สวัสดี

ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เที่ยวได้ตลอดปี 10 ที่เที่ยวแพร่ มนตร์เสน่ห์เมืองเล็กเงียบสงบ  (อ่าน 925 ครั้ง)

admin
  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 831
    • ดูรายละเอียด
เที่ยวได้ตลอดปี 10 ที่เที่ยวแพร่ มนตร์เสน่ห์เมืองเล็กเงียบสงบ

 เที่ยวแพร่ สัมผัสมนตร์เสน่ห์แห่งล้านนา เต็มไปด้วยร่องรอยทางประวัติศาสตร์น่าเรียนรู้ ผู้คนใช้ชีวิตเรียบง่าย อีกทั้งยังเป็นเมืองที่เงียบสงบ

           จังหวัดแพร่ เป็นจังหวัดที่ใครหลายคนมองข้าม เพราะเป็นทางผ่านไปยังจังหวัดสุดฮิตอื่น ๆ ในภาคเหนือ แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าเมืองแพร่นี้มีความน่ารักไม่แพ้เมืองอื่น ๆ ของภาคเหนือเลยทีเดียว เพราะแพร่เป็นเมืองเก่าแก่ที่มีตำนานเล่าขานถึงความรุ่งเรืองมายาวนาน รวมถึงเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยร่องรอยทางประวัติศาสตร์ อีกทั้งยังมีแหล่งธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ให้ไปเยือนได้ตลอดทั้งปี แต่สิ่งที่ดึงดูดนักเดินทางให้ไปเยือนสักครั้งก็คือความเรียบง่ายที่แฝงไปด้วยเสน่ห์หลากหลาย รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย เอาเป็นว่าลองไปดู 10 ที่เที่ยวแพร่ที่เราหยิบมาฝากกันดีกว่า เผื่อจะทำให้ตัดสินใจไปเที่ยวแพร่ได้ง่ายขึ้น
เที่ยวแพร่

1. วัดพระธาตุช่อแฮ

           วัดพระธาตุช่อแฮ พระอารามหลวง ตั้งอยู่บนถนนช่อแฮ ตำบลช่อแฮ อำเภอเมืองแพร่ ถือเป็นปูชนียสถานอันศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองแพร่ และเป็นวัดพระธาตุประจำปีเกิดของผู้ที่เกิดปีขาลอีกด้วย ว่ากันว่าหากมาจังหวัดแพร่แล้วไม่ได้มานมัสการพระธาตุช่อแฮก็เหมือนไม่ได้มาจังหวัดแพร่ ทั้งนี้ในทุกปีจะมีการงานนมัสการพระธาตุในระหว่างวันขึ้น 9 ค่ำ-ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 (ประมาณเดือนมีนาคม) โดยใช้ชื่องานว่า "งานประเพณีไหว้พระธาตุช่อแฮเมืองแพร่แห่ตุงหลวง"

2. วัดพระธาตุจอมแจ้ง

           ตั้งอยู่บ้านไคร้ ตำบลช่อแฮ อำเภอเมืองแพร่ เลยพระธาตุช่อแฮไป 1 กิโลเมตร เป็นวัดสำคัญอีกแห่งหนึ่งของเมืองแพร่ที่ผู้คนนิยมเดินทางเข้ามาสักการะพระธาตุจอมแจ้ง อันเป็นที่บรรจุพระเกศาธาตุและพระบรมสาริกธาตุพระหัตถ์เบื้องซ้ายของพระพุทธเจ้า องค์พระธาตุจอมแจ้งนี้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1331 ไม่ปรากฏชื่อผู้สร้าง พระธาตุสีทององค์นี้สูง 29 เมตร ฐานกว้าง 10 เมตร มีรูปทรงคล้ายพระธาตุช่อแฮ โดยเป็นเจดีย์ทรงพุ่มศิลปะผสมระหว่างสุโขทัยกับศิลปะเวียงโกศัยที่ยังอยู่ในลักษณะค่อนข้างสมบูรณ์ ทั้งนี้เดิมเรียกกันว่าพระธาตุจวนแจ้ง เนื่องจากสมัยที่พระพุทธองค์เสด็จมาถึงสถานที่นี้จวนสว่างพอดี และต่อมาเพี้ยนเป็นจอมแจ้งจนถึงปัจจุบัน

           หลังจากสักการะองค์พระธาตุจอมแจ้งแล้ว ภายในบริเวณวัดนั้นยังมีพระพุทธรูปยืนขนาดใหญ่ปางนาคปรกประดิษฐานอยู่คู่กับองค์พระธาตุ มีพระนอนปางไสยาสน์องค์ใหญ่ ในลานปฏิบัติธรรมที่อยู่บริเวณซ้ายมือของทางเข้าประตูวัด ขณะที่ภายในวิหารมีหลวงพ่อจอมแจ้งซึ่งมีอายุประมาณ 600 กว่าปี เป็นพระประธาน ด้านหลังมีองค์พระธาตุเก่าแก่อีกองค์หนึ่งซึ่งไม่ได้บูรณปฏิสังขรณ์ ยังคงไว้ในรูปแบบของการก่อสร้างด้วยอิฐ โดยทุกปีในวันขึ้น 11 ค่ำ-15 ค่ำ เดือน 5 เหนือ (เดือน 3 ใต้) จะมีการจัดงานนมัสการพระธาตุจอมแจ้ง ให้ประชาชนเดินทางมาสักการะพระธาตุและหลวงพ่อจอมแจ้งเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต

3. พระธาตุดอยเล็ง

           พระธาตุดอยเล็ง ตั้งอยู่บนภูเขาสูง ในตำบลช่อแฮ อำเภอเมืองแพร่ อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของพระธาตุช่อแฮ ประมาณ 3 กิโลเมตร เป็นปูชนียสถานสำคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดแพร่ ที่อยู่คู่กับพระธาตุช่อแฮและพระธาตุจอมแจ้งมายาวนาน แม้ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้างว่าเกิดขึ้นเมื่อใด แต่จากคำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ในอดีตที่โยงเรื่องราวของทั้งสามพระธาตุได้อย่างต่อเนื่องกัน

           พระธาตุดอยเล็งแห่งนี้ได้รับการบูรณะมาอย่างต่อเนื่อง และเมื่อถึงเดือน 4 ใต้ (เดือน 6 เหนือ) ขึ้น 15 ค่ำ ซึ่งตรงกับช่วงงานประเพณีไหว้พระธาตุช่อแฮ เมืองแพร่แห่ตุงหลวง พระธาตุดอยเล็งแห่งนี้ก็จะมีการจัดงานประเพณีขึ้นดอยเล็งในช่วงเดียวกัน เปิดให้ประชาชนเดินทางขึ้นมาสักการะเพื่อระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พร้อม ๆ กับชมวิวอันงดงามของจังหวัดแพร่จากบนนั้น สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ประชาสัมพันธ์จังหวัด โทรศัพท์ 0 5567 1466

4. วัดพระบาทมิ่งเมืองวรวิหาร

           วัดพระบาทมิ่งเมืองวรวิหาร ตั้งอยู่ถนนเจริญเมือง อำเภอเมืองแพร่ แต่เดิมนั้นเป็นวัดราษฎร์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2498 ได้ยกฐานะเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ประเภทวรวิหาร โดยวัดพระบาทมิ่งเมืองมาจากสองวัดรวมกัน ได้แก่ วัดพระบาทและวัดมิ่งเมือง ตั้งอยู่ห่างกันเพียงมีถนนกั้นเท่านั้น วัดพระบาทเป็นวัดของอุปราชหรือเจ้าหน้าหอ ส่วนวัดมิ่งเมืองเป็นวัดของเจ้าผู้ครองนครแพร่ เมื่อเมืองแพร่ล้มเลิกระบบเจ้าผู้ครองนคร วัดทั้งสองก็ถูกทิ้งอยู่ในสภาพทรุดโทรมมาก กระทั่งคณะกรรมการจังหวัดเห็นสมควรรวมสองวัดเข้าด้วยกัน ให้ชื่อว่า "วัดพระบาทมิ่งเมือง" มาจนทุกวัน

           ปัจจุบันวัดนี้เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธโกศัยศิริชัยมหาศากยมุนี พระคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดแพร่ และยังมีพระเจดีย์มิ่งเมืองซึ่งเป็นเจดีย์เก่าแก่มีรอยพระพุทธบาทจำลองอยู่ภายใน นอกจากนี้วัดนี้ยังเป็นที่ตั้งของมูลนิธิยาขอบอนุสรณ์เพื่อระลึกถึง "ยาขอบ" หรือ นายโชติ แพร่พันธุ์ นักเขียนผู้ล่วงลับไปแล้วซึ่งเป็นทายาทเจ้าเมืองแพร่คนสุดท้าย

เที่ยวแพร่

5. พิพิธภัณฑ์เมืองแพร่คุ้มเจ้าหลวง

           ตั้งอยู่บนถนนคุ้มเดิม ตำบลในเวียง อำเภอเมืองแพร่ เป็นสถาปัตยกรรมสมัยรัชกาลที่ 5 ยุคต้น ซึ่งมีรูปทรงเป็นแบบสถาปัตยกรรมไทยผสมยุโรปหรือทรงขนมปังขิง ซึ่งเป็นที่นิยมในสมัยนั้น หลังคามุงด้วยไม้เรียกว่า "ไม้แป้นเกล็ด" ไม่มีหน้าจั่วเป็นแบบหลังคาเรือนปั้นหยามีมุขสี่เหลี่ยมยื่นออกมา ด้านหน้าของตัวอาคารหลังคามุขมีรูปทรงสามเหลี่ยมทั้งปั้นลม และชายคาน้ำรอบตัวอาคารประดับด้วยไม้แกะฉลุสลักลวดลายอย่างสวยงาม ซึ่งเป็นฝีมือช่างชาวจีนที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้น นอกจากนี้ยังมีใต้ถุนอาคารซึ่งเคยใช้เป็นคุกกักขังนักโทษ แต่ปัจจุบันเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับนักเรียน นักศึกษา

           ส่วนภายในอาคารด้านบนจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้เก่าแก่ของเจ้าหลวงพิริยเทพวงศ์ และแม่เจ้าบัวไหล อาทิ เครื่องเรือน โต๊ะเสวย ถ้วยชาม เตียงนอน เครื่องแต่งกาย เป็นต้น ใครที่สนใจประวัติศาสตร์และของเก่าต้องหลงรักที่นี่แน่นอน ทั้งนี้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานคุ้มเจ้าหลวง โทรศัพท์ 0 5452 4158

เที่ยวแพร่

6. วนอุทยานแพะเมืองผี

           "วนอุทยานแพะเมืองผี" เพียงแค่ได้ยินชื่อหลายคนอาจจะรู้สึกกลัว แต่ที่นี่ไม่ได้น่ากลัวอย่างชื่อ แพะเมืองผี ตั้งอยู่ที่ตำบลน้ำชำ อำเภอเมืองแพร่ เป็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ เกิดจากการทับถมกันของดินตะกอนแม่น้ำนานนับล้าน ๆ ปี แต่เมื่อน้ำฝนชะล้าง กัดเซาะ ทำให้พื้นดินบริเวณนี้เกิดเป็นรูปร่างแปลกสวยงาม และสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้เรื่อย ๆ เพราะน้ำฝนและลมจะกัดเซาะตลอด ที่นี่ไม่ใช่เพียงแค่ที่ท่องเที่ยวที่ชวนตื่นตาเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งเรียนรู้ทางธรณีวิทยาที่สำคัญอีกด้วย ซึ่งสามารถท่องเที่ยววนอุทยานแพะเมืองผีได้ตลอดทั้งปี

7. ถ้ำผานางคอย

           ถ้ำกลางป่าอันเป็นส่วนหนึ่งของภูเขาหินปูนอำเภอร้องกวาง เต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยสวยวิจิตรอลังการราวกับประติมากรรมจากธรรมชาติที่ได้สรรค์สร้างไว้ให้มนุษย์ได้ชื่นชม เมื่อร้อยเรียงเข้ากับตำนานพื้นบ้านบอกเล่าถึงที่มาของเสาหิน รูปทรงผู้หญิงกำลังอุ้มลูกน้อยเพื่อรอคอยการกลับมาของชายอันเป็นที่รักนั้น ซึ่งได้กลายเป็นที่มาของชื่อ "ถ้ำผานางคอย" ยิ่งทำให้ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความน่าสนใจ

           ปัจจุบันถ้ำผานางคอยได้รับการปรับปรุงให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่ มีการปรับภูมิทัศน์ พัฒนาเส้นทาง ติดไฟ และป้ายบอกถึงความเป็นมาประวัติศาสตร์บอกเล่าตำนาน "ผานางคอย" ไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มรูป ซึ่งถ้ำแห่งนี้มีความสูงจากด้านล่างจนถึงปากถ้ำ 50 เมตร และภายในถ้ำระยะทางจากปากถ้ำจนถึงทางออกอีกด้านยาวถึง 150 เมตร ทางเดินนั้นมีทั้งกว้างและแคบสลับกันไป โดยแบ่งออกเป็น 13 จุด ให้นักท่องเที่ยวได้ชม แต่ที่เป็นไฮไลท์ของถ้ำคือ "หินนางคอย" โดยจะได้พบกับหินปูนที่หยดย้อยลงมาก่อเกิดรูปทรงเหมือนหญิงสาวกำลังก้มหน้าโอบอุ้มลูกน้อยนั่งอยู่บนแท่นหิน และต้องยืนอยู่ห่างออกมาประมาณ 10 เมตร จึงจะมองเห็นได้ชัดว่าเป็นรูปร่างเหมือนผู้หญิงอุ้มลูก ถัดจากหินนางคอยไปเล็กน้อยจะพบปากถ้ำอีกด้านหนึ่งที่สูงขึ้นไป ซึ่งปากถ้ำด้านหลังนั้นมีความกว้างกว่า 15 เมตร เปิดให้แสงสว่างส่องลอดเข้ามาภายในถ้ำได้เป็นอย่างดี อีกทั้งก่อนถึงปากถ้ำด้านหลังชาวบ้านได้นำพระพุทธรูปตั้งไว้เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้กราบไหว้บูชาและขอพรก่อนเดินทางกลับ

8. โอ้โฮ ! สองบ้านนา

           แหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่จะพาคุณหวนกลับสู่ธรรมชาติในธีมน่ารักว่า "โอ้โฮ ! สองบ้านนา" โดยสองบ้านนาที่เอ่ยถึงนั้นประกอบด้วยบ้านนาตอง ตำบลช่อแฮ และบ้านนาคูหา ตำบลสวนเขื่อน ทั้งสองบ้านนี้อยู่ห่างกันเพียง 30 กิโลเมตร และสามารถเดินทางท่องเที่ยวทั้งสองบ้านภายในวันเดียว

           บ้านนาคูหา โดดเด่นด้วยสภาพอากาศเย็นตลอดปี มีทัศนียภาพสวยงาม มีลำห้วยแม่แคมไหลผ่าน ชาวบ้านส่วนใหญ่ทำสวนและเลี้ยงสาหร่ายน้ำจืดหรือเตาเป็นอาชีพเสริม โดยได้แปรรูปเป็นข้าวเกรียบเตา สาหร่ายแผ่นทอดกรอบ สบู่เตา และเป็นที่ตั้งของพุทธอุทยานดอยผาสวรรค์เฉลิมพระเกียรติ ร.9  ซึ่งมีสถานที่สำคัญภายในหลายแห่ง อาทิ ศูนย์ปฏิบัติธรรมมหาโพธิวงศาจริยาราม พระพุทธชยันตีมหัศจรรย์  พระเจ้าหยกทิพย์ พระเจ้าทันใจ

           บ้านนาตอง เป็นหมู่บ้านที่มีลำห้วยแม่ก๋อนไหลผ่านกลางหมู่บ้านจึงทำให้มีอากาศเย็นสบายตลอดปี ชาวบ้านมีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย นอกจากความงามความเงียบสงบตามธรรมชาติแล้ว  บ้านนาตองยังเป็นที่อยู่ของเต่าปูลู ซึ่งเป็นเต่าหางยาวและอาศัยอยู่ในเฉพาะพื้นที่ที่มีน้ำสะอาดเท่านั้น สิ่งที่น่าสนใจอื่น ๆ ของบ้านนาตอง ได้แก่ พระธาตุเจดีย์ศรีนาตอง ณ วัดธรรมานุภาพซึ่งเป็นจุดชมวิวบ้านนาตองในมุมสูง และพิพิธภัณฑ์บ้านนาตอง ซึ่งมีโครงกระดูกมนุษย์โบราณอายุกว่า 4,500 ปีที่ค้นพบในถ้ำบ้านนาตอง จัดวางให้ชมอยู่ และใครที่ต้องการสัมผัสวิถีบ้านนาตองอย่างเต็มอิ่ม ที่นี่มีโฮมสเตย์ให้บริการอีกด้วย

9. หมู่บ้านทุ่งโฮ้ง


           หมู่บ้านทุ่งโฮ้ง เป็นหมู่บ้านในเขตอำเภอเมือง ที่มีผลิตภัณฑ์พื้นบ้านขึ้นชื่อมาก ได้แก่ ผ้าหม้อห้อม ซึ่งถือกันว่ามีเนื้อดี ทนทาน และสวยงาม นักท่องเที่ยวนิยมซื้อหาไว้เป็นของที่ระลึก อาชีพหลักของชาวบ้านทุ่งโฮ้งคือการทำผ้าหม้อห้อมแท้ เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นของบรรพบุรุษ ที่สืบทอดมาหลายชั่วอายุคน และเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดแพร่ จนได้รับการคัดเลือกเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยว OTOP เชิงหัตถกรรม (OTOP Village Champion Handicrafts Tourism)

           ซึ่ง "หม้อห้อม" เป็นคำพื้นเมืองจากคำสองคำคือ "หม้อ" และ "ห้อม" หม้อ เป็นภาชนะอย่างหนึ่งที่ใช้ในการบรรจุน้ำ หรือของเหลวมีทั้งเล็กและใหญ่ ส่วนห้อมเป็นพืชล้มลุกชนิดหนึ่งที่ใช้ลำต้นและใบมาหมักในน้ำตามกรรมวิธีที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ จะให้เป็นสีกรมท่าโดยนำผ้าขาวไปย้อมให้เป็นสีกรมท่าที่เรียกว่า "ผ้าหม้อห้อม" ซึ่งผ้าหม้อห้อมเป็นชุดแต่งกายประจำถิ่นของชาวแพร่และชาวบ้านทุ่งโฮ้งที่สวมใส่ในชีวิตประจำวัน และงานประเพณีต่าง ๆ จึงถือเป็นเอกลักษณ์เลยทีเดียว ใครที่สนใจพักค้างคืนที่หมู่บ้านแห่งนี้เพื่อสัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวบ้านอย่างลึกซึ้งก็สามารถติดต่อทางหมู่บ้านเพื่อพักแรมที่โฮมสเตย์ได้

10. แก่งหลวง

           ผจญภัยไปตามลำน้ำยมที่แก่งหลวง ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำยม และเหตุที่ใช้ชื่อว่าแก่งหลวง เพราะที่แห่งนี้เป็นบริเวณที่แม่น้ำยมไหลมารวมตัวกันจนเป็นแอ่งขนาดใหญ่และลึกมาก มีน้ำตลอดปี และด้วยทั่วบริเวณเต็มไปด้วยโขดหินใหญ่น้อยเรียงรายอยู่กลางแม่น้ำ เมื่อน้ำไหลมาปะทะจะเกิดฟองฝอยสาดกระเซ็นสวยงาม เหมาะกับการนั่งแพและล่องแก่งเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ฝั่งตรงข้ามแก่งหลวงยังมี ถ้ำเอราวัณ ซึ่งเป็นถ้ำที่สวยงามที่สุดของจังหวัดแพร่ มีความลึกประมาณ 200 เมตร ภายในถ้ำมีห้องโถงกว้าง ตระการตาด้วยหินงอกหินย้อยอยู่ทั่วไปรูปร่างคล้ายช้างเอราวัณ สำหรับการชมถ้ำนั้นต้องนำไฟฉายมาเอง หรือสามารถเช่าไฟฉายได้

           ที่ตั้ง : ตั้งอยู่ที่ตำบลแม่ปาน ห่างจากตัวเมืองแพร่ไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 11 ประมาณ 63 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวาเข้าไปประมาณ 8 กิโลเมตร โดยตั้งอยู่ที่อุทยานแห่งชาติดอยผากลอง ผู้ที่สนใจล่องแก่งและชมถ้ำเอราวัณ หรือต้องการสอบถามข้อมูลการพักแรม สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดแพร่ โทรศัพท์ 0 5464 6205 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานแพร่ (รับผิดชอบแพร่ น่าน และอุตรดิตถ์) โทรศัพท์ 0 5452 1127 และ 0 5452 1118-9

           จริง ๆ แล้วที่เที่ยวแพร่ยังมีอีกมากมาย เอาเป็นว่าหากใครมีโอกาสก็อย่าลืมแวะมาเที่ยวแพร่ หรือมาลองใช้ชีวิตให้นิ่ง เสพความเรียบง่าย เรื่อย ๆ ไม่เร่งรีบ ณ เมืองแพร่กันดูนะคะ

ตั๊กออแกไนท์แพร่รับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ 
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคแพร่
นางรำแพร่เพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคแพร่
แพร่รําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคแพร่
รําบวงสรวงพญานาคแพร่
ฟ้อนบูชาพญานาคแพร่
รําบวงสรวงพญานาคแพร่

  ติดต่อสอบถามเรา