สวัสดี

ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: 24 ที่เที่ยวชลบุรี ธรรมชาติดี เกาะสวยที่ต้องไปเยือนสักครั้ง  (อ่าน 4250 ครั้ง)

admin
  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 831
    • ดูรายละเอียด
24 ที่เที่ยวชลบุรี ธรรมชาติดี เกาะสวยที่ต้องไปเยือนสักครั้ง

ชลบุรี...เมืองแห่งการท่องเที่ยวระดับโลกที่หลากหลายเกินใจคิด เพราะมีทั้งสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ วัด วัง หรือจะไปดื่มด่ำกับความงามของธรรมชาติ ผืนไพร และสัตว์ป่าก็มีพร้อม แถมใครชื่นชอบกิจกรรมสนุก ๆ ที่นี่ก็มีพร้อม หรือจะปล่อยใจไปกับโชว์สุดอลังการระดับโลก เดินช้อปปิ้งสุดสนุก มีเพียงชลบุรีเท่านั้นที่จะพาคุณไปพบประสบการณ์ทั้งหมดนั้นได้ โดยวันนี้เราได้รวบรวมเอาแหล่งท่องเที่ยวสำคัญเมืองชลบุรีมาแนะนำกัน

1. วัดใหญ่อินทาราม

          วัดใหญ่อินทาราม เดิมชื่อ "วัดหลวง" เป็นวัดสำคัญเก่าแก่คู่เมืองชลบุรี สันนิษฐานว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย ในโบสถ์มีภาพจิตรกรรมฝาผนังฝีมือช่างชั้นครูที่งดงามมาก สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงตรัสชมว่า "ฝีมืองามมาก อย่าให้ซ่อมแซมเป็นอันขาด" โดยเฉพะภาพจิตรกรรมฝาผนังเหนือขอบหน้าต่างเป็นภาพเทพชุมนุม ส่วนที่ผนังสองด้านเขียนเรื่องทศชาติชาดก พระเวสสันดรชาดก และยังมีพลับพลาตรีมุข สร้างด้วยไม้ประดิษฐานพระพุทธรูปหล่อสำริดทรงเครื่องกษัตริย์ เรียกกันว่า "หลวงพ่อเฉย" ถ้าเป็นไปได้ควรไปเที่ยวชมวัดนี้ในวันพระ เพราะถ้าเป็นวันธรรมดาต้องติดต่อขอกุญแจโบสถ์จากเจ้าอาวาส นอกจากนี้ยังมีพระนักวิชาการพานำชมและอธิบายให้ความรู้ด้วย

          ที่ตั้ง : อยู่กลางเมืองชลบุรี จากถนนสุขุมวิท เลี้ยวเข้าตัวเมืองชลฯ ที่สี่แยกเฉลิมไทย เข้าสู่ถนนโพธิ์ทอง แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเจตน์จำนงค์ วัดอยู่ทางด้านซ้ายมือ ก่อนถึงสี่แยกตัดกับถนนอัคนิวาต (สี่แยกท่าเกวียน) หน้าวัดมีลานจอดรถกว้างขวาง

          การเดินทาง : ถ้าไม่มีรถยนต์ส่วนตัว สามารถขึ้นรถสองแถวสายรอบเมืองชลบุรีได้

          ติดต่อ : โทร. 038 285 397, 081 570 1469 หรือ เฟซบุ๊ก วัดใหญ่อินทาราม พระอารามหลวง ชลบุรี

2. หาดบางแสน

          หาดบางแสน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวไทยมาช้านาน มีถนนตัดเลียบหาดเคียงคู่ไปกับทิวมะพร้าว ถัดเข้าไปมีร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก และที่พักเรียงรายอยู่จำนวนมาก นักท่องเที่ยวนิยมไปนั่งพักผ่อนชมทิวทัศน์ทะเลกันบนเก้าอี้ผ้าใบบนชายหาด พร้อมมีบริการห่วงยางให้เช่าว่ายน้ำ มีเรือบานาน่าโบ๊ท จักรยานให้เช่า และห้องอาบน้ำจืด ทุกวันหยุดหาดบางแสนจะคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยว เนื่องจากเป็นชายหาดขนาดใหญ่ที่ใกล้กรุงเทพฯ มากที่สุด จึงสามารถเดินทางแบบไปเช้า-เย็นกลับได้

          บางแสนเริ่มเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2486 จนถูกขนานนามว่า "บางแสนดินแดนสุขี" มีผู้เดินทางมาเยือนเป็นจำนวนมาก จนครั้งหนึ่งบางแสนเคยทรุดโทรม ผิดกับปัจจุบันที่ได้รับการดูแลจัดระเบียบอย่างดี จึงกลายเป็นชายหาดที่สะอาดน่าเที่ยวในทุกฤดูกาล โดยหาดบางแสนนี้มีความยาวต่อเนื่องกันถึง 4.5 กิโลเมตร แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือหาดบางแสน เป็นช่วงกลางของหาดและเป็นจุดที่นิยมลงเล่นน้ำกัน ถัดมาคือแหลมแท่น เป็นช่วงเหนือสุดของหาด มีโขดหินสวยงาม ลงเล่นน้ำไม่ได้ และส่วนสุดท้ายคือหาดวอนนภา เป็นชายหาดตอนใต้สุด บรรยากาศเงียบสงบ มีหมู่บ้านประมงพื้นถิ่นเล็ก ๆ กระจายอยู่ห่าง ๆ กัน

          ที่ตั้ง : อยู่ห่างจากตัวเมืองชลบุรี 14 กิโลเมตร ที่ตำบลแสนสุข แยกขวาจากถนนสุขุมวิท ตรงหลักกิโลเมตร 104 เข้าไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตร

          การเดินทาง : ถ้าไม่มีรถยนต์ส่วนตัว สามารถขึ้นรถสองแถวได้ที่ตลาดหนองมนเข้าสู่หาดบางแสน มีรถวิ่งตลอดวัน

3. เขาสามมุข

          เขาสามมุข เป็นจุดท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงควบคู่กับหาดบางแสน เป็นทั้งที่ตั้งของศาลเจ้าแม่สามมุขอันศักดิ์สิทธิ์ และเป็นจุดชมวิวบนยอดเขาสูงที่มีฝูงลิงอาศัยอยู่จำนวนมาก และชอบออกมาอวดโฉมเพื่อขออาหารกันอยู่ตลอดวัน ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่ไปเล่นน้ำที่หาดบางแสน ก่อนกลับบ้านมักจะแวะเที่ยวที่นี่เช่นกัน อีกทั้งยังเป็นบริเวณที่มีร้านอาหารทะเลอร่อย ๆ อยู่หลายร้าน

          ศาลเจ้าแม่สามมุข เป็นศาลเจ้าจีนที่ตั้งอยู่ภายใต้หลืบผาหิน บริเวณเชิงเขาสามมุขด้านทิศเหนือหันหน้าออกสู่ทะเล โดยย้ายมาจากบริเวณด้านตะวันตกของเขาสามมุข ศาลแห่งนี้มักมีผู้คนแวะมากราบไหว้ขอพรและบนบานกันอยู่เสมอ โดยผู้ที่ได้รับผลสำเร็จตามคำขอจะแก้บนด้วยการจุดประทัดและซื้อสร้อยมุขมา ถวายแด่รูปปั้นเจ้าแม่ นับเป็นกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวชาวจีน ฮ่องกง และไต้หวัน นิยมปฏิบัติกันมาก ชั้นบนของศาลเจ้าแม่ เป็นวิหารพระพุทธรูปและพระโพธิสัตว์ให้สักการะ บริเวณหน้าวิหารมีระเบียงชมวิวทะเลด้วย

          ที่ตั้ง : อยู่บริเวณแหลมสามมุข จากอ่างศิลาไปตามทางหลวงหมายเลข 3134 อีกราว 3 กิโลเมตร พบป้ายบอกทางไปเขาสามมุข เลี้ยวขวาไปตามป้ายอีก 1 กิโลเมตร จนถึงศาลเจ้าแม่สามมุข หรือถ้ามาจากหาดบางแสน ใช้ถนนเส้นเลียบหาดมุ่งตรงสู่แหลมแท่น จะมีป้ายบอกทางไปตลอด ห่างจากหาดบางแสนราว ๆ 2 กิโลเมตร

          การเดินทาง : เขาสามมุขไม่มีรถสองแถวผ่าน จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีรถยนต์ส่วนตัวเป็นหลัก หรือไม่ต้องเช่ารถสองแถวจากตลาดหนองมนให้ไปส่ง แล้วรอรับกลับก็ได้

4. สวนสัตว์เปิดเขาเขียว

          สวนสัตว์เปิดเขาเขียว เป็นป่าแห่งเดียวของชลบุรี ดำเนินงานโดยองค์การสวนสัตว์ นักท่องเที่ยวจะได้ชมสัตว์มากถึง 300 ชนิด ทั้งสัตว์ของไทยและจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นช้าง กระทิง วัวแดง ฮิปโปโปเตมัส ชะนี ค่าง  ลิงลม (นางอาย) ม้าลาย ยีราฟ นกกระจอกเทศ ไฮยีน่า เสือ สิงโต กวางดาว ละมั่ง แพะภูเขา เลียงผา หมี นกยูง นกกระเรียน นกเงือก ฯลฯ ซึ่งสัตว์ส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่กว้างขวาง มีการจัดสภาพแวดล้อมให้เป็นธรรมชาติเหมาะแก่อุปนิสัยของสัตว์นั้น ๆ และสามารถให้นักท่องเที่ยวเดินชมได้อย่างใกล้ชิด แต่ก็ยังมีบางส่วนอยู่ในกรงเพื่อกันการหลบหนี และเพื่อความปลอดภัยของตัวนักท่องเที่ยวเอง

          สวนสัตว์เปิดเขาเขียว จัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2517 โดยฟื้นฟูสภาพป่าเขาเขียวที่เสื่อมโทรมขึ้นมาใหม่ จากนั้นได้นำสัตว์บางส่วนจากสวนสัตว์ดุสิตมาปล่อยเลี้ยงไว้ตามสภาพธรรมชาติ แล้วเริ่มเปิดให้คนเข้าชมเมื่อปี พ.ศ. 2521 ปัจจุบันมีเนื้อที่กว่า 5,000 ไร่ นับเป็นสวนสัตว์เปิดที่มีเนื้อที่มากที่สุดในโลก แบ่งออกเป็นส่วนวิจัยและศึกษาพันธุ์สัตว์ป่าหายาก สวนสัตว์เปิด และส่วนบริการ จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของที่นี่คือ "สวนนก" ซึ่งสร้างขึ้นด้วยโครงเหล็กขนาดใหญ่คลุมด้วยตาข่าย กินพื้นที่ถึง 5 ไร่ ภายในมีเส้นทางเดินขึ้นไปเนินเขา แล้ววนกลับลงมา ที่นี่มีนกหลายชนิดส่งเสียงร้องและบินไปมาอยู่ทั่วสวน อาทิ นกฟลามิงโก้ นกเขียวคราม นกกางเขนดง นกแต้วแร้ว นกขมิ้น ไก่ฟ้า เป็ดก่า และอื่น ๆ นอกจากนี้ ทุกวันยังมีการจัดกิจกรรมชมสัตว์ในเวลากลางคืน (Night Safari) แก่บุคคลทั่วไปอีกด้วย

          ที่ตั้ง : บริเวณเชิงเขาเขียว ห่างจากตัวเมืองศรีราชาเข้าไป 25 กิโลเมตร

          การเดินทาง

          - รถยนต์ส่วนตัว จากถนนสุขุมวิทบริเวณตลาดบางพระ เดินทางไปตามป้ายบอกทางสวนสัตว์เปิดเขาเขียว ที่มีอยู่อย่างชัดเจนเป็นระยะ ๆ ถนนจะลัดเลาะไปตามขอบอ่างเก็บน้ำบางพระ ผ่านสนามกอล์ฟบางพระ ขึ้นสะพานข้ามทางหลวงหมายเลข 7 (กรุงเทพฯ-พัทยา) จากนั้นตรงต่อไปอีก 7 กิโลเมตร จนถึงปากทางเข้าสวนสัตว์ สามารถขับรถวนภายในสวนสัตว์ และจอดแวะชมตามจุดต่าง ๆ ได้โดยสะดวก

          - รถสองแถว คิวอยู่ในถนนไปอ่างเก็บน้ำบางพระ ตรงข้ามศาลเจ้า จะรอให้คนเต็มหรือจะเหมาไปก็ได้

          เวลาทำการ : ทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น.

          ติดต่อ : โทร. 038 318 444 หรือ kkopenzoo,  เฟซบุ๊ก สวนสัตว์เปิดเขาเขียว Khao Kheow Open Zoo

5. พัทยา

          พัทยา เป็นเมืองท่องเที่ยวชายทะเลที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ และเป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลก โดยมีสถานที่ท่องเที่ยวทั้งทางบกและทางน้ำ จุดเริ่มต้นของการท่องเที่ยวเริ่มจากทหารอเมริกันได้แวะขึ้นฝั่ง แล้วเช่าบ้านพักตากอากาศที่พัทยาเป็นประจำทุกสัปดาห์ ต่อมาพัทยาจึงได้พัฒนาขึ้นจากหมู่บ้านชายทะเลอันเงียบสงบ กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวตากอากาศระดับนานาชาติดังที่ปรากฏในปัจจุบัน

          หาดพัทยา เป็นหาดทรายที่มีความยาวต่อเนื่องประมาณ 3 กิโลเมตรเศษ โดยแบ่งเป็นพัทยาเหนือ พัทยากลาง และพัทยาใต้ โดยที่หาดพัทยาใต้นั้นถือเป็นศูนย์รวมความเจริญและแสงสี ยามค่ำคืนมีการปิดถนนเป็น Walking Street ให้นักท่องเที่ยวเดินช้อปปิ้งได้โดยสะดวก ส่วนบริเวณชายหาดก็ร่มรื่น แถว ๆ หาดพัทยาเหนือเป็นบริเวณที่สงบกว่าส่วนอื่น นักท่องเที่ยวที่ต้องการความเป็นส่วนตัวนิยมไปเล่นน้ำพักผ่อน หรือเล่นกีฬาทางน้ำต่าง ๆ ส่วนชายหาดพัทยากลางไปถึงพัทยาใต้จะคึกคักคับคั่งกว่า เพราะเป็นย่านธุรกิจ ร้านค้า โรงแรม ห้างสรรพสินค้า ร้านขายของที่ระลึก และแหล่งบันเทิงครบวงจร

          ที่ตั้ง : อยู่ห่างจากอำเภอเมืองชลบุรีประมาณ 50 กิโลเมตร และห่างจากกรุงเทพฯ 140 กิโลเมตร ช่วงระหว่างอำเภอบางละมุงและอำเภอสัตหีบ

          การเดินทาง

          - รถยนต์ส่วนตัว จากกรุงเทพฯ ใช้ถนนสุขุมวิทเข้าสู่เมืองพัทยา มี 3 เส้นทางหลัก ได้แก่ สุขุมวิท-พัทยาเหนือ (หลักกิโลเมตร 144) สุขุมวิท-พัทยากลาง (หลักกิโลเมตร 145-156) และสุขุมวิท-พัทยาใต้ (หลักกิโลเมตร 147) ทั้งสามสายจะไปพบกันที่ถนนเลียบหาดพัทยา โดยถนนที่ใช้ท่องเที่ยวย่านเมืองพัทยา คือ ถนนนาเกลือ ผ่านหาดวงอมาตย์ ปราสาทสัจธรรม ถนนเลียบชายหาด เป็นวันเวย์ผ่านพัทยาเหนือ พัทยากลาง และพัทยาใต้ ถนนพัทยาสาย 2 จะผ่านแหล่งบันเทิง ที่กิน ที่พักมากมาย ถนนเขาพระบาท เป็นทางไปเที่ยวชมวิวบนเขาพระบาทและต่อไปยังหาดจอมเทียนได้ หรือจากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 (Motorway) สายกรุงเทพฯ-ชลบุรี-พัทยา เริ่มต้นจากด่านพระราม 9 ไปออกที่อำเภอบางละมุง แล้วตรงสู่พัทยา ระยะทาง 124 กิโลเมตร

          - รถโดยสารประจำทาง จากกรุงเทพฯ ขึ้นได้ที่สถานีขนส่งสายตะวันออก (เอกมัย) และสถานีขนส่งหมอชิตใหม่ มีรถออกตลอดวัน

          - รถไฟ มีสายกรุงเทพฯ-พัทยา-พลูตาหลวง ออกจากสถานีรถไฟหัวลำโพง วันละ 1 เที่ยว เวลา 06.55 น. ถึงสถานีพัทยาเวลา 10.45 น. (รวมเวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง 40 นาที) สถานีรถไฟพัทยาอยู่นอกเมืองพัทยาเยื้องกับทางเข้าถนนพัทยานอก

          ติดต่อ : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพัทยา โทร. 038 427 667, 038 428 750, 038 42 3990

6. สวนเสือศรีราชา

          สวนเสือศรีราชา (Sriracha Tiger Zoo) เป็นสถานที่จัดแสดงเสือโคร่งพันธุ์เบงกอลกว่า 200 ตัว รวมทั้งยังมีจระเข้อีกกว่า 100,000 ตัว และสัตว์อื่น ๆ อีกนานาชนิด นักท่องเที่ยวจะได้ชมการอยู่ร่วมกันของเสือกับหมูและสุนัข มีการแสดงจับจระเข้ การแสดงหมูวิ่งแข่ง ราชินีแมงป่อง ฯลฯ สวนเสือศรีราชาจัดตั้งขึ้นบนพื้นที่กว่า 250 ไร่ เมื่อวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2540 โดยดำเนินงานอย่างมีมาตรฐานเพื่อพัฒนาพันธุ์สัตว์ อีกทั้งแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และนันทนาการ พร้อมให้ความรู้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน

          โดยความโดดเด่นอีกอย่างหนึ่งของที่นี่ คือ โชว์ละครสัตว์ "Amazing Circus" เป็นการแสดงความสามารถของสัตว์ ประกอบด้วยการแสดงของเสือโคร่ง หมี ลิงชิมแพนซี โจ๊กเกอร์โชว์ ชมความสามารถของเสือโคร่งพันธุ์เบงกอลที่สามารถลอดบ่วงไฟ เดินบนสะพานเชือก ทำตามคำสั่งของครูฝึก และอีกหลายความสามารถ โดยโรงละครสัตว์นี้สามารถบรรจุผู้ชมได้มากถึง 1,500 คน

          ที่ตั้ง : เลขที่ 341 หมู่ 3 กิโลเมตร 20 ทางหลวงสาย 7 (ชลบุรี-พัทยาสายใหม่) ตำบลหนองขาม อำเภอศรีราชา

          การเดินทาง : อยู่ห่างจากตลาดศรีราชา (ทางไปโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา) ไปตามทางหลวงหมายเลข 3241 ประมาณ 10 กิโลเมตร

          เวลาทำการ : เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น.

          ค่าเข้าชม : ชาวไทย ผู้ใหญ่ 200 บาท (ส่วนสูง 140 เซนติเมตรขึ้นไป) เด็ก 100 บาท (ส่วนสูง 100-140 เซนติเมตร) และส่วนสูงไม่เกิน 100 เซนติเมตร เข้าชมฟรี และชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 450 บาท (ส่วนสูง 140 เซนติเมตรขึ้นไป) เด็ก 250 บาท (ส่วนสูง 100-140 เซนติเมตร) และส่วนสูงไม่เกิน 100 เซนติเมตร เข้าชมฟรี

          ติดต่อ : โทร. 038 296 556-8, 038 339 111, 038 339 517, 038 338 884 หรือเว็บไซต์ tigerzoo, เฟซบุ๊ก Sriracha Tiger Zoo

7. เกาะล้าน

          เกาะล้าน เป็นเกาะที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมานานหลายสิบปีแล้ว เนื่องจากอยู่ใกล้กับพัทยา จึงเดินทางถึงกันได้โดยสะดวก ตัวเกาะล้านมีความยาว 5 กิโลเมตร กว้าง 2 กิโลเมตร มีชายหาดที่สวยงามหลายแห่ง ส่วนใหญ่คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาเล่นน้ำ ดูปะการัง เล่นกีฬาทางน้ำ เช่น เจ็ตสกี บานาน่าโบ๊ท โดยเฉพาะที่หาดตาแหวน หาดทองหลาง หาดนวล และหาดเทียน ส่วนหาดแสมบรรยากาศเงียบสงบกว่าหาดอื่น บริเวณเกาะล้านและเกาะเล็ก ๆ โดยรอบ อย่างเกาะครก-เกาะสาก เป็นแหล่งดำน้ำดูปะการัง ทั้งแบบน้ำตื้นและน้ำลึก รวมทั้งยังเป็นสถานที่ฝึกเรียนดำน้ำ และแหล่งตกปลาที่สำคัญ

          จุดท่องเที่ยวสำคัญบนเกาะล้าน ได้แก่ ท่าหน้าบ้าน เป็นท่าเรือของชุมชนเกาะล้าน ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยเรือเมล์จะไปถึง เมื่อมองย้อนกลับไปยังฝั่งจะเห็นเมืองพัทยาและหาดจอมเทียน ที่มีตึกสูงเรียงรายตลอดแนวชายฝั่ง นับเป็นจุดชมเมืองพัทยาที่สวยงามแปลกตาไปอีกแบบหนึ่ง, หาดแสม เป็นหาดทรายขาวเนียนละเอียดทอดยาวประมาณ 800 เมตร เป็นแหล่งดำน้ำดูปะการังที่ดี ในอดีตเคยมีการพบแร่ทองคำและเป็นที่มาของชื่อแหลมทอง ทางหัวหาดด้านเหนือมีศาลเจ้าแม่แหลมทองที่ชาวเกาะล้านเคารพสักการะ
 
          ที่ตั้ง : ตั้งอยู่ห่างจากชายฝั่งออกไปราว 7.5 กิโลเมตร

          การเดินทาง : นั่งเรือโดยสารประมาณ 45 นาที แต่ถ้าเป็นเรือเร็วใช้เวลาเพียง 15 นาที มีเรือโดยสารออกจากท่าพัทยาใต้ไปเกาะล้านทุกวัน และที่เกาะล้านเรือจอดบริเวณท่าหน้าบ้าน หากเดินทางต่อไปชายหาดอื่น สามารถเช่าเรือหางยาวหรือรถรับจ้าง นอกจากนี้ ยังมีบริการเรือเร็วให้เช่าอยู่ทั่วไปตามชายหาดพัทยา อัตราค่าเช่าสามารถแวะเที่ยวได้หลายหาด แล้วแต่จะตกลงกัน

8. เกาะสีชัง

          เกาะสีชัง เป็นเกาะขนาดใหญ่ที่มีฐานะเป็นอำเภอหนึ่งของชลบุรี เป็นที่จอดเรือสินค้านานาชาติ และเป็นเกาะน่าท่องเที่ยวในบรรยากาศท้องถิ่น ซึ่งสามารถแวะท่องเที่ยวในวันเดียวหรือพักค้างคืนก็ได้ ชุมชนเกาะสีชังอยู่ทางด้านตะวันออกของเกาะ และเป็นพื้นที่ตั้งของท่าเรือเทววงศ์ (ท่าล่าง) รวมทั้งยังเป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางด้วยรถสามล้อเครื่องหรือสกายแล็บไปสู่ จุดท่องเที่ยวต่าง ๆ บนเกาะ

          จุดท่องเที่ยวสำคัญบนเกาะสีชัง ได้แก่ "ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่" ตั้งอยู่บนเขาคยาศิระ ห่างจากท่าเรือเทววงศ์ไปทางด้านเหนือของเกาะ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวเกาะสีชังให้ความเคารพนับถือ "หาดเขาถ้ำพัง" อยู่ทางด้านตะวันตกของเกาะ เป็นชายหาดกว้าง น้ำใสสะอาดเหมาะแก่การลงเล่นน้ำ "ช่องเขาขาด" มีสะพานสำหรับเดินชมวิวทิวทัศน์ จุดดูพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงาม "พระจุฑาธุชราชฐาน" สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อเป็นที่ประทับฤดูร้อน
 
          ที่ตั้ง : อยู่ห่างจากชายฝั่งทะเลอำเภอศรีราชาประมาณ 12 กิโลเมตร

          การเดินทาง : เดินทางโดยเรือเมล์จากศรีราชา ใช้เวลาประมาณ 45 นาที โดยขึ้นเรือได้ที่ท่าเรือจรินทร์ ถนนเจิมจอมพลในอำเภอศรีราชา มีเรือโดยสารไปเกาะสีชังทุกวัน ระหว่างเวลา 07.00-20.00 น. ออกทุก ๆ ชั่วโมง อัตราค่าโดยสาร คนละ 50 บาท และจากเกาะสีชังกลับเข้าฝั่งศรีราชา มีเรือวิ่งตั้งแต่ 06.00-18.00 น. มีเรือออกทุก ๆ ชั่วโมง สอบถามเพิ่มเติมได้ที่เรือสีชังพาเลซ โทร. 0 3821 6276-82 และเรือแสงประทีปบริการ โทร. 038 313 687

9. Underwater World พัทยา

          อันเดอร์วอเตอร์ เวิลด์ พัทยา (Underwater World Pattaya) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งทำให้ผู้มาเยือนเหมือนกับได้เดินทางดำดิ่งลงสู่ โลกใต้ทะเล โดยเริ่มจากชายฝั่งอันเป็นหาดทรายและแก่งหิน ลงลึกไปยังดงปะการังสีสันสดใส จนถึงท้องทะเลลึก นักท่องเที่ยวจะได้เข้าชมในอุโมงค์ซึ่งสร้างเป็นทางลอดไปในอควาเรียมขนาด ใหญ่ ที่จำลองสภาพแวดล้อมธรรมชาติใต้ทะเลไว้อย่างสวยงามและใกล้ชิด

          อันเดอร์วอเตอร์ เวิลด์ พัทยา เปิดดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2546 ในเนื้อที่ 12 ไร่ และมีสัตว์น้ำมากกว่า 4,500 ตัว จาก 200 กว่าชนิด โดยจัดแสดงสัตว์น้ำไว้ในอาคารได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ มีการสร้างเป็นอุโมงค์กระจกใสที่ยาวมากกว่า 100 เมตร นับเป็นอุโมงค์กระจกใสที่ยาวที่สุดของเอเชีย มีสัตว์ทะเลหลายชนิดจัดแสดง ตั้งแต่สัตว์ขนาดเล็กอย่างปลาการ์ตูน ม้าน้ำ ไปจนถึงสัตว์อย่างฉลาม กระเบนขนาดใหญ่ และนากเล็กเล็บสั้น เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีบ่อสัมผัส (Touch Pool) ให้นักท่องเที่ยวจุ่มมือลงไปสัมผัสสัตว์ทะเลที่มีนิสัยเป็นมิตรบางชนิดได้ อย่างปลอดภัย อาทิ ปลาดาว ฉลามกบ ฯลฯ

          ที่ตั้ง : เลขที่ 22/22  หมู่ 11 หลักกิโลเมตร 151 ริมถนนสุขุมวิท ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง (ช่วงจอมเทียน)

          การเดินทาง : ตั้งอยู่ริมถนน สามารถเข้าถึงได้โดยสะดวก ทั้งรถยนต์ส่วนตัว และรถโดยสารประจำทาง

          เวลาทำการ : ทุกวัน เวลา 09.00-18.00 น. (เปิดรับนักท่องเที่ยวชุดสุดท้าย 17.30 น.)

          ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ (ชาวไทย) ราคา 250 บาท, ผู้ใหญ่ (ชาวต่างชาติ) ราคา 450 บาท, เด็ก (ชาวไทย) ราคา 150 บาท, เด็ก(ชาวต่างชาติ) ราคา 250 บาท แต่ถ้าเด็กที่มีความสูงไม่เกิน 90 เซนติเมตร เข้าชมฟรี

          ติดต่อ : โทร. 038 756 877-8 หรือเว็บไซต์ underwaterworldpattaya

10. ปราสาทสัจธรรม

          ปราสาทสัจธรรม (Sanctuary of Truth) ตั้งอยู่ ณ บริเวณอ่าววงพระจันทร์ แหลมราชเวช ตำบลนาเกลือ ในเนื้อที่  80 ไร่ งดงามด้วย "สถาปัตยกรรมไม้ขนาดใหญ่ที่สุดของโลก" ชาวบ้านโดยทั่วไปเรียกว่า "วังโบราณ" บ้างก็เรียกตามวัสดุของตัวอาคารว่า "ปราสาทไม้" แต่เจ้าของความคิดและผู้ดำเนินการก่อสร้าง คือ คุณเล็ก วิริยะพันธุ์  ผู้ก่อตั้งเมืองโบราณ จังหวัดสมุทรปราการ) เรียกอาคารแห่งนี้ว่า "ปราสาทสัจธรรม" โดยเริ่มก่อสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2524 จวบจนปัจจุบันก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์

          ตัวปราสาทสร้างด้วยไม้ทั้งหลัง ไม่มีโลหะหรือปูนเข้ามาปะปน ยกเว้นส่วนฐานที่เป็นคอนกรีต มีการใช้ระบบเข้าเดือยไม้แบบไทย หรือใส่สลักไม้ตามภูมิปัญญาโบราณ ตัวปราสาทเป็นทรงจัตุรมุข สูง 100 เมตร กว้าง 100 เมตร แกะสลักลวดลายอย่างวิจิตรพิสดาร ทั้งภายนอกและภายใน กล่าวกันว่างามดั่งเทพนฤมิต สะท้อนแนวคิดนามธรรมออกมาตีแผ่เป็นรูปธรรมให้สัมผัสได้ สื่อถึงความสำคัญของศาสนาและปรัชญาตะวันออก

          ที่ตั้ง : เลขที่ 206/2 หมู่ 5 แหลมราชเวช อ่าววงพระจันทร์ ตำบลนาเกลือ อำเภอบางละมุง ห่างจากพัทยาใต้ประมาณ 5 กิโลเมตร

          การเดินทาง : ทางเข้าอยู่บริเวณซอยนาเกลือ 12 ตรงเข้าไปจนเกือบสุดซอย มีซุ้มประตูขนาดใหญ่ของปราสาทสัจธรรมอยู่ทางขวามือ

          เวลาทำการ : ทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น.

          ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 450 บาท เด็ก (ส่วนสูง 110-140 เซนติเมตร) 225 บาท

          ติดต่อ : โทร. 038 367 229-30 เว็บไซต์ sanctuaryoftrut, เฟซบุ๊ก ปราสาทสัจธรรม พัทยา

11. ตลาดน้ำ 4 ภาค พัทยา     

         สถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ทางศิลปวัฒนธรรมไทยกลางใจเมืองพัทยา จำลองวิถีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไทยที่เรียบง่าย และแสดงให้เห็นถึงความผูกพันกับสายน้ำตั้งแต่อดีตสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน รวมถึงการเรียนรู้ภูมิปัญญาชาวบ้านที่มีเสน่ห์ที่น่าหลงใหลใน 4 ภาค ของประเทศไทย ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคใต้ และที่นี่นักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพอันงดงาม นั่งเรือพายชมทัศนียภาพ 2 ฝั่งน้ำ สัมผัสกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ การค้าขายทางน้ำ ตระการตากับร้านค้าเรือนไทยไม้สักทั้งหลังที่สวยงาม โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของตลาดน้ำ จุดเด่นของเรือนไม้สักของแต่ละภาคที่สังเกตง่าย ๆ คือ หน้าจั่วที่มีลักษณะแตกต่างกัน สำหรับสินค้าทั้ง 4 ภาค จะแตกต่างกันออกไปตามวิถีชีวิตแต่ละภาค

          ที่ตั้ง : ตลาดน้ำ 4 ภาค พัทยา ตั้งอยู่ติดถนนสุขุมวิท อยู่ห่างจากพัทยาใต้ไปทางสัตหีบ ประมาณ 2.5 กิโลเมตร (ฝั่งซ้ายมือ) ก่อนถึงป้ายสุดเขตเมืองพัทยา

          เวลาทำการ : ทุกวัน เวลา 09.00-19.00 น.

          ติดต่อ : โทร. 038 706 340 หรือ เฟซบุ๊ก Pattaya Floating Market ตลาดน้ำ ๔ ภาค พัทยา, เว็บไซต์ pattayafloatingmarket

 
12. ไร่องุ่นซิลเวอร์เลค

          ไร่องุ่นของดารา สุพรรษา เนื่องภิรมย์ ตั้งอยู่ติดกับเขาชีจรรย์ มีพื้นที่กว้างขวางกว่า 1,200 ไร่ มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ในยามที่พระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าคือความงดงามที่ธรรมชาติสรรค์สร้างไว้ อย่างลงตัว แสงอาทิตย์สะท้อนผิวน้ำส่องประกายระยิบระยับสีเงินแวววาว นั่นคือที่มาของชื่อ Silver Lake หรือ ทะเลสาบสีเงิน ส่วนภายในไร่มีองุ่นสด องุ่นแปรรูป ไวน์ ร้านอาหาร และบริการรถสำหรับนั่งชมทั่วไร่องุ่น คุณสุพรรษาภูมิใจให้คุณได้บันทึกภาพ และเปิดรับประสบการณ์แห่งความทรงจำที่ไม่อาจลืมได้ที่ไร่องุ่น Silver Lake แห่งนี้

          ความงดงามของไร่องุ่นสุดสายตา อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ สะท้อนแสงอาทิตย์เป็นสีเงินแวววาว อันเป็นที่มาของชื่อ "ซิลเวอร์เลค" ทำให้ไร่องุ่นแห่งนี้เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ บนพื้นที่กว่า 1,200 ไร่ โดยพื้นที่ส่วนหนึ่งได้ถูกแปรเปลี่ยนเป็นพื้นที่ปลูกองุ่นซึ่งมีทั้งองุ่น ทานสดและองุ่นสำหรับทำไวน์ โดยไร่องุ่นเป็นของดารารุ่นใหญ่ สุพรรษา เนื่องภิรมย์ นอกจากนี้ ยังมีบ้านพักท่ามกลางธรรมชาติในไร่องุ่นที่มีแห่งเดียวในชลบุรี ให้คุณได้ไปนอนสัมผัสกับธรรมชาติของภูเขา ทะเลสาบ และสวนดอกไม้ที่สวยงาม

          ติดต่อ : สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02 261 6565 หรือเว็บไซต์ silverlakevineyard,  เฟซบุ๊ก Silverlake - Pattaya, Thailand

13. Art in Paradise พัทยา

          Art in Paradise พิพิธภัณฑ์ศิลปะเก๋ ๆ ที่รวบรวมเอาภาพวาด 3 มิติ เอาไว้มากกว่า 140 ภาพ บนพื้นที่ประมาณ 5,800 ตารางเมตร โดยมีศิลปินชาวเกาหลีใต้ ชิน แจ ยอล (Shin Jae Yeoul) เป็นผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ ด้วยการเนรมิตพัทยาพัลลาเดียมเก่าให้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะสุดอลังการ ชนิดที่ว่าคนรักการถ่ายภาพมาเห็นเป็นต้องแชะภาพแบบนันสต็อปเลยล่ะ นอกจากนี้ ยังแบ่งห้องแสดงภาพออกเป็น 10 ห้องด้วยกัน เพื่อจัดแสดงภาพให้เป็นหมวดหมู่ มีทั้ง ห้องลวงตา, ห้องใต้สมุทร, ห้องสัตว์ป่า, ห้องภาพจิตรกรรมของศิลปินระดับโลก, โถงอารยธรรม, ห้องศิลปะเหนือจริง, ห้องไดโนเสาร์, ห้องน้ำตกสูงชัน, ห้องวิวทิวทัศน์ และสุดท้ายห้องนิทรรศการศิลปะ ที่ตั้งใจเตรียมไว้สำหรับจัดแสดงผลงานทางศิลปะของศิลปินที่สนใจจะเข้าไปใช้ พื้นที่ด้วย

          ภาพทุกภาพในพิพิธภัณฑ์ Art in Paradise ถูกวาดขึ้นบนกำแพงสีขาวในแบบที่ไม่มีตัวช่วยใด ๆ ถ้าเอามือไปสัมผัสจะพบได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างในภาพไม่เว้นแม้แต่กรอบรูปคือ สิ่งที่วาดขึ้นมาทั้งหมด แม้กระทั่งบันไดสูงชันที่อาจเผลอก้าวขาขึ้นโดยไม่รู้ตัวก็เป็นเพียงบันไดภาพ วาดบนพื้นราบเรียบเท่านั้น ที่สำคัญคือนอกจากภาพวาดทั่วไปแล้ว เขายังเอาใจคนไทยด้วยภาพวาดที่แสดงอารยธรรมไทยหลายภาพ โดยเฉพาะภาพสระบัวที่มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ เป็นภาพที่ดูอบอุ่นและเข้าใจแก่นแท้ของศาสนาพุทธได้ดีทีเดียว

          การเดินทาง : ใครอยากลองไปสัมผัสความอาร์ตที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ก็ออกเดินทางมุ่งหน้าไปพัทยาได้เลย หาไม่ยากแค่เลี้ยวขวาจากถนนสุขุมวิทเข้าพัทยาเหนือ ผ่านหน้าโลตัสและศาลากลางเมืองพัทยา เลี้ยวซ้ายไปทางบิ๊กซีพัทยาเหนือตรงไปอีก 300 เมตร ก็จะเจอพิพิธภัณฑ์ Art in Paradise แล้ว

          เวลาทำการ : โดยเปิดให้บริการทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ ตั้งแต่เวลา 09.00-22.30 น. (ปิดจำหน่ายบัตรเข้าชม 21.30 น.)

          ติดต่อ : โทร. 038 424 500 หรือเว็บไซต์ artinparadise, เฟซบุ๊ก Art in Paradise

14. Mimosa Pattaya

          มิโมซ่า พัทยา แหล่งท่องเที่ยวเปิดใหม่สุดน่ารักภายใต้แนวคิด "The City of Love" และบรรจงสร้างสรรค์ทัศนียภาพให้เกิดเป็นเมืองแห่งความรัก โดย Mimosa Pattaya เป็นเมืองที่มีกลิ่นอายสถาปัตยกรรมเมืองโบราณของฝรั่งเศส โดดเด่นด้วยสีสันสดใส น่ารักน่ามอง บ่งบอกความเป็นเอกลักษณ์แห่งเดียวในเมืองพัทยา แถมยังโอบล้อมด้วยบรรยากาศอันสุดแสนจะโรแมนติก และหอมหวนไปกับกลิ่นหอมของดอกไม้นานาพันธุ์ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว นอกจากนี้ ยังมีคลองเล็ก ๆ ที่ไหลผ่านกลางเมือง มีหงส์คู่ที่ว่ายเวียนวนไปมาให้ได้ชื่นชมกันเพลิน ๆ หรือพิเศษสุด ๆ กับโชว์สุดอลังการ ที่น่าประทับใจ ณ ลานน้ำพุดนตรี ที่หมุนเวียนสับเปลี่ยนมาสร้างความบันเทิงทุกวัน

          อีกทั้ง Mimosa Pattaya ยังเป็นศูนย์รวมสินค้าที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ทั้งร้านอาหารไทย อาหารนานาชาติหลากหลายชนิด ร้านขนมหวานที่ตกแต่งร้านสไตล์น่ารักน่านั่ง ที่พร้อมให้บริการอย่างครบครัน หรือหากเดินเล่นจนเมื่อยแล้วก็ไปผ่อนคลายสบาย ๆ ด้วยการนวดแผนไทยและการนวดอโรมา ฯลฯ

          ที่ตั้ง : 28/19-20 หมู่ 2 ตำบลนาจอมเทียน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

          เวลาทำการ : ทุกวัน เวลา 10.00-22.00 น.

          ติดต่อ : โทร. 038 237 318-9 หรือเว็บไซต์ mimosa-pattaya, เฟซบุ๊ก Mimosa Pattaya

15. สวนนงนุช

          สวนนงนุช (Nong Nooch Tropical Botanical Garden) เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจในพื้นที่กว่า 1,500 ไร่ ภายในมีสวนไม้ดอกไม้ประดับนานาชนิด เช่น สวนกล้วยไม้ เฟิร์น สับปะรดสี สวนไม้พุ่มไม้ดัด สวนปาล์มจากทั่วทุกมุมโลก สวนตะบองเพชรและไม้อวบน้ำ สวนบอนไซ สวนเฟื่องฟ้า สวนโมก สวนน้ำพุ สวนหิน สวนฝรั่ง สวนผีเสื้อ สวนรถไฟจำลอง สโตนเฮนจ์ ฯลฯ พร้อมที่พักเป็นเรือนไม้สักทรงไทย มีห้องประชุมสัมมนา สวนสัตว์ และศูนย์แสดงศิลปวัฒนธรรมไทย ประกอบด้วยการฟ้อนรำพื้นเมือง ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว กีฬาพื้นบ้าน และการแสดงของช้าง

          เดิมพื้นที่สวนนงนุชเคยเป็นสวนผลไม้มาก่อน กระทั่งปี พ.ศ. 2497 คุณพิสิทธิ์และคุณนงนุช ตันสัจจา ได้ซื้อที่ดินบริเวณนี้ไว้ แล้วจัดเป็นสวนให้ประชาชนเข้าชม โดยเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ. 2523 ปัจจุบันนี้สวนนงนุชกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับแนวหน้าในเอเชียตะวันออก เฉียงใต้ มีนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกเข้าเยี่ยมชมประมาณวันละ 2,000 คน

          ที่ตั้ง : เลขที่ 34/1 หมู่ 7 ตำบลนาจอมเทียน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

          การเดินทาง : อยู่ห่างจากปากทางเข้าพัทยาใต้ 18 กิโลเมตร โดยแยกซ้ายจากถนนสุขุมวิท บริเวณกิโลเมตร 163 เข้าไปประมาณ 3.5 กิโลเมตร

          เวลาทำการ : 08.00-18.00 น. ทุกวัน

          ติดต่อ : โทร. 038 238 061-63, 087 488 0028, 061 647 7088 หรือเว็บไซต์ nongnoochtropicalgarden, เฟซบุ๊ก สวนนงนุช พัทยา Nongnooch Garden Pattaya

16. เขาชีจรรย์

          เขาชีจรรย์ เป็นเขาหินปูน เดิมมีการระเบิดหินนำไปใช้ในการก่อสร้าง ต่อมาสมเด็จพระญาณสังวรฯ ทรงเสียดายลักษณะภูมิทัศน์อันสง่างามของเขาลูกนี้ จึงมีพระดำริที่จะอนุรักษ์ไว้ และได้ดำเนินการสร้างพระพุทธรูปแกะสลักในลักษณะของพระพุทธฉายที่ใหญ่ที่สุด ในโลก เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสมหามงคลทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี ใน พ.ศ. 2539 โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานนามพระพุทธรูปนี้ว่า "พระพุทธมหาวชิรอุตตโมภาสศาสดา" แปลว่า พระพุทธเจ้าทรงเป็นศาสดาที่รุ่งเรืองสว่างประเสริฐดุจดังมหาวชิระ

          พระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาเขาชีจรรย์เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย เลียนแบบพระพุทธนวราชบพิตร ศิลปะสุโขทัยผสมล้านนา มีความสูง 109 เมตร หน้าตักกว้าง 70 เมตร ฐานบัวหรือบัลลังก์สูง 21 เมตร รวมความสูงขององค์พระและบัลลังก์ทั้งสิ้น 130 เมตร โดยเป็นการระเบิดเจาะเนื้อหินให้เป็นลายเส้น แล้วใช้โมเสกทองประดับเข้าไปตามรอยเส้น เมื่อแสงอาทิตย์ส่องมาต้องหน้าผา จึงเกิดประกายสีทองราวกับองค์พระกำลังเปล่งประกาย ด้านหน้าองค์พระมีลานอเนกประสงค์ สวนร่มรื่น สระบัว และสวนหิน ในเนื้อที่ 15 ไร่

          ที่ตั้ง : บ้านเขาชีจรรย์ อำเภอสัตหีบ ห่างจากวัดญาณสังวราราม ไปประมาณ 5 กิโลเมตร

          การเดินทาง : จากวัดญาณสังวราราม ไปตามทางเดียวกับวิหารเซีย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 03, 2021, 12:59:42 PM โดย admin »