้ชีวิตและทำกิจกรรมต่าง ๆ บนพื้นที่แห่งนี้ได้ตลอดทั้งวัน ตั้งแต่เช้ายันเย็น มีร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ และร้านค้าคุณภาพดีมากมายที่พร้อมให้บริการที่นี่ อีกทั้งยังมีพื้นที่ Co-Working Space สุดกว้างใหญ่ให้มาปล่อยไอเดียกันอย่างจุใจ ไม่ว่าจะวันไหน ๆ ที่นี่ก็สามารถเที่ยวได้อย่างมีความสุข

          ที่ตั้ง : ถนนสุขุมวิท 77 ซอยอ่อนนุช 1/1 แขวงพระโขนงเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
          เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-22.00 น.
          เว็บไซต์และเฟซบุ๊ก : sansiri.com, เฟซบุ๊ก Habito Mall

2. โครงการป่าในกรุง

          อยู่กรุงเทพฯ ก็ไปสูดอากาศบริสุทธิ์ให้ชุ่มปอดได้ที่โครงการป่าในกรุง บริเวณถนนสุขาภิบาล 2 ซึ่งเป็นโครงการของกลุ่ม ปตท. ที่จะพัฒนาและส่งเสริมพื้นที่สีเขียวในเขตเมือง โดยรอบพื้นที่กว่า 12 ไร่ของโครงการนี้ เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่นานาชนิด มีทั้งไม้ยืนต้น ไม้พุ่ม และไม้พื้นล่าง อาทิ กรวยป่า กระเจียว ขันทองพยาบาท พระเจ้าห้าพระองค์ แคแสด จันทน์ชะมด ชุมแสง ชำมะเลียง เต็งรัง ตะเคียนทอง มะกอกน้ำ มะเม่า สะตือ นุ่น สมพง ยางนา เหียง ฉนวน จัน-อิน สมอไทย ทองพันช่าง เป็นต้น

          ทุกต้นได้รับการดูแลรักษาอย่างดี ทำให้ที่นี่โอบล้อมไปด้วยสีเขียว บรรยากาศเย็นสบาย มีหนองน้ำให้ความเย็นสดชื่น นักท่องเที่ยวจะได้เดินไปบนทางเดินลอยฟ้า (Sky Walk) เพื่อชื่นชมความงดงามโดยรอบพื้นที่และสูดอากาศอันสดชื่น มีหอคอยให้ขึ้นไปชมวิวมุมสูง พร้อมทั้งอาคารพิพิธภัณฑ์ให้ความรู้อีกด้วย

          ที่ตั้ง : เลขที่ 81 ถนนสุขาภิบาล 2 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กรุงเทพฯ
          เวลาเปิด-ปิด : ตั้งแต่เวลา 09.00-18.00 น. ปิดทุกวันจันทร์ (ยกเว้นตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์)
          โทรศัพท์ : 0 2136 6380
          เว็บไซต์และเฟซบุ๊ก : pttreforestation.com, เฟซบุ๊ก โครงการป่าในกรุง ปตท.

3. บ๊าวซ์ ไทยแลนด์ (Bounce Thailand)

          บ๊าวซ์ ไทยแลนด์ พื้นที่ที่จะไม่ปล่อยให้คุณได้ยืนอยู่กับที่นิ่ง ๆ การวิ่งและกระโดดเท่านั้นที่จะทำให้คุณได้สนุกสนานอย่างเต็มที่ภายในอารีน่าที่มีแทรมโพลีน หรือบอร์ดสปริงเชื่อมต่อกันไปมากว่า 100 ผืน ซึ่งมีสีสันสดใสสวยงาม กระตุ้นอะดรีนาลินในร่างกายให้พุ่งปรี๊ดขึ้นไปอีกเท่าตัว

          กิจกรรมสุดมันที่จะสร้างสรรค์ขึ้นบนพื้นที่แห่งนี้มีให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการบ๊าวซ์ตีลังกาข้ามแทรมโพลีน การเล่นสแลมดังก์ การวิ่งขึ้นกำแพง การแข่งดอดจ์บอล เป็นต้น ใครอยากได้เหงื่อเพราะการออกกำลังกายที่ไม่ซ้ำจำเจ ต้องพุ่งตัวไปที่นี่เลย

          ที่ตั้ง : ชั้น 5 ศูนย์การค้าเดอะสตรีท รัชดา ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ
          เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-22.00 น.
          โทรศัพท์ : 0 2014 2446
          เว็บไซต์และเฟซบุ๊ก :  bounceinc.co.th, เฟซบุ๊ก Bounce Thailand

4. ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพฯ (Bangkok Planetarium)

          กลับมาครั้งใหม่สวยงามอลังการสุด ๆ สำหรับท้องฟ้าจำลอง สถานที่ที่จะทำให้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ได้สนุกไปกับการเที่ยวในจักรวาลอันกว้างใหญ่ โดยเฉพาะในห้องฉายดาว ที่ได้มีการปรับโฉมใหม่จนไฉไลและน่าทึ่งมาก ๆ โดยมีลักษณะเป็นโดมคล้ายท้องฟ้าจริง สามารถฉายดาวต่าง ๆ รวมทั้งดาวเคราะห์ในระบบสุริยะจักรวาลได้อย่างครบถ้วน ผู้ชมจะได้เห็นท้องฟ้าจำลองในรูปแบบที่สวยงามแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยทีเดียว

          นอกจากนี้ยังมีการแสดงมหัศจรรย์แห่งแสงออโรร่า ซึ่งเป็นการแสดงที่ให้ความรู้เกี่ยวกับแสงออโรร่าหรือแสงเหนือแสงใต้อันงดงามอีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้นภายในศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาแห่งนี้ยังมีนิทรรศการอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นมหัศจรรย์ชีวิตในสายน้ำ, นิทรรศการไดโนเสาร์, โลกของแมลง, นิทรรศการเมืองเด็ก, นิทรรศการแสงอาทิตย์ เป็นต้น

          ที่ตั้ง : 928 ถนนสุขุมวิท เขตคลองเตย กรุงเทพฯ
          เวลาเปิด-ปิด : ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. ปิดทุกวันจันทร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์
          โทรศัพท์ : 0 2391 0544, 0 2392 0508, 0 2392 1773
          เว็บไซต์และเฟซบุ๊ก : sciplanet.org, เฟซบุ๊ก ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ - Bangkok Planetarium

5. โพโรโระ อควา พาร์ค กรุงเทพฯ (Pororo Aquapark Bangkok)

          เมืองไทยเป็นเมืองร้อน ยิ่งในกรุงเทพฯ อากาศก็ยิ่งร้อนระอุ เพราะฉะนั้นต้องหาที่คลายร้อนกันสักหน่อย ซึ่งโพโรโระ อควา พาร์ค กรุงเทพฯ (Pororo Aquapark Bangkok) ก็เป็นตัวเลือกที่ดีมาก ๆ ในการไปสลัดความร้อนออกจากร่างกาย ที่นี่เป็นสวนน้ำกลางกรุงและยังเป็นสวนน้ำลอยฟ้าอีกด้วย เพราะตั้งอยู่บนชั้น 6 ของศูนย์การค้าเซ็นทรัล บางนา ครบครันไปด้วยเครื่องเล่นนานาชนิด อีกทั้งยังตกแต่งด้วยธีมของการ์ตูนซีรีส์สุดฮิตของเกาหลีอย่างโพโรโระ เพนกวินป่วนก๊วนขั้วโลก (Pororo the Little Penguin) วันหยุดว่าง ๆ ไปเติมความเย็นชุ่มฉ่ำให้ร่างกายบ้างก็ดีไม่ใช่เลยทีเดียว

          ที่ตั้ง : ชั้น 6 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล บางนา แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพฯ
          เวลาเปิด-ปิด : วันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 10.30-19.00 น., วันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 10.00-19.00 น.
          ค่าบัตรเข้าชม : ผู้ใหญ่ 400 บาท, เด็ก 280 บาท, ผู้สูงอายุ 280 บาท และเด็กต่ำกว่า 90 ซม. ฟรี
          โทรศัพท์ : 0 2745 7377
          เว็บไซต์และเฟซบุ๊ก :  pororoaquapark.com, เฟซบุ๊ก Pororo Aquapark BKK

6. ไดโนซอร์ แพลนเน็ต (Dinosaur Planet)

          ไดโนซอร์ แพลนเน็ต (Dinosaur Planet) ดินแดนสุดตื่นเต้นที่จะพาคุณกลับไปสนุกสนานกับโลกในยุคไดโนเสาร์ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องราวความเป็นมาของไดโนเสาร์อย่างตื่นตาตื่นใจ ด้วยการจัดนิทรรศการที่ผสมผสานเทคโนโลยีสุดทันสมัย แบ่งออกเป็น 7 โซน ได้แก่ Dinosaur District, Stars of Dino, Dino Eye, 4D Deep-World, The Great Volcano & The Extinction Live Show, Raptor X-Treme และ Dino Farm ซึ่งแต่ละโซนจะให้ประสบการณ์ที่แตกต่างกันออกไป

          ใครอยากชมวิวกรุงเทพฯ สวย ๆ ก็ขึ้นไปบน Dino Eye หรือถ้าต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับภูเขาไฟก็ต้องไม่พลาดการแสดง The Great Volcano & The Extinction Live Show แนะนำว่าให้เที่ยวชมทุกจุด แล้วคุณจะได้รับความประทับใจแบบสุด ๆ แน่นอน

          ที่ตั้ง : สุขุมวิท 22 ดิ เอ็มสเฟียร์ แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพฯ
          เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-22.00 น.
          ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 600 บาท, เด็ก 400 บาท, เด็กสูงต่ำกว่า 90 ซม. เข้าฟรี แต่มีค่าบริการ Dino Eye 200 บาท และขี่ไดโนเสาร์ 100 บาท
          โทรศัพท์ : 06 3167 6975 , 06 3162 5830
          เว็บไซต์และเฟซบุ๊ก : dinosaurplanet.net, เฟซบุ๊ก Dinosaur Planet

7. เดอะ สตรีท (The Street) รัชดา

          เดอะ สตรีท (The Street) แหล่งแฮงก์เอาท์สุดฮิปบนถนนรัชดาภิเษก ศูนย์รวมความสนุกสนานของการใช้ชีวิตในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะมากิน ดื่ม เที่ยว ช้อปปิ้ง หรือแม้แต่ออกกำลังกายที่นี่ก็มีหมด พบกับร้านอาหาร ร้านกาแฟ หลากหลายแบบ ทั้งอาหารไทยและอาหารนานาชาติ นอกจากนี้ยังมีร้านค้าแฟชั่นอีกกว่า 200 ร้านให้เลือกเดินช้อปปิ้งกันอย่างจุใจ ไม่ถูกใจก็เดินวนไป รับรองมีแบบที่สวยและโดนใจแน่นอน

          ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เพราะที่นี่ยังมีบ๊าวซ์ ไทยแลนด์ (Bounce Thailand) สถานที่ออกกำลังกายสุดชิค ที่จะไม่ทำให้คุณได้อยู่นิ่ง ๆ คุณจะได้ทั้งกระโดดไปมา หรือจะปีนป่ายหน้าผา ก็เลือกเอาตามที่ใจชอบได้เลย ที่สำคัญร้านค้าร้านอาหารบางแห่งยังเปิด 24 ชั่วโมงอีกด้วย

          ที่ตั้ง : 139 ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ
          เวลาเปิด-ปิด : ร้านค้าส่วนใหญ่เปิดตั้งแต่เวลา 10.00-22.00 น. บางร้านเปิดตลอด 24 ชั่วโมง
          เว็บไซต์และเฟซบุ๊ก : thestreetratchada.com, เฟซบุ๊ก The Street Ratchada

8. The Commons ทองหล่อ

       ไม่ว่าทองหล่อจะวุ่นวายสักแค่ไหน ก็ยังมีที่พักใจสุดเงียบสงบอย่างเดอะ คอมมอนส์ (The Commons) ไว้รอต้อนรับตลอดตั้งแต่เช้าจรดเย็น ที่นี่เป็นคอมมูนิตี้มอลล์แบบใหม่ ออกแบบให้พื้นที่โปร่งโล่ง และตกแต่งทุกมุมด้วยต้นไม้สีเขียว คล้ายกับเป็นพื้นที่สวนสวย ๆ หลังบ้านที่มีร้านอาหาร ร้านกาแฟสุดอร่อยมากมายให้เลือกเดินชิมลิ้มรส

          บรรยากาศโดยทั่วไปจึงดูผ่อนคลาย ไม่วุ่นวาย สามารถมานั่งเล่น นั่งพักผ่อน หรือนั่งทำงานได้ตลอดทั้งวัน ถ้าหิวก็แค่เดินเพียงไม่กี่ก้าวก็จะได้กินอาหารสุดอร่อยมากมายหลากหลายเมนู โอ้ว ! แค่นี้ชีวิตก็แฮปปี้แล้ว :)

          ที่ตั้ง : 335 ซอยทองหล่อ 17 ถนนสุขุมวิท 55 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
          เวลาเปิด-ปิด : 08.00-24.00 น.
          เฟซบุ๊ก : เฟซบุ๊ก The COMMONS

9. สวนเพลิน มาร์เก็ต (Suanplern Market)

          สวนเพลิน มาร์เก็ต (Suanplern Market) มาร์เกตมอลล์สุดชิคในย่านพระราม 4 แค่ดีไซน์ภายนอกของอาคารก็ทำให้คนกรุงหลงใหลไปไม่น้อย เพราะออกแบบในสไตล์อินดัสเทรียล ลอฟท์ ให้มีกลิ่นอายของสถานีรถไฟ ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากการที่ที่ตั้งของโครงการเคยมีสายรถไฟสายแรกของประเทศไทยอย่างสายปากน้ำวิ่งผ่าน

          ภายในโครงการยังออกแบบตกแต่งอย่างเรียบง่าย แต่เก๋ไก๋ โปร่งโล่งน่ามาเดินเล่นพักผ่อนสุด ๆ ที่นี่เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ฯลฯ ไว้รอต้อนรับมากมาย จะมาเช้า สาย บ่าย เย็นก็เต็มที่กับชีวิตได้เหมือนกัน

          ที่ตั้ง : 3654 ถนนพระราม4 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพฯ
          เวลาเปิด-ปิด : 09.00-21.00 น.
          โทรศัพท์ : 0 2249 8854
          เฟซบุ๊ก : เฟซบุ๊ก Suanplern Market - สวนเพลิน มาร์เก็ต

10. ณ กรุงเทเวศร์

          ณ กรุงเทเวศร์ เป็นโครงการร้านค้าติดแอร์ และตลาดที่อยู่ท่ามกลางชุมชนเก่าแก่อย่างชุมชนเทเวศร์ ภายในโครงการเต็มเปี่ยมไปด้วยบรรยากาศของอดีตในสมัยรัชกาลที่ 6 ด้วยอาคารต่าง ๆ มีสถาปัตยกรรมตามสมัยนั้น รวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งต่าง ๆ ก็มีกลิ่นอายของอดีตด้วยเช่นกัน และยังมีต้นไม้ร่มรื่นสีเขียวขจี อากาศเย็นสบาย

          เป็นแหล่งช้อปปิ้งสินค้าหลากหลายแบบ ไล่ไปตั้งแต่ของใช้ในบ้าน เสื้อผ้า เครื่องประดับ สินค้าแฟชั่น และอาหารหลากหลายแบบ ณ กรุงเทเวศร์ จึงเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจที่ดีของคนกรุงเทพฯ อีกหนึ่งแห่ง

          ที่ตั้ง : 164-172 ถนนกรุงเกษม แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร กรุงเทพฯ
          เวลาเปิด-ปิด : 09.00-10.00 น.
          โทรศัพท์ : 09 7009 3604
          เฟซบุ๊ก : เฟซบุ๊ก ณ กรุงเทเวศร์

11. เดอะ ไบรท์ (The BRIGHT)

          เดอะ ไบรท์ (The BRIGHT) แหล่งช้อปปิ้งสุดทันสมัยย่านพระราม 2 ที่จะตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ออกแบบอาคารให้ความโดดเด่นทันสมัย โปร่งโล่ง น่าเดินเที่ยวพักผ่อน มีทั้งหมด 4 ชั้น โดยแต่ละชั้นจะเชื่อมต่อกับอาคารจอดรถอันกว้างขวาง

          ภายในอาคารของเดอะ ไบรท์ จะประกอบไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ฯลฯ มากมาย จะอาหารไทย หรืออาหารนานาชาติที่นี่ก็มีให้บริการ บริเวณด้านบนของอาคารยังเป็นพื้นที่สวนสีเขียว จัดไว้เพื่อให้ได้นั่งพักผ่อนกันอีกด้วย

          ที่ตั้ง : 15/6 ถนนพระราม 2 แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ
          เวลาเปิด-ปิด : 10.00-22.00 น.
          เว็บไซต์และเฟซบุ๊ก : thebright.cc, เฟซบุ๊ก THE BRIGHT

12. ชินเซน ฟิช มาร์เก็ต (Shinsen Fish Market)

          ชินเซน ฟิช มาร์เก็ต (Shinsen Fish Market) ตลาดปลาและซีฟู้ดสไตล์ญี่ปุ่นที่เดียวในกรุงเทพฯ ซึ่งมีปลาทะเล ปูทะเล และซีฟู้ด หลากหลายแบบให้เลือกซื้อ มีทั้งแบบสดและแบบแช่แข็ง คัดเลือกคุณภาพมาแล้วอย่างดี ใครที่ชอบทานอาหารทะเลสด ๆ หรือเนื้อปลาดิบสไตล์ญี่ปุ่น สามารถมาเลือกเพื่อไปทำกินเองได้เลย หรือถ้าไม่ถนัดทำกินเอง ที่นี่ก็มีบาร์อาหารพร้อมเสิร์ฟไว้บริการด้วย นอกจากนี้ที่นี่ยังมีผัก-ผลไม้คุณภาพพรีเมียมไว้จำหน่ายอีกด้วย

          ที่ตั้ง : 163/6 ซอยสุขุมวิท 39 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
          เวลาเปิด-ปิด : 11.00-22.00 น.
          โทรศัพท์ : 0 2260 6522
          เฟซบุ๊ก : เฟซบุ๊ก Shinsen Fish Market

          เช็กลิสต์แล้วยังมีที่ไหนที่ยังพลาดไปหรือเปล่าคะ ถ้ายังมีสถานที่ไหนยังไม่ได้ไปเดินเที่ยว วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ว่าง ๆ ลองไปเดินเล่น พักผ่อนสมองกันนะคะ ไปต้องไปไกลถึงต่างจังหวัด ก็ผ่อนคลายได้เหมือนกัน :)
หมายเหตุ : ข้อมูลและราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาตรวจสอบอีกครั้ง ข้อมูล ณ วันที่ 15 สิงหาคม 2559

ตั๊กออแกไนท์เขตคลองเตย รับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ 
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคเขตคลองเตย
นางรำเขตคลองเตยเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคเขตคลองเตย
เขตคลองเตยรําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคเขตคลองเตย
รําบวงสรวงพญานาคเขตคลองเตย
ฟ้อนบูชาพญานาคเขตคลองเตย
รําบวงสรวงพญานาคเขตคลองเตย

  ติดต่อสอบถามเรา        
            


246
คลองสามวา / สถานที่ท่องเที่ยว คลองสามวา
« เมื่อ: กันยายน 01, 2021, 01:36:25 AM »
สถานที่ท่องเที่ยว คลองสามวา

Check in 1  วัดโฝวกวงซัน

เริ่มกันที่สายบุญก่อน มุ่งไปที่ “ สถาบันพุทธศาสนา เถรวาทมหายาน วัดโฝวกวงซัน คู้บอน ” เป็นวัดสาขาจากไต้หวัน ตั้งอยู่ที่ถนนคู้บอน เขตคลองสามวา กรุงเทพ ภายในศาสนสถานกว้างขวาง ตัวอาคารงดงามอลังการด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมตามแบบฉบับวัดทางไต้หวัน มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเทพหลายองค์ให้กราบไหว้ขอพร ทั้งรูปหล่อพระพุทธเจ้าซึ่งเป็นพระประธานทั้ง 3 พระองค์ สักการะพระแม่กวนอิมองค์ใหญ่ ขอพรเหล่าเทพเทวาสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคล เป็นสถานที่ปฎิบัติธรรมและพักผ่อนหย่อนใจ รวมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยงที่สวยงามน่าสนใจ ที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพอีกแห่งหนึ่งด้วย

สำหรับการเดินทางปักหมุดโดยใช้ google maps พิมพ์ว่า “สถาบันพุทธศาสนาเถรวาท-มหายาน โฝวกวงวัน ” วัดไม่ได้ปิดนะคะ แค่ประตูใหญ่ด้านหน้าจะปิดไว้เท่านั้นเองคนส่วนใหญ่เลยเข้าใจว่ายังไม่เปิด ให้เข้าประตูถัดไปที่มีป้อมร ป ภ ตรวจนะคะ สามารถนำรถเข้าไปจอดในวัดได้เลย ภายในสถานที่ได้ออกแบบพุทธวิหารทั้งหมดเป็นศิลปะแบบไต้หวัน​ผสมผสานจีน ประกอบไปด้วย พระอุโบสถ วิหารพระอวโลกิเตศวร เจดีย์พุทธรังษี ห้องวิปัสสนา หอฉัน ห้องเรียนพุทธศาสนา ห้องประชุม เรือนรับรอง กุฏิพระ หอพระไตรปิฎก (ห้องสมุด) หอระฆัง และหอกลอง เป็นต้น รวมทั้งลานจอดรถและสวนดอกไม้ เมื่อเข้าไปข้างในให้ความรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในประเทศจีน หรือไต้หวัน บรรยากาศคล้ายกำลังเดินเข้าไปในพระราชวัง

อาคารทั้งหมดวางผังเป็นสี่เหลี่ยม มีทางเดินหินอ่อนไปจนถึงตัวบันไดเข้าสู่ตัวพระอุโบสถ ตกแต่งประดับประดาอย่างสวยงามอลังการ ประดับด้วย หินขัด หินแกะสลัก ไม้แกะสลักพระพุทธรูปเป็นจำนวนมาก บริเวณด้านหน้ามีกำแพงหินแกะสลักลวดลายมังกรที่อ่อนช้อยสวยงาม

ภายในอาคารโอ่อ่า ประดิษฐานรูปหล่อพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นองค์พระประธานทั้งสามองค์ สีทองสวยงามอร่ามตา รวมทั้งมีลวดลายแกะสลักอันอ่อนช้อยของเจ้าแม่กวนอินประดับบนกำแพงขนาบข้างองค์พระ

จากนั้นเดินไปต่อยัง อาคารที่ประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่สูงตระหง่าน สีทองโดดเด่น สง่างาม รอบอาคารตกแต่งสวนแบบจีน รวมถึงมีรูปปั้นเทพจีนประดับรอบอาคาร เป็นการเดินชมวัดแบบจีนที่ให้ความรู้สึกตื่นตาตื่นใจ และที่สำคัญนักท่องเที่ยวไม่เยอะมาก และไม่มีคณะทัวร์จีนเยอะ เดินเที่ยวชมบรรยากาศ ถ่ายรูปได้แบบสบายๆ

ใต้เจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่เป็นอาคารประดิษฐานรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม 4 ปาง  ทั้ง ปรางค์ประธานบุตร ปางประทานพร ปางประทานทรัพย์ และปางประธานโชคลาภ เปฌนอีกหนึ่งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์​ พื้นที่กว้างขวางสงบเงียบ มีสถาปัตยกรรมรวมทั้งประติมากรรมที่สวยงามอลังการ รวมทั้งเทพเจ้าจีนหลายองค์ให้กราบไหว้​ขอพร ที่สำคัญอยู่ในกรุงเทพ โซนคู้บอน รามอินทรา ไม่ต้องใช้เวลาเดินทางมาก 

Check in 2   Swai คาเฟ่ สไตล์อิงลิชคอทเทจ

ต่อด้วยนั่งพักจิบเครื่องดื่มดีๆ  ที่ Swai café (สไว) พิกัดตั้งอยู่ในโครงการบ้าน เป็นร้านเล็กๆสไตล์อิงลิชคอจเทจ  ตกแต่งโทนสีฟ้าขาวแบบพาสเทลรายล้อมด้วยสวย ร่มรื่น มีบึงบัวขนาบข้าง มาพร้อมกับเครื่องดื่มและเมนูของหวาน ที่บอกได้เลยว่า รสชาติดีมาก เป็นความอร่อยที่เกินความหมายที่แท้ทรู ไม่ได้คิดว่าจะมีคาเฟ่น่ารัก แถมเครื่องดื่มดี ซุกซ่อนอยู่ในบริเวนทางเข้าหมู่บ้านย่านคลองสามวาด้วย  แถมเจ้าของร้านน่ารัก บริการดีเยี่ยม

ภายนอกร้านกว้างขวางเป็นที่นั่งแบบเอาท์ดอร์ บรรยากาศกลางสวนสีเขียว มองเห็นบึงบัวที่อยู่บริเวณด้านข้าง มีมุมให้เลือกนั่งหลายมุม

ส่วนภายในร้านเป็นแบบห้องแอร์ ให้ความรู้สึกอบอุ่นสบายตา ด้วยเฟอร์นิเจอร์มไม้สีขาว มีโต๊ะนั่งแบบเคาน์เตอร์บาร์สุดเก๋ ริมหน้าต่างกระจกที่สามารถมองเห็นวิวสวนข้างนอกได้  ทางร้านมีจำหน่ายสินค้าออแกนิคด้วย ทั้ง ไข่ไก่ และผัก  ราคาไม่แพง สามารถอุดหนุนกลับบ้านกันได้

เมนูของร้านเน้นเครื่องดื่มและของหวาน แนะนำต้องสั่ง โรตีวัฟเฟิล มีให้เลือกท๊อปปิ้งหลายแบบ ทั้งนมน้ำตาล  นมโอวัลติน แป้งกรอบมากทานเพลิน เพิ่งเคยทานจากทีนี่ครั้งแรก ที่นำแป้งโรตีมาประกอบร่างให้หน้าตาเหมือนวัฟเฟิล ติดดาวความอร่อยแบบสิบ สิบ ส่วนเครื่องดื่มสำหรับคนที่ไม่โปรดกาแฟล้วนแบบเราสั่ง กาแฟส้ม รสชาติดีอีกเช่นกัน ทางร้านใช้น้ำส้มแท้ผสมกับกาแฟที่ไม่เข้มและได้กลิ่นกาแฟแรงจนเกินไป ทานแล้วรสชาติกำลังพอดี เป็นครั้งแรกที่ทานเครื่องดื่มนี้แล้วไม่รู้สึกแบบอึนและเวียนหัว

สไวคาเฟ่

241 ถนนไทยรามัญ คลองสามวา กรุงเทพ

เปิดให้บริการ อังคาร – อาทิตย์ (หยุดทุกวันจันทร์ ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์) ตั้งแต่เวลา 07:30 น.- 18:00 น.

เฟสบุค คลิ๊ก สไวคาเฟ่

Check in 3  วิหารเสด็จพ่อพระศิวะ

กลับมาที่สายบุญต่อที่  วิหารเสด็จพ่อพระศิวะ ตั้งอยู่ในซอย คู้บอน 27  รามอินทรา 71 กม.8 เป็นศาสนสถานที่เงียบสงบและงดงามประดิษฐานเทวรูปองค์พระมหาศิวะเทพองค์ใหญ่สีทองอลังการ  อีกทั้งยังเป็นที่ประดิษฐานเหล่ามหาเทพ และเทพพรหมต่าง ๆ มากมาย
เมื่อไปถึงในพื้นที่อันดับแรก คือ เข้าไปไหว้องค์เทพ สามารถซื้อของบูชาด้านหน้าชุดละ 200 บาท โดยเริ่มจากขอพรพระศิวะ พระเเม่กวนอิม และพระประจำวันเกิด  นอกจากนี้ยังมีองค์เทพอีกมากมาย ทั้ง พระพิฆเนศ พระแม่กาลี พระราม พระลักษมณ์ รวมถึงเทพของพม่าอย่างเทพทันใจ
จากนั้นเดินไปยังวิหาร จะผ่านสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่มีความงดงามตามแบบฉบับของอินเดีย มีรูปปั้นช้าง 2 ตัวและองค์เทพ สระน้ำรวบรวมเอาน้ำจากแหล่งกำเนิด 3 ที่ ได้แก่ คือ น้ำจากเขาไกรลาศ จากสุวรรณวิหาร เมืองอมฤตสา และจากแม่น้ำคงคา เมืองพาราณสี

ขึ้นไปยังชั้นสองของวิหารจะเจอกับรูปปั้นองค์เทพพระศิวะ และพระแม่อุมา ให้กราบไหว้ขอพร   จากจุดนี้เดินไปยังอาคารที่ประดิษฐานพระศิวะองค์ใหญ่ ขนาดหน้าตักกว้าง 9.99 เมตร และมีความสูง 16 เมตร ยิ่งมาในช่วงบ่ายแก่ๆ ยามที่มีแสงแดดส่องกระทบองค์พระศิวะยิ่งเพิ่มความมีมนต์ขลังและศักดิ์สิทธิ์

ก่อนกลับแวะไปอีกบริเวณหนึ่งเป็นที่ประดิษฐานมหาโพธิสัตว์กวนอิม หน้าตักกว้าง 18 เมตร สูง 21 เมตร พร้อมด้วยเทวรูปสาวกเจ้าชาย-เจ้าหญิง ซึ่งมีความสูง 11 เมตร แต่ยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง วิหารเสด็จพ่อพระศิวะ ศาสนสถานอันศักดิ์สิทธิ์และสงบร่มรื่น  ให้ทุกคนที่มาเยือนเกิดความรู้สึกได้รับความสุขกาย สบายใจกลับไป

Check in 4  Lowbattery  คาเฟ่ สไตล์มินิมอล

Lowbattery Coffee  คาเฟ่คลุมโทนสีดำ ขาวในสไตล์มินิมอลที่มีความคูลสุดๆ พิกัดอยู่ในซอยคู้บอน 26 ถนนรามอินทรา ร้านตั้งอยู่เลยจากปากซอยมาเล็กน้อย หน้าร้านมีพื้นที่ไม่มาก แต่สามารถไปจอดรถเลียบถนนในซอยแล้วเดินมานิดหน่อย ตัวร้านเป็นทรงสีเหลี่ยมสีดำแบบเรียบๆแต่เก๋ ด้านหน้ามีชื่อและสัญลักษณ์ของร้านเป็นรูป Lowbattery สีขาวแดง ตัดกับพื้นสีดำ เป็นจุดถ่ายภาพจุดแรกที่ทุกคนต้องหยุดแชะภาพ

เข้ามาถึงเคาน์เตอร์สั่งเครื่องดื่มและขนมได้เลยค่ะ สั่งแล้วจ่ายเงินรับกริ่งสัญญาณแจ้งเตือนเมื่อออเดอร์ของเราเสร็จแล้ว ระหว่างรอก็เดินถ่ายภาพตามมุมต่างๆได้ ภายในร้านไม่กว้างมาก ข้างในเป็นส่วนของที่นั่ง ซึ่งเป็นอาคารแบบกล่องสี่เหลี่ยม สีขาว

ระหว่างอาคารมีทางเดินเล็กๆเป็นร่องพื้นโรยด้วยหิน สามารถแทรกตัวเข้าไปถ่ายภาพได้ รวมถึงมุมมิมอลกับเจ้าต้นกระบองเพชร เป็นร้านที่ตกแต่งแบบเรียบๆคลุมโทนได้ดี ถ่ายภาพออกมาก็จะแนวๆ หน่อย มีบันไดทางขึ้นไปยังดาดฟ้า ซึ่งเป็นจุดถ่ายภาพฮิตอีกหนึ่งจุด

เมนูของร้านมีทั้งเครื่องดื่มและเบอเกอรี่ และอาหารจานเดียว เครื่องดื่มมีหลายเมนู ทั้ง Black Heaven น้ำมะพร้าวสดตบด้วยช็อตกาแฟนุ่ม ชาออแกนิกเย็น โกโก้ ชาเขียว ชานม ซึ่งมีการดีไซน์เครื่องดื่มแต่ละเมนูได้แปลกใหม่  สั่งโกโก้มินท์ คือ รสชาติดีงาม  โกโก้มีความเข้มข้นได้ความหอมของมินท์เข้าจมูกช่วยให้สุดชื่นไม่น้อย

ตั๊กออแกไนท์คลองสามวา รับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ 
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคคลองสามวา
นางรำคลองสามวาเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคคลองสามวา
คลองสามวารําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคคลองสามวา
รําบวงสรวงพญานาคคลองสามวา
ฟ้อนบูชาพญานาคคลองสามวา
รําบวงสรวงพญานาคคลองสามวา

  ติดต่อสอบถามเรา        
            


247
One Day Trip เที่ยวย่านฝั่งธนบุรี เดินทางสบาย ๆ ด้วยรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวเข้ม และสายสีทอง

1. ตะลุยกินของอร่อยตลาดพลู
          ตลาดพลู ย่านการค้าที่มีความคึกคักมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะเรื่องของอาหารการกินที่หลากหลายเมนูยังคงความอร่อยไว้ไม่เสื่อมคลาย มีนักชิมมากหน้าหลายตาแวะเวียนไปกินเมนูอร่อยกันแทบทุกวัน บางร้านต้องต่อคิวยาวนานก็อดทนยืนรอ เพื่อให้ได้ลิ้มรสเมนูในดวงใจ ซึ่งร้านค้าส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ใหญ่โต เป็นเพียงร้านค้าริมทางที่มีการสืบทอดสูตรกันมารุ่นต่อรุ่น

          เมนูที่น่าสนใจในตลาดพลู เรียกได้ว่าไม่ต้องนับ เพราะเยอะมากจริงๆ เช่น ขนมกุยช่ายแป้นศรี, ข้าวหมูแดงนายอ้า, สุณีข้าวหมูแดง, นิ-อ่าง ไอศกรีมกะทิไข่แข็ง, ขนมไทยโบราณ ปากซอยเทอดไท 25, ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ต.จันทร์เพ็ญ, เย็นตาโฟ, ขนมเค้กโบราณ, หมี่กรอบจีนหลี, เจ๊บิ เปาะเปี๊ยะสด, กระเพาะปลาขันน้ำ, ผัดไทลูกชายบางสะแก, เล็กหงษ์ ข้าวต้มปลา, สรินทร์ทิพย์ ขนมเบื้องไทย, ฉอเล้ง หมี่กระเฉด, หลีเฮง คั่วไก่, กระเพาะปลานายบ๊วย, บะหมี่ตงเล้ง และขนมเบื้องญวนสุอาภา เป็นต้น
การเดินทาง : สามารถเดินทางจากสถานีรถไฟฟ้า BTS ได้ทุกสถานี หากมาจากทางเคหะฯ สุขุมวิท หมอชิต ให้เปลี่ยนเป็นสายสีลม (สายสีเขียวเข้ม) ได้ที่สถานีสยาม จากนั้นลงที่สถานีตลาดพลู
2. อิ่มพุงกางไปกับของกินในตำนานย่านท่าดินแดง
          ถนนท่าดินแดง เป็นถนนที่มีชีวิตชีวามาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ด้วยเป็นจุดเชื่อมต่อของท่าเรือดินแดงริมแม่น้ำเจ้าพระยากับถนนสายหลักอย่างถนนสมเด็จเจ้าพระยา และถนนลาดหญ้า และยังมีตรอกซอกซอยเล็ก ๆ ให้เลี้ยวลัดเลาะไปยังถนนสายอื่น ๆ ได้อีกด้วย พร้อมทั้งยังมีร้านค้า ร้านอาหารอร่อยเด็ดมากมาย จึงทำให้ย่านนี้ไม่เคยหลับใหล ผู้คนต่างแวะเวียนมาลิ้มลองของอร่อยกันทุกวัน

          ร้านอาหารท่าดินแดงที่อยู่ในลิสต์ไม่ควรพลาด เช่น บะหมี่ท่าดินแดง, ร้านอาหารจานเดียวกุ๊กกุ๊กไก่, ร้านท่าดินแดงโภชนา, ตี๋ หมูสะเต๊ะ, ร้านส้มตำอิ่มครบรส, ธ. ก๋วยจั๊บญวน, ข้าวมันไก่ป้าเล็ก, โอวกี่หมูสะเต๊ะ, ก๋วยจั๊บเจ๊หลา, ข้าวพระรามลงสรง ท่าดินแดง, ข้าวขาหมู IMF, ก๋วยเตี๋ยวไก่ป้าดำ, ราดหน้านายฉุน ท่าดินแดงซอย 3, ข้าวต้มปลานายฮ้อ ท่าดินแดง, ก๋วยเตี๋ยวเป็ดรสเด็ด, นมสดท่าดินแดง และโบ๊กเกี้ยท่าดินแดง เป็นต้น
การเดินทาง : สามารถเดินทางจากสถานีรถไฟฟ้า BTS ได้ทุกสถานี หากมาจากทางเคหะฯ สุขุมวิท หมอชิต ให้เปลี่ยนเป็นสายสีลม (สายสีเขียวเข้ม) ได้ที่สถานีสยาม จากนั้นเปลี่ยนสถานีอีกครั้งที่สถานีกรุงธนบุรี เพื่อใช้บริการรถไฟฟ้า BTS สายสีทอง ลงที่สถานีคลองสาน หรือถ้าหากมาจากทางบางหว้า ก็เปลี่ยนเป็นสายสีทองที่สถานีกรุงธนบุรี แล้วไปลงที่สถานีคลองสาน
3. ช้อปปิ้ง ชมวิวริมแม่น้ำ และอิ่มอร่อยกับอาหารไทย/นานาชาติ ณ ไอคอนสยาม
          ศูนย์การค้าริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีพื้นที่กว้างขวางมากกว่า 50 ไร่  ที่นอกจากจะนำเสนอประสบการณ์เหนือระดับในการช้อปปิ้ง ไอคอนสยามยังเป็นศูนย์การค้าที่รวบรวมศิลปะ ประเพณีท้องถิ่น นวัตกรรม สถาปัตยกรรมระดับโลกได้อย่างลงตัว  ไอคอนสยามประกอบด้วยลักชัวรี่แบรนด์ แบรนด์ชั้นนำระดับนานาชาติ และของไทย ร้านอาหารชื่อดัง ซุปเปอร์มาร์เก็ต สุขสยาม ห้างสรรพสินค้าชื่อดัง Takashimaya จากญี่ปุ่น ตลอดจน Entertainment หลากหลายประเภท อาทิเช่น ลานริเวอร์ พาร์ค ที่มีการแสดงระบำสายน้ำ แสง สี เสียง มัลติมีเดีย ที่ยาวและยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  รวมถึงศูนย์การประชุมระดับโลกแห่งแรกในประเทศไทยอีกด้วย

การเดินทาง : สามารถเดินทางจากสถานีรถไฟฟ้า BTS ได้จากทุกสถานี หากมาจากทางเคหะฯ สุขุมวิท หมอชิต ให้เปลี่ยนเป็นสายสีลม (สายสีเขียวเข้ม) ได้ที่สถานีสยาม จากนั้นเปลี่ยนสถานีอีกครั้งที่สถานีกรุงธนบุรี เพื่อใช้บริการรถไฟฟ้า BTS สายสีทอง ลงที่สถานีเจริญนคร หรือถ้าหากมาจากทางบางหว้า ก็เปลี่ยนเป็นสายสีทองที่สถานีกรุงธนบุรี แล้วไปลงที่สถานีเจริญนคร
4. ตะลุยช้อปปิ้งสินค้าราคาเบา ๆ กินอาหารสตรีตฟู้ด พักผ่อนคาเฟ่ชิล ๆ ย่านคลองสาน
          ด้วยความที่ย่านคลองสานเป็นจุดต่อเรือโดยสารทั้งเรือด่วนเจ้าพระยา เรือข้ามฟากไปยังฝั่งบางรัก และรถไฟฟ้า BTS จึงทำให้ย่านนี้เต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารมากมาย พร้อมทั้งตลาดขนาดใหญ่อันเป็นแหล่งรวมสินค้าราคาเบา ๆ นับร้อยร้านค้า บรรยากาศคึกคักทั้งกลางวันและกลางคืน แถมยังมีร้านหนังสือและคาเฟ่บรรยากาศสบาย ๆ อย่าง The Jam Factory รวมถึงร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งอยู่ด้านในของที่นี่ให้ไปนั่งชิลแวะพักเหนื่อยระหว่างวันได้ด้วย

          ร้านอาหารอร่อยย่านคลองสานที่อยากแนะนำ เช่น บัวลอยไข่เค็ม ท่าน้ำคลองสาน, ร้านพูนเลิศ เป็ดย่าง, BKK Grill, ข้าวต้มเจ๊เหมี่ยว เจริญรัถ, อาหารจีนกอกใจเจ๋าเหล่า, ร่มโพธิ์ ร้านอาหารอีสานรสเด็ด, ดวงดีทะเลเผา, ข้าวมันไก่ สมหมาย ถนนเจริญรัถ และเจริญรัถเป็ดพะโล้ เป็นต้น

การเดินทาง : สามารถเดินทางจากสถานีรถไฟฟ้า BTS ได้จากทุกสถานี หากมาจากทางเคหะฯ สุขุมวิท หมอชิต ให้เปลี่ยนเป็นสายสีลม (สายสีเขียวเข้ม) ได้ที่สถานีสยาม จากนั้นเปลี่ยนสถานีอีกครั้งที่สถานีกรุงธนบุรี เพื่อใช้บริการรถไฟฟ้า BTS สายสีทอง ลงที่สถานีคลองสาน หรือถ้าหากมาจากทางบางหว้า ก็เปลี่ยนเป็นสายสีทองที่สถานีกรุงธนบุรี แล้วไปลงที่สถานีคลองสาน
5. สักการะสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ลิ้มรสอาหารอร่อยเด็ดวงเวียนใหญ่
          ย่านที่คึกคักอีกแห่งของฝั่งธนบุรี เพราะเป็นจุดต่อรถโดยสารสาธารณะ และรถไฟไปยังแถบชานเมือง มีจุดแลนด์มาร์กสำคัญก็คือ พระบรมราชาอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ซึ่งสร้างขึ้นในช่วงปี พ.ศ. 2497 โดยได้ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี เป็นผู้ออกแบบ ตั้งตระหง่านอยู่บริเวณวงเวียน ใกล้กับตลาดวงเวียนใหญ่

          สิ่งที่น่าสนใจของย่านนี้ก็คือ ร้านอาหาร ซึ่งมีร้านอร่อย ๆ เก่าแก่ซ่อนตัวอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นสมศักดิ์ปูอบ, ผัดไทยรสเด็ด, เจริญไทย สุกี้เจ้าเก่า, จุ่มลาดหญ้าหน้าสหกรณ์, ไข่หวานบ้านซูชิ, ข้าวซอยแม่สะเรียง, ครัวเฮงเฮง, หอยแครงลวกเจ้ภา, เหวินหลงก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา, ผัดไทยนรกแตก, ร้านรุ่งฟ้า, หมูสะเต๊ะสมมิตร, บะหมี่เยาวราช ตากสิน 4 และสุดแซ่บยำมะม่วงปูม้า, เฝอหม้อไฟ, ทอดมันปลา และสุกี้สไตล์เวียดนาม เป็นต้น


การเดินทาง : สามารถเดินทางจากสถานีรถไฟฟ้า BTS ได้จากทุกสถานี หากมาจากทางเคหะฯ สุขุมวิท หมอชิต ให้เปลี่ยนเป็นสายสีลม (สายสีเขียวเข้ม) ได้ที่สถานีสยาม จากนั้นลงที่สถานีวงเวียนใหญ่ หรือถ้าหากมาจากทางบางหว้า ก็ลงที่สถานีวงเวียนใหญ่ได้เลยโดยไม่ต้องเปลี่ยนสาย แล้วก็ต่อรถแท็กซี่หรือมอเตอร์ไซค์รับจ้าง

เส้นทางชมวิถีชุมชน
6. สัมผัสวิถีชีวิตชุมชนคลองบางหลวง
          ชุมชนเก่าแก่ริมคลองบางกอกใหญ่ที่ยังคงมีวิถีชีวิตเรียบง่าย ผสมผสานทั้งความเป็นจีนและไทยไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว ชาวบ้านยังคงสัญจรไป-มาในชุมชนโดยใช้เรือหางยาว ตลอดสองฝั่งคลองจะมีทั้งวัดวาอาราม ร้านขายของชำเก่าแก่ ร้านอาหารดั้งเดิม และสถานที่ท่องเที่ยวอย่างบ้านศิลปินให้ได้เที่ยวชม นักท่องเที่ยวสามารถที่จะเช่าเหมาเรือนั่งชมวิถีชีวิตของชาวบ้านได้


          สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น บ้านศิลปิน ศูนย์รวมงานศิลปะต่าง ๆ รวมถึงการแสดงหุ่นละครเล็ก, วัดคูหาสวรรค์วรวิหาร ที่ประดิษฐานพระพุทธเทวนฤมิตพิชิตมาร, ร้านอนันต์การค้า ร้านขายของชำเก่าแก่ที่อยู่คู่คลองมายาวนานหลายสิบปี และวัดประดู่ฉิมพลี สถานที่ตั้งของเจดีย์กลมทรงรามัญ เป็นต้น

การเดินทาง : สามารถเดินทางจากสถานีรถไฟฟ้า BTS ได้จากทุกสถานี หากมาจากทางเคหะฯ สุขุมวิท หมอชิต ให้เปลี่ยนเป็นสายสีลม (สายสีเขียวเข้ม) ได้ที่สถานีสยาม จากนั้นลงที่สถานีบางหว้า แล้วต่อเรือโดยสารจากท่าเรือบางหว้าไปลงที่คลองบางหลวง
7. เที่ยวเพลิน ๆ ท่ามกลางบรรยากาศไทย-จีน และไหว้ขอพรเจ้าแม่ทับทิม ณ ล้ง 1919
          ที่เที่ยวฝั่งธนบุรีที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา บนพื้นที่ที่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่มายาวนาน โดยเนรมิตท่าเรือเก่าแก่ให้ฟื้นคืนชีพกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงมรดกวัฒนธรรมที่มีความโดดเด่นในเรื่องของศิลปะไทย-จีน มีร้านค้าให้เดินชมเพลิน ๆ พร้อมด้วยร้านอาหารและร้านกาแฟ รวมไปถึงพื้นที่พักผ่อนริมแม่น้ำเจ้าพระยา

          นอกจากนี้ผู้คนยังนิยมเดินทางไปสักการะ “เจ้าแม่หม่าโจ้ว” หรือเจ้าแม่ทับทิม ที่ประดิษฐานอยู่คู่ “ฮวย จุ่ง ล้ง” มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งในปี พ.ศ. 2393 โดยองค์เจ้าแม่หม่าโจ้วทำขึ้นจากไม้ มีทั้งหมด  3 ปาง ได้แก่ ปางเด็กสาว ปางผู้ใหญ่ และปางผู้สูงอายุ โดยทั้ง 3 ปาง ชาวจีนได้นำขึ้นเรือมาจากประเทศจีน เมื่อถึงประเทศไทยก็ได้อัญเชิญมาประดิษฐานไว้ที่ศาลเจ้าแห่งนี้ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก LHONG 1919

การเดินทาง : สามารถเดินทางจากสถานีรถไฟฟ้า BTS ได้จากทุกสถานี หากมาจากทางเคหะฯ สุขุมวิท หมอชิต ให้เปลี่ยนเป็นสายสีลม (สายสีเขียวเข้ม) ได้ที่สถานีสยาม จากนั้นเปลี่ยนสถานีอีกครั้งที่สถานีกรุงธนบุรี เพื่อใช้บริการรถไฟฟ้า BTS สายสีทอง ลงที่สถานีคลองสาน หรือถ้าหากมาจากทางบางหว้า ก็เปลี่ยนเป็นสายสีทองที่สถานีกรุงธนบุรี แล้วไปลงที่สถานีคลองสาน
เส้นทางไหว้พระเสริมบุญ
8. ไหว้พระขอพร วัดปากน้ำภาษีเจริญ
          พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ สร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลาง มีสถาปัตยกรรมและศิลปวัตถุที่อยู่คู่วัดมา เช่น หอพระไตรปิฎก และตู้พระไตรปิฎกทรงบุษบก ซึ่งเป็นฝีมือช่างหลวงสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ปัจจุบันถือได้ว่าเป็นวัดสำคัญของเขตภาษีเจริญ มีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพระมหาเจดีย์มหารัชมงคล, พระพุทธธรรมกายเทพมงคล พระพุทธรูปปางสมาธิซึ่งสูงกว่า 69 เมตร, รูปหล่อเหมือนหลวงพ่อสด, หอสังเวชนีย์มงคลเทพนิรมิต และพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน เป็นต้น
การเดินทาง : สามารถเดินทางจากสถานีรถไฟฟ้า BTS ได้จากทุกสถานี หากมาจากทางเคหะฯ สุขุมวิท หมอชิต ให้เปลี่ยนเป็นสายสีลม (สายสีเขียวเข้ม) ได้ที่สถานีสยาม จากนั้นลงที่สถานีตลาดพลู/วุฒากาศ หรือถ้าหากมาจากทางบางหว้า ก็ลงที่สถานีตลาดพลู/วุฒากาศ โดยไม่ต้องเปลี่ยนสาย แล้วก็ต่อรถแท็กซี่หรือมอเตอร์ไซค์รับจ้าง
          สำหรับคนที่ต้องการหาสถานที่เที่ยวพักผ่อนในกรุงเทพฯ เดินทางสะดวก ฝั่งธนบุรีก็เป็นอีกย่านที่น่าสนใจไม่น้อย มีสถานที่ท่องเที่ยวให้เลือกครบทุกสไตล์ ได้ทั้งสายกิน สายบุญ สายเที่ยวเดินชิลและช้อปปิ้ง แถมยังใช้เวลาไม่เยอะ มีเวลาวันเดียวก็เที่ยวได้แล้ว หากวางแผนจะเดินทางไปเที่ยวในช่วงนี้ ก็อย่าลืมป้องกันและดูแลตัวเองให้ปลอดภัยจาก Covid-19 กันด้วยนะ

ตั๊กออแกไนท์คลองสานรับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ 
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคคลองสาน
นางรำคลองสานเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคคลองสาน
คลองสานรําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคคลองสาน
รําบวงสรวงพญานาคคลองสาน
ฟ้อนบูชาพญานาคคลองสาน
รําบวงสรวงพญานาคคลองสาน


  ติดต่อสอบถามเรา        
            


248
20 ที่เที่ยวกระบี่ จดลงลิสต์ แล้วตามไปเช็กอินกันเพลิน ๆ
1. สระมรกต

          ตั้งอยู่ที่อำเภอคลองท่อม ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประมง โดยมีต้นกำเนิดมาจากธารน้ำอุ่นในผืนป่าที่ราบต่ำภาคใต้ ไฮไลต์อยู่ที่นักท่องเที่ยวจะได้ชื่นชมกับสระน้ำธรรมชาติที่มีสีเขียวเหมือนมรกตขนาดใหญ่ และมีความใสจนมองเห็นพื้นหินข้างล่างได้อย่างชัดเจน รอบ ๆ บริเวณยังมีศาลาเอาไว้ให้นักท่องเที่ยวได้นั่งพักผ่อน ชมวิวทิวทัศน์ รวมถึงยังได้เพลิดเพลินกับการว่ายน้ำเล่น ท่ามกลางร่มไม้ใหญ่แบบชิล ๆ

2. ทะเลแหวก

          หนึ่งในที่เที่ยวสุดอันซีนของกระบี่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ซึ่งมีที่มาจากปรากฏการณ์ธรรมชาติเมื่อยามน้ำลด ที่จะพัดพาเอาเม็ดทรายมารวมกัน ณ ที่นี้ และเผยให้เห็นแนวสันทรายยาวเชื่อมต่อได้ระหว่าง 3 เกาะ คือ เกาะไก่ เกาะหม้อ และเกาะทับ นักท่องเที่ยวสามารถเดินเล่นไป-มาระหว่างเกาะ ท่ามกลางบรรยากาศน้ำสวยทะเลใสของกระบี่

3. เขาขนาบน้ำ

          สัญลักษณ์สำคัญของกระบี่ มีลักษณะเป็นเขาสองลูก ตั้งตระหง่านขนาบแม่น้ำกระบี่ ซึ่งไม่ว่าใครมาเยือนตัวเมืองกระบี่ ก็สามารถมองเห็นได้อย่างเด่นชัด ที่สำคัญ…นักท่องเที่ยวยังสามารถเข้าไปเที่ยวชมได้อีกด้วย ภายในประกอบด้วยหินงอกหินย้อย อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่เคยพบโครงกระดูกมนุษย์จำนวนมาก (แต่ปัจจุบันไม่มีหลงเหลือแล้ว) ใครชอบกิจกรรมแนวผจญภัยนิด ๆ ลองมาเที่ยวที่นี่กันดู

4. อ่าวนาง

          เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา และเป็นหาดที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของกระบี่ ด้วยเพราะเป็นจุดต่อเรือไปยังที่ต่าง ๆ ได้สะดวก จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวแวะเข้ามาเที่ยวที่อ่าวนางเป็นจำนวนมาก มีลักษณะเป็นหาดทรายทอดยาว มีถนนเลียบชายหาด มีภูเขาคั่นระหว่างชายหาด ทิวทัศน์โดยรอบสวยงามแปลกตา และยังเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามแห่งหนึ่งเลยทีเดียว

ที่เที่ยวกระบี่

5. ป่าพรุท่าปอม คลองสองน้ำ

          ตั้งอยู่ที่บ้านหนองจิก ที่นี่มีแหล่งน้ำจืดที่ใสสะอาดเสียจนมองเห็นพื้นน้ำเบื้องล่าง ประดับด้วยรากไม้ป่าหลุมพีที่เลื้อยไปเลื้อยมา ยิ่งเมื่อแดดสาดแสงลงมาจับต้องแอ่งน้ำเหล่านี้ ยิ่งก่อให้เกิดประกายระยิบระยับ นักท่องเที่ยวจะได้เดินชมธรรมชาติบนสะพานไม้ระแนง ทอดตัวเลื้อยไปตามแอ่งน้ำ บางช่วงมีเก้าอี้ไม้นั่งพัก นั่งชมทัศนียภาพสองข้างทาง หรือเติมดีกรีผจญภัยอีกนิดด้วยการพายคายักล่องไปตามแนวป่าโกงกาง ก็ได้อรรถรสการท่องเที่ยวไปอีกแบบ

6. น้ำตกร้อนคลองท่อม

          ตั้งอยู่ในเขตอำเภอคลองท่อม บริเวณบ้านบางคราม-บ้านบางเตียว มีลักษณะเป็นอ่างเก็บน้ำธรรมชาติกลางป่ารองรับน้ำตก ที่ไหลมาพร้อมกับสายน้ำแร่ และเป็นธารน้ำพุร้อนผุดที่ขึ้นมาจากใต้ดินตามธรรมชาติ ในอุณหภูมิพอเหมาะที่นักท่องเที่ยวสามารถลงไปแช่ได้ ซึ่งเชื่อกันว่าสามารถบำบัดอาการไขข้ออักเสบ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และเกี่ยวกับผิวหนัง พร้อมกับธรรมชาติแนวป่าอันร่มรื่น

7. หมู่เกาะห้อง

          ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี เป็นเกาะเล็ก ๆ ที่มีทัศนียภาพสวยงามมาก ล้อมรอบด้วยน้ำทะเลสีคราม มีกัลปังหาและปะการังรอบเกาะ มีเวิ้งหาดสองหาดติดกันโดยกั้นด้วยโขดหินตรงกลาง น้ำทะเลใส หาดทรายขาว มีแนวปะการังทั้งน้ำตื้นและน้ำลึกเหมาะแก่การดำน้ำ ตกปลา รวมถึงยังมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติสวย ๆ อีกด้วย


8. หาดไร่เลย์

          ตั้งอยู่ในตำบลอ่าวนาง เป็นที่รู้จักดีในหมู่นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมปีนหน้าผา และสามารถปีนได้ตลอดทั้งปี และถูกภูเขาล้อมรอบทุกด้าน ทำให้ผู้คนที่จะเดินทางมาเที่ยวหาดไร่เลต้องนั่งเรือเพียงอย่างเดียว ซึ่งนี่อาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งทำให้ชาวบ้านที่หาดไร่เลย์ ยังไม่ถูกเทคโนโลยีหรือความเจริญกลืนกิน รวมถึงวิถีชีวิตของหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ที่ปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย โดยที่ยังรักษาขนบธรรมเนียมประเพณี และการใช้ชีวิตได้อย่างลงตัว

9. น้ำตกธารโบกขรณี

          ตั้งอยู่ในบริเวณอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี มีลักษณะเป็นธารน้ำธรรมชาติไหลลงมายังแอ่งน้ำน้อยใหญ่ไล่ระดับกัน นักท่องเที่ยวสามารถลงเล่นน้ำได้ บรรยากาศร่มรื่นและสามารถเห็นทัศนียภาพของรากไม้ต่าง ๆ ที่ชอนไชอยู่ตามแอ่งน้ำอย่างสวยงาม
10. วัดถ้ำเสือ

          ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองกระบี่ประมาณ 5-6 กิโลเมตร เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ พลาดไม่ได้กับการสักการะขอพรจาก "เจ้าแม่กวนอิม" ซึ่งตั้งประดิษฐานอยู่ภายในวัด สูงเด่นเป็นสง่า รวมถึงการพิชิตบันได 1,200 ขั้น เพื่อขึ้นไปสักการะ "พระธาตุเจดีย์ระฆังใหญ่" ซึ่งตั้งอยู่บนดอย อีกทั้งยังมองเห็นทิวทัศน์กระบี่ได้โดยรอบ
11. สุสานหอย

          ตั้งอยู่ที่ชายทะเลบ้านแหลมโพธิ์ ห่างจากตัวเมืองกระบี่ประมาณ 17 กิโลเมตร สภาพเป็นลานหินกว้างยื่นลงไปในทะเล เมื่อเข้าไปดูใกล้ ๆ จะเห็นเป็นซากหอยอัดแน่นจนกลายเป็นหาดหินริมทะเล ทั้งนี้ สุสานหอย คือซากดึกดำบรรพ์ของหอยขมน้ำจืด ที่ทับถมจับตัวกันบนชั้นหินลิกไนต์และหินดินดาน กลายเป็นลานหินขนาดกว้างใหญ่อยู่ริมทะเล

12. หมู่เกาะปอดะ

          ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของอ่าวนาง ห่างจากฝั่งประมาณ 8 กิโลเมตร เป็นเกาะที่มีหาดทรายขาว น้ำทะเลใส บริเวณชายฝั่งของเกาะจะมองเห็นแนวปะการังหลากชนิดที่ยังสมบูรณ์ จึงเป็นแหล่งดึงดูดของนักท่องเที่ยวให้เที่ยวชมได้เกือบตลอดปี และเป็นจุดที่ตกปลาได้ดีเพราะไม่ได้รับผลกระทบจากลมมรสุมมากนัก สามารถเช่าเรือได้จากบริเวณอ่าวนาง เพื่อเดินทางมาเที่ยวยังเกาะแห่งนี้ได้โดยสะดวก

13. หาดนพรัตน์ธารา

          เดิมชาวบ้านเรียกว่า "หาดคลองแห้ง" เพราะเมื่อน้ำลง น้ำคลองที่ไหลมาจากภูเขาทางด้านเหนือจะแห้งขอดกลายเป็นหาดทรายยาวเหยียดทอดลงไปในทะเล บรรจบกับเกาะเขาปากคลอง บริเวณหาดเป็นทรายละเอียดปะปนด้วยเปลือกหอยเล็ก ๆ ประดับด้วยทิวสนเรียงรายตามชายทะเลยาวเหยียด เมื่อน้ำลงจนแห้งสามารถเดินไปยังเกาะเล็ก ๆ บริเวณหน้าชายหาดได้

14. อ่าวท่าเลน

          แหล่งพายเรือคายักของจังหวัดกระบี่ บริเวณนี้เป็นโตรกผาสูงตระหง่าน น้ำทะเลสีเขียวใส และป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ รวมถึงยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์นานาชนิด เช่น ลิงแสม ปลา ปู ค้างคาว ที่สามารถมองเห็นได้อย่างใกล้ชิด ด้วยเพราะความสมบูรณ์ทางธรรมชาติแบบนี้นี่เอง จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการพายเรือคายักเพื่อการพักผ่อน ชมวิวทิวทัศน์ในวันหยุดท่องเที่ยวสบาย ๆ

15. เกาะลันตา

          ประกอบด้วย เกาะลันตาใหญ่ และเกาะลันตาน้อย โดดเด่นด้วยชายหาดยาวเรียงรายต่อเนื่องกันถึง 13 หาด เพียบพร้อมด้วยที่พักหลากสไตล์ หลายราคา รวมถึงนักท่องเที่ยวยังจะได้สัมผัสเสน่ห์วิถีชุมชนที่แสนสงบของชาวไทย-จีน ชาวไทย-มุสลิม ที่อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข

16. เกาะไก่

          เป็นหนึ่งในสามเกาะที่ทำให้เกิดสันทรายที่เราเรียกว่า "ทะเลแหวก"  ที่เรียกว่าเกาะไก่ก็เพราะว่าทางด้านปลายสุดของเกาะมีหินแหลม ๆ เมื่อมองขึ้นไปแล้วคล้ายคอไก่ เป็นเกาะที่ไม่มีหาดทราย แต่จุดเด่นของที่นี่คือน้ำทะเลที่ใสแจ๋ว มองเห็นปลาแหวกว่ายอยู่เต็มไปหมด เป็นอีกหนึ่งจุดดำน้ำที่สวยแห่งหนึ่งของทะเลกระบี่เลยทีเดียว

17. อุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจา

          เป็นอุทยานทางบกแห่งเดียวของจังหวัดกระบี่ ประกอบด้วยเทือกเขาสูงสลับซับซ้อนในแนวเหนือจรดใต้ มียอดเขาพนมเบญจาซึ่งสูง 1,397 เมตร จากระดับน้ำทะเล ซึ่งสูงที่สุดในกระบี่ นักท่องเที่ยวจะได้ชื่นชมกับทิวทัศน์ธรรมชาติสวยงามทั้งลำธาร น้ำตก ถ้ำ และมีสัตว์ป่านานาชนิด เช่น สมเสร็จ เลียงผา หมีควาย เสือปลา และมีนกที่สามารถพบเห็นได้มากมาย เช่น นกอินทรี นกเงือก นกหัวขวาน เป็นต้น

18. เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประ-บางคราม

          ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านบางเตียว ตำบลคลองท่อมเหนือ ไฮไลท์อยู่ที่ทางเดินศึกษาธรรมชาติทีนา โจลิฟฟ์ (ทุ่งเตียว)  ผู้ริเริ่มความคิดที่จะอนุรักษ์ป่าดิบชื้นผืนนี้ไม่ให้ถูกทำลาย ตลอดทางนักท่องเที่ยวจะได้ความรู้จากป้ายบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องราวของนกแต้วแร้วท้องดำ นกป่าที่หาดูและชมได้ยากในประเทศไทย และนกอีกนานาชนิด เช่น นกเขาเปล้า นกโพระดก นกเขียวคราม นกปรอด นกกินปลี นกปลีกล้วย และกระรอกพันธุ์ต่าง ๆ เป็นต้น

19. อ่าวมาหยา

          ตั้งอยู่บนเกาะพีพีเล เป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวจากภาพยนตร์เรื่อง เดอะ บีช (The Beach) ลักษณะอ่าวเป็นรูปเสี้ยวพระจันทร์ น้ำทะเลสีเขียวมรกตสดใส กับหาดทรายสีขาวบริสุทธิ์นุ่มเท้าด้วย ที่เรียกร้องให้นักท่องเที่ยวอยากมาสัมผัสบรรยากาศทะเลที่แสนงดงามแห่งนี้ด้วยตาตัวเอง ทั้งนี้ ด้วยปัญหาสภาพแวดล้อมทางทะเลที่เสื่อมโทรมบริเวณอ่าวมาหยา ทำให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ประกาศปิดการท่องเที่ยวหาดทรายและชายฝั่งบริเวณอ่าวมาหยาอย่างไม่มีกำหนด เพื่อฟื้นฟูธรรมชาติให้กลับมาสวยดังเดิม

20. เกาะจำ

          ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลเกาะศรีบอยา มีทั้งหมด 3 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่บ้านเกาะปู หมู่บ้านเกาะจำ และหมู่บ้านติงไหร ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังคงมีวิถีชีวิตเฉกเช่นชาวเล รวมถึงยังทำสวนยางพารา เสน่ห์อย่างหนึ่งของที่นี่ นั่นคือ ความเงียบสงบ ด้วยเพราะยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว จึงเหมาะสำหรับเป็นที่พักผ่อนอย่างแท้จริง

ตั๊กออแกไนท์กระบี่ รับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ 
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคกระบี่
นางรำกระบี่ เพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคกระบี่
กระบี่ รําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคกระบี่
รําบวงสรวงพญานาคกระบี่
ฟ้อนบูชาพญานาคกระบี่
รําบวงสรวงพญานาคกระบี่

  ติดต่อสอบถามเรา        
            



249
ที่เที่ยวนราธิวาส หนึ่งในจังหวัดชายแดนใต้น่าเช็กอิน

1. มัสยิดวาดีลฮูเซ็น
          หรือมัสยิดตะโละมาเนาะ ตั้งอยู่ที่บ้านตะโละมาเนาะ ความงดงามของสถานที่แห่งนี้  นั่นคือ สถาปัตยกรรมอันโดดเด่น มีลักษณะเป็นอาคารไม้ตะเคียนทั้งหลัง ผสมผสานกับศิลปะไทย จีน และมลายู สวยงามและมีเอกลักษณ์ อันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมผ่านกาลเวลาร่วม 300 ปี ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวสามารถเข้าเยี่ยมชมได้เพียงภายนอกเท่านั้น ถ้าจะเข้าชมด้านใน จำเป็นที่จะต้องได้รับอนุญาตจากโต๊ะอิหม่ามประจำหมู่บ้านเสียก่อน

          พิกัด Google maps : มัสยิดวาดีลฮูเซ็น

          ที่อยู่ : ตำบลลุโบะสาวอ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส

2. พระพุทธทักษิณมิ่งมงคล
          ตั้งอยู่บริเวณพุทธอุทยานเขากง มองไปเบื้องหน้าจะเห็นพระพุทธรูปตั้งเด่นสีทองอร่าม ประดิษฐานในปางปฐมเทศนาขัดสมาธิเพชรอยู่บนยอด ทั้งยังเป็นพระพุทธรูปที่งดงามและใหญ่ที่สุดในภาคใต้ ตลอดจนเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ และเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางใจของเหล่าบรรดาพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ณ ดินแดนภาคใต้ของสยามอีกด้วย นอกจากนี้ในบริเวณเดียวกัน มีเจดีย์สิริมหามายา ภายในประดิษฐานพระพรหม บนยอดสุดบรรจุพระบรมสารีริกธาตุอันศักดิ์สิทธิ์ ให้ประชาชนได้เข้ากราบไหว้ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและครอบครัว

          พิกัด Google maps : พระพุทธทักษิณมิ่งมงคล

          ที่อยู่ : ตำบลลำภู อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส

3. หาดนราทัศน์
          ใครว่านราธิวาสไม่มีชายหาดสวยให้เที่ยว บอกเลยว่าคิดผิด สำหรับนักท่องเที่ยวที่โหยหาความสวยงามของผืนทรายและท้องทะเล แนะนำว่าให้มาเที่ยวที่หาดนราทัศน์ แนวสนที่ทอดยาวเรียงตามแนวชายหาด แต่ละกิ่งก้านของใบสนสะบัดพลิ้วตามแรงลม เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการพักผ่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเย็น ๆ ผู้คนจะทยอยกันออกมาเดินเล่น นั่งพักผ่อนริมหาด รวมถึงยังมีอาหารทะเลสดไว้คอยบริการ แฮปปี้แบบชิล ๆ

          พิกัด Google maps : หาดนราทัศน์

          ที่อยู่ : ตำบลบางนาค อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส

4. อุทยานแห่งชาติอ่าวมะนาว-เขาตันหยง
          หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติน่าเที่ยวแห่งจังหวัดนราธิวาส เพลิดเพลินกับการเที่ยวชมระบบนิเวศที่หลากหลาย ทั้งชายทะเล เนินเขาสูง พื้นที่ป่าสงวน ป่าพรุ และมีอาณาเขตพื้นที่ติดต่อกับพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ ทำให้สภาพธรรมชาติมีความสมบูรณ์หลากหลาย มีการพบต้นมะนาวผี ที่มีขนาดใหญ่และสวยงามมาก รวมถึงสัตว์ป่าหายากหลากชนิด เหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักท่องเที่ยวสายธรรมชาติ และรักธรรมชาติโดยแท้จริง

          พิกัด Google maps : อุทยานแห่งชาติอ่าวมะนาว-เขาตันหยง

          ที่อยู่ : ตำบลกะลุวอเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส

          เบอร์โทรศัพท์ : 098 026 6795

          เฟซบุ๊ก : อุทยานแห่งชาติอ่าวมะนาว - เขาตันหยง Aomanao Khaotanyong National Park

5. ผานับดาว
          เต็มอิ่มกับธรรมชาติท่ามกลางหุบเขา และป่าไม้เขียวชอุ่ม ถ้าวันนั้นโชคดี…คุณจะได้เจอกับทะเลหมอกขาวโพลน ไหลอ้อยอิ่งลอยคลุมทิวเขาสูง ลองสูดหายใจเข้าไปทีหนึ่ง จะรับรู้ถึงความบริสุทธิ์ของอากาศ เหล่านี้เป็นมนตร์เสน่ห์ตราตรึงประทับใจแก่สายตานักท่องเที่ยวมานักต่อนัก ยิ่งห้วงยามพระอาทิตย์ขึ้นและตกดิน บอกเลยว่าเป็นโมเมนต์แห่งความสวยงามที่พลาดไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว

          พิกัด Google maps : ผาพับดาว

          ที่อยู่ : ตำบลสุคิริน อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส

6. เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา
          แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติประกอบด้วยผืนป่าสองผืน คือ “ป่าฮาลา” ในเขตพื้นที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา และอำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส และ “ป่าบาลา” ในเขตพื้นที่อำเภอแว้ง และอำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส  แต่ส่วนที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปศึกษาธรรมชาติจะเป็นป่าบาลาเท่านั้น ภายในพื้นที่เป็นผืนป่าอุดมสมบูรณ์ ทั้งพรรณไม้และสัตว์ป่าหายากหลายชนิด เช่น ช้าง กระทิง หมูป่า ชะนีดำใหญ่ และนกเงือก เป็นต้น ที่นี่จึงเป็นห้องเรียนธรรมชาติใหญ่ ที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกคน

          พิกัด Google maps : เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา

          ที่อยู่ : ตำบลโละจูด อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส

7. น้ำตกปาโจ
          อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวอันลือชื่อของจังหวัดนราธิวาส ตั้งอยู่ที่บ้านปาโจ และเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดี นอกเหนือไปจากบรรยากาศที่รายล้อมด้วยธรรมชาติ ที่ช่วยทำให้คุณรู้สึกถึงความผ่อนคลาย และหายใจได้อย่างเต็มปอดแล้ว นั่นคือ ความสวยงามของตัวน้ำตกปาโจ น้ำตกขนาดใหญ่และสวยงาม แถมยังมีน้ำตลอดทั้งปี แต่ในช่วงหน้าแล้ง น้ำอาจจะค่อนข้างน้อยนิดหนึ่ง (ดังนั้นถ้าจะมาเที่ยวต้องกะช่วงเวลาให้ดี ๆ) มีทั้งหมด 4 ชั้น ส่วนใหญ่คนจะนิยมชื่นชมความสวยงามอยู่บริเวณชั้นหนึ่ง เพราะคุณจะได้เห็นม่านน้ำที่ไหลตกตามแรงโน้มถ่วงลงสู่แอ่งน้ำใหญ่อย่างน่าประทับใจ
          พิกัด Google maps : น้ำตกปาโจ

          ที่อยู่ : ตำบลบาเจาะ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส

8. น้ำตกซีโป
          หนึ่งในจุดท่องเที่ยวน่าสนใจ “น้ำตกซีโป” เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ มีทั้งหมด 7 ชั้น เสียงลือเสียงเล่าอ้างกันว่าชั้นที่ 7 เป็นชั้นที่สวยงามที่สุด เมื่อขึ้นไปด้านบน นักท่องเที่ยวจะได้ประจักษ์ต่อสายตาตัวเอง กับสายน้ำแผ่กว้าง กลายเป็นม่านน้ำขนาดใหญ่ที่ไหลลงสู่แอ่งน้ำเบื้องล่าง ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถลงเล่นน้ำได้ตามอัธยาศัย (แต่ต้องไม่ประมาทในเรื่องความปลอดภัยของตัวเองด้วยนะ) หรือจะเดินเล่นชมธรรมชาติเพลิน ๆ ก็ประทับใจไปอีกแบบ

          พิกัด Google maps : น้ำตกซีโป

          ที่อยู่ : อุทยานแห่งชาติน้ำตกซีโป หมู่ 3 ตำบลเฉลิม อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส

9. วัดชลธาราสิงเห
          วัดชลธาราสิงเห หรือวัดพิทักษ์แผนดินไทย วัดเก่าแก่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 จุดเด่นความสวยงามอยู่ที่สถาปัตยกรรมที่ผสมผสานความเป็นพุทธ มุสลิม และจีน เอาไว้อย่างมีเอกลักษณ์และลงตัว ไม่เพียงเท่านี้ หากแต่บรรยากาศโดยรอบวัดติดริมน้ำ ยิ่งทำให้สถานที่แห่งนี้ดูผ่อนคลาย ทั้งยังเป็นดั่งจุดศูนย์รวมและยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวไทยพุทธอีกด้วย ตลอดจนการเยี่ยมชมพลับพลาที่ประทับในรัชกาลที่ 6 เมื่อครั้งเสด็จประพาสวัดชลธาราสิงเห และได้มีการสร้างพลับพลาริมแม่น้ำตากใบเป็นที่ประทับ ซึ่งทางวัดยังรักษาไว้ในสภาพที่สมบูรณ์

          พิกัด Google maps : วัดชลธาราสิงเห

          ที่อยู่ : ตำบลเจ๊ะเห อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส

10. สะพานคอย 100 ปี-เกาะยาว
          สะพานไม้ที่ทอดตัวเป็นแนวยาวข้ามผ่านแม่น้ำตากใบจากแผ่นดินใหญ่ไปสู่เกาะยาว มีลักษณะเป็นเกาะติดกับทะเล เหมาะเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับการพักผ่อน เพราะคุณจะได้ซึมซับบรรยากาศความชิล หาดทรายเรียบเนียน เพลิดเพลินกับวิวเบื้องหน้าอันไกลโพ้น หากแต่ความชิลก็ยังมีแง่งามของชีวิตซ่อนอยู่ให้เห็น ชาวบ้านที่อาศัยบนเกาะยังคงประกอบอาชีพดั้งเดิม ซึ่งส่วนใหญ่ทำอาชีพประมงและสวนมะพร้าวเป็นหลัก ใครที่อยากซึมซับรับรู้วิถีธรรมชาติและชาวบ้านอย่างแท้จริง ลองแวะมาดู
          พิกัด Google maps : สะพานคอย 100 ปี

          ที่อยู่ : ตำบลเจ๊ะเห อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส

11. ศาลเจ้าโก้วเล่งจี่
          ศาลเจ้าแห่งแรกของชาวจีนในจังหวัดนราธิวาส และได้รับการส่งต่อและสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นมาจนถึงปัจจุบัน มีเจ้าที่หรือเจ้าศาล เป็น “หัวมังกรคาบแก้ว” ซึ่งมีลำตัวใหญ่และยาว คอยปกปักรักษาดูแลลูกหลานชาวไทย โดยแต่ละวันจะมีลูกหลานมากราบไหว้บนบานศาลกล่าวขอพรอยู่เป็นประจำ ภายในศาลประกอบด้วยรูปเหมือนจำลององค์เทพเจ้าต่าง ๆ เช่น พระยูไล พระอรหันต์จี้กง เทพเจ้ากวนอู เจ้าพ่อเสือ องค์เห้งเจีย และเจ้าแม่กวนอิม เป็นต้น และงดงามด้วยภาพปูนปั้น บอกเล่าเรื่องราววิถีชีวิต วัฒนธรรม และขนบธรรมเนียมประเพณี ซึ่งหาชมได้ยากอีกด้วย

          พิกัด Google maps : ศาลเจ้าโก้วเล่งจี่

          ที่อยู่ : ตำบลบางนาค อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส

12. วัดพระธาตุภูเขาทอง
          สถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของเหล่าพี่น้องชาวไทยพุทธ ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอสุคิริน เมื่อเข้ามาด้านในสิ่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวสัมผัสได้ นั่นคือ บรรยากาศที่รายล้อมด้วยธรรมชาติที่สมบูรณ์ นอกจากจะได้เข้ามาไหว้พระทำบุญแล้ว ในวันที่ท้องฟ้าอากาศเป็นใจ อาจจะได้เชยชมทะเลหมอก และพัดพามาพร้อมสายลมเย็น ๆ ณ บริเวณระเบียงชมวิวภายในวัด รวมถึงยังเป็นพื้นที่สำหรับปฏิบัติธรรม ให้กับผู้ที่ต้องการแสวงหาความสุขสงบภายในจิตใจอีกด้วย

          พิกัด Google maps : วัดพระธาตุภูเขาทอง

          ที่อยู่ : ตำบลภูเขาทอง อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส

13. หมู่บ้านทอน
          หมู่บ้านชาวประมงไทยมุสลิม เป็นแหล่งผลิตสินค้า กระจูด เรือกอและ ทั้งของจริงและจำลอง อันเป็นมรดกทางภูมิปัญญาที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น นอกจากนั้นยังมีผลิตภัณฑ์จากกระจูดและใบปาหนัน เช่นซองใส่แว่น กระเป๋า ไปจนถึงเสื่อที่มีลวดลายและสีสันสวยงามลงตัว หากรักษาดี ๆ จะมีอายุการใช้งานถึง 10 ปี และที่นี่ยังเป็นแหล่งผลิตน้ำบูดู และข้าวเกรียบปลาที่ขึ้นชื่อของจังหวัดนราธิวาสอีกด้วย

          พิกัด Google maps : หมู่บ้านทอน
          ที่อยู่ : ตำบลโคกเคียน อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส

14. ศูนย์วิจัยและศึกษาธรรมชาติป่าพรุสิรินธร (ป่าพรุโต๊ะแดง)
          ป่าพรุผืนใหญ่ที่สุดในประเทศไทย นักท่องเที่ยวจะได้เที่ยวชมเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติของระบบนิเวศป่าพรุ พลางเมื่อสอดส่ายสายตา ก็จะเห็นกับเหล่าพรรณไม้น้อยใหญ่ต่าง ๆ มีทั้งพรรณไม้ท้องถิ่นหลากหลายประเภท ทั้งสาคู มะฮัง ตับจาก รวมถึงน้ำหลุมพีซึ่งเป็นพืชตระกูลปาล์ม ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น ร่มรื่นด้วยเงากิ่งก้านสาขา อากาศเย็นสบาย เหมาะเป็นที่เที่ยวสำหรับคนรักธรรมชาติ จนทำให้คนที่ไปรู้สึกหัวใจพองโตได้เลย
          พิกัด Google maps : ศูนย์วิจัยและศึกษาธรรมชาติป่าพรุสิรินธร (ป่าพรุโต๊ะแดง)

          ที่อยู่ : ตำบลปูโยะ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส

          เฟซบุ๊ก : ศูนย์วิจัยและศึกษาธรรมชาติ ป่าพรุสิรินธร
          นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวนราธิวาสเพียงไม่กี่แห่งที่เราหยิบมาแนะนำกันเท่านั้น เพราะนราธิวาสยังซุกซ่อนความสวยงามของทั้งธรรมชาติและวิถีชีวิตอันเรียบง่ายที่น่าสนใจอีกมากมาย เอาเป็นว่าหากมีโอกาสเหมาะสมและเวลาที่ลงตัว อย่าลืมนำพาสองขาออกเดินทางไปเปิดรับประสบการณ์การท่องเที่ยวดินแดนใต้แห่งนี้ไปด้วยกัน ทั้งนี้ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ เฟซบุ๊ก สำนักงานประชาสัมพันธ์ จ.นราธิวาส โทรศัพท์ 073 642 626, เฟซบุ๊ก TAT Narathiwat ททท.สำนักงานนราธิวาส โทรศัพท์ 073 542 346
ตั๊กออแกไนท์นราธิวาส รับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ 
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคนราธิวาส
นางรำนราธิวาสเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคนราธิวาส
นราธิวาสรําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคนราธิวาส
รําบวงสรวงพญานาคนราธิวาส
ฟ้อนบูชาพญานาคนราธิวาส
รําบวงสรวงพญานาคนราธิวาส

  ติดต่อสอบถามเรา        
            


250
เที่ยวยะลา กับ 11 เรื่องน่ารู้ ก่อนล่องดินแดนปลายด้ามขวานไทย

1. ประวัติจังหวัดยะลา มีความเป็นมาอย่างไร ?

         ยะลา ถือเป็นจังหวัดที่มีประวัติความเป็นมาเก่าแก่จังหวัดหนึ่งของประเทศ คำว่า “ยะลา” มีที่มาจากภาษาพื้นเมืองเดิมว่า “ยะลอ” แปลว่า “แห”
 
          ตามประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยสุโขทัยถึงช่วงตอนต้นกรุงรัตนโกสินทร์ “เมืองยะลา” เป็นส่วนหนึ่งของมณฑลปัตตานี ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้มีการปรับปรุงการปกครองส่วนภูมิภาคใหม่ เป็นการปกครองแบบเทศาภิบาล โดยออกประกาศข้อบังคับสำหรับการปกครอง 7 หัวเมือง ร.ศ. 120 ประกอบด้วย

          - เมืองปัตตานี
          - หนองจิก
          - ยะหริ่ง
          - สายบุรี
          - ยะลา
          - ระแงะ
          - เมืองรามัน

          ในแต่ละเมืองมีพระยาเมืองเป็นผู้รักษาราชการ อยู่ภายใต้การดูแลของข้าหลวงเทศาภิบาลมณฑลนครศรีธรรมราช ต่อมาในปี พ.ศ. 2476 มีการยุบมณฑลปัตตานี และได้มีการจัดระเบียบราชการบริหารส่วนภูมิภาคจังหวัด อำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน “เมืองยะลา” จึงเป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศไทยในปัจจุบัน
          ทั้งนี้ ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวไทยเชื้อสายมลายู รองลงมาคือ ชาวไทยพุทธ, ชาวไทยเชื้อสายจีน และชาวซาไก อีกทั้งยังเป็น 1 ใน 4 จังหวัดของไทยที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม ร้อยละ 75.42 รองลงมาคือศาสนาพุทธ ร้อยละ 24.25 และศาสนาอื่น ๆ

2. จังหวัดยะลา มีทั้งหมดกี่อำเภอ ?
          จังหวัดยะลา ประกอบด้วยทั้งหมด 8 อำเภอ ได้แก่
อำเภอเมืองยะลา
อำเภอเมืองบันนังสตา ห่างจากอำเภอเมืองยะลาประมาณ 36 กิโลเมตร
อำเภอเบตง ห่างจากอำเภอเมืองยะลาประมาณ 123 กิโลเมตร
อำเภอกาบัง ห่างจากอำเภอเมืองยะลาประมาณ 54 กิโลเมตร
อำเภอกรงปินัง ห่างจากอำเภอเมืองยะลาประมาณ 26 กิโลเมตร
อำเภอรามัน ห่างจากอำเภอเมืองยะลาประมาณ 16 กิโลเมตร
อำเภอธารโต ห่างจากอำเภอเมืองยะลาประมาณ 70 กิโลเมตร
อำเภอยะหา ห่างจากอำเภอเมืองยะลาประมาณ  23 กิโลเมตร
เมืองยะลามีการจัดวางผังเมืองแบบใยแมงมุมที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย

3. คำขวัญจังหวัดยะลา ว่าอย่างไร ?
          คำขวัญประจำจังหวัดยะลา คือ “ใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน” โดยมีตราประจำจังหวัดเป็นรูปเหมืองแร่ดีบุก หมายถึง พื้นที่ของจังหวัดยะลาอุดมสมบูรณ์ด้วยแร่ดีบุก ทั้งยังเป็นอาชีพหลักของประชาชนในอดีต นั่นคือ การทำเหมืองแร่ดีบุกนั่นเอง โดยมีต้นไม้ประจำจังหวัด คือ ต้นอโศกเหลือง หรือศรียะลา และดอกไม้ประจำจังหวัด คือ ดอกพิกุล
4. ยะลาติดทะไลไหม ?
          ด้วยพิกัดที่ตั้งของจังหวัดยะลาอยู่ภาคใต้ จึงทำให้หลายคนคิดว่ายะลาน่าจะเป็นจังหวัดที่ติดทะเลแน่ ๆ แต่จริง ๆ แล้วยะลาเป็นจังหวัดที่ไม่ติดทะเลเลยสักนิด โดยแต่ละทิศของยะลาประกอบด้วย
 
          - ทิศเหนือ จดอำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา และอำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี
          - ทางใต้ จดรัฐเปรัก ประเทศมาเลเซีย
          - ทางตะวันออก จดอำเภอบาเจาะ อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส รัฐเปรัก ประเทศมาเลเซีย
          - ทางตะวันตก จดจังหวัดสงขลา และรัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย
5. การเดินทางไปยะลา ?
          สำหรับใครที่คิดอยากมาเช็กอินที่จังหวัดยะลาดูสักครั้ง ปัจจุบันมีวิธีการเดินทางอยู่หลายวิธีด้วยกัน เช่น
 
          - รถยนต์ส่วนตัว

          จากกรุงเทพฯ ไปยะลา ใช้ทางหลวงหมายเลข  4 (เพชรเกษม) ผ่านจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร จากนั้นเข้าทางหลวงหมายเลข 41 ผ่านสุราษฎร์ธานี ทุ่งสง พัทลุง หาดใหญ่ แล้วเดินทางต่อไปทางปัตตานี จนถึงยะลา
 
          - รถไฟ

          มีรถไฟออกจากสถานีหัวลำโพงไปถึงสถานียะลาทุกวัน สามารถตรวจสอบเที่ยวรถไฟเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ procurement.railway.co.th
 
          - รถโดยสารประจำทาง
          มีรถโดยสารธรรมดาและรถโดยสารปรับอากาศของบริษัท ขนส่ง จำกัด และของเอกชน สายกรุงเทพฯ-ยะลา ออกจากสถานีขนส่งสายใต้ ถนนบรมราชชนนี ทุกวัน วันละหลายเที่ยว
 
          - เครื่องบิน

          โดยปกติแล้วไม่มีเที่ยวบินตรงมายังยะลา แต่นักท่องเที่ยวสามารถนั่งเครื่องไปลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา หลังจากนั้นค่อยต่อรถยนต์ไปยังยะลาได้

6. ที่เที่ยวยะลา มีที่ไหนน่าเที่ยวบ้าง ?
          สถานที่ท่องเที่ยวยะลามีอยู่มากมาย ทั้งที่เที่ยวทางวัฒนธรรมและธรรมชาติที่ยังคงอุดมสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็น

          - อุโมงค์ปิยะมิตร

          สถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่ที่บ้านปิยะมิตร 1 ตำบลตาเนาะแมเราะ อำเภอเบตง มีลักษณะเป็นอุโมงค์ดิน ครั้งหนึ่งเป็นสถานที่ที่อดีตขบวนการโจรจีนคอมมิวนิสต์มลายา (จคม.) สร้างขึ้น เพื่อใช้เป็นฐานปฏิบัติการต่อสู้ทางการเมือง สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2519 ใช้หลบการโจมตีทางอากาศและสะสมเสบียง ในปัจจุบันได้เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวให้แก่นักท่องเที่ยวที่สนใจเข้ามาเรียนรู้ประวัติศาสตร์ในอดีต

          - มัสยิดกลางอำเภอเบตง
          ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองเบตง เยื้องกับที่ทำการไปรษณีย์เบตง เดิมเป็นเพียงโครงไม้และหลังคาสังกะสี สมัยหะยีหะมะ ดาเดะ เป็นอิหม่าม จึงได้สร้างมัสยิดหลังใหม่ เก็บรวบรวมเงินจากชาวมลายู เป็นทุนดำเนินการก่อสร้าง โดยใช้รูปแบบมัสยิดของประเทศมาเลเซียมาเป็นแบบในการสร้าง กลายเป็นมัสยิดกลางอันงดงามของอำเภอเบตงมาจนถึงทุกวันนี้

          - ป้ายใต้สุดสยาม
          หนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญเมื่อมาเที่ยวยะลา อยู่ที่อำเภอเบตง เป็นป้ายที่กั้นอาณาเขตระหว่างประเทศไทยและมาเลเซีย ทั้งยังกลายเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจไปถ่ายรูปอยู่เสมอ หรือถ้าใครจะไปมาเลเซียต่อก็สามารถเดินทางโดยผ่านจุดนี้ไปได้เช่นกัน

          - ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง
          ทะเลหมอกภาคใต้สุดอลังการ ตั้งอยู่ตำบลอัยเยอร์เวง อำเภอเบตง ในเขตพื้นที่ของเขาไมโครเวฟ กิโลเมตรที่ 32 เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เต็มอิ่มกับการชมทะเลหมอกแบบหนา ๆ ตั้งแต่ช่วงเช้ามืดได้อย่างสวยงาม และจุดชมวิวไฮไลต์ของที่นี่อีกหนึ่งแห่ง คือ บริเวณยอดเขาฆูนุงซีลีปัต (ฆูนุงสาลี) ที่ต้องเดินป่าขึ้นไปบนยอดเขาเพื่อชมทะเลหมอกในมุมมองกว้าง 360 องศา เป็นความอันซีนธรรมชาติที่น่าค้นหาเป็นอย่างยิ่ง

อันซีนชายแดนใต้ ณ ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง เบตง

          - วัดคูหาภิมุข
          หนึ่งในวัดสำคัญของยะลา ตั้งอยู่ที่ตำบลหน้าถ้ำ อำเภอเมืองยะลา ภายในวัดมีถ้ำใหญ่ ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ และพระพุทธรูปเก่าแก่หลายองค์ ท่ามกลางหินงอกหินย้อยสวยงาม โดยเราจะเห็นหยดน้ำใสไหลรินออกมาจากหินงอกหินย้อยเหล่านั้น นอกจากนี้ยังได้เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ศรีวิชัย สถานที่ซึ่งเก็บวัตถุโบราณที่ขุดค้นได้จากถ้ำต่าง ๆ บนภูเขาวัดถ้ำและภูเขากำปั่น ไม่ว่าจะเป็นพระพิมพ์ดินดิบ สถูป เม็ดพระศก และอิฐฐานพระพุทธรูป ล้วนทรงคุณค่าในแง่ประวัติศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง
          - บ่อน้ำร้อนเบตง
          ตั้งอยู่ที่บ้านจะเราะปะไร ตำบลตาเนาะแมเราะ อำเภอเบตง มีความเชื่อกันว่าบ่อน้ำร้อนแห่งนี้เป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ที่สามารถรักษาโรคต่าง ๆ ได้ อย่างโรคผิวหนังและอาการปวดเมื่อยตามร่างกายต่าง ๆ โดยมีการจัดสถานที่ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้อาบน้ำร้อนอย่างเป็นสัดส่วน แถมพื้นที่โดยรอบยังล้อมรอบด้วยธรรมชาติสวย เหมาะสำหรับการเดินทางไปเที่ยวพักผ่อนอีกด้วย

          - สวนไม้เมืองหนาวเบตง
          สวนดอกไม้เมืองหนาวแห่งเดียวของภาคใต้ ตั้งอยู่ในหมู่บ้านปิยะมิตร 2 ตำบลตาเนาะแมเราะ อำเภอเบตง  เป็นโครงการตามพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้าฯ ภายในสวยงามด้วยหมู่มวลดอกไม้นานาชนิด ได้แก่ แอสเตอร์ ไฮเดรนเยีย เบญจมาศ กุหลาบ พีค็อก เยอบีร่า ลิลลี่ แกลดิโอลัส ตุ้มหูนางฟ้า และอีกหลายสายพันธุ์ ทำเอานักท่องเที่ยวอย่างเราอดประทับใจไปกับความสวยงามที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้
          - เขื่อนบางลาง
          ตั้งอยู่ที่บ้านบางลาง อำเภอบันนังสตา เป็นเขื่อนที่สร้างขึ้นเพื่อกั้นแม่น้ำปัตตานี อันเป็นส่วนหนึ่งของโครงการไฟฟ้าพลังน้ำอเนกประสงค์แห่งแรกในภาคใต้ นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวที่นี่ส่วนใหญ่ นอกเหนือจากการชื่นชมวิวกว้างสุดสายตาแล้ว ที่นี่ยังมีกิจกรรมสนุก ๆ ให้ได้ทำ ไม่ว่าจะเป็นการล่องแพหรือนั่งเรือชมทัศนียภาพป่าฮาลา-บาลา และสำรวจธรรมชาติป่าฮาล-บาลา ผืนป่าที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ ด้วยพรรณไม้แปลก ๆ และสัตว์ป่านานาชนิด ตลอดจนน้ำตกสวย เป็นความอันซีนธรรมชาติที่ไม่เห็นได้บ่อยนัก

          - น้ำตกธารโต
          น้ำตกที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติบางลาง อำเภอบันนังสตา เป็นน้ำตกที่มีความสูงมากถึง 9 ชั้น โดยทุกชั้นนักท่องเที่ยวสามารถเดินเที่ยวได้อย่างสบาย ๆ โดยแต่ละชั้นจะมีชื่อเรียก ได้แก่ ธารสามสาย, ธารเซาะหิน, ธารมัจฉา, ธารกระเซ็น, ธารเสน่หา, ธารดาหลา, ธารหินตั้ง, ธารพฤกษา และธารโต เป็นต้น ตลอดเส้นทางคุณจะได้พบเจอกับความสวยงามของธรรมชาติได้ตลอดสองข้างทาง ทำเอาคุณประทับใจจนลืมไม่ลงเลยทีเดียว
          - น้ำตกเฉลิมพระเกียรติ ร.9
         แต่เดิมมีชื่อว่า "น้ำตกวังเวง" หรือ "อัยเยอร์เค็ม" ตั้งอยู่ที่ตำบลอัยเยอร์เวง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งที่น่าเช็กอิน ด้วยเพราะธรรมชาติสวย ต่อมาในปีมหามงคลครบรอบ 72 พรรษาของในหลวง รัชกาลที่ 9 เมื่อปี พ.ศ. 2542 อบต.อัยเยอร์เวง จึงได้เข้ามาพัฒนาบุกเบิกเส้นทาง พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว และได้เปลี่ยนชื่อเป็นน้ำตกเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
          - อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์
          อุโมงค์ลอดภูเขาแห่งแรกของไทย ตั้งอยู่บริเวณถนนอมรฤทธิ์ ตัดกับถนนภักดีดำรงค์ ผ่านสวนสาธารณะเทศบาลเมืองเบตง เปิดใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2544 เชื่อมเขตเมืองเก่ากับชุมชนเมืองใหม่ โดยปกติอุโมงค์แห่งนี้จะมีรถผ่านเข้า-ออกตลอดทั้งวัน และเป็นทางเดินได้ด้วย หากแต่ในบางช่วงจะเปิดไฟประดับอุโมงค์ มีความสวยงาม กลายเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีคนไปถ่ายรูปอยู่เป็นจำนวนไม่น้อย โดยเหนืออุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ ยังเป็นสนามกีฬาและสวนสาธารณะเทศบาลเมืองเบตง เหมาะสำหรับการพักผ่อนรวมถึงชมทัศนียภาพของเบตงในมุมสูงได้อีกด้วย

          แม้ว่ายะลาจะไม่มีชายหาดสวย ๆ ให้นักท่องเที่ยวมาเยือน แต่เสน่ห์ของยะลากลับอยู่ที่ความน่ารักและรอยยิ้มของผู้คน บวกกับสถานที่ท่องเที่ยวที่ยังคงความเป็นธรรมชาติ กลายเป็นว่านั่นทำให้ยะลามีเสน่ห์ชวนน่าหลงใหลในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งนั่นไม่มีใครรู้ นอกเสียจากว่าจะได้มีโอกาสไปสัมผัสด้วยตัวเอง
7. ร้านอาหารยะลา มีร้านไหนน่ากินบ้าง ?
          บอกเลยว่ายะลาเป็นจังหวัดที่มีของอร่อยขึ้นชื่ออยู่เพียบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมนูเด็ดอย่างไก่เบตง ที่ใครไปถึงยะลาก็ต้องแวะกิน แต่นอกเหนือจากเมนูไก่เบตงแล้วก็ยังมีร้านอาหารอร่อย ๆ เป็นที่เลื่องลือทั่วทั้งจังหวัดยะลา เช่น
หวายร้อยลี้ Boutique Restaurant
          ร้านอาหารอร่อยประจำอำเภอเบตง การันตีรสชาติความอร่อย บรรยากาศสบาย ๆ ร้านล้อมรอบด้วยต้นไม้หลากหลายชนิด มีเมนูอาหารแนะนำน่ากินมากมาย เช่น "ไก่สับเบตง" เนื้อแน่น หนังกรอบ, "แกงกะหรี่หัวปลา" เมนูซิกเนเจอร์ของทางร้านที่ใครมาก็ต้องสั่ง, "กบภูเขาทอดกระเทียม" กรอบนุ่ม รสชาติเข้าเนื้อ และ "แกงส้มแป๊ะซะ" รสชาติจัดจ้านหอมเครื่องสมุนไพร เป็นต้น และยังมีเมนูอื่น ๆ อีกมากมาย รับรองว่าถูกใจคนกินแน่นอน

          เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.30-15.00 น. และ 17.00-24.00 น.
          ที่อยู่ : ถนนรวมวิทย์ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา
          เบอร์โทรศัพท์ : 073 235 368
          เฟซบุ๊ก : หวายร้อยลี้ Boutique Restaurant
ต้าเหยิน
          ร้านอาหารชื่อดังยะลา ที่ว่ากันว่าถ้าใครอยากกินอาหารท้องถิ่นอร่อย ๆ ให้แวะมากินที่นี่ ที่ร้านเน้นเสิร์ฟเมนูอาหารจีนแบบท้องถิ่น จึงไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมใครมาเที่ยวยะลาก็ต้องแวะมาลิ้มลองความอร่อยที่นี่ด้วยกันทั้งนั้น หลากหลายเมนูเด็ดให้เลือกลิ้มลอง เช่น ไก่เบตง, หมี่เหลืองผัด, เคาหยก, ปลาจีนนึ่งบ๊วย, ผักน้ำผัดน้ำมันกระเทียม และเมนูอื่น ๆ อีกมากมาย ใครที่อยากลิ้มลองเมนูอาหารเก่าแก่ไปที่นี่ไม่มีผิดหวัง
 
          เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-14.00 น. และเวลา 17.00-22.00 น.
          ที่อยู่ : ถนนสุขยางค์ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา
          เบอร์โทรศัพท์ : 073 230 461
ธาราซีฟู้ด

          ร้านอาหารซีฟู้ดน่าอร่อยของจังหวัดยะลา ที่พร้อมเสิร์ฟอาหารทะเลสด ๆ แบบไม่ยั้ง ใครได้กินก็ต้องชอบ ว่ากันว่าใครมาที่ร้านต้องสั่ง "ปลาเผา" กลิ่นหอมด้วยใบเตยและผักชี นอกจากนี้ยังมีทั้งกุ้งเผา, ปลาหมึกเผา กินคู่กับน้ำจิ้มรสแซ่บ เอาเข้าปากไปหนึ่งคำ รับรองว่าติดใจ นอกจากนี้ยังมีเมนูอาหารให้สั่งอีกเพียบ เช่น ข้าวผัดปู, ผัดผักน้ำเบตง, หอยหวานเผา, ผัดหอยลายพริกเผา และเมนูน่ากินอื่น ๆ เพียบ เป็นต้น การันตีความอร่อยทุกคำแน่นอน
 
          เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น.
          ที่อยู่ : ถนนพิพิธภักดี ตำบลสะเตง อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา
          เบอร์โทรศัพท์ : 073 212 356
          เฟซบุ๊ก : ร้านธาราซีฟู้ด จังหวัดยะลา

ไทซีฮี้
          ใครอยากกินมื้อเช้าในยะลาอร่อย ๆ มาร้านนี้ไม่ผิดหวัง หลากหลายเมนูติ่มซำและเมนูอาหารเด็ด ๆ มากมาย ในส่วนของติ่มซำมีให้เลือกทั้ง ขนมจีบ ซาลาเปา บ๊ะจ่าง ซี่โครงหมู และอื่น ๆ แต่ในส่วนของเมนูอาหาร แน่นอนว่าพลาดไม่ได้เลยกับ ไก่เบตง, เคาหยก และกบภูเขาผัดเม็ดมะม่วง เรียกได้ว่าจัดเต็มทั้งเครื่องและรส เผลอ ๆ อาจกลายเป็นหนึ่งในร้านประจำเมื่อไปเที่ยวยะลาก็ได้
 
          เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-19.00 น.
          ที่อยู่ : ถนนเทศจินดา ตำบลเบตง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา
          เบอร์โทรศัพท์ : 073 325 802
ก๋วยจั๊บหมูกรอบ (เฮียสุย)
          ร้านกวยจั๊บของดีของจังหวัดยะลา ที่ใครมาก็ไม่ควรพลาด การันตีความอร่อย ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ความอร่อยอยู่ที่น้ำซุป รสไม่จัดจนเกินไป หอมน้ำพะโล้เบา ๆ แถมเครื่องในสะอาด ไม่มีกลิ่น หมูกรอบก็เด็ด จนความอร่อยเป็นที่เลื่องชื่อลือชา ใครไปใครมาก็ต้องแวะมากิน รู้อย่างนี้แล้วสงสัยว่าต้องไปลองกินสักชาม
          เวลาเปิด-ปิด : วันจันทร์-เสาร์ ตั้งแต่เวลา 11.00-20.00 น. (หยุดวันอาทิตย์)
          ที่อยู่ : ถนนคชเสนีย์ 2 ตำบลสะเตง อำเภอเมือง จังหวัดยะลา
          เบอร์โทรศัพท์ : 084 750 1854
ร้านเจริญข้าวมันไก่เบตงพันธุ์แท้. สท.แม้ว
          ร้านข้าวมันไก่เบตงขึ้นชื่อ ข้าวมันไก่ที่ร้านบอกเลยว่าเนื้อแน่น ไม่ยุ่ย แถมข้าวก็ยังร่วนอร่อย ยิ่งได้กินคู่กับน้ำจิ้ม ซึ่งมีให้เลือก 2 แบบ คือ น้ำจิ้มข้าวมันไก่ปกติ และซีอิ๊วดำหวาน จะเลือกกินแบบไหนก็ถูกใจ นอกจากข้าวมันไก่แล้ว ที่ร้านยังมีข้าวมันไก่ทอด, ข้าวหมูแดง, ข้าวขาหมู และกวยจั๊บ ให้คุณได้เลือกสั่งอีกต่างหาก เราจึงเห็นว่ามีลูกค้าเข้ามาอุดหนุนกันไม่ขาดสาย เพราะอร่อยถูกใจคนกินไปเสียหมดทุกอย่างแบบนี้นี่เอง
 
          เวลาเปิด-ปิด : วันจันทร์-เสาร์ ตั้งแต่เวลา 06.00-14.00 น.
          ที่อยู่ : ถนนสุขยางค์ ตำบลเบตง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา
          เบอร์โทรศัพท์ : 089 654 2490
          เฟซบุ๊ก : ร้านเจริญข้าวมันไก่เบตงพันธุ์แท้. สท.แม้ว
8. ที่พักยะลา นอนที่ไหนดี ?
          มาเที่ยวยะลาไม่ต้องห่วงเรื่องที่พัก เพราะมีที่พักหลากหลายประเภทไว้คอยบริการ แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ในอำเภอเบตงและในอำเภอเมืองยะลา
 
          ที่พักยะลาอำเภอเมือง
Yala Rama Hotel
ที่อยู่ : ถนนศรีบำรุง ตำบลสะเตง อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา
เบอร์โทรศัพท์ : 073 212 563
เฟซบุ๊ก : โรงแรมยะลารามา YALA RAMA HOTEL
Nibong Resort
ที่อยู่ : ถนนเทศบาล 1 ตำบลสะเตงนอก อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา
เบอร์โทรศัพท์ : 073 224 341
เฟซบุ๊ก : นิบงรีสอร์ท
The Linux garden hotel
ที่อยู่ : ถนนสันติสุข ซอย 3 ตำบลสะเตง อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา
เบอร์โทรศัพท์ : 065 372 0700
เฟซบุ๊ก : The Linux Garden Hotel
          ที่พักในอำเภอเบตง
Sri Betong Hotel
ที่อยู่ : ถนนธรรมวิถี ตำบลเบตง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา
เบอร์โทรศัพท์ : 073 230 188
เฟซบุ๊ก : โรงแรมศรีเบตง Sri Betong Hotel
Grand Mandarin Betong Hotel
ที่อยู่ : ถนนภักดีดำรงค์ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา
เบอร์โทรศัพท์ : 073 235 777
เฟซบุ๊ก : Grand Mandarin Betong Hotel
เว็บไซต์ : www.mandarinbetong.co.th
Garden View Betong Hotel
ที่อยู่ : ซอย 2 ถนนอัยเยอร์เบอร์จัง ตำบลเบตง อำบลเบตง จังหวัดยะลา
เบอร์โทรศัพท์ : 073 246 222
เฟซบุ๊ก : Garden View Betong Hotel
เว็บไซต์ : gardenviewbetonghotel.com
Butterfly Princess Hotel

ที่อยู่ : ถนนประชาธิปัตย์ ตำบลเบตง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา
เบอร์โทรศัพท์ : 073 230 888
เฟซบุ๊ก : Butterfly Princess Hotel Betong
เว็บไซต์ : www.butterflybetonghotel.com
บ่อน้ำร้อนรีสอร์ท แอนด์ สปา
ที่อยู่ : ตำบลตาเนาะแมเราะ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา
เบอร์โทรศัพท์ : 089 655 5016
เฟซบุ๊ก : บ่อน้ำร้อนรีสอร์ท แอนด์ สปา อ.เบตง จ.ยะลา
 
Pupha&Sila Home

ที่อยู่ : ถนนมงคลวิถี อำเภอเบตง จังหวัดยะลา
เบอร์โทรศัพท์ : 073 246 122
เฟซบุ๊ก : Pupha&Sila Home
 
Modern Thai Hotel

ที่อยู่ : ถนนรัตนกิจ ตำบลเบตง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา
เบอร์โทรศัพท์ : 073 235 666
เฟซบุ๊ก : Modern Thai Hotel
9. ของฝากยะลา มีอะไรดีและเด็ดบ้าง ?
          กลายเป็นอีกหนึ่งธรรมเนียมสำหรับการเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัดไปแล้ว กับการช้อปปิ้งเลือกซื้อของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้าน ซึ่งยะลาเองก็มีของดีของเด็ดให้เลือกซื้ออยู่ไม่น้อยเลย เช่น หมี่อบแห้ง, กล้วยหินฉาบ, ส้มโชกุน และลองกอง เป็นต้น
          นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์หัตถกรรมพื้นบ้านต่าง ๆ ผ้าบาติก และผลิตภัณฑ์ไม้ยางพารา บอกเลยว่าน่าอุดหนุนอยู่ไม่น้อย ทั้งยังเป็นการสร้างรายได้คืนกลับไปยังชุมชนอีกด้วย
10. ประเพณีสำคัญจังหวัดยะลา มีอะไรบ้าง ?
          ยะลา เป็นจังหวัดที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน แน่นอนว่ากว่าจะมาถึงทุกวันนี้ ยะลากลายเป็นจังหวัดที่มีเสน่ห์ในแง่ของประเพณีและวัฒนธรรมที่น่าสนใจ ก่อเกิดเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สืบทอดและส่งต่อกันมาชั่วลูกชั่วหลาน วัฒนธรรมและประเพณีที่มีความสำคัญประจำจังหวัดยะลา ได้แก่
 
งานมหกรรมแข่งขันนกเขาชวาเสียงอาเซียน งานประจำปีของจังหวัดยะลา ในงานมีขบวนแห่โดยกลุ่มผู้เลี้ยงนกเขาชวาเสียงของทั้งประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย บรูไน และชมรมผู้เลี้ยงนกเขาชวาเสียงของทุกจังหวัดในประเทศไทย
 
งานสมโภชเจ้าพ่อหลักเมือง บริเวณเทศบาลเมืองยะลา ในงานมีขบวนแห่ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองจำลอง การออกร้านจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ของส่วนราชการ นิทรรศการและมหรสพการแสดงพื้นบ้านต่าง ๆ
 
เทศกาลฟื้นฟูประเพณีของดีเมืองยะลา บริเวณเทศบาลเมืองยะลา มีการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านในจังหวัดชายแดนภาคใต้ การประกวดรำซีละ ประกวดสตรีแต่งกาย ชุดบานง ประกวดศรีบุหงาศิริ ประกวดรำรองเง็ง ประกวดขับร้องเพลงอานาซีดภาษามลายู และภาษาไทย มีนิทรรศการของดีเมืองยะลา

ตั๊กออแกไนท์ยะลารับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ 
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคยะลา
นางรำยะลาเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคยะลา
ยะลารําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคยะลา
รําบวงสรวงพญานาคยะลา
ฟ้อนบูชาพญานาคยะลา
รําบวงสรวงพญานาคยะลา


  ติดต่อสอบถามเรา        
            


251
ยิ้มตลอดทั้งทริป เมื่อหนีเที่ยวสุราษฎร์ธานี เมืองแห่งความสุข

 เกาะสมุย

          คงไม่มีใครไม่รู้จักเกาะสวรรค์แห่งนี้ เกาะสมุยตั้งอยู่ในน่านน้ำทางฝั่งทะเลอ่าวไทย ในเขตพื้นที่ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ด้วยความที่เกาะสมุยมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของเกาะในเมืองไทย ครอบคลุมพื้นที่มากถึง 247 ตารางกิโลเมตร จึงได้ยกให้เกาะสมุยเป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดสุราษฎร์ธานี เกาะสมุยอยู่ห่างจากตัวเมืองสุราษฎร์ประมาณ 84 กิโลเมตร และห่างจากท่าเรือดอนสัก ประมาณ 35 กิโลเมตร ภายในเกาะสมุยเต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจี เสน่ห์ของที่นี่ ก็คือ หาดทรายขาว น้ำทะเลใส หาดที่มีชื่อเสียงและสวยงาม อาทิ หาดเฉวง หาดละไม หาดตลิ่งงาม และหาดนาเทียน นอกจากนี้บนเกาะสมุยยังมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย อาทิ หินตาหินยาย, น้ำตกหน้าเมือง, วัดพระใหญ่, ถนนคนเดินบ่อผุด, พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดละไม, สวนผีเสื้อสมุย เป็นต้น สิ่งที่ห้ามพลาดเด็ดขาดเมื่อมาถึงเกาะสมุยก็คือการลิ้มรสน้ำมะพร้าวพันธุ์ดั้งเดิมของเกาะสมุย ที่มีรสชาติหวานหอมไม่เหมือนที่ไหนแน่นอน

          การเดินทางมายังเกาะสมุย นักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือเฟอร์รี่ที่ท่าเรือดอนสัก อำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง บนเกาะสมุยมีทั้งรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ให้เช่า หรือจะนั่งรถประจำทางท่องเที่ยวบนเกาะก็ได้ และยังเพียบพร้อมไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรมที่พัก สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุราษฎร์ธานี โทร. 0 7728 8817-9, 0 7728 2828

          อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง

          อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง ตั้งอยู่ห่างจากเกาะสมุยไปทางทิศตะวันตกประมาณ 20 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 63,750 ไร่ ประกอบด้วยเกาะมากกว่า 40 เกาะ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภูเขาหินปูนที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้สีเขียวขจีสวยงาม พร้อมกับโอบล้อมไปด้วยท้องทะเลสีฟ้าคราม สวยงาม บางเกาะมีหาดทรายขาว โดดเด่น บางเกาะมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติให้ได้เดินเที่ยวชม ซึ่งเกาะที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากที่สุด คือ เกาะวัวตาหลับ เพราะเป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง และยังเป็นที่ตั้งของจุดชมวิวที่สวยที่สุดในหมู่เกาะนี้ คือ "จุดชมวิววัวตาหลับ" นักท่องเที่ยวต้องเดินไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ และปีนป่ายไปตามภูเขาหินปูนที่แหลมคมเพื่อขึ้นไปยังจุดชมวิว แต่เมื่อขึ้นไปถึงจุดชมวิวแล้วจะได้พบกับทัศนียภาพของหมู่เกาะต่าง ๆ ที่อยู่เหนือผืนน้ำสีเขียวมรกตแบบพาโนรามา พร้อมกับอากาศที่เย็นสบาย

          ทั้งนี้นักท่องเที่ยวสามารถพักค้างคืนได้ที่เกาะวัวตาหลับ ภายในที่พักของทางอุทยาน หรือจะเช่าเหมาเรือจากเกาะสมุยมาเที่ยวแบบไปเช้า-เย็นกลับก็ได้เช่นกัน สอบถามรายละเอียดการเดินทางและที่พักได้ที่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง โทร.  0 7728 6025, 0 7728 0222, 0 7728 6025

          เกาะเต่า

          เกาะเต่า มีชื่อเสียงมากเกี่ยวกับสถานที่ดำน้ำที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ด้วยบริเวณเกาะเต่ามีสภาพของธรรมชาติที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของปะการัง โดยเฉพาะปะการังอ่อน ซึ่งมีสีสันสดใส อีกทั้งใต้ท้องทะเลก็ยังมีสัตว์ใต้ทะเลหลากหลายชนิด เป็นพื้นที่ที่นักดำน้ำจากทั่วโลกต่างใฝ่ฝันที่จะมาเยือน นอกจากนี้บนเกาะเต่าก็ยังมีหาดทรายขาวบริสุทธิ์ ยามกลางวันเงียบสงบ ส่วนในช่วงค่ำคืนจะมีร้านอาหาร คลับบาร์ เปิดให้บริการ สร้างสีสันให้กับเกาะเต่าไม่เหงา บรรยากาศของเกาะเต่านั้นจะมีความโรแมนติก ด้วยเป็นเกาะที่มีน้ำทะเลใส หาดทรายขาว หลายคู่รักเลือกที่จะมาเยือนเกาะเต่าเพื่อถ่ายรูปพรีเวดดิ้ง หรือใช้เป็นสถานที่สำคัญในการจัดงานแต่งงาน

          โรงแรมที่พักบนเกาะเต่า มีตั้งแต่ราคาหลักร้อยไปจนถึงหลักหมื่น มีหลากหลายแบบให้ได้เลือกพัก ครบครันไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร โรงเรียนสอนดำน้ำ บริษัททัวร์ คลับ บาร์ เป็นสวรรค์ย่อม ๆ ที่จะทำให้ประทับใจไม่รู้ลืม

          เกาะเต่า อยู่ห่างจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี ประมาณ 110 กิโลเมตร จากเกาะพะงัน ประมาณ 45 เมตร จากเกาะสมุย ประมาณ 64 กิโลเมตร และห่างจากจังหวัดชุมพร ประมาณ 74 กิโลเมตร หากจะเดินทางมาจากแผ่นดินใหญ่การเดินทางจากจังหวัดชุมพรจะมีความสะดวกมากกว่า แต่ถ้ามาจากจังหวัดสุราษฎร์ธานีก็จะได้แวะเที่ยวเกาะอื่น ๆ ด้วย

          เกาะพะงัน

          หากพูดถึงเทศกาลฟูลมูน ปาร์ตี้ สิ่งแรกที่จะนึกถึงก็คือ "เกาะพะงัน" เพราะเกาะแห่งนี้เป็นสถานที่แรก ๆ ในเมืองไทยที่จัดเทศกาลชมจันทร์ ซึ่งมีบรรยากาศที่สุดแสนอบอุ่นและโรแมนติก ด้วยสถานที่จัดงานอยู่บริเวณหาดริ้น ในทุก ๆ ปี จะมีผู้คนมากมายจากทั่วโลกหลั่งไหลมาร่วมเทศกาลนี้ โดยภายในงานจะมีกิจกรรมให้ร่วมสนุกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการชมคอนเสิร์ต, การเพ้นท์ตัวด้วยสีสะท้อนแสง และการเล่นเกมต่าง ๆ เป็นต้น

          นอกจากเทศกาลฟูลมูน ปาร์ตี้ ที่เป็นที่รู้จักของคนทั่วทั้งโลกแล้ว ที่นี่ยังมีธรรมชาติที่สวยงาม รอบ ๆ เกาะมีแนวปะการังมากมายให้ได้ดำดิ่งลงไปชื่นชม พร้อมทั้งน้ำทะเลที่ใสสะอาด มองเห็นใต้ท้องทะเลได้อย่างชัดเจน หาดทรายหลายแห่งขาวสะอาด น่าสัมผัส บนเกาะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และมีโรงแรมที่พักให้เลือกมากมาย รวมทั้งร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ร้านสะดวกซื้อ อีกด้วย

          เกาะพะงัน มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 168 ตารางกิโลเมตร มีฐานะเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ห่างจากตัวเมืองสุราษฎร์ฯ ประมาณ 100 กิโลเมตร การเดินทางมายังเกาะพะงันสามารถขึ้นเรือได้ที่ท่าเรือดอนสัก หรือจะเดินทางไปท่องเที่ยวยังเกาะสมุยก่อน แล้วไปเที่ยวยังเกาะพะงันก็ได้ เพราะมีเรือจากเกาะสมุยไปยังเกาะพะงันด้วยเช่นกัน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุราษฎร์ธานี โทร. 0 7728 8817-9

          เกาะนางยวน

          เกาะนางยวน เป็นอีกหนึ่งเกาะในประเทศไทยที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ติด 1 ใน 10 เกาะที่น่าพักผ่อนมากที่สุดในโลก เกาะนางยวนตั้งอยู่ทางทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะเต่า เอกลักษณ์ของเกาะนางยวน ก็คือเกาะทั้ง 3 เกาะ ถูกเชื่อมต่อกันด้วยสันทรายสีขาวสะอาด ภูเขาทั้ง 3 ลูกเขียวขจีไปด้วยต้นไม้และล้อมรอบด้วยน้ำทะเลสีฟ้าคราม

          เกาะนางยวน มีพื้นที่ไม่มาก มีที่พักเพียงแห่งเดียวเท่านั้น จึงทำให้ที่นี่เงียบสงบ มีความเป็นส่วนตัว นักท่องเที่ยวสามารถที่จะเดินเล่นบนสันทราย นอนอาบแดด อ่านหนังสือ ดำน้ำดูปะการังโดยรอบ ๆ เกาะ หรือแม้กระทั่งการพายเรือคายักชมความงดงามของเกาะนางยวนก็สนุกไม่น้อยเลยทีเดียว สิ่งที่พลาดไม่ได้เมื่อไปถึงเกาะนางยวนก็คือการเดินตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ขึ้นไปยังจุดชมวิวบริเวณบนยอดเขาของเกาะทางด้านซ้าย เพื่อไปชมทัศนียภาพที่สวยงามของสันทรายที่เชื่อมเกาะทั้ง 3 ไว้ ความสวยงามของวิวบนนี้จะทำให้คุณไม่อยากเดินกลับไปยังด้านล่างเลยทีเดียว

          ช่วงที่เหมาะสมที่สุดในการมาเที่ยวเกาะนางยวนก็คือช่วงเดือนกุมภาพันธ์-ตุลาคม เพราะจะมีคลื่นลมสงบ ท้องฟ้าสดใส แต่ในช่วงอื่น ๆ ก็จะมีความสวยงามที่แตกต่างกัน และไม่วุ่นวายเท่ากับช่วงไฮซีซั่นอีกด้วย นักท่องเที่ยวสามารถที่จะเดินทางจากจังหวัดสุราษฎร์มายังเกาะเต่าหรือเกาะพะงันก่อน แล้วค่อยมาที่เกาะนางยวน หรือจะไปขึ้นเรือที่อ่าวทุ่งมะขามน้อย จังหวัดชุมพร ก็ได้ ซึ่งจะมีระยะทางที่ใกล้กว่าการเดินทางจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี


เที่ยวป่าเขา
          อุทยานแห่งชาติเขาสก

          อุทยานแห่งชาติเขาสก ตั้งอยู่ในอำเภอบ้านตาขุน จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยครอบคลุมพื้นที่มากกว่า  645.52 ตารางกิโลเมตร มีสภาพภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน อุดมสมบูรณ์ไปด้วยต้นไม้ และสัตว์ป่านานาชนิด บริเวณทางด้านเหนือของอุทยานเป็นทะเลสาบที่เกิดจากการสร้างเขื่อนรัชชประภาหรือเขื่อนเชี่ยวหลาน ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวค่อนข้างมาก ด้วยภายในทะเลสาบมีภูเขาหินปูนรูปร่างแปลกตา ตั้งตระหง่านอยู่บนผืนน้ำใสอย่างสง่างาม และบริเวณโดยรอบทะเลสาบ มีแพที่พักต่าง ๆ มากมาย ไว้บริการนักท่องเที่ยว

          นักท่องเที่ยวสามารถที่จะมาพักผ่อนบนแพ ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม และอากาศบริสุทธิ์ ยามเช้าจะมีสายหมอกคลอเคลียกับผืนน้ำ มีแสงของพระอาทิตย์ส่องลงมาสะท้อนเบา ๆ เป็นภาพที่สวยงามมาก ๆ บางรีสอร์ทมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้สนุกสนานมากมาย อาทิ การพายเรือแคนู, การเที่ยวถ้ำน้ำทะลุ, การเล่นกระดานสไลเดอร์, การว่ายน้ำในทะเลสาบ เป็นต้น

          น้ำตกตาดฟ้า

          หากไม่อยากไปเที่ยวทะเล ที่สุราษฎร์ธานีก็มีที่เที่ยวแบบน้ำตกป่าเขาให้ได้เที่ยวชมเช่นกัน ซึ่ง "น้ำตกตาดฟ้า" เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดสุราษฎร์ธานีที่ห้ามพลาด ด้วยเป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่และสวยงามมากที่สุดของที่นี่ ตั้งอยู่ที่อุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น ตำบลลำพูน อำเภอบ้านนาสาร เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ มีทั้งหมด 8 ชั้น โดยแต่ละชั้นก็มีความสูงและชื่อเรียกที่แตกต่างกันไป อาทิ ริมไผ่ วังเตย หนานเตย ริมไทร ริมไทรน้อย วังเย็น วังต้นผึ้ง และดาดฟ้า ซึ่งชั้นที่สูงและสวยที่สุดคือชั้นที่ 8 ชื่อว่าชั้นตาดฟ้า มีความสูง 1,250 เมตร บริเวณโดยรอบน้ำตกเป็นป่าเขียวขจี อากาศสดชื่น เย็นสบาย มีจุดให้นั่งปิกนิกและเล่นน้ำหลายจุด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น โทร. 0 7791 8611
          บ่อน้ำพุร้อนท่าสะท้อน

          บ่อน้ำพุร้อนท่าสะท้อน ตั้งอยู่ที่บ้านห้วย หมู่ที่ 6 ตำบลท่าสะท้อน อำเภอพุนพิน โดยเป็นบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติที่ผุดออกมาจากใต้ผืนดิน วัดอุณหภูมิได้ประมาณ 70 องศาเซลเซียส ซึ่งจะมีส่วนผสมของหินปูน หรือสารละลายแคลเซียมคาร์บอเนตอยู่ด้วย ชาวบ้านในพื้นที่และนักท่องเที่ยวมักจะไปแช่น้ำร้อนกันเพื่อให้ร่างกายผ่อนคลาย บรรเทาอาการปวดเมื่อยตามร่างงกาย ช่วยกระตุ้นระบบประสาท เป็นต้น โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณนี้ให้มีทัศนียภาพที่สวยงาม มีบ่อแยกไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ลงไปแช่ท่ามกลางต้นไม้มากมายโดยรอบ

          น้ำตกวิภาวดี

          น้ำตกวิภาวดี อยู่ห่างจากจากอำเภอเมืองประมาณ 38 กิโลเมตร อยู่ในเขตอำเภอเมืองวิภาวดี เป็นอีกหนึ่งน้ำตกที่มีความสวยงาม มีต้นกำเนิดมาจากเทือกเขาแดน มีทั้งหมด 9 ชั้น แต่ละชั้นก็มีความสูงและความสวยงามแตกต่างกันไป ชั้นที่สวยที่สุด ได้แก่ ชั้นที่ 2 ด้วยเป็นชั้นที่มีหน้าผาสูงมากถึง 15-20 เมตร น้ำจำนวนมหาศาลจะไหลลงมาตามหน้าผาหินอย่างสวยงาม ลงสู่แอ่งน้ำด้านล่าง ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถที่จะว่ายน้ำเล่นได้ในบริเวณนี้ บริเวณโดยรอบน้ำตกเต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจี มีอากาศเย็นสบาย เหมาะแก่การพักผ่อน ซึ่งช่วงที่เหมาะสมที่สุดในการมาเที่ยวชมน้ำตกก็คือช่วงเดือนมกราคม-เมษายน เพราะมีน้ำเยอะ ทำให้เห็นความสวยงามของน้ำตกแห่งนี้อย่างชัดเจน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ องค์การบริหารส่วนตำบลตะกุกใต้ โทร. 0 7731 9019

ที่เที่ยวอื่น ๆ

          คลองร้อยสาย

          คลองร้อยสาย เป็นบริเวณที่แม่น้ำตาปีแยกออกมาเป็นคลองมากมายกว่าร้อยสาย ตั้งอยู่ในตำบลบางใบไม้ ตัวเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี ชุมชนบริเวณนี้เรียกว่า "ชุมชนในบาง" ชาวบ้านจะปลูกบ้านเรือนอยู่ริมฝั่งคลอง ยังคงใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย มีการสัญจรทางน้ำ ซึ่งตลอดทั้งสองฝั่งเต็มไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม ยังคงมีต้นจากให้เห็นแน่นขนัด ชาวบ้านในชุมชนยังคงรักษาประเพณี วัฒนธรรม และวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมไว้ได้อย่างดี ซึ่งนอกจากนักท่องเที่ยวจะได้เที่ยวชมบรรยากาศริมฝั่งคลองแล้ว ก็ยังจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของชุมชนด้วย อาทิ ชมสาธิตการจักสานงานหัตถกรรม, ชมฟาร์มหอยนางรม, เที่ยวชมวัดใบไม้, ชิมน้ำมะพร้าวน้ำหอม และผลไม้มากมาย, เยี่ยมชมศูนย์สาธิตการฝึกลิงเพื่อการเกษตร, เรียนรู้วิถีชีวิตของประมงพื้นบ้าน และชมป่าชายเลน เป็นต้น

          ไฮไลท์ของที่นี่คือการนั่งเรือชมหิ่งห้อยนับพันตัวในคลอง ซึ่งหิ่งห้อยจะเกาะอยู่บริเวณต้นไม้ริมคลองมากมาย ส่องแสงสีเหลืองทองระยิบระยับให้เห็นตลอดทั้งฝั่งคลอง เมื่อเรือเข้าไปใกล้กับต้นไม้ก็จะเห็นว่ามีหิ่งห้อยเกาะอยู่ตามใบไม้มากมาย เป็นภาพที่หาดูได้ยากแล้วในปัจจุบัน ทั้งนี้ในชุมชนชาวบ้านบางหลังเปิดเป็นโฮมสเตย์ให้นักท่องเที่ยวได้พัก หรือจะไปพักในตัวเมืองก็ได้เช่นกัน เพราะอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุราษฎร์ธานี โทร. 0 7728 8817-9

          วัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร

          วัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตั้งอยู่ที่ 50 หมู่ 3 ตำบลเวียง อำเภอไชยา เป็นศาสนสถานที่สำคัญของศาสนาพุทธ เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีลักษณะสถาปัตยกรรมของพระบรมธาตุแบบศรีวิชัย ประดับประดาโดยรอบ พร้อมกับการตกแต่งลวดลายอย่างสวยงาม ฐานกว้าง 4 วา 2 ศอก ยาว 5 วา มีหน้ามุข หน้าบัน และบราลีทุกชั้น องค์พระบรมธาตุฯ มีสีขาวสว่างสวยงาม บริเวณวัดเงียบสงบ ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้มากมาย มีพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไชยา, พระวิหารหลวง, พระวิหารคด ให้ได้เที่ยวชมอีกด้วย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0 7743 1090, 0 7743 1402

          หมู่บ้านพุมเรียงและแหลมโพธิ์

          หมู่บ้านพุมเรียงและแหลมโพธิ์ เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ในอำเภอ ไชยา โดยอยู่ห่างจากตัวอำเภอไปประมาณ 7 กิโลเมตร ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม หมู่บ้านพุมเรียงโดดเด่นในเรื่องการทอผ้าไหม ซึ่งเป็นผ้าไหมยกดิ้นเงินหรือดิ้นทอง จึงทำให้งานทอผ้าไหมที่นี่สวยงามไม่เหมือนกับที่ไหน เป็นงานทอที่มีความละเอียด จึงมีคุณภาพดี มีลวดลายเป็นเอกลักษณ์ อาทิ ลายราชวัตร ลายดอกโคม ลายดอกพิกุล ลายนพเก้า และลายยกเบ็ด ส่วนหมู่บ้านแหลมโพธิ์อยู่ห่างจากหมู่บ้านพุมเรียงไปประมาณ 2 กิโลเมตร จะเป็นหมู่บ้านที่อยู่ติดกับทะเล มีชายทะเลที่งดงาม มีอาหารทะเลอันขึ้นชื่อคือ "หอยขาว" จะมีเพียงแค่ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น

          พิพิธเมืองคนดี

          พิพิธเมืองคนดี ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าข้าม อำเภอพุนพิน เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงนิทรรศการ พร้อมวีดิทัศน์จอมัลติมีเดีย ในเรื่องราวความเป็นมาและเหตุการณ์ต่าง ๆ ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยแบ่งเป็นโซนใหญ่ได้ 4 โซน ได้แก่ โซน 1 ภาพบอกเล่าเรื่องราวของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ, โซน 2 ภาพเหตุการณ์สำคัญในอดีตของจังหวัดสุราษฎร์ธานี เช่น การพระราชทานนามของ "จังหวัดสุราษฎร์ธานี" โดยรัชกาลที่ 6 หรือภาพในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2, โซน 3 แสดงวิถีชีวิตของชาวท่าข้าม และโซน 4 แสดงโบราณสถานสำคัญและหลักฐานต่าง ๆ

          พิพิธเมืองคนดี เปิดให้นักท่องเที่ยว นักเรียน นักศึกษาประชาชนทั่วไปเข้าเที่ยวชม โดยเปิดบริการทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ ตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น. เข้าชมฟรี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 08 1891 8599, 0 7731 1833

          จังหวัดสุราษฎร์ธานี ยังมีอะไรที่น่าสนใจอีกมากมายรอให้คุณได้ไปสัมผัส รวมทั้งความเป็นมิตรไมตรีของคนท้องถิ่น หากอยากรู้ว่าคนเมืองสุราษฎร์ฯ จะน่ารักมากมายแค่ไหน ก็ต้องไปสัมผัสกันด้วยตัวเองสักครั้ง :)

ตั๊กออแกไนท์สุราษฎร์ธานี รับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ 
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคสุราษฎร์ธานี
นางรำสุราษฎร์ธานีเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคสุราษฎร์ธานี
สุราษฎร์ธานีรําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคสุราษฎร์ธานี
รําบวงสรวงพญานาคสุราษฎร์ธานี
ฟ้อนบูชาพญานาคสุราษฎร์ธานี
รําบวงสรวงพญานาคสุราษฎร์ธานี
 

  ติดต่อสอบถามเรา        
            


252
12 ที่เที่ยวสงขลา ล่องแดนใต้สุดฟินที่เมืองสองทะเล
1. ย่านเมืองเก่าสงขลา

          ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมือง มีถนนสายสำคัญน่าเดินเที่ยวอยู่ 3 สาย คือ ถนนนครนอก ถนนนครใน และถนนนางงาม นักท่องเที่ยวจะเพลิดเพลินไปกับการถ่ายรูปคู่กับภาพ Street Art พร้อมออกลีลาท่าทางได้เต็มเหนี่ยว ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวก็ยังได้เดินทอดน่องชื่นชมกับสถาปัตยกรรมที่งดงาม ที่สะท้อนเรื่องราวความเป็นมาของชาวสงขลา ทั้งห้องแถวไม้แบบจีน ตึกคลาสสิกสไตล์ชิโน-โปรตุกีส

          การเที่ยวบริเวณย่านเมืองเก่าสงขลา นักท่องเที่ยวสามารถเดินเที่ยวชมได้ด้วยตนเอง หรือจะใช้บริการรถรางนำเที่ยว ซึ่งให้บริการทุกวัน วันละ 5 รอบ คนละ 30 บาท โดยจุดเริ่มต้นเส้นทางอยู่ที่ สวนประวัติศาสตร์ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ เทศบาลนครสงขลา โทรศัพท์ 074 311 015

2. บ้านรำแดง

         ตั้งอยู่ที่อำเภอสิงหนคร ที่นี่เป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้วิถีความสัมพันธ์ระหว่างต้นตาลโตนด ท้องนา ต้นไผ่ และคน ที่ร่วมกันสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่น จนทำให้ชุมชนรำแดง กลายเป็นศูนย์การเรียนรู้ โดยเฉพาะบ้านใบตาล ที่มีอายุกว่า 100 ปี ทั้งนี้นักท่องเที่ยวจะได้เรียนรู้วิถีชีวิตของชุมชนแห่งนี้ทั้งหมดด้วยกัน 7 ฐาน ประกอบด้วย ฐานการบริหารงานขององค์การบริการส่วนตำบลรำแดง, วิถีตาลโตนด, ครัวรำแดง, วัดป่าขวาง, หัตถกรรมพื้นบ้าน, เศรษฐกิจพอเพียง และแหล่งผลิตปอเทือง (สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อบต.รำแดง โทรศัพท์ 086 488 2549 หรือ เว็บไซต์ ramdang.go.th)

3. เกาะยอ

          เกาะเล็ก ๆ ใจกลางทะเลสาบสงขลา เสน่ห์ของเกาะยออยู่ที่ภูมิทัศน์ที่สวยงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรยากาศสไตล์บ้าน ๆ พร้อมสัมผัสวิถีชีวิตชาวเกาะยอ ดูการทำประมง การเลี้ยงปลา ชมกระชังปลาสามน้ำ ซึ่งเป็นวิถีที่ชาวเกาะยอเลี้ยงกันมาเป็นระยะเวลาช้านาน และเป็นที่ร่ำลือกันว่าปลากะพงของเกาะยอขึ้นชื่อในเรื่องความสด เนื้อนิ่ม และอร่อยที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย

4. วัดท้ายยอ

          วัดเก่าแก่คู่เมืองสงขลาไม่ต่ำกว่า 200 ปี นักท่องเที่ยวจะได้ชื่นชมกับความสวยงามของสถาปัตยกรรมที่สวยงามของ "กุฏิเรือนไทยปั้นหยา" กุฏิเรือนไทยที่สร้างด้วยไม้งดงาม และยังคงเอกลักษณ์ด้วยการใช้กระเบื้องดินเผาเกาะยอและกระเบื้องลอนแบบเก่า นอกจากนี้วัดท้ายยอยังมีโบราณสถานและโบราณวัตถุต่าง ๆ เช่น บ่อน้ำโบราณ สระน้ำโบราณ โรงเรือพระ และหอระฆัง รวมถึงยังเป็นที่ตั้งของ "เขาเพหารหรือเขาวิหาร" ประดิษฐานเจดีย์ทรงลังกาที่งดงาม ควรค่าแก่การอนุรักษ์เป็นอย่างยิ่ง

5. น้ำตกโตนงาช้าง

          ตั้งอยู่ในเขตอนุรักษ์สัตว์ป่าโตนงาช้าง ขึ้นชื่อว่าเป็นน้ำตกที่สวยงามและมีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของภาคใต้ ประกอบด้วยน้ำตกทั้งหมด 7 ชั้น ได้แก่ โตนบ้า, โตนปลิว, โตนงาช้าง, โตนดำ, โตนน้ำปล่อย, โตนฤาษีคอยบ่อ และโตนเหม็ดชุน แต่ชั้นน้ำตกที่ขึ้นชื่อว่าสวยงาม เห็นจะเป็น "โตนงาช้าง" โดยจะเป็นชั้นที่สายน้ำตกไหลมาบรรจบกันสองสาย ดูยิ่งใหญ่อลังการ และยังมองเห็นทิวทัศน์สวย ๆ ได้โดยรอบ และการเดินเท้าขึ้นมายังน้ำตกชั้นนี้ นักท่องเที่ยวควรใช้ความระมัดระวัง เพราะทางเดินค่อนข้างชันและลื่นอยู่พอสมควร

6. สวนลุงวี

          แหล่งท่องเที่ยวสวนเกษตรบนเกาะยอ ที่ทำการเพาะปลูก "จำปาดะขนุน" ผลไม้ขึ้นชื่อของเกาะยอ รสชาติหวานและมีกลิ่นหอมเหมือนจำปาดะ เมื่อสุกแล้วผิวข้างนอกจะเหมือนขนุน ปัจจุบันจำปาดะขนุนได้มีการขยายพันธุ์และนำมาเพาะปลูกกันอย่างแพร่หลายบนเกาะยอ และกำลังเป็นผลไม้ที่ได้รับความสนใจมากขึ้น จนกลายเป็นผลไม้อัตลักษณ์ประจำท้องถิ่น และมีส่วนช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมบรรยากาศความสวยงามบนเกาะยอมากยิ่งขึ้น (สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 093 580 5783)

7. สวนสองทะเล

          เป็นสวนสาธารณะ ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลนครสงขลา ความน่าสนใจของที่นี่ คือ เป็นจุดที่อยู่ระหว่างทะเลสาบสงขลาและทะเลฝั่งอ่าวไทย เมื่อมองไปโดยรอบ นักท่องเที่ยวจะเจอเข้ากับทิวทัศน์ที่สวยงาม รวมถึงยังได้พบกับปะติมากรรมพญานาคพ่นน้ำ ที่งดงามด้วยลวดลายสลักสวยงาม เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติที่มักมาถ่ายภาพกันเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีศูนย์กีฬาทางน้ำ และลานอเนกประสงค์สำหรับทำกิจกรรมต่าง ๆ เอาไว้คอยให้บริการ

8. สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำสงขลา

         สถานที่ท่องเที่ยวที่คุณจะได้เรียนรู้และสนุกไปกับโลกของสัตว์น้ำ ภายในประกอบด้วยการจัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำและนิทรรศการต่าง ๆ ตื่นตาตื่นใจกับอุโมงค์ปลา ส่วนแสดงระบบนิเวศ ภูเขา ลำธาร สัตว์น้ำจืด และป่าโกงกาง รวมทั้งกิจกรรมโชว์การให้อาหารปลา โดยนักดำน้ำที่มีให้ชมกันทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการให้อาหารปลาฉลามขี้เซาเจ้าบิ๊กอันดา เต่าตนุตัวโต และเหล่าปลาน้อยใหญ่อีกมากมาย เพิ่มเติมยังมีกิจกรรมสนุก ๆ อย่างการขับรถโกคาร์ท รถเอทีวี และสปาเท้า เรียกได้ว่าเป็นสถานที่พักผ่อนที่น่าจะถูกใจนักท่องเที่ยวหลายคน (เปิดวันอังคาร-ศุกร์ เวลา 09.30-16.00 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.30-16.45 น. หยุดทุกวันจันทร์ ยกเว้นวันจันทร์ที่ตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์ เช็คราคาและดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก สงขลาอควาเรียม หรือ www.songkhlaaquarium.com และโทรศัพท์ 074 322 787, 074 322 899, 088 788 1457 และ 088 788 1458)

9. หาดสะกอม

          ชายหาดที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของอำเภอเทพา จังหวัดสงขลา ด้วยเพราะเป็นชายหาดที่ค่อนข้างเงียบสงบ และยังมีนักท่องเที่ยวไม่พลุกพล่านมากนัก และยังคงอบอวลไปด้วยวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านและการทำประมงท้องถิ่น เราจึงยังคงเห็นเรือประมงทั้งลำน้อยลำใหญ่ ทั้งแล่นอยู่ในทะเลและจอดอยู่ตามชายฝั่งตลอดแนวชายหาด ที่นี่จึงเป็นเหมือนสถานที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อน และทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้แบบชิล ๆ

10. หาดชลาทัศน์

          เป็นชายหาดที่ยาวต่อเนื่องมาจากหาดสมิหลา หาดทรายขาวสะอาด นักท่องเที่ยวจะสามารถเดินเล่นและเล่นน้ำได้ตลอดแนวชายหาด ภายใต้การให้ร่มเงาของทิวสน แถมยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงาม ซึ่งในอีกมุมหนึ่งของหาดชลาทัศน์ ที่นี่ยังเป็นสวนสาธารณะที่ประชาชนไว้สำหรับพักผ่อน โดยทั้งช่วงเช้าและช่วงเย็นจะมีประชาชนมาปั่นจักรยานบนถนนชลาทัศน์กันเป็นจำนวนไม่น้อย

11. หาดสมิหลา
          มาถึงสงขลาทั้งที จะพลาดไม่มาเช็กอินที่นี่ก็ดูเหมือนว่าจะมาไม่ถึงสงขลา พร้อมด้วยสัญลักษณ์รูปปั้นนางเงือก หาดทรายที่นี่ขึ้นชื่อได้ว่าขาวละเอียด มีแนวป่าสนร่มรื่น เมื่อทอดสายตาออกไป ก็จะเห็นทิวทัศน์อันงดงามของเกาะหนู เกาะแมว บรรยากาศโดยรอบหาดสมิหลาเรียกได้ว่าเงียบสงบ รวมถึงยังสนุกไปกับกิจกรรมทางน้ำ เช่น บานาน่าโบ๊ท เจ็ตสกี และแล่นเรือใบ เป็นต้น ไม่ต้องห่วงในเรื่องความปลอดภัย เพราะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลอยู่ตลอด

12. เขาตังกวน

          ตั้งอยู่ในตัวเมืองสงขลาใกล้กับหาดสมิหลา มีลักษณะเป็นเนินเขาสูง ซึ่งนักท่องเที่ยวจะมองเห็นทิวทัศน์เมืองสงขลาได้โดยรอบ บนยอดยังเป็นที่ประดิษฐานเจดีย์พระธาตุคู่เมืองสงขลา ซึ่งสร้างในสมัยอาณาจักรนครศรีธรรมราช โดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ได้พระราชทานเงินหลวง ให้เป็นทุนในการบูรณปฏิสังขรณ์ และในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2539 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอุดลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงพระราชทานพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุในองค์พระเจดีย์ อีกทั้งในเดือนตุลาคมของทุกปี จะมีงานพิธีห่มผ้าองค์พระเจดีย์ และประเพณีตักบาตรเทโว และลากพระของสงขลาอีกด้วย

          ใครที่กำลังวางแผนจะเดินทางไปเที่ยวสงขลา ลองเอาที่เที่ยวสงขลาที่เราได้ลิสต์มา เอาไปปรับใช้ให้เข้ากับทริปของเพื่อน ๆ กันดูนะคะ เราบอกได้เลยว่า…สงขลาในวันนี้ ยังคงเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่เรียบง่ายแต่น่าค้นหา ที่ไม่ว่าใครต่างก็ต้องประทับใจในมนต์เสน่ห์นี้ด้วยกันทุกคน ^ ^

ตั๊กออแกไนท์สงขลา รับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ 
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคสงขลา
นางรำสงขลาเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคสงขลา
สงขลารําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคสงขลา
รําบวงสรวงพญานาคสงขลา
ฟ้อนบูชาพญานาคสงขลา
รําบวงสรวงพญานาคสงขลา

  ติดต่อสอบถามเรา        
            


253
ปักหมุด 15 ที่เที่ยวสตูล เพชรเม็ดงามแห่งทะเลอันดามัน

1. ถ้ำภูผาเพชร

          มาเริ่มต้นกับสถานที่แรกนั่นก็คือ "ถ้ำภูผาเพชร" ถ้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และใหญ่ติดอันดับ 4 ของโลก ตั้งอยู่ในตำบลปาล์มพัฒนา อำเภอมะนัง จังหวัดสตูล เมื่อเดินทางเข้าไปภายในถ้ำจะพบห้องโถงขนาดกว้าง เพดานถ้ำสูง ๆ ที่เต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยที่ยังคงมีหยดน้ำเกาะตัวอยู่ และเมื่อกระทบกับแสงไฟก็จะส่องเป็นประกายอย่างสวยงาม พร้อมทั้งมีการแบ่งชื่อแต่ละห้องตามลักษณะของธรณีสัณฐานที่พบออกเป็น 20 ห้อง เช่น "ห้องม่านเพชร" มีลักษณะคล้ายผ้าม่านแขวนอยู่, ห้องพญานาค มีหินงอกคล้ายงูใหญ่หรือพญานาค, ห้องปะการัง มีหินงอกหินย้อยคล้ายปะการังในทะเล

           และถ้าสังเกตจากประเภทของหินงอก (Stalagmite) ก็จะมีชื่อต่าง ๆ ตามรูปทรงที่พบเห็นมากถึง 31 แห่ง ส่วนประเภทหินย้อย (Stalactite) ก็มีทั้งหมด 4 แห่ง และสุดท้ายคือประเภทเสาหิน (Column in Cavern) ซึ่งเป็นส่วนของหินงอกและหินย้อยที่มาบรรจบกันแล้วมองดูคล้ายเสาค้ำยันเพดาน ถ้ำกว่า 14  แห่ง นอกจากนี้ยังมีประเภทเสาหินที่มีลักษณะต่าง ๆ กัน เช่น เสาเพชร หรือเสาหินย้อย หรือเสาค้ำสุริยัน รวมทั้งยังมีบ่อขั้นบันได ที่มีลักษณะเหมือนชายน้ำตกหินปูนที่เป็นชั้น ๆ เหมือนขั้นบันไดอีกด้วย

          ทั้งนี้สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจเดินทางไปเยือนที่ "ถ้ำภูผาเพชร" ควรเตรียมตัวก่อนเดินทางให้พร้อม ทั้งไฟฉายติดตัวไปเพื่อส่องดูความงามภายในถ้ำ สวมใส่รองเท้าที่เดินสบาย พร้อมสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว โทรศัพท์ 0 7472 0314-11

2. วัดชนาธิปเฉลิม

          "วัดชนาธิปเฉลิม" หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า "วัดมำบัง" เป็นวัดแห่งแรกของเมืองสตูล ที่ตั้งอยู่บริเวณริมคลองมำบัง ถนนศุลกานุกูล ตำบลพิมาน อำเภอเมืองสตูล อีกทั้งยังเป็นศูนย์รวมชาวพุทธในจังหวัดสตูลที่มีอายุมากกว่า 100 ปีมาแล้ว สำหรับการเดินทางมาท่องเที่ยวภายในจะพบกับพระอุโบสถที่มีลักษณะแปลกไปกว่าทั่วไป คือ มีลักษณะเป็นทรง 2 ชั้น ชั้นล่างก่ออิฐถือปูนคู่กับชั้นบนซึ่งเป็นอาคารไม้ ใช้สำหรับประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของพระสงฆ์ ส่วนชั้นล่างใช้เป็นศาลาการเปรียญ ด้านหน้าพระอุโบสถเป็นระเบียง มีบันไดทั้ง 2 ด้าน

          นอกจากนี้ยังเป็นวัดที่หน่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมศิลปกรรมท้องถิ่นจังหวัดสตูลร่วมกับศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดสตูล โรงเรียนสตูลวิทยา ประกาศเป็นเขตอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอีกด้วย ทั้งนี้สำหรับผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก วัดชนาธิปเฉลิม โทรศัพท์ 0 7471 1996 หรือเฟซบุ๊ก โรงเรียนเทศบาล2-วัดชนาธิปเฉลิม สตูล

3. มัสยิดกลางจังหวัดสตูล หรือมัสยิดมำบัง
 
          "มัสยิดมำบัง" ชื่อที่หลายคนรู้จักในชื่อเดิมคือ "มัสยิดเตองะห์" หรือ "มัสยิดอากีบี" ตั้งอยู่ในย่านตลาด เขตเทศบาลเมืองสตูล อำเภอเมือง ภายในออกแบบและตกแต่งในสถาปัตยกรรมแบบโดมเดียว คล้ายบัวตูม หรือ "เรือ" ในหมากรุกไทย บนยอดโดมมีสัญลักษณ์ดาวและพระจันทร์เสี้ยว แสดงถึงสัญลักษณ์การเผยแพร่ศาสนาอิสลาม สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก 3 ชั้น ชั้นใต้ดิน 1 ชั้น ใช้เป็นห้องประชุม และห้องสมุด, ชั้นกลางใช้ละหมาด พื้นหินขัด ผนังก่ออิฐถือโปกปูน สลับอิฐโปร่งสีน้ำตาล เพื่อระบายอากาศ ตกแต่งด้วยกระเบื้องเคลือบ หลังคาเทคอนกรีตปูด้วยกระเบื้องดินเผา โดมเป็นเฟือง 8 เฟือง ประดับกระจกสีทองจากอิตาลี

 4. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสตูล คฤหาสน์กูเด็น

          พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสตูล หรือคฤหาสน์กูเด็น ตั้งอยู่บริเวณถนนสตูลธานี ซอย 5 ตรงข้ามกับสำนักงานที่ดินจังหวัดสตูล สร้างเมื่อ พ.ศ. 2441 โดย พระยาภูมินารถภักดี หรือตวนกูบาฮารุดดินบินตำมะหงง (ชื่อเดิม กูเด็น บินกูแมะ) เจ้าเมืองสตูลในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2459
 
          สำหรับคฤหาสน์หลังนี้เดิมสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว คราวเสด็จเดินทางไปเมืองปักษ์ใต้แต่ไม่ได้ประทับแรม และเคยใช้เป็นบ้านพักและศาลาว่าการเมืองสตูล จนในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อาคารหลังนี้ถูกใช้เป็นกองบัญชาการทหารญี่ปุ่น ต่อมาปี พ.ศ. 2540-2543 กรมศิลปากรได้ปรับปรุงคฤหาสน์กูเด็นขึ้นใหม่ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน 2 ชั้น ในรูปแบบตะวันตกผสมผสานแบบไทยอย่าง ประตูหน้าต่างรูปโค้งตามแบบสถาปัตยกรรมยุโรป หลังคาทรงปั้นหยาแบบไทยใช้กระเบื้องดินเผารูปกาบกล้วย บานหน้าต่างเป็นแผ่นไม้ชิ้นเล็ก ๆ เป็นเกล็ดแนวนอน ช่องลมด้านบนตกแต่งรูปดาวตามลักษณะสถาปัตยกรรมแบบอิสลาม

          ส่วนภายในอาคารก็มีการจัดนิทรรศการแสดงประวัติศาสตร์เมืองสตูล วิถีชีวิตของชาวสตูลในด้านต่าง ๆ เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมประเพณีและวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่น ทั้งนี้สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถเข้าชมพิพิธภัณฑ์ได้ในวันพุธ-อาทิตย์ (ปิดทุกวันจันทร์, วันอังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์) เวลา 09.00-16.00 น. พร้อมทั้งสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก คฤหาสน์กูเด็น

 5. แหลมตันหยงโปและหาดทรายยาว

          แหลมตันหยงโปและหาดทรายยาว ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่สวยงามของจังหวัดสตูลอีกหนึ่งแห่งที่ตั้งอยู่ทางปากอ่าวสตูล มีลักษณะเป็นแหลมที่ยื่นล้ำไปในทะเลอันดามัน มีหาดทรายขาวสะอาดสวยงาม และเป็นที่อยู่อาศัยของหมู่บ้านชาวประมง โดยจะพบเห็นสภาพชีวิตความเป็นอยู่ บ้านเรือนชาวบ้านโดยทั่วไปของชาวประมง 

          ถัดจากแหลมตันหยงโปไปไม่ไกลมากจะเป็นที่ตั้งของ "หาดทรายยาว" ชายหาดสวย ๆ ที่แตกต่างจากหาดทรายที่อื่นทั่วไป เพราะที่นี่แวดล้อมไปด้วยทรายสีขาวเป็นแนวยาวเรียงคู่ขนานไปกับต้นหูกวางที่ขึ้นอยู่ริมหาด อีกทั้งบริเวณหาดยังเต็มไปด้วยเปลือกหอย ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายภาพสวย ๆ อีกด้วย

6. ถ้ำเจ็ดคต
 
          ถ้ำเจ็ดคต หรือ "ถ้ำสัตคูหา" ตั้งอยู่ภายในหมู่ที่ 10  ตำบลน้ำผุด อำเภอละงู เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถเดินทางไปได้ตลอดปี ภายในถ้ำเจ็ดคตมีความกว้าง 70–80 เมตร ยาวประมาณ 600 เมตร แบ่งเป็น 7 ช่วง (คูหา) ซึ่งมีบรรยากาศแตกต่างกัน และมีลำคลองไหลไปตามความคดเคี้ยวของตัวถ้ำ ทำให้ระดับน้ำภายในถ้ำมีความตื้นลึกไม่เท่ากัน โดยในช่วงหน้าแล้งน้ำลึกแค่ท่วมข้อเท้าเดินลุยไปได้อย่างสบาย  บางตอนอาจลึกเกิน 5 เมตร แต่ในช่วงหน้าฝน มีน้ำหลากจะเดินทางเข้าไปได้ค่อนข้างยาก นักท่องเที่ยวต้องเดินลัดเลาะไปตามริมผนังถ้ำ เดินลุยน้ำ  บางตอนเป็นหาดทรายผสมกรวดบ้าง บางคูหามีพื้นที่เป็นโคลนเลนต้องระมัดระวังในการเดินเป็นพิเศษควรมีไฟฉายติดตัวไปด้วย

          สำหรับถ้ำเจ็ดคตมีลักษณะพิเศษแตกต่างจากถ้ำอื่น ๆ คือมีลำคลองลอดถ้ำคดเคี้ยวไปตามลักษณะธรรมชาติของตัวถ้ำมีถึง 7 คูหา เป็นที่มาของชื่อถ้ำแห่งนี้  มีผู้ตั้งชื่อใหม่ว่า "ถ้ำสัตคูหา" พร้อมตั้งชื่อของแต่ละคูหา ดังนี้

          ● คูหาที่ 1 เรียกว่า "สาวยิ้ม" ผนังถ้ำมีสีเขียวมรกต มีหินงอกหินย้อยอยู่หน้าถ้ำ

          ● คูหาที่ 2 เรียกว่า "นางคอย" มีหินงอก หินย้อย สวยงาม และฝูงค้างคาวจำนวนมาก

          ● คูหาที่ 3 เรียกว่า  "เพชรร่วง" ส่วนบนของผนังถ้ำมีช่องให้แสงอาทิตย์ส่องลอดลงมาได้ เมื่อแสงอาทิตย์กระทบกับผนังถ้ำจึงเกิดประกายแวววาวเหมือนเพชร

          ● คูหาที่ 4 เรียกว่า "เจดีย์สามยอด" พื้นทางเดินเป็นหิน ลักษณะคล้ายดอกกุหลาบ

          ● คูหาที่ 5 เรียกว่า "น้ำทิพย์" ตามผนังถ้ำเป็นหินย้อยสีขาวและน้ำตาล เป็นหลืบซ้อนกันมองดูคล้ายผ้าม่าน

          ● คูหาที่ 6 เรียกว่า "ฉัตรทอง" มีหินงอก หินย้อย ซ้อนเหลื่อมกันเป็นชั้นเสมือนฉัตร

          ● คูหาที่ 7 เรียกว่า " ส่องนภา" ภายในมีหินงอก หินย้อย รูปทรงคล้ายดอกบัวคว่ำ

          ทั้งนี้สำหรับผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 0 7521 5867,0 7521 1058

7. น้ำตกโตนปลิว

          นอกจากทะเลสวย ๆ แล้วจังหวัดสตูลก็มีน้ำตกให้ท่องเที่ยวเช่นกัน นั่นก็คือ "น้ำตกโตนปลิว" ตั้งอยู่ในหมู่ที่ 1  ตำบลวังประจัน อำเภอควนโดน บริเวณรอยต่อระหว่างป่าสงวนแห่งชาติหัวกาหมิง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนงาช้าง โดยมีบริเวณป่าต้นน้ำอยู่ที่ภูเขาหัวกาหมิง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทิวเขานครศรีธรรมราช ลักษณะทั่วไปของ "น้ำตกโตนปลิว" ประกอบด้วยชั้นน้ำตก 5 ชั้น โดยชั้นหลักชื่อ "โตนลำพร้าว" มีหน้าผาน้ำตกสูงประมาณ 40 เมตร กลายเป็นแอ่งน้ำขัง ชื่อ "วังบ่อ" กับ "วังเตย" เป็นต้น  ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่สามารถลงเล่นน้ำได้อย่างสบาย ส่วนชั้นอื่น ๆ จะมีผาน้ำตกไม่ค่อยสูงนัก ทั้งนี้นักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนงาช้าง

8. เกาะไข่
   
          "เกาะไข่" เอกลักษณ์ทางธรรมชาติที่สวยงามจนกลายเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดสตูล นั่นก็คือ "ซุ้มประตูหิน" ขนาดสูงใหญ่สามารถเดินลอดได้ โดยมีความเชื่อว่าหนุ่มสาวที่ได้ลอดผ่านซุ้มประตูหินนี้จะได้แต่งงานกัน ในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ของทุกปี จังหวัดสตูลก็จะจัดให้มีการจดทะเบียนสมรสให้กับคู่บ่าวสาว ณ บริเวณซุ้มเกาะไข่อีกด้วย

          สำหรับที่ตั้งของเกาะไข่แห่งนี้ตั้งอยู่ระหว่างเกาะอาดังกับเกาะราวี ถือเป็นอีกหนึ่งเกาะที่มีชายหาดที่สวยงาม สะอาดเหมือนสีของเปลือกไข่ น้ำทะเลใส อีกทั้งยังเป็นเกาะที่มีความสำคัญทางระบบนิเวศ เพราะบริเวณชายหาดของเกาะมักจะมีเต่าทะเลชอบขึ้นมาวางไข่เสมอ และบริเวณรอบเกาะยังมีความอุดมสมบูรณ์ซึ่งเป็นแหล่งอาหารของปลาอีกด้วย โดยทางอุทยานไม่อนุญาตให้พักแรมบนเกาะ

 9. เกาะลิดี

          เกาะลิดี ประกอบด้วยเกาะสำคัญ 2 เกาะ คือ เกาะลิดีใหญ่และเกาะลิดีน้อย และมีเกาะเล็ก ๆ เสมือนบริวารตั้งอยู่ใกล้เคียงอีก 3–4 เกาะ ตั้งอยู่ภายในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา หมู่ที่ 4 ตำบลปากน้ำ อยู่ไม่ไกลจากอ่าวนุ่น ห่างจากฝั่งหมู่บ้านหัวหินประมาณ 1 กิโลเมตร สำหรับคำว่า "ลิดี" เป็นภาษามลายูแปลว่า "ไม้เรียว" อย่างไรก็ตามเสน่ห์ของเกาะลิดีที่หลายคนอยากไปสัมผัสคือความอุดมสมบูรณ์ของธรรมขาติ ทั้งหาดทราย, ป่าไม้บนภูเขา และป่าชายเลน มีหน้าผาและถ้ำเป็นที่อาศัยของนกนางแอ่น หาดทรายขาว และมีเวิ้งอ่าวยื่นเข้าไปในเกาะ เหมาะสำหรับเล่นน้ำทะเล รวมทั้งโขดหินที่มีรูปร่างประหลาดตามริมหาด และเมื่อน้ำลดสามารถเดินเที่ยวลัดเลาะไปตามชายหาดและเขาหินเล็ก ๆ ได้

          ส่วนการเดินทางไปเที่ยวที่เกาะลิดีใช้วิธีการไป-กลับก็ได้ หรือถ้าจะค้างคืนทางอุทยาน ก็มีบ้านพักสำหรับนักท่องเที่ยว และมีสถานที่สำหรับกางเต็นท์พักแรมไว้บริการเช่นกัน ทั้งนี้สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางไปจะต้องติดต่อกับทางอุทยานอีกทีหนึ่ง

10. เกาะหินงาม

          "เกาะหินงาม" แหล่งท่องเที่ยวขนาดเล็กทางทิศใต้ของเกาะอาดัง ที่มีความโดดเด่นบริเวณชายหาดที่เต็มไปด้วยหินสีดำกลมเกลี้ยง ซึ่งมีลวดลายสวยงาม ขนาดเล็กใหญ่แตกต่างกันไป เมื่อโดนคลื่นซัดก้อนหินจะมีความมันวาว ส่วนบริเวณกลางเกาะจะมีความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้สีเขียว อีกทั้งยังมีความเชื่อเล่ากันว่าหินทุกก้อนมีคำสาปของเจ้าพ่อตะรุเตา หากใครนำติดตัวไปจะเกิดหายนะ O__O


11. เกาะบุโหลน

          เกาะบุโหลน เป็นเกาะหนึ่งในหมู่เกาะของอุทยานแห่งชาติเภตรา ห่างจากท่าเรือปากบารา อำเภอละงู ประมาณ 22 กิโลเมตร ลักษณะของเกาะบุโหลนเป็นเกาะเล็ก ๆ มีหาดทรายขาวสะอาด เนียนนุ่ม น้ำทะเลใสแจ๋ว สามารถว่ายน้ำชมปะการังได้ตั้งแต่บริเวณริมชายหาด บนเกาะบางช่วงจะมีแนวต้นสนร่มรื่นสีเขียว ตัดกับหาดทรายสีขาวและท้องทะเลสีฟ้าอย่างงดงาม เกาะบุโหลนยังคงมีชาวบ้านดั้งเดิมอาศัยอยู่ นักท่องเที่ยวจึงจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตชาวเลอีกด้วย นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นเรือได้ที่ท่าเรือปากบารา มีเรือออกทุกวัน

12. เกาะเขาใหญ่

          เกาะหินปูนกลางทะเล อยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา ห่างจากชายฝั่งบริเวณที่ทำการอุทยานประมาณ 10 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากท่าเรือปากบารา เพียงแค่ประมาณ 3-5 กิโลเมตรเท่านั้น ความพิเศษคือเวลาที่น้ำลดจะสามารถลอดช่องหินเข้าไปชมความสวยงามของ "ปราสาทหินพันยอด" สิ่งอัศจรรย์สุดอันซีนที่ธรรมชาติรังสรรค์ขึ้นจากการกัดเซาะหินของน้ำฝน จนกลายเป็นแท่งหินแหลมรูปร่างสวยงามแปลกตาคล้ายกับบนปราสาทในเทพนิยาย ชาวบ้านจึงเรียกกันว่าปราสาทหินพันยอด อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ธรณีวิทยา มีการพบฟอสซิลอายุมากกว่า 480 ล้านปี ชาวบ้านในชุมชนใกล้เคียงและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงสนับสนุนการท่องเที่ยวให้เป็นไปในลักษณะเชิงอนุรักษ์

          ปัจจุบันเกาะเขาใหญ่เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานธรณีโลกสตูล โดยองค์การยูเนสโก (Satun UNESCO Global Geopark) ถือว่าเป็นแหล่งธรณีวิทยาแห่งแรกของเมืองไทยที่ก้าวไปสู่แหล่งธรณีวิทยาโลก

          อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา กำหนดให้มีการปิดเกาะในช่วงหน้าฝน เพื่อให้ธรรมชาติได้ฟื้นตัว และหลีกเลี่ยงอันตรายจากคลื่นลมแรงอันจะทำให้นักท่องเที่ยวไม่ได้รับความสะดวกในการเที่ยวชม การปิดเกาะเขาใหญ่จะปิดตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม - 15 ตุลาคมของทุก ๆ ปี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา "Petra Islands National Park" หรือ เฟซบุ๊ก ปราสาทหินพันยอด การท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านบ่อเจ็ดลูก จังหวัดสตูล

13. ล่องแก่งวังสายทอง

          การล่องแก่งชมธรรมชาติที่น้ำตกวังสายทอง ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสุดฮิตสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวที่นี่ โดยรอบบริเวณน้ำตกจะเห็นจำนวนนักท่องเที่ยวนอนแช่น้ำหรือไม่ก็กระโดดน้ำจากชั้นบนลงมาแอ่งข้างล่างกันอย่างสนุกสนาน แถมยังมีต้นไม้ใหญ่คอยให้ร่มเงา นับว่าเหมาะแก่การพาครอบครัวมาพักผ่อนจริง ๆ

          นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมล่องแก่งที่จะช่วยทำให้คุณสัมผัสความเย็นฉ่ำของสายน้ำได้เต็มที่ อีกทั้งบางช่วงบางตอนของการล่องแก่งอาจจะต้องพบกับช่วงน้ำเชี่ยวและกองหินที่โผล่พ้นขึ้นมา ซึ่งสร้างความน่าตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย และจำเป็นที่จะต้องอาศัยทักษะการหลบหลีกอย่างคล่องแคล่วของฝีพาย ทั้งนี้นักท่องเที่ยวสามารถเลือกระยะทางในการล่องแก่งได้ตามความสมัครใจ ซึ่งมีให้เลือกตั้งแต่ 8-10 กิโลเมตร

          สามารถเดินทางมาล่องแก่งได้ตลอดทั้งปี แต่ถ้าอยากรู้สึกสนุกมากเป็นพิเศษแนะนำให้มาเที่ยวช่วงหน้าฝน เพราะเป็นช่วงที่น้ำเยอะ แถมธรรมชาติสองข้างทางยังเขียวชอุ่ม ส่วนใหญ่กิจกรรมการล่องแก่งที่นี่มักจะรวมอยู่ในแพ็กเกจของสถานประกอบการที่พัก โดยสามารถโทรศัพท์สอบถามและติดต่อขอจองล่วงหน้าได้จากสถานประกอบการที่พักนั้น ๆ ได้เลย หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ล่องแก่ง วังสายทอง จ.สตูล ณ.ทับทุ่งทอง ล่องแก่ง

14. ถ้ำเลสเตโกดอน

          ถ้ำดึกดำบรรพ์ที่สวยงามและยาวที่สุดในประเทศไทย ตั้งอยู่ที่บ้านคีรีวง ตำบลทุ่งหว้า อำเภอทุ่งหว้า ถ้ำนี้เดิมชื่อว่า "ถ้ำวังกล้วย" แต่เหตุผลที่เปลี่ยนเป็น "ถ้ำเลสเตโกดอน" ก็เพราะว่ามีการค้นพบซากฟอสซิลของช้างสเตโกดอน ซึ่งเป็นชื่อช้างดึกดำบรรพ์ มีอายุเก่าแก่ ที่สำคัญค้นพบแห่งแรกและแห่งเดียวในพื้นที่ภาคใต้ ปัจจุบันถูกเก็บรักษาไว้ในศูนย์วัฒนธรรมเฉลิมราช พิพิธภัณฑ์ช้างทุ่งหว้า

          เมื่อเข้าไปในถ้ำคุณจะต้องตะลึงไปกับประกายระยิบระยับของแร่แคลไซต์ ที่เคลือบอยู่ตามก้อนหินรูปทรงแปลกตา ตลอดระยะทางทั้งสิ้นกว่า 4 กิโลเมตร ไฮไลต์เด็ดยังอยู่ที่ปากทางออกของถ้ำ ที่มีลักษณะคล้ายรูปหัวใจ ตรงออกไปยังคลองวังกล้วย ป่าชายเลนที่สมบูรณ์แห่งหนึ่งของเมืองไทย

15. สันหลังมังกร

          สันหลังมังกร หรือทะเลแหวก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันซีนแห่งใหม่ของจังหวัดสตูล สันหลังมังกรสตูลมีให้เห็นได้ที่ตำบลตันหยงโป โดยเรียกว่า สันหลังมังกรตันหยงโป จุดเด่นคือในช่วงที่น้ำลดจะเห็นน้ำแยกออกจากกันทั้งสองฝั่ง บริเวณสันทรายจะเป็นเปลือกหอยเล็ก ๆ นับล้านล้านตัวที่ถูกคลื่นซัดมาทับถมกันเป็นระยะทางยาวกว่า 4 กิโลเมตร พอสะท้อนกับแสงแดดจึงกลายเป็นสีเหลืองทองสวยงามราวเกล็ดมังกร

ตั๊กออแกไนท์สตูล รับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ 
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคสตูล
นางรำสตูลเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคสตูล
สตูลรําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคสตูล
รําบวงสรวงพญานาคสตูล
ฟ้อนบูชาพญานาคสตูล
รําบวงสรวงพญานาคสตูล

  ติดต่อสอบถามเรา        
            


254
อัพเดท 20 ที่เที่ยวระนอง เที่ยวได้ตลอดทั้งปี ทะเลสวย สายชิลห้ามพลาด
บ่อน้ำร้อนสวนสาธารณะรักษะวาริน
บ่อน้ำร้อนสวนสาธารณะรักษะวาริน เป็นบ่อน้ำร้อนซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาตินี้มีอยู่ 3 บ่อ คือ บ่อพ่อ บ่อแม่ และบ่อลูก ทั้ง 3 บ่อ มีอุณหภูมิสูงประมาณ 65 องศาเซลเซียสภายในบริเวณบ่อน้ำร้อนมีบริการอาบน้ำแร่บำบัดรักษาสุขภาพผ่อนคลาย ความเมื่อยล้า ด้วยการบำบัดจากน้ำแร่ รวมถึงบริการแช่เท้าฟรีเพื่อผ่อนคลาย นอกจากนี้บริเวณใกล้บ่อน้ำร้อนได้จัดเป็นสวนสาธารณะ “รักษะวาริน” มีศาลาที่พักและห้องอาบน้ำร้อนไว้บริการด้วย
น้ำพุร้อนพรรั้ง
น้ำพุร้อนพรรั้ง ตั้งอยู่ที่ในเขตพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว โดยน้ำร้อนมีลักษณะใสสะอาด ไม่มีกลิ่นกำมะถันและก๊าซไข่เน่า บ่อน้ำร้อนได้รับการปรับสภาพภูมิทัศน์ให้สวยงาม สามารถเดินชมพันธุ์ไม้นานาชนิด มีสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น บ่อน้ำร้อนแบบแช่เท้า แบบแช่ทั้งตัว ที่อาบน้ำกลางแจ้ง ห้องสุขา ศาลาพักผ่อน ที่จอดรถ ร้านอาหาร และบ้านพัก เป็นต้นน้ำพุร้อนบ้านพรรั้ง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการมาอาบน้ำแร่ แบบใกล้ชิดกับธรรมชาติ
ภูเขาหญ้า

ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองระนอง เป็นภูเขาที่ไม่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นมีแต่ต้นหญ้าปกคลุมแนวเขาที่ทอดตัวจากทิศเหนือสู่ทิศใต้ภูเขาที่เต็ม ไปด้วยหญ้าต่างสีต่างวันเวลาและเนินเขางดงาม ในช่วงฤดูแล้งภูเขาหญ้าจะแปรเปลี่ยนเป็นสีเหลือง เมื่อเข้าสู่ฤดูฝนจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวยิ่งในช่วงในตกใหม่ๆอาจมีโอกาสได้แห่งของสายหมอกฝนลอยไปมาอีกด้วย  จึงนิยมเรียกกันว่า “ภูเขาหญ้าสองสี” การชมภูเขาหญ้านอกจากจะชมได้จากลานกว้างด้านล่างแล้ว ยังสามารถขึ้นไปชมวิวในมุมสูงมีทางราบเชิงเขา มีทางเดินเท้าสำหรับนักท่องเที่ยวขึ้นสู่บนสันเขาเพื่อชมทิวทัศน์โดยรอบ ซึ่งภูเขาแต่ละลูกไม่สูงมาก สามารถเดินเท้าขึ้นไปตามทางจากลูกนี้เดินต่อไปยังอีกลูกซึ่งเชื่อมต่อกัน

วัดบ้านหงาว
ตั้งอยู่ที่ ตำบล หงาว อำเภอเมือง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดระนอง ใกล้กับภูเขาหญ้าระนอง มีอุโบสถ 2 ชั้น หรือที่เรียกว่า อุโบสถลอยฟ้ากว้าง  รอบอุโบสถเทคอนกรีตเป็นลานกว้างมีลูกกรงล้อมรอบ ในแต่ละมุมทั้ง 4 ด้าน มีอาคารจัตุรมุขกว้าง มีบันไดขึ้นลงรอบทิศเหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก  ภายในอุโบสถวัดบ้านหงาว เป็นที่ประดิษฐานพระประธาน มีนามว่า “หลวงพ่อดีบุก” เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย มีชื่อเป็นทางการว่า “พระติปุกะพุทธมหาศากยมุนีศรีรณังค์” อันมีความหมายว่า “พระพุทธรูปดีบุกองค์ใหญ่เป็นสิริมงคลและศักดิ์ศรีของเมืองระนอง” และยังมีความสวยงามของฝาพนังที่แกละสลักเป็นลวดลายต่างๆ  อีกด้วย

วัดหาดส้มแป้น
 
ตั้งอยู่เส้นทางเดียวกับบ่อน้ำร้อนรักษะวาริณ ตรงเข้าไปอีกประมาณ 6 กิโลเมตรจะเจอกับ วัดหาดส้มแป้น มาถึงวัดหาดส้มแป้น ต้องเข้าไปไหว้ขอพรรูปเหมือนพ่อท่านคล้าย พระภิกษุที่ประชาชนในภาคใต้ให้ความเคารพนับถือมาก ซึ่งท่านมรณภาพที่วัดนี้ บรรยากาศของวัดหาดส้มแป้นสงบ ร่มรื่น มีจุดให้อาหารปลาเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ
อ่างเก็บน้ำหาดส้มแป้น
ตั้งอยู่ใน เส้นทางเดียวกับ บ่อน้ำพุร้อนรักษะวาริน  วัดหาดส้มแป้น เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดกลางมีความจุน้ำขนาด 10 ล้าน ลูกบาศก์เมตร โดยอ่างเก็บน้ำหาดส้มแป้นแห่งนี้ ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ จากการนำน้ำไปใช้ในการเกษตร สวนยางพารา สวนปาล์มน้ำมัน และสวนผลไม้ และยังเป็นแหล่งน้ำดิบอีกแหล่งน้ำในการสูบน้ำขึ้นมาเพื่อการผลิตน้ำประปา เพื่อจำหน่ายให้กับประชาชนในพื้นที่อำเภอเมืองระนอง ด้วยทัศนียภาพที่สวยงาม  ตั้งอยู่ในที่สูงโอบล้อมด้วยหุบเขาเขียวขจีรอบด้าน และมีบรรยากาศที่เงียบสงบ ทำให้อ่างเก็บน้ำหาดส้มแป้น กลายเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมแวะมาถ่ายภาพกันอยู่บ่อยครั้ง  ในช่วงที่ฝนตกใหม่ๆ อาจมีโอกาสได้เห็นสายหมอกบางลอยคลอเคลียอยู่ตามไหลเขาอีกด้วย
ระนองแคนยอน

สถานที่ท่องเที่ยวจะมีความสวยแปลกตา เป็นสระน้ำสีเขียวมรกตขนาดย่อมที่โอบล้อมด้วยหุบเขา ที่นี่เคยเป็นเหมืองแร่เก่ามาก่อนเป็นเหมืองแบบฉีดโดยฉีดน้ำให้กัดเซาะดินปนแร่จากตัวภูเขาให้ลงมาสะสมในแอ่งน้ำด้านล่าง หลังจากนั้นก็จะสูบน้ำในแอ่งขึ้นตามท่อเพื่อนำมาผ่านกระบวนการทางกายภาพ เพื่อทำการแยกแร่ออกจากทรายที่ไม่มีค่า ทำให้สภาพภูเขาเกิดลักษณะเว้าแหว่งสวยงามแปลก เมื่อมองจากเนินเขาข้างบนลงมาจะเห็นน้ำในบึงใสแจ๋วสะท้อนสีของฟ้าและต้นไม้เป็นสีเขียวอมฟ้าดุจดังมรกต

บ้านเทียนสือ
ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองระนอง เป็นบ้านเก่าที่มีอายุกว่า 150 ปี สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งถือว่าเป็นบ้านเก่าแก่ที่สุดบ้านหนึ่งของเมืองระนอง รวมทั้งเป็นหนึ่งในแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์และทางวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยรวบรวมองค์ความรู้เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับจังหวัดระนองไว้มากมาย ส่วนหนึ่งปรากฏอยู่ในภาพถ่ายที่เก่าแก่ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะใช้ยืนยันความเป็นมาของบรรพบุรุษต้นตระกูล และสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวต่างๆในอดีต เปรียบเสมือนพิพิธภัณฑ์มีชีวิตที่บอกเล่าเรื่องราวในอดีตของคนจีนในรุ่นแรกๆที่มาตั้งถิ่นฐานอยู่ในจังหวัดระนอง

พระราชวังรัตนรังสรรค์(จำลอง)

พระราชวังรัตนรังสรรค์ (จำลอง)  สถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์อีกแห่งหนึ่งของจังหวัดระนอง สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์การเสด็จประทับแรมจังหวัดระนองของพระมหากษัตริย์ 3 พระองค์ ได้แก่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎ เกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 และได้จัดจำลองบรรยากาศของพระราชวังเดิมเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นห้องบรรทมของรัชกาลที่ 5 ห้องบรรทมของพระราชินีและพระราชโอรส พระราชธิดา ห้องทรงพระอักษร  มาที่นี่เรามาเพื่อมาชมความงดงามและสถาปัตยกรรมที่งดงามของปราสาทไม้ที่สร้างด้วยไม้สักและไม้ตะเคียนทองทั้งหลัง

จวนเจ้าเมืองระนอง
 
จวนเจ้าเมืองระนอง เป็นจวนของเจ้าเมืองระนองคนแรก คือ พระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี หรือท่านคอซูเจียง เป็นแหล่งโบราณสถานแห่งหนึ่งที่สำคัญของระนอง ซึ่งปัจจุบันกรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนโบราญสถาน ภายในจวนเจ้าเมืองระนองเป็นบ้านพักอาศัยของลูกหลานในสกุล ณ ระนอง หลายครอบครัว บ้านพักส่วนหนึ่งได้รับการบูรณะปรังปรุงเป็นอาคารชั้นเดียวเพื่อใช้เป็นศาลบรรพบุรุษและใช้ประกอบพิธีสักการะบูชาป้ายบรรพบุรุษตามประเพณี
ร้านกาแฟห้วยค้างคาว คุ้นลิ้น

ร้านกาแฟในบรรยากาศริมธารน้ำตก ท่ามกลางธรรมชาติอันสดชื่นและแมกไม้เขียวขจี  ของภูเขาที่โอบล้อม  เป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินสุดเก๋และสุดฟิน ของการมาเที่ยวเมืองระนองที่มิควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง คุ้นลิ้นกาแฟสด ตั้งอยู่ ริมทางหลวงหมายเลข 4 เส้นทาง ชุมพร – ระนอง ใกล้น้ำตกปุญญบาล หากเดินทางจากตัวเมืองระนองร้านจะตั้งอยู่ก่อนถึงน้ำตก แต่ถ้าเดินทางมาจากชุมพรเข้าสู่จังหวัดระนองจะเจอน้ำตกก่อน สังเกตง่ายมากเมื่อมาถึงร้านจะมีรถสองแถวสีชมพูสดใส ซึ่งเป็นรถท้องถิ่นของเมืองระนองจอดประดับอยู่หน้าร้าน

จุดชมวิวเขาฝาชี
 
อีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของตำบลบางแก้ว อำเภอละอุ่น จังหวัดระนอง โดยจุดชมวิวแห่งนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว เป็นสถานที่ชมทิวทัศน์สวยงาม พระอาทิตย์อัสดงมองเห็นลำน้ำกระบุรี ไหลมาบรรจบกับ ลำน้ำละอุ่นออกสู่ทะเลอันดามันเกิดเป็นทัศนียภาพน่าประทับใจของเกาะแก่งน้อยใหญ่มองเห็นฝั่งพม่านอกจากนี้แล้ว จุดชมวิวเขาฝาชี ยังเป็นจุดชม พระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดระนอง โดยเฉพาะในฤดูหนาวช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคม แสงสีสุดท้ายของท้องฟ้าจะสดสวย งดงามมากที่สุด ในบางวันยังสามารถมองเห็นทะเลหมอกได้อีกด้วย

ก้องวัลเลย์
ตั้งอยู่ที่ อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง เป็นแหล่งปลูกกาแฟที่มีชื่อเสียงมากว่า 40 ปี โดยแปรรูปผลิตภัณฑ์กาแฟภายใต้ชื่อการค้า ก้องกาแฟ และท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โฮมสเตย์ ภายใต้ชื่อ ก้องวัลเลย์  โดยรับซื้อโดยตรงจากเกษตรกรและให้เกษตรกรเป็นผู้กำหนดราคาขายเอง จึงทำให้ก้องกาแฟได้กาแฟคุณภาพดีกว่าท้องตลาด โดยนำมาคัดเมล็ด คั่ว บด และบรรจุลงถุงที่มีมาตรฐาน ความโดดเด่นของกาแฟก้องวัลเลย์ คือ การทำกาแฟด้วยกรรมวิธีที่โบราณ ตั้งแต่การปลูก เก็บเมล็ด ตาก บ่ม และคั่วมือในกระทะเล็กๆ และบดด้วยมือ ทำให้ยังคงรักษากลิ่นหอมซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของโรบัสต้า รวมถึงรสชาติรวมถึงความหวานของเมล็ดกาแฟไว้ได้ ทำให้เมล็ดกาแฟโรบัสต้าที่หลายคนมองว่าเข้มและขมกลายเป็นรสชาติที่กลมกล่อม ทำให้ก้องคอฟฟี่มีรสชาติที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว กลายเป็นกาแฟที่มีชื่อเสียงส่งขายไปทั่วโลก ที่คอกาแฟต้องลองไปชิมสักครั้ง
รีวิวฉบับเต็ม คลิ๊ก ก้องวัลเลย์
วัดวารีบรรพต
ใครว่าระนองไม่มีวัดสวยเห็นจะผิดไปนัก เพราะไม่ไกลจากตัวเมืองด้วยระยะห่างเพียง 7 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็มาถึง วัดวารีบรรพต  ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขา มองเห็นวิวได้โดยรอบ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ มีความยาวถึง 22 เมตร  นอกจากนี้เราจะชมความสวยงามของเจดีย์สีทอง ชื่อว่า มหาทุติยเจดีย์ศรีบรรพต  เนื่องจากวัดนี้เป็นที่ศรัทธาของชาวพม่าที่อาศัยอยู่ในระนอง จึงมีพระพม่าและช่างฝีมือของพม่ามาช่วยทำการสร้างเจดีย์นี้ ถือว่าเป็นเรื่องแปลกที่วัดไทยมีเจดีย์แบบพม่า
 เกาะพยาม
เกาะพยาม ถึงแม้ความใสของน้ำทะเลจะสู้อื่นเกาะอื่นในท้องทะเลอันดามันไม่ได้ แต่ถ้าได้มาเราจะได้สัมผัสความครบเครื่องของการมาเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นความร่มรื่นของสวนและต้นไม้ภายในเกาะ วิถีชีวิตของชาวบ้านแบบดั้งเดิม บรรยากาศความสงบของทะเลที่น่าเอนกายพักผ่อน  มหัศจรรย์ทางธรรมชาติของซุ้มประตูหินที่อ่าวเขาควาย และสุดท้ายความโรแมนติกของพระอาทิตย์ตกดินที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งในท้องทะเลไทย

หมู่เกาะกำ
หมู่เกาะกำ แห่งทะเลระนอง เมื่อก่อนนั้นขอเรียกว่าทะเลที่ถูกลืมเพราะเป็นทะเลที่หลายคนยังไม่ค่อยรู้จัก ไม่ได้ถูกใส่ไว้เป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวทะเลเท่าใดนัก ทั้งที่จริงแล้วน้ำทะเลของเกาะต่างๆในหมู่เกาะกำ ที่สามารถท่องเที่ยวได้ คือ เกาะกำตก เกาะค้างคาว เกาะญี่ปุ่น เป็นสุดยอดของทะเลไทยที่มีความสวย น้ำทะเลใส บรรยากาศสงบน่าเที่ยวอีกแห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้
 ชมพระอาทิตย์ตกที่อุทยานแห่งชาติแหลมสน

อุทยานแห่งชาติแหลมสน นอกจากชายหาดทอดยาวซึ่งเป็นที่ตั้งของที่พักอุทยานที่แสนสบายแล้ว หากพักอยู่ภายในอุทยานหรือพื้นที่บริเวณใกล้เคียงในช่วงเวลาเย็นสละเวลามาที่นี่กันซักนิด เพื่อมานั่งรับลมทะเลและรอชมพระอาทิตย์ตกส่องแสงกระทบหาดทรายที่เป็นริ้วสีทอง

บ้านไร่ไออรุณ

จากเรื่องราวของอดีตสถาปนิกหนุ่มผู้มีฝันอันแรงกล้ายอมลาออกจากงานสถาปนิกซึ่งเป็นงานประจำในเมืองหลวงกลับมาบ้านเกิด ใช้ชีวิตปลูกผักแบบเรียบง่าย นำความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาแปลงโฉมบ้านน้อยหลังเดิมและสร้างบ้านเพิ่มเติมให้กลายเป็นที่พักฟาร์มสเตย์กลายเป็นอาณาจักรแห่งความรักที่เป็นแรงบันดาลใจให้ใครต่อใครหลายคน สัมผัสความน่ารักและอบอุ่นของที่นี่ บ้านไร่ ไออรุณ  ระนอง ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติกลางสวน ทีตกแต่งน่ารักไม่เหมือนใคร  บวกกับรอยยิ้มและการต้อนรับที่อบอุ่นของทุกคนในบ้าน รสชาติอาหารที่อร่อยถูกปาก ต้องบอกว่าถ้ามีโอกาสได้มาพักแล้วไม่มีอะไรที่เราไม่ประทับใจเลยซักอย่างเดียว

ร้านอาหารอร่อยเมืองระนอง

ร้านถอดรองเท้า
ร้านอาหารโรงกลวง (ถอดรองเท้า) เป็นร้านอาหารชื่อดังประจำเมือง ที่มาทานแล้วต้องร้องว่า หรอยจังฮู้  ชื่อ ร้านถอดรองเท้า มีที่มาคือ  เจ้าของร้านรักร้านและบ้านของตัวเอง ใครไปใครมาต้องถอดรองเท้าตามธรรมเนียมด้วยฝีมือระดับที่เรียกว่าหาตัวจับยาก การบอกสู่ปากต่อปาก ลูกค้าแวะไปเวียนมาไม่ขาดมีทั้งลูกค้าขาประจำในจังหวัดไปจนถึงขาจรนักท่องเที่ยวก็ไม่ขาดสาย การถอดรองเท้าจึงอาจไม่สะดวกเจ้าของร้านจึงให้ใส่รองเท้าเดินเข้าไปได้ทานอาหารได้ เมนูส่วนใหญ่คือ อาหารใต้รสชาติจัดจ้านแต่ไม่ถึงกับเผ็ดมาก เมนูแนะนำคือ กุ้งแม่น้ำต้มกระทิใบเหลียง กุ้งผัดน้ำมะขามเปียก ยำผักกูดรสเด็ด ปูนิ่มทอดกระเทียมพริกไทย แกงเหลือง ปลาทอดขมิ้น ใบเหมียงผัดไข่ใส่วุ้นเส้น

ตั้งอยู่ที่ ถนนกิจผดุง (เข้ามาในซอยวงเวียนน้ำพุ) เปิดบริการทุกวัน : 11:00 – 20:00 โทร  077-822-964

การเดินทางจากตัวเมืองระนองใช้ถนนเพชรเกษมต้องเลี้ยวซ้ายแล้วกลับรถมาเข้าถนนกิจผดุง ตรงไปจนถึงสหกรณ์ออมทรัพย์ครู แล้วจะเจอสี่แยก จากสี่แยกตรงไปทางตลาดใหม่แล้วให้เลี้ยวขวาเข้าซอยตรงไปอีก 50 เมตรจะเห็นร้านถอดรองเท้าอยู่ทางขวามือ

 ร้านโรตีบังกี
หากมาถึงระนองในช่วงเช้าและกำลังมองหาร้านอาหารอร่อยซักร้าน วัฒนธรรมการกินอาหารทางใต้ในจังหวัดแถบทะเลอันดามัน ไม่ว่าจะเป็นภูเก็ต กระบี่ พังงา สตูล สังเกตว่ามื้อเช้ายอดนิยม คือ โรตี  ติ่มซำ ควบคู่ไปกับน้ำชาหรือกาแฟ  ระนองก็เช่นกันมีอยู่ร้านหนึ่งเป็นร้านอร่อยของจังหวัดเลยทีเดียว ชื่อว่า ร้านบังกี โรตี อาหรับ สถานที่ตั้งอยู่ในตัวเมืองระนองบริเวณตลาดล่าง ที่มีเมนูโรตีมีให้เลือกเยอะกว่า 15 เมนู  ไก่ทอดรสเด็ด  รสชาติและความหอมของชานมร้อน ที่รับรองได้ว่าถ้ามีโอกาสได้มาชิมต้องติดใจ

พิกัด  อยู่ในตัวเมืองระนองบริเวณตลาดล่าง หากใช้บริการรถสองแถววิ่งรอบเมืองจะไม่ผ่านหน้าร้านค่ะ ต้องนั่งมอเตอร์ไซต์วินเท่านั้น  ร้านจะเปิดตั้งแต่ 6 โมง เช้า และของจะเริ่มหมดประมาณสายๆ ต้องรีบมาซักนิด
ร้าน โรตีนิสรา  ตั้งอยู่ที่บ้านหงาว ถนนประชาพิทักษ์ อ.เมือง จ.ระนอง  เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารที่มาถึงระนอง แล้วไม่ได้แวะร้านนี้ถือว่าพลาดมากๆ เพราะเป็นร้านที่โด่งดังร้านนึงของเมืองระนองเลยทีเดียว  ร้านขายโรตี อาหารเช้าต่างๆ  เมนูแนะนำ ได้แก่ โรตีราดนมข้น  โรตีจิ้มแกง โรตีพิซซ่า  กรอบนอกนุ่มหนึบมาก แบบว่าอร่อยจริง ไก่ทอด สลัดโรตี
รายละเอียด

โทร. 0-7784-8246, 08-6574-4324, 08-0887-5144

การเดินทาง  จากตัวเมืองระนองไปทางน้ำตกหงาว ประมาณ 10 กิโลเมตร ร้านจะอยู่ใกล้กับตลาดสดหงาว ร้านเปิดบริการทุกวัน เวลา 08.00-13.00 น แต่บางวันหมดเร็วตั้งแต่ 11 โมงก็มี ถ้าจะให้ชัวร์ควรมาทานแต่เช้า
ระนองโอชา
 
ร้านติ่มซำขึ้นชื่อในเมืองระนอง ร้านนี้รสชาติอาหารดี ขายทั้งติ่มซำ เมนูอาหารเช้า เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม ไข่กระทะ ข้าวขาหมู กระเพาะปลา ร้านเปิดตั้งแต่เช้าประมาณ  6:30 สำหรับติ่มซำสามารถเลือกอาหารในตู้แช่ ที่ต้องการใส่ถาดพร้อมกับเบอร์โต๊ะ พนักงานจะเอาไปนึ่งแล้วส่งไปให้ที่โต๊ะ ส่วนเมนูอื่นสามารรถสั่งได้ที่โต๊ะ

ที่อยู่: 27/61 หมู่4, ถนนสะพานปลา, ตำบลบางริ้น อำเภอเมืองระนอง

เปิดให้บริการ 6.30 – 14.00 น.

โทร 077 822 101

การเดินทางท่องเที่ยวในตัวเมืองระนองสำหรับผู้ไม่มีรถส่วนตัว

สามาถติดต่อเช่ารถขับของบริษัทที่ให้บริการรถเช่าท้องถิ่นในระนอง

หรือสองแถวท้องถิ่น พาเที่ยวในตัวเมืองโดยคิดราคาครึ่งวัน 1000 บาท เต็มวัน 1500 บาท ที่จอดอยู่ตามจุดต่างๆ หรือติดต่อพี่อู๊ด โทร 081 569 7497 สามารถแจ้งได้ว่าจะไปตรงจุดไหนบ้าง

ตั๊กออแกไนท์ระนอง รับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ 
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคระนอง
นางรำระนองเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคระนอง
ระนองรําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคระนอง
รําบวงสรวงพญานาคระนอง
ฟ้อนบูชาพญานาคระนอง
รําบวงสรวงพญานาคระนอง

  ติดต่อสอบถามเรา        
            


255
20 ที่เที่ยวภูเก็ตห้ามพลาด แชร์เก็บไว้เลย ! ❤️?

1.หาดป่าตอง
ชายหาดยอดนิยมอีกแห่งหนึ่ง มีหาดทรายสีขาวละเอียด เหมาะสำหรับลงเล่นน้ำและทำกิจกรรมทางทะเล โดยมักจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางมาพักผ่อน นอนอาบแดด และเล่นน้ำทะเลกันอย่างล้นหลาม นอกจากนี้บริเวณรอบ ๆ หาดจะมีร้านค้า ร้านอาหาร สิ่งอำนวยความสะดวก รวมไปถึงแหล่งบันเทิงยามค่ำคืนไว้สำหรับบริการนักท่องเที่ยวมากมาย เรียกได้ว่ามาที่นี่รับรองไม่มีเหงา ใครสนใจก็แวะมาเช็กอินริมหาดกันได้เลย

พิกัด : อำเภอกะทู้ ริมถนนทวีวงศ์ (ทางหลวง 4233) จากตัวเมืองมาตามทางหลวง 4029 ผ่านวัดสุวรรณคีรีวงก์ เลี้ยวซ้ายเข้าถนนราษฎร์อุทิศ 200 ปี จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าถนนประชานุเคราะห์

2.แหลมพรหมเทพ

แหล่งท่องเที่ยวฮอตฮิตที่ใครต่อใครต่างต้องไปเยือนเมื่อไปถึงจังหวัดภูเก็ต โดยรอบมีทัศนียภาพที่สวยงาม อีกทั้งยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ไทยเลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของประภาคารกาญจนาภิเษก โดยสุดปลายของแหลมพรหมเทพ มีชื่อว่า "แหลมเจ้า" บริเวณตัวแหลมซึ่งยื่นออกไปในทะเล โดดเด่นด้วยต้นตาลที่ยืนตระหง่านเกาะกลุ่มกันอยู่อย่างสวยงาม ฉะนั้นใครที่อยากชมแสงสุดท้ายของวันที่สวยที่สุด...ต้องมาที่นี่ !

พิกัด : ราไวย์ เมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต ห่างจากตัวเมืองประมาณ 19 กิโลเมตร ห่างจากหาดราไวย์เลี้ยวขวาไปประมาณ 2 กิโลเมตร

3.แหลมกระทิง

จุดชมวิวแห่งใหม่ของจังหวัดภูเก็ต มองเห็นทะเลอันดามันเกือบ 360 องศา สำหรับใครที่อยากเดินทางมายังจุดชมวิวแห่งนี้ อาจต้องเดินทางมาตั้งแต่ช่วงบ่าย ๆ เพราะหากมาหลังพระอาทิตย์ตกจะมืดมาก และเดินลำบาก โดยเริ่มต้นเส้นทางผ่านหาดในหานมาทางอ่าวเสน หรือจะเริ่มต้นที่อ่าวเสน หรือเดินขึ้นไปทางกำแพงเล็ก ๆ ก่อนถึงบ้านกระทิงรีสอร์ทก็ได้ แนะนำให้ใส่รองเท้าผ้าใบ เพราะคุณจะต้องเดินผ่านโขดหิน ซึ่งอาจเผลอลื่นและเป็นอันตรายได้ ตลอดทางคุณจะมองเห็นวิวที่ทำให้คุณต้องร้องว้าว ! ประมาณ 45 นาที ก็จะถึงแหลมกระทิง และอย่างที่บอกไปแล้วว่าทางกลับค่อนข้างมืด เราจึงไม่แนะนำให้อยู่ดูพระอาทิตย์ตกดิน

4.ย่านเมืองเก่าโบราณ อาคารชิโนโปรตุกีส

ย่านรวมตึกเก่าโบราณสไตล์ชิโน-โปรตุกีส คุณจะพบกับเสน่ห์ของตัวอาคารที่สร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ 5 ตกแต่งด้านหน้าอาคารด้วยสถาปัตยกรรมแบบยุโรปอย่างสวยงาม มีร้านขายผ้าปาเต๊ะ ผ้าลูกไม้ ร้านกาแฟ โรตีมะตะบะ และอีกมากมายให้แวะกันอย่างจุใจ นอกจากนี้ยังสามารถเดินชมซุ้มโค้งแบบโรมัน บานหน้าต่าง ช่องแสงลวดลายเรขาคณิตยุคอาร์ตเดโคสุดสวย ฯลฯ

อยากแนะนำให้แวะ "ซอยรมณีย์" ที่อดีตเคยเป็นซอยบันเทิง ซึ่งปัจจุบันถูกตกแต่งด้วยสีสันสวยงามน่าถ่ายรูปสุด ๆ ต่อด้วย "อังมอเหลา" คฤหาสน์แบบนีโอคลาสสิก & เรอเนสซองส์ ของตระกูลนายเหมืองเก่า ปิดท้ายด้วยแวะเก็บภาพที่สถานที่ยอดฮิตอย่าง "ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด" "ศูนย์รวมข่าวพรหมเทพ" และ "โรงแรมออนออน" รับรองว่าคุณจะหลงรักเมืองนี้เข้าอย่างจัง

พิกัด : อำเภอเมือง บริเวณถนนถลาง ถนนดีบุก ถนนเยาวราช ถนนพังงา และรอบ ๆ

5.พิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัว

ตึกเก่าสไตล์ชิโน-ยูโรเปียน อดีตโรงเรียนจีนเก่าแก่ ภายในเป็นแหล่งรวมเรื่องราวของชาวจีนโพ้นทะเลที่อพยพเข้ามาพักพิงอยู่ในเขตตลาด มีการจัดแสดงนิทรรศการที่น่าสนใจทั้งสิ้น 14 ห้อง โดยแนะนำให้เดินดูตั้งแต่ห้องที่ 1 ซึ่งเป็นห้องที่มีวีดิทัศน์บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการเดินทางของชาวจีน ฮกเกี้ยน กวางตุ้ง ไหหลำ จากถิ่นกำเนิดสู่ภูเก็ตสายสัมพันธ์กับแผ่นดินแม่ สัมผัสวิถีชีวิตดั้งเดิมตั้งแต่เริ่มก่อร่างสร้างตัว สัมมาอาชีพ และภูมิปัญญา อาทิ การทำเหมืองแร่ สวนยางพารา วัฒนธรรมการกินอยู่ การสร้างบ้าน เครื่องแต่งกาย ประเพณีอันศักดิ์สิทธิ์ ตลอดจนศึกษาแบบอย่างของผู้ประสบความสำเร็จ รวมไปถึงประวัติโรงเรียนและครูใหญ่คนสำคัญ

พิกัด : 28 ถนนกระบี่ ตำบลตลาดเหนือ อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต

6.จุดชมวิวเขารัง

ป็นเนินเขาที่ตั้งอยู่ในตัวเมืองภูเก็ตทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ สามารถนำรถยนต์ขึ้นไปถึงยอดเขาได้ โดยขับขึ้นไปตามถนน "คอซิมบี้" ได้เลย ด้านบนสามารถมองเห็นทัศนียภาพของเกาะภูเก็ตได้อย่างชัดเจน ทั้งหลังคาตึกเก่า สะพานหิน อ่าวฉลอง หาดราไวย์ ฯลฯ เรียกได้ว่าสามารถชื่นชมความงดงามของเมืองภูเก็ตได้ถึง 360 องศา เลยทีเดียว และโดยเฉพาะในยามค่ำคืนที่นี่จะโรแมนติกมากเป็นพิเศษ เนื่องจากจะสามารถมองเห็นแสงไฟระยิบระยับของบ้านเมืองด้านล่างได้อย่างสวยงามประทับใจสุด ๆ

พิกัด : จากที่ว่าการอำเภอมาทางถนนแม่หลวน จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าถนนคอซิมบี้ไปจนสุดทาง หรือจะเข้าจากถนนวชิระข้างโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตก็ได้

7.หลาดปล่อยของ

ตลาดนัดสุดบรรเจิดท่ามกลางบรรยากาศกลางแจ้งแบบสบาย ๆ ใน Limelight Avenue ใจกลางเมืองภูเก็ต ที่มีพื้นที่สำหรับปลดปล่อยสินค้าไอเดีย โดยภายในตลาดจะมีพ่อค้าแม่ขายมาวางของแฮนด์เมดดีไซน์เก๋ ๆ แฟชั่นแนว ๆ อาทิ ของที่ระลึกต่าง ๆ สมุดทำมือ หมวก งานศิลปะสุดชิค ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีอาหารหลากหลายประเภท อาหารพื้นเมือง ร้านกาแฟ และร้านน่านั่งชิลมากมาย พร้อมกับเพลิดเพลินไปกับการแสดงดนตรีของเยาวชน มือสมัครเล่น ตลอดจนมืออาชีพที่จะมาผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันสร้างสีสันให้ได้ครื้นเครงกันตลอดทั้งคืน อัดแน่นไปด้วยความความฮิปแบบนี้...ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง

พิกัด : อำเภอเมือง ริมถนนดีบุกตัดใหม่ อยู่ภายในลานเพลิน Lime Light Avenue ติดกับร้านเลมอนกราสและโซฟาผับ
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันพุธ วันพฤหัสบดี และวันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 16.00-22.30 น.

8.วัดฉลอง

"วัดฉลอง" หรือ "วัดไชยธาราราม" วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดภูเก็ต เป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อ "หลวงพ่อแช่ม" หรือ "พระครูวิสุทธิองศาจารย์ญาณมุณี" พระครูผู้เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวเมืองภูเก็ต จากเรื่องราวความศักดิ์สิทธิ์และคุณความดีของหลวงพ่อแช่มวัดฉลอง ในการเป็นที่พึ่งให้แก่ชาวบ้านในการต่อสู้กับพวกอั้งยี่ (พวกจีนที่ก่อการกบฏ) โดยท่านได้มอบผ้าประเจียดสีขาวให้ชาวบ้านทุกคนโพกหัวเพื่อเป็นขวัญและกำลัง ใจในการต่อสู้จนชนะพวกอั้งยี่ได้ (ตอนนั้นพวกอั้งยี่เรียกชาวบ้านว่า "พวกหัวขาว")

ภายหลังรัชกาลที่ 5 จึงโปรดเกล้าพระราชทานสมณะศักดิ์แก่หลวงพ่อแช่มวัดฉลองเป็นพระครูวิสุทธิ วงศาจารย์ญาณมุนี ซึ่งท่านก็เป็นที่เคารพเลื่อมใสศรัทธาของชาวภูเก็ตตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แวะไปสักการบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคลให้กับตัวเองกันได้ทุกวัน รับรองอิ่มบุญอิ่มใจกันถ้วนหน้าแน่นอน

พิกัด : 70 บ้านฉลอง ถนนเจ้าฟ้า หมู่ที่ 6 ตำบลฉลอง อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต

9.วัดพระทอง (พระผุด)

"วัดพระทอง" หรือ "พระผุด" ซึ่งประดิษฐานอยู่ภายในวิหาร มีลักษณะเป็นพระครึ่งองค์ โดยมีประวัติความเป็นมาว่า "พระผุด" คือพระพุทธรูปทองคำจากเมืองจีน มีอายุราว ๆ 2,000 ปี ชาวทิเบตนำลงเรือมาทางมหาสมุทรอินเดีย แต่เกิดพายุโหมซัดเรือเข้ามายังฝั่งพังงาและเกิดจมลง ต่อมาเกิดฝนตกหนักน้ำท่วมเซาะดินจนเห็นเป็นพระเกตุมาลาโผล่พ้นเหนือพื้นดิน ขึ้นมา

เมื่อเจ้าเมืองทราบได้มีการสั่งการให้ขุดพระพุทธรูปขึ้นมาประดิษฐานไว้บูชา แต่ไม่สามารถขุดขึ้นมาได้ เพราะบางคนถูกตัวต่อตัวแตนอาละวาดเป็นพิษถึงแก่ความตาย เจ้าเมืองจึงสั่งให้ทำที่มุงที่บังเป็นสถานที่กราบไหว้เรื่อยมา ชาวบ้านจึงเรียกว่ากันพระผุด เพราะเป็นพระพุทธรูปที่ผุดขึ้นมาจากพื้นดินโดยมีความสูงประมาณ 1 ศอก ซึ่งคนจีนเรียกว่า "ภูปุ๊ค" (พู่ฮุก) และเมื่อถึงเทศกาลตรุษจีน คนจีนในภูเก็ต พังงา ตะกั่วป่า ท้ายเหมือง และกระบี่ จะพากันมานมัสการเป็นประจำจนถึงทุกวันนี้

พิกัด : หมู่ที่ 7 ตำบลเทพกระษัตรี อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต

10.อนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรีและท้าวศรีสุนทร

สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เมื่อมาถึงภูเก็ตแล้วไม่แวะมาสักการะถือว่ามาไม่ถึง เป็นอนุสาวรีย์สองสตรีผู้กล้าแห่งเมืองถลาง หรือที่รู้จักกันในนาม "คุณหญิงจัน คุณหญิงมุก" ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ในชุดโจงกระเบน สวมเสื้อแขนกระบอก ห่มตะเบงมาน มือทั้งสองถือดาบ

มีประวัติเล่าว่าในช่วง พ.ศ. 2328 ประเทศไทยถูกพม่ารุกราน โดยศึกครั้งนั้นเรียกกันว่า "สงครามเก้าทัพ" และมีทัพหนึ่งของพม่าบุกมาทางภาคใต้หมายจะตีเมืองถลางให้สำเร็จ ขณะนั้นเจ้าเมืองถลางสามีของคุณหญิงจันเพิ่งเสียชีวิตลงทำให้เมืองถลางขาดผู้นำ คุณหญิงจันและคุณหญิงมุกผู้เป็นน้องจึงอาสาเป็นผู้บัญชาการรบด้วยตัวเอง

โดยได้ออกอุบายลวงพม่าให้ผู้หญิงในเมืองถลางราว 500 คน แต่งตัวเลียนแบบชายชาตรี และแสร้งทำเป็นว่าถือดาบ โดยให้เอาไม้ทองหลางเคลือบดีบุกถือต่างอาวุธ และทำทีจัดขบวนไพร่พลเดินตระเวน และประชุมพลถ่ายเทคนเข้าออกให้เห็นว่าทัพไทยมีพลกำลังเสริมเข้ามาตลอดเวลา ทำให้พม่าลังเลใจที่จะเข้าตี และด้วยระยะเวลาที่ยาวนานส่งผลให้กองทัพพม่าขาดเสบียงอาหาร บาดเจ็บล้มตายเป็นประจำทุกวัน ส่งผลให้กองทัพปั่นป่วนและสูญเสียทหารไปมากกว่า 400 คน ท้ายที่สุดพม่าจึงตัดสินใจยกทัพกลับไป ซึ่งนับเป็นวีรกรรมที่น่าเชิดชูยิ่งนัก ไหน ๆ ก็มาถึงเมืองภูเก็ตกันแล้วควรหาเวลาไปสักการะท่านทั้งสองกันสักครั้ง

พิกัด : บ้านท่าเรือ ตำบลศรีสุนทร อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต

11.หาดกมลา

ชายหาดยอดฮิตที่อยู่ถัดลงมาทางใต้ของหาดสุรินทร์ มีความยาวประมาณ 2 กิโลเมตร เงียบสงบ เป็นส่วนตัว นอกจากนี้ที่นี่ยังมีอนุสรณ์สถานสึนามิ เป็นประติมากรรมชื่อว่า "จิตจักรวาล" ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อสะท้อนถึงพิบัติภัยคลื่นยักษ์ที่เคยเกิดขึ้นที่ชาดหาดแห่งนี้ และสื่อถึงแรงหมุนของโลกและการปรับเปลี่ยนของธรรมชาติเพื่อความสมดุล ส่วนในบริเวณทางเหนือของหาดยังมีที่พัก ร้านค้า ร้านอาหาร ไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวอย่างครบครัน เหมาะแก่การเดินทางมาพักผ่อนอย่างยิ่ง

พิกัด : อำเภอกะทู้ ริมทางหลวง 4233 จากหาดสุรินทร์ไปทางทิศใต้ 2 กิโลเมตร เข้าทางโรงเรียนบ้านกมลา หรือ สภ.ต.กมลา

12.หาดกะรน

ชายหาดขึ้นชื่อสำหรับนักท่องเที่ยวที่แสวงหาความสบาย ชอบความครึกครื้น โดยหาดกะรนเป็นชายหาดที่ยาวที่สุดในเกาะภูเก็ต มีเม็ดทรายสีขาวและละเอียดมาก เหมาะแก่การทำกิจกรรมต่าง ๆ โดยส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่จะนิยมมาพักผ่อน นอนอาบแดด เดินเล่นชิล ๆ ผ่อนคลายสบายอารมณ์ ทั้งนี้หาดกะรนสามารถลงเล่นน้ำได้ แต่ในบางจุดก็อันตราย ควรสังเกตธงสีเหลือง-แดง ก่อนลงเล่น นอกจากนี้บริเวณชายหาดยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งแหล่งช้อปปิ้ง ร้านค้า สถานบันเทิง ตั้งอยู่บริเวณวงเวียนด้านขวาสุดของหาดให้เลือกใช้บริการกันอย่างเต็มที่อีกด้วย

พิกัด : อำเภอเมือง จาดหาดป่าตองลงมาทางทิศใต้ ตามทางหลวง 4233 (ทางขึ้นเขาประมาณ 3 กิโลเมตร)

13.หาดกะตะน้อย หาดกะตะใหญ่

2 หาดยอดนิยมที่ขึ้นชื่อในเรื่องความเงียบสงบและสวยงาม โดยหาดกะตะน้อยเป็นชายหาดเล็ก ๆ ที่มีเสน่ห์สวยงามน่าหลงใหล มีหาดทรายสีขาวละเอียดนุ่มเท้า น่าลงเล่นน้ำ ส่วนหาดกะตะใหญ่ก็มีความสวยงามไม่แพ้หาดกะตะน้อย โดยเป็นแหล่งทำกิจกรรมทางน้ำยอดนิยม ทั้งกระดานโต้คลื่น พาราเซล เจ็ทสกี ฯลฯ

นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ สถานที่พัก บริษัท นำเที่ยว ร้านค้า แหล่งบันเทิงต่าง ๆ ไว้สำหรับบริการนักท่องเที่ยวมากมาย สนใจมาใส่บิกินี่อวดโฉมกันได้นะจ๊ะสาว ๆ

พิกัด : อำเภอเมือง จากตัวเมืองมาถึงห้าแยกฉลอง เลี้ยวขวาไปตามทางหลวง 4028 จะถึงหาดกะตะน้อยก่อน ขับขึ้นมาทางทิศเหนือประมาณ 5 นาทีก็จะถึงหาดกะตะ

14.พระพุทธมิ่งมลคลเอกนาคคีรี

"พระพุทธมิ่งมลคลเอกนาคคีรี" หรือ "วัดพระใหญ่" เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะภูเก็ตเลยก็ว่าได้ โดยองค์พระงดงามไปด้วยศิลปะร่วมสมัย ประดับผิวด้วยหินอ่อนหยกขาวจากประเทศพม่า โดยหินอ่อนขาวมีน้ำหนักราว ๆ 135 ตัน เลยทีเดียว ซึ่งนับเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองที่ตั้งตระหง่านสูงเด่นเป็นสง่าอยู่บน ยอดเขาที่มีความสวยงดงามมากจริง ๆ

นอกจากนี้บริเวณด้านบนนักท่องเที่ยวยังสามารถสัมผัสกับทัศนียภาพที่สวยงามของเวิ้งหาดกะตะ แหลมพรหมเทพ เกาะแก้วพิสดารได้อย่างสวยงามอลังการอีกด้วย

พิกัด : 42/14 หมู่ 2 ถนนเทพกระษัตรี ตำบลรัษฎา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-19.00 น.

15.ภูเก็ตแฟนตาซี

อาณาจักรมหัศจรรย์ที่รวบรวมความบันเทิงสุดยิ่งใหญ่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ถ่ายทอดศิลปวัฒนธรรมไทย โดยมีส่วนสำคัญคือการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยผสมผสานเทคโนโลยีระดับโลก "มหัศจรรย์กมลา" ณ โรงละครวังไอยรา, "ภัตตาคารมโนห์ราทอง" ที่พร้อมให้บริการอาหารบุฟเฟ่ต์ทั้งไทยและนานาชาติ นอกจากนี้ยังมีหมู่บ้านหรรษา แหล่งรวมสินค้าหัตถกรรมไทย และกิจกรรมบันเทิงต่าง ๆ อีกมากมาย สามารถแวะมาชมมหัศจรรย์ความบันเทิงสุดอลังการนี้ได้ ตระการตาสุด ๆ ขอบอก

พิกัด : 99 หมู่ 3 ตำบลกมลา อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต 83150
เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวัน ยกเว้นวันพฤหัสบดี

สวนสนุกทางน้ำสุดยิ่งใหญ่ ถูกรังสรรค์ขึ้นมาเพื่อเป็นแหล่งสร้างสรรค์ประสบการณ์ดี ๆ ในวันหยุดพักผ่อน พร้อมกับสร้างความสนุกสนานประทับใจให้กับคุณและคนในครอบครัว ภายในมีการตกแต่งและดีไซน์โดยรวบรวมแหล่งมหัศจรรย์งดงามของโลก ทั้งประติมากรรมแนวอินคา มายา, แอฟริกา เอเชีย, ตุรกี, ยุโรปเหนือ, อเมริกาเหนือ และขั้วโลกเหนือมารวมกันไว้ที่นี่

16.สวนน้ำ Splash Jungle

มีเครื่องเล่นที่เด่น ๆ มากมาย เช่น "เลซี่ ริเวอร์" ที่จะทำให้คุณได้ผจญภัยกับล่องน้ำที่มีความยาวถึง 335 เมตร สุดเร้าใจ ต่อด้วย "เวฟพูล" หรือ "อควา เพลย์พูล" เครื่องเล่นที่จำลองคลื่นสุดมัน รวมไปถึงเครื่องเล่นที่เป็นไฮท์ไลท์อย่าง "บูมเมอแรงโก้" และ "ซูเปอร์โบว์ล" ที่จะทำให้คุณสนุกสนานจนขอต่อรอบสอง นอกจากนี้ยังมีเครื่องเล่นทางน้ำต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสไลด์ถังน้ำขนาดใหญ่ ปืนฉีดน้ำหลากหลายขนาดต่างกัน มาร่วมประสบการณ์สุดมันกันได้รับรองจะติดใจจนถอนตัวไม่ขึ้น

พิกัด : ซอยไม้ขาว 4 ตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-18.00 น.

17.Phuket Simon Cabaret

อาณาจักรความบันเทิงยามค่ำคืนที่จัดแสดงโชว์สุดตื่นตาตื่นใจของสาว ๆ ชาวเลดี้บอย ที่พร้อมพานักท่องเที่ยวก้าวเข้าสู่โลกแห่งเทพนิยาย ด้วยโชว์และเครื่องแต่งกายสุดอลังการที่มีการผสมผสานวัฒนธรรมไทยเข้ากับศิลปะการแสดงของชาติอื่น ๆ ได้อย่างลงตัว ซึ่งการแสดงแต่ละชุดสามารถเรียกเสียงฮือฮาจากผู้ชมได้ไม่น้อย ทั้งการร่ายรำอันอ่อนช้อยแบบไทย ๆ การลิปซิงค์ระดับมืออาชีพ ฯลฯ ภายใต้บรรยากาศสุดอลังการพร้อมฉากสวยงามตระการตา ใครที่มาภูเก็ตแล้วไม่แวะมาดูระวังจะเสียใจนะจ๊ะ

พิกัด : 8 ถนนสิริราชย์ อำเภอป่าตอง จังหวัดภูเก็ต
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน วันละ 3 รอบ เวลา 18.00 น. 19.45 น. และ 21.30 น.

18.ภูเก็ต ทริกอาย มิวเซียม (Phuket Trickeye Museum)

พิพิธภัณฑ์แสดงศิลปะจิตรกรรม 3 มิติ สุดอลังการแห่งแรกของจังหวัดภูเก็ต โดยภายในมีการจัดแสดงภาพจิตรกรรม 3 มิติ ที่เป็นผลงานของศิลปินเกาหลีกว่า 20 ชีวิต ที่ได้บินลัดฟ้ามาสร้างผลงานศิลปะภาพ 3 มิติ กว่า 100 ภาพ ลงบนผนังตึกด้วยตัวเอง ซึ่งภายในพิพิธภัณฑ์ถูกแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ชั้น ซึ่งแต่ละภาพจะเน้นเป็นภาพการผจญภัยต่าง ๆ โดยมีไฮไลท์อยู่ที่สะพานข้ามลำธารน้ำตกที่ไหลเชี่ยวกราด นักท่องเที่ยวจะได้สนุกสนานไปกับการทำท่าทางปีนบันไดขึ้นไปบนน้ำตกแสนน่า กลัว หรือจะไปเล่นสกีหิมะ กระโดดร่ม วิ่งหนีสึนามิที่วาดได้เหมือนจริงมาก ๆ มาร่วมเป็นหนึ่งในภาพวาดเสมือนจริงนี้ได้ทุกวัน

พิกัด : 130/1 ถนนพังงา ตำบลตลาดใหญ่ (โรงหนังเพิร์ลเก่า) อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-19.00 น.

19.Flying Hanuman

สถานที่ทำกิจกรรมผจญภัยเชิงอนุรักษ์แนว Eco-adventure สุดเร้าใจ เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่กลัวความสูง รักความท้าทาย โดยนักท่องเที่ยวจะได้โหนสลิงหรือที่เรียกว่า Zipline บนยอดเขาน้ำตกกระทู้ พร้อมทัวร์ป่าอันอุดมสมบูรณ์ของภูเก็ต ซึมซับความงดงามของธรรมชาติ และเรียนรู้พันธุ์ไม้พื้นเมืองนานาชนิด

โดยมีกิจกรรมให้ทำทั้งหมด 28 ฐาน แต่ละฐานสร้างความตื่นเต้นเร้าใจได้ไม่น้อย ทั้งโหนสลิงจากต้นไม้ต้นหนึ่งไปอีกต้นหนึ่ง เดินบนสะพานกลางอากาศ เดินบันไดวนรอบต้นไม้ใหญ่ สเกตบอร์ดกลางอากาศ โรยตัวจากต้นไม้สูง 40 เมตร ฯลฯ มาร่วมลุ้นและตื่นเต้นไปพร้อม ๆ กัน ใครที่มีหัวใจแอดเวนเจอร์เราขอท้าให้มาประลอง

พิกัด: 89/16 หมู่ 6 ซอยน้ำตกกะทู้ ถนนวิชิตสงคราม ตำบลกะทู้ อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น.

20.จุดชมวิวกังหันลม

จุดชมวิวด้านทิศใต้ของเกาะภูเก็ต อยู่ถัดมาจากแหลมพรหมเทพเล็กน้อย จากจุดชมวิวแห่งนี้จะมองเห็นแหลมพรหมเทพและหาดยะนุ้ย (หาดเล็ก ๆ ที่อยู่ระหว่างแหลมพรหมเทพกับจุดชมวิวแห่งนี้) อีกด้านหนึ่งจะมองเห็นหาดในหานอยู่ไกล ๆ จุดชมวิวแห่งนี้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่อาจจะไม่ค่อยรู้จัก จึงมีคนไม่มากนัก สามารถหลบผู้คนจากแหลมพรหมเทพมาชมพระอาทิตย์ตกดินที่นี่ได้ รับรองสวยงดงามไม่แพ้กัน

ตั๊กออแกไนท์ภูเก็ต รับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ 
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคภูเก็ต
นางรำภูเก็ตเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคภูเก็ต
ภูเก็ตรําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคภูเก็ต
รําบวงสรวงพญานาคภูเก็ต
ฟ้อนบูชาพญานาคภูเก็ต
รําบวงสรวงพญานาคภูเก็ต


  ติดต่อสอบถามเรา        
            


หน้า: 1 ... 15 16 [17] 18 19 ... 30