สวัสดี

ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - admin

หน้า: 1 ... 17 18 [19] 20 21 ... 30
271
10 ที่เที่ยวอุทัยธานี เมืองประวัติศาสตร์ ธรรมชาติงาม ที่ไม่ควรพลาด!
10 ที่เที่ยวอุทัยธานี เมืองประวัติศาสตร์
ธรรมชาติงาม ที่ไม่ควรพลาด!
วิหารแก้ว วัดท่าซุง
พระพุทธชินราชจำลอง
วัดท่าซุง หรือ วัดจันทาราม วัดขึ้นชื่อเรื่องความงามของจังหวัดอุทัยธานี และเป็นหนึ่งในวัดที่สวยที่สุดในประเทศไทย เป็นวัดเก่า แต่ก็ได้มีการบูรณะเรื่อยมาตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน มีรูปหล่อหลวงพ่อปาน และหลวงพ่อใหญ่ขนาด 3 เท่า อยู่มุมกำแพงด้านหน้า มณฑป และพระวิหารแก้วที่ประดิษฐาน พระพุทธชินราชจำลอง และศพของหลวงพ่อฤาษีลิงดำที่ไม่เน่าเปื่อย ไฮไลท์ความงามของที่นี่ต้องยกให้ “วิหารแก้ว 100 เมตร” ที่ตกแต่งด้วยโมเสกแก้วเล็กๆทั้งวิหาร ทำให้ดูแวววับจับตา

ถัดมาอีกหน่อยแต่ยังอยู่ภายในบริเวณวัดท่าซุงนี้ จะพบ ปราสาททองคำ (กาญจนาภิเษก)  ก่อสร้างด้วยการก่ออิฐฉาบปูน ประดับลวดลายไทยปิดทองคำเปลวติดกระจก ใช้เป็นสถานที่ประดิษฐานพระพุทธรูปที่ญาติโยมถวาย รอบนอกปราสาทใช้ทองคำเปลวปิดรอบปราสาทอีกด้วย

ถ้ำพุหวาย ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติพุเตย เคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำละครนาคี ภายในถ้ำจะพบภูเขาหินปูนสูงชันสลับซับซ้อน หินงอกหินย้อย หลากหลายแบบ อาทิ หินดอกเห็ด, หินย้อย, เสาโรมัน, ดอกไม้หิน, หินรูปหัวปลาโลมา,หินเกร็ดเพชร, หินงอกดอกกุหลาบ เป็นต้น อีกทั้งยังมีค้างคาวอาศัยอยู่ถึง 9 ชนิด และ พระพุทธรูป ที่ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวเข้ามากราบไหว้

ทางด้านหลังของถ้ำพุหวาย คือ ถ้ำเทพมาลี หรือ ถ้ำพญานาค เป็นถ้ำขนาดเล็กค่อนข้างลึกมีความสวยงามตามธรรมชาติของหินงอกหินย้อย หากเดินขึ้นไปยัง ยอดเขาพุหวาย สูงกว่า 700 เมตรจากระดับน้ำทะเล จะสามารถมองเห็นทัศนียภาพที่กว้างไกลอย่างสวยงาม บนสันเขามีสภาพเป็นป่าเต็งรังที่ค่อนข้างสมบูรณ์

หุบป่าตาด ตั้งอยู่ในอำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี ขึ้นชื่อว่าเป็น ดินแดนจูราสสิคเมืองไทย ชมความมหัศจรรย์ของผืนป่าดึกดำบรรพ์ บริเวณโดยรอบของหุบป่าตาดนี้เป็นระบบนิเวศค่อนข้างปิดเนื่องจากมีทางเข้าออก ทางเดียว แสงแดดจะส่องถึงเฉพาะช่วงเวลาเที่ยงวันเท่านั้น เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักผจญภัยลิสไว้ว่าต้องมาให้ได้ เป็นอีกหนึ่งที่ท่องเที่ยว Unseen ของเมืองไทยอีกด้วย ให้ความรู้สึกเหมือนเราเข้าไปอยู่ในยุคจูราสิคอย่างงั้นเลย

ไฮไลท์สำคัญของหุบป่าตาด ได้แก่ “ต้นตาด” ที่เป็นพืชตระกูลปาล์มดึกดำบรรพ์ที่พบมากในบริเวณหุบเขาหินปูนนี้ และ “กิ้งกือมังกรสีชมพู” สัตว์หายากของโลกที่ในประเทศไทยสามารถพบเห็นได้ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น ซึ่งหุบป่าตาดจะเปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.00-17.00 น.

วัดถ้ำเขาวง

วัดถ้ำเขาวง วัดไม้เก่าแก่ท่ามกลางภูเขาหินปูน

 วัดสวย แปลกตา ที่เราอยากให้คุณหาโอกาสไปเยี่ยมชมให้ได้ หากมองจากภาพถ่ายเชื่อว่าหลายคนคงคิดว่า เป็นรีสอร์ทสวยๆ ที่ไหนสักแห่ง แต่ความจริงแล้วที่นี่คือ “วัด” โดยวัดแห่งนี้เป็นอาคาร 4 ชั้น ออกแบบลักษณะเรือนไทย ยกใต้ถุน แบ่งสัดส่วนการใช้งานเป็น 4 ส่วน คือ ใต้ถุนเป็นลานเอนกประสงค์และร้านขายของ , ชั้นที่ 2 เป็นวิหาร , ชั้นที่ 3 เป็นกุฏิ และ ชั้นที่ 4 จะเป็นโบสถ์สร้างด้วยไม้สัก และไม้มะค่า

วัดถ้ำเขาวง วัดไม้เก่าแก่ท่ามกลางภูเขาหินปูน

บริเวณโดยรอบ วัดถ้ำเขาวงมีการจัดภูมิทัศน์ให้สวยงาม ร่มรื่น มีฉากหลังเป็นเขาหินปูนสูงตระหง่าน บริเวณด้านหน้ามีสวนไม้ดัด และบ่อน้ำซึ่งมีปลาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ห่างจากตัววัดไปทางด้านหลังจะมีถ้ำอยู่ประมาณ 7-8 ถ้ำ บางถ้ำเป็นที่นั่งวิปัสสนาสำหรับพระภิกษุ บางถ้ำเป็นถ้ำค้างคาว และบางถ้ำก็มีหินงอกหินย้อยให้ชมกัน ระหว่างทางเดินที่จะขึ้นไปชมถ้ำ จะผ่านน้ำตกเทียมที่ดูเข้ากับบรรยากาศ เมื่อมาเยือนวัดแห่งนี้ จะรู้สึกปลอดโปร่ง ทั้งจากใจที่สงบจากการทำบุญ และจากกายที่ได้พักผ่อนเหมือนมาตากอากาศในรีสอร์ท

เมืองอุไทยธานีเป็นเมืองที่อยู่บนที่ดอน ไม่มีแม่น้ำสายใหญ่ ในอดีตจึงต้องค้าขายกันโดยการพายเรือ ชาวเมืองต้องขนข้าวบรรทุกเกวียนมาลงที่แม่น้ำ จึงทำให้พ่อค้าพากันไปตั้งยุ้งฉางรับซื้อข้าวที่ริมแม่น้ำจนเป็นหมู่บ้านใหญ่ เรียกว่า “หมู่บ้านสะแกกรัง” เนื่องจากเป็นพื้นที่มีป่าสะแกขึ้นเต็มริมน้ำ และมีต้นสะแกใหญ่อยู่กลางหมู่บ้าน
วีถีชีวิตชาวเรือนแพ แห่งลำน้ำสะแกกรัง

หาเรามาเยือนที่แห่งนี้ก็จะได้ชมภาพชีวิตของชาวแพ ซึ่งได้สร้างบ้านคร่อมไว้บนแพลูกบวบไม้ไผ่ และตลอดลำน้ำยังจะได้เห็นการปลูกพืชผักลอยน้ำที่สวยงาม โดยเฉพาะเตยแพ และพุทธรักษาที่ชาวบ้านปลูกไว้อย่างมากมาย รวมไปถึงการเลี้ยงปลาในกระชังที่ทำกันทุกแพ สำหรับสิ่งที่ถือว่าเป็นความโดดเด่นของแม่น้ำสายนี้ คือ ปลาแรดที่มีรสชาติดีกว่าแหล่งอื่น ๆ ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรจึงมีการทำประมงน้ำจืดจำนวนมาก และในบางฤดูจะมีกุ้งแม่น้ำขนาดใหญ่ ให้กับคนท้องถิ่นได้ตกขึ้นมาเป็นอาชีพเสริมมีรายได้ดี

เที่ยว ถนนคนเดิน ตรอกโรงยา หรือ เซ็กเกี๋ยกั้ง ไปสัมผัสผู้คนในชุมชนที่ยังคงผูกพันกับวีถีชีวิตในอดีต เสน่ห์ของที่นี่ก็คือ บ้านเรือนไม้เก่าๆ ที่ทุกวันเสาร์ บนถนนสายเล็กๆ แห่งนี้ จะมีนักท่องเที่ยวต่างพากันมาเดินเที่ยว กินอาหารอร่อยๆ ขึ้นชื่อของเมืองอุทัยฯ ผู้คนในชุมชนจะเปิดบ้านชาวจีนในสมัยก่อนหลายหลัง รวมถึงมีการเล่าถึงประวัติของตรอกโรงยาในสมัยก่อน ให้นักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ได้ทราบกัน นอกจากจะอิ่มความรู้กันแล้ว แถมยังได้ช๊อบของฝากเล็กๆ น้อยๆ กลับมาฝากคนที่บ้านอีกด้วยนะ

ประเพณีตักบาตรเทโว มีปรากฏอยู่ในพุทธตำนาน เรื่อง “เทโวโรหณสูตร” ประเพณีตักบาตรเทโว มาจากคำว่า “เทโวโรหณะ” การเสด็จลงจากสวรรค์ ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ในแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงสู่มนุษย์โลก จากพุทธตำนานดังกล่าว พุทธศาสนิกชนในจังหวัดอุทัยธานีจึงได้ร่วมกันจัดงาน เป็นประเพณีสืบต่อกันมาช้านาน โดยจะมี พระภิกษุสงฆ์จากทุกอำเภอในจังหวัดอุทัยธานี จะมาชุมนุมกัน ณ ยอดเขาสะแกกรัง เพื่อลงมารับบาตรจากพุทธศาสนิกชน โดยลงมาตามบันไดจำนวน 449 ขั้น

ทานกาแฟร้านดัง “ร้านจงรัก” ทานกาแฟร้านดัง “ร้านจงรัก”

ร้านนี้นอกจากจะขายกาแฟสด น้ำสมุนไพรต่างๆแล้ว
ยังเรียกได้ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์สะสมของเก่าแห่งเมืองอุทัยได้อีกด้วย
มีคุณป้าจันทิตาและคุณลุงไพศาลเป็นเจ้าของ คุณลุงเล่าว่าแต่ก่อนที่ตรงนี้เป็นบ่อปลา ต่อมาก็เริ่มถมที่และปลูกต้นไม้ ซึ่งต้นไม้ทุกต้นที่นี่คุณลุงไพศาลเป็นคนปลูกเองทั้งหมด ใช้เวลาเกือบ 30 ปี! เมื่อนำพื้นที่ตรงนี้มาทำเป็นโฮมสเตย์ ก็สร้างโดยการปลูกแทรกตามต้นไม้ โดยไม่ตัดต้นใดทิ้งแม้แต่ต้นเดียว ^^

บ้านสวนจันทิตา เป็นที่พักโฮมสเตย์ แบบบ้านไม้ 4 หลัง ตั้งแทรกอยู่ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ เชื่อมต่อกันทั้งหมด 4 หลัง ซึ่งบ้านแต่ละหลังจะมีความสูงไม่เท่ากัน เพราะอยากให้ดูมีมิติ และระบายอากาศได้ดี ภายในบ้านโปร่งสบาย เน้นเจาะหน้ารอบบ้านให้เราเห็นธรรมชาติได้แบบพาโนรามา อีกทั้งบรรยากาศโดยรอบยังร่มรื่นด้วยพรรณไม้นานาชนิด แถมที่พักราคาไม่แพงด้วย เพียงหลังละ 2,000 บาทเท่านั้น แต่ถ้าอยากมาพักผ่อนที่นี่ต้องจองล่วงหน้ากันยาวสักหน่อย ^

ตั๊กออแกไนท์อุทัยธานี รับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ 
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคอุทัยธานี
นางรำอุทัยธานีเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคอุทัยธานี
อุทัยธานีรําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคอุทัยธานี
รําบวงสรวงพญานาคอุทัยธานี
ฟ้อนบูชาพญานาคอุทัยธานี
รําบวงสรวงพญานาคอุทัยธานี


  ติดต่อสอบถามเรา        
            


272
12 ที่กิน ที่เที่ยวอ่างทอง เมืองรองที่ไม่ควรมองข้าม

12 ที่กิน ที่เที่ยวอ่างทอง
เมืองรองที่ไม่ควรมองข้าม
1. พระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดในโลก วัดม่วง
วัดม่วง ที่ประดิษฐาน พระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดในโลก (พระใหญ่) มีความเชื่อกันว่าหากใช้ 2 มือ สัมผัสที่ปลายนิ้วกลางของหลวงพ่อ แล้วตั้งจิตอธิษฐาน โดยเฉพาะให้เติบโต เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน จะสมหวังตามปรารถนา

2. วัดขุนอินทประมูล

วัดเก่าแก่ ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยสุโขทัย ประดิษฐานพระนอนที่ยาวเป็นอันดับสองในประเทศไทย รองจากพระนอนแห่งวัดบางพลีใหญ่กลาง จังหวัดสมุทรปราการ เดิมพระพุทธไสยาสน์องค์นี้ประดิษฐานอยู่ในวิหาร แต่ถูกไฟไหม้ไป จึงเหลือเพียงพระนอนอยู่กลางแจ้งเท่านั้น ซึ่งมีพระพักตร์ยิ้มละไม สงบเยือกเย็น น่าเลื่อมใสศรัทธา
3. วัดป่าโมกวรวิหาร

สักการะพระพุทธไสยาสน์ ที่งดงามที่สุดองค์หนึ่งของไทย  ตัวองค์พระก่ออิฐถือปูนปิดทอง สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยสุโขทัย ผู้คนนิยมมากราบไหว้ขอพรเรื่องสุขภาพ ให้แข็งแรงและปราศจากโรคภัย เพราะมีตำนานเล่าต่อกันมาว่า สมัยโบราณที่อหิวาตกโรคระบาดหนัก ชาวบ้านได้ยินเสียงบอกวิธีรักษา จึงเรียกพระนอนองค์นี้ว่า พระนอนพูดได้ และเป็นศูนย์รวมจิตใจชาวบ้านตั้งแต่นั้น

4. พระธาตุเจดีย์ศรีโพธิ์ทอง วัดท่าอิฐ

วัดท่าอิฐ วัดที่สวยงามที่สุดวัดหนึ่งของภาคกลาง ชมความอลังการของพระธาตุเจดีย์ศรีโพธิ์ทอง ที่ตั้งตระหง่านทองอร่ามมาแต่ไกล ซึ่งเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระศอของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระพุทธรูปปางต่าง ๆ  พร้อมกราบไหว้หลวงพ่อเพช็รในอุโบสถ และหลวงพ่อขาว ในวิหาร

5. โบสถ์เก่าแก่ใต้ต้นโพธิ์ วัดสังกระต่าย

วัดสังกระต่าย สถานที่เที่ยว Unseen แห่งใหม่ของอ่างทอง ชมโบสถ์ร้างโบราณ อายุกว่า 400 ปี ที่ถูกต้นโพธิ์ล้อมรอบผนังทั้ง 4 ด้านไว้อย่างแน่นหนา เรียกว่าสวยแปลกตามากๆ ด้านในแบ่งออกเป็น 3 ห้อง ห้องแรกประดิษฐานหลวงพ่อแก่น ถัดมาห้องใหญ่มีพระประธานองค์ใหญ่หลวงพ่อวันดี และหลวงพ่อศรี หลวงพ่อสุขที่มีขนาดย่อมลงมาประดิษฐานอยู่ ห้องสุดท้ายเป็นห้องว่าง ปัจจุบันไม่มีหลังคาปกคลุมโบสถ์ ม่ีเพียงร่มเงาของต้นโพธิ์ปกคลุมแทน

6. พิพิธภัณฑ์ตุ๊กตาชาววังบ้านเสด็จ
ศูนย์ตุ๊กตาชาววังบ้านบางเสด็จ ตั้งอยู่ภายในบริเวณวัดท่าสุทธาวาส ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นอาคารทรงไทย 2 ชั้น ชั้นบนจัดแสดงนิทรรศการพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ ส่วนชั้นล่างเป็นที่ทำการของกลุ่มปั้นตุ๊กตาชาววัง จะมีการสาธิตปั้นตุ๊กตาจากดินเหนียว และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ตุ๊กตา รวมถึงผลิตภัณฑ์ OTOP ของจังหวัดอ่างทอง ในราคาย่อมเยา

ซึ่งที่นี่ เป็นโครงการที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2519 เพื่อสร้างอาชีพเสริมให้กับคนในชุมชนค่ะ

7. บ้านหุ่นเหล็ก

บ้านหุ่นเหล็ก เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของนายไพโรจน์ ถนอมวงษ์ ที่นำอะไหล่เก่าเหลือใช้จากเครื่องยนต์ต่าง ๆ มาสร้างเป็นหุ่นต่าง ๆ นำมาเชื่อมประกอบกันในรูปแบบต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากภาพยนตร์ดังหลายเรื่อง พวกทรานส์ฟอร์มเมอร์ส สตาร์วอร์ เอเลี่ยน ฯลฯ มีตั้งแต่ขนาดใหญ่ 2-4 เมตร ไล่มาถึงหุ่นขนาดเล็ก นอกจากนี้ที่นี่ยังมีของที่ระลึกให้เลือกซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้าน และที่สำคัญค่าเข้าชมฟรี

เปิดให้เข้าชมทุกวัน 9.00 – 17.00 น.

8. สภากาแฟ บ้านหุ่นเหล็ก

คาเฟ่สุดชิคที่ตั้งอยู่ภายใน บ้านหุ่นเหล็ก ที่นี่แนวมากๆ เพราะมีสไตล์ที่โดดเด่น ตกแต่งร้านด้วยหุ่นยนต์และเฟอร์นิเจอร์ที่ทำมาจากเหล็ก

สภากาแฟมีทั้งอาหาร ไอติม และเครื่องดื่ม ที่สำคัญราคาย่อมเยามาก เมนูแนะนำ ชากุหลาบฝรั่งเศส รสชาติหอมกลิ่นกุหลาบ ปนด้วยความหวานบางๆ ของน้ำผึ้งแท้ๆ  Affogato (อัฟโฟกาโต) กาแฟราดไอติมนี่ก็เด็ดมากๆ สภาซันเดย์ ไอติมที่เสิร์ฟมาพร้อมกับสายไหม มาเป็น set ใส่ปิ่นโตเลยค่ะ เก๋ไก๋มากค่ะ
9. Pomm Cafe

ที่นี่เป็นที่รู้จักกันดีของคอกาแฟชาวอ่างทอง เรียกได้ว่าเป็นผู้บุกเบิกกาแฟสดในจังหวัดอ่างทองเลยก็ว่าได้ เมล็ดกาแฟก็คั่วกันเองที่ร้านนั่นแหละ ทำให้กาแฟมีกลิ่นหอม ลอยเตะจมูกตั้งแต่ก้าวเข้าร้านเลยค่ะ

บรรยากาศของร้านเน้นธรรมชาติสบายๆ ร่มรื่นมากๆ กาแฟรสเลิศ ราคาไม่แพง ถ้าใครไม่ชอบทานกาแฟ แนะนำให้สั่งชาบาบูตองมาลองทานค่ะ อร่อย รสกลมกล่อมสุดๆ

10. มะขามคาเฟ่

สายเขียวมาทางนี้! มะขามคาเฟ่ ร้านกาแฟสไตล์บ้านๆ บรรยากาศโคตรชิลล์ ให้คุณเข้ามานั่งจิบเครื่องดื่มเย็นๆ พลางชมวิวทุ่งนา แล้วยังมีอาหารประเภทส้มตำ อาหารจานเดียว ให้บริการด้วย หรือจะเดินถ่ายรูปไปตามสะพานไม้ที่ทอดยาวผ่านท้องทุ่งกว่า 200 เมตร หากมองเลยไปทางด้านหลัง จะเห็นหลวงพ่อพระพุทธรูปองค์ใหญ่ วัดม่วง สีทองอร่ามตัดกับสีเขียวขจีของนาข้าว น่าเลื่อมใส

11. อินทร์โตฟาร์ม (Intofarm)

อินทร์โตฟาร์ม ฟาร์มเมล่อนที่มีโรงเรือนขนาดใหญ่กว่า 40 หลัง และปลูกเมล่อนกว่า 10 สายพันธุ์ ซึ่งที่นี่เราสามารถเข้าไปตัดผลเมล่อนเองได้ด้วยนะ ใครสนใจสามารถแจ้งทางฟาร์มล่วงหน้าไว้เลย นอกจากเมล่อนลูกโต รสชาติหวาน กรอบ อร่อยแล้ว ยังมีเมนูอาหารคาวหวานสารพันที่นำเมล่อนไปเป็นส่วนผสม ไม่ว่าจะเป็นเมล่อนปั่น ไอศกรีมเมล่อน บิงซูเมล่อน บัวลอยเมล่อน วาฟเฟิลเมล่อน โอ้โหหหเยอะขนาดนี้ ต้องไปลองให้รู้ซะหน่อย

12. ตลาดวิเศษชัยชาญ
ตลาดวิเศษชัยชาญ หรือ ตลาดศาลเจ้าโรงทอง เป็นตลาดโบราณที่อยู่คู่กับจังหวัดอ่างทองมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ส่วนใหญ่เป็นชาวจีน ปลูกอาคาร บ้านเรือนไม้ เรียงชิดติดกัน แล้วยังมีการอนุรักษ์โรงแรมเก่า โรงสีข้าว ร้านขายของชำไว้ด้วย นอกจากนี้ยังมีอาหารคาวหวานอร่อยๆ ห้ามพลาด เช่น ปลาม้าทอดน้ำปลา ข้าวต้มห่อ ขนมดอกลำดวน ขนมกล้วยรังผึ้ง ขนมเกษรลำเจียก และอี่นๆ รอให้คุณมาลิ้มลองอีกมากมาย
หยุดเสาร์ อาทิตย์ หรือวันไหนว่างๆ ตามรอยเราไปเที่ยวอ่างทองกันนะคะ พาครอบครัวไปทำบุญ จูงมือแฟนไปนั่งทานขนมอร่อยๆ หรือจะไปกันเป็นกลุ่มเพื่อน ก็สนุกสนาเฮฮา ที่สำคัญอยู่ใกล้กรุงเทพนิดเดียว เที่ยวแบบไม่เหนื่อยด้วย
ตั๊กออแกไนท์อ่างทอง รับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ 
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคอ่างทอง
นางรำอ่างทองเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคอ่างทอง
อ่างทองรําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคอ่างทอง
รําบวงสรวงพญานาคอ่างทอง
ฟ้อนบูชาพญานาคอ่างทอง
รําบวงสรวงพญานาคอ่างทอง

  ติดต่อสอบถามเรา        
            


273
10 ที่เที่ยวสุพรรณบุรี ชมวิถีเมืองเก่า ป่าเขางดงาม

1. บึงฉวาก เฉลิมพระเกียรติ

บึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ เป็นบึงน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 2,700 ไร่ อยู่ห่างจากตัวเมืองสุพรรณบุรีประมาณ 64 กิโลเมตร บึงฉวากมีพื้นที่ติดต่อกับอำเภอหันคา จังหวัดชัยนาทและอำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี ส่วนที่อยู่ในเขตอำเภอเดิมบางนางบวชมีพื้นที่ประมาณ 1,700 ไร่ บึงฉวากได้รับประกาศให้เป็นเขตห้ามล่าสัตว์มาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2526 และในปี พ.ศ. 2541 ได้รับการจัดให้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับชาติ

สถานที่ท่องเที่ยวในบึงฉวาก มีทั้งโซนสวนสัตว์ อุทยานผักพื้นบ้าน อุโมงค์ปลาน้ำจืด บ่อจระเข้น้ำจืด เหมาะสำหรับพาครอบครัวไปท่องเที่ยว ที่สำคัญภายในบึงฉวากยังมี่ที่พักคอยให้บริการอีกด้วย

2. วัดป่าเลไลยก์
ว่ากันว่า ถ้ามาเมืองสุพรรณ แล้วไม่ได้แวะมากราบไหว้หลวงพ่อโต วัดป่าเลไลยก์ ก็เหมือนมาไม่ถึงเมืองสุพรรณ ด้วยที่วัดป่าเลไลยก์เป็นวัดสำคัญคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดสุพรรณบุรีมาช้านาน และยังเป็นสถานที่หนึ่งในวรรณคดีเรื่อง ขุนช้าง-ขุนแผน อีกด้วย

วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร ตั้งอยู่ที่ ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมือง ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำสุพรรณบุรี หรือท่าจีน ห่างจากฝั่งประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร เนื้อที่กว้าง 82 ไร่ 1 งาน มีโบราณสถานอันเป็นประธานของวัด คือ พระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์ ซึ่งเรียกกันว่า “ หลวงพ่อโตวัดป่าไลไลยก์”

3. ตลาดสามชุก
ตลาดเก่าแก่อายุนับร้อยปี ที่สร้างด้วยไม้เรียงติดกัน อยู่ริมฝังตะวันตกของแม่น้ำท่าจีน ภาพวิถีชีวิตของผู้คนในชุมชน สถาปัตยกรรมโบราณ เชิงชายไม้แกะสลัก อาคารพิพิธภัณฑ์บ้านขุนจำนงค์ จีนารักษ์ ร้านขายยาจีน ร้านกาแฟโบราณ ร้านถ่ายรูปโบราณ ฯลฯ ยังคงมีสภาพและรูปแบบดั้งเดิม เหมาะแก่การอนุรักษ์ไว้ให้คนรุ่นหลังได้ดู

ด้วยความร่วมมือกันของชุมชน ทำให้ตลาดสามชุก เป็นตลาดโบราณที่กลับมามีชีวิตอีกครั้ง และเป็นต้นแบบให้กับอีกหลายๆ ตลาดที่มีอายุเก่าแก่ ได้กลับมาค้าขายกันเช่นอดีต โดยปรับปรุงดูแล และยังคงรักษารูปแบบดั้งเดิมเมื่อนับร้อยปี จนกระทั้งปี พ.ศ. 2552 ชุมชนสามชุกตลาดร้อยปี ได้รับรางวัลมรดกโลก ประเภทอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรม แห่งเอเชียแปซิฟิก จากองค์การยูเนสโก

4. สวนหินธรรมชาติ พุหางนาค
มรดกทางธรรมชาติชิ้นเอกของเมืองสุพรรณ ที่ควรค่าแก่การปกปักษ์รักษาไว้ ความงดงามของสวนหินธรรมชาติดึกดำบรรพ์อายุนับหมื่นล้านปี สวนป่าไม้โบราณอายุนับ 1000 ปี และปริศนาแห่งศาสนสถาน เมืองโบราณอู่ทอง เป็นสถานที่ที่น่าสนใจแห่งใหม่ของจังหวัดสุพรรณบุรี ที่เต็มไปด้วยความงดงามทางธรรมชาติ สวนหินที่งดงามตามจินตนาการ ด้วยรูปทรงที่หลากหลาย ดั่งผลงานชิ้นยอดของศิลปินชั้นเยี่ยม ความงามที่แฝงไว้ซึ่งปริศนา ให้ผู้ที่สนใจเรื่องราวของอารยธรรมโบราณ ร่องรอยที่ปรากฏเป็นปริศนาให้เราต้องค้นหากันต่อไป

ปัจจุบัน สวนหินธรรมชาติ พุหางนาค ได้เปิดให้เป็น แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ อยู่ภายใต้การดูแลของวนอุทยานพุม่วงโดยความร่วมมือกับชาวชุมชนในพื้นที่ จัดเส้นทางพาชมความงดงาม และเรียนรู้ธรรมชาติของสวนหินแห่งนี้ เพื่อเป็นเกราะป้องกันการบุกทำลายและหาประโยชน์ จากทรัพยากรณ์อันทรงคุณค่า โดยหวังให้นักเดินทางท่องเที่ยวที่มีจิตสำนึกในธรรมชาติ จะได้เข้ามามีส่วนร่วมในการปกป้องป่าแห่งนี้

5. หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย
บ้านควาย…คือสถานที่ที่รวบรวมเรื่องราว และรูปแบบวิถีชีวิตของคนในชนบท รูปแบบที่กำลังจะเลือนหายไป เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ไม่ควรพลาด หากมีโอกาสได้เดินทางมาท่องเที่ยวเมืองสุพรรณ ด้วยสุพรรณ เป็นจังหวัดที่มีอาชีพหลักคือการเกษตรกรรม และ “ควาย” ก็เป็นสัตว์เลี้ยงเพื่อการใข้งาน ที่มีวิถีชีวิตเคียงคู่กับคนสุพรรณโดยตลอดมา

นอกจากนี้ หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย ยังมีกิจกรรมหลากหลายให้นักเรียนนักศึกษา และนักท่องเที่ยว ได้ร่วมสนุกและได้ความรู้ เกี่ยวกับวิถีชีวิตของชาวนาไทย และการแสดงความสามารถของควายแสนรู้


6. อุทยานมังกรสวรรค์ พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร

อุทยานมังกรสวรรค์ พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง และหมู่บ้านมังกรสวรรค์ คือสถานที่ที่ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน อลังการงานสร้าง ด้วยแรงเงิน และแรงศัทธา สถานที่รวบรวมเรื่องราวที่มากคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ห้องเรียนที่น่าตื่นตาตื่นใจ และสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่อาจผ่านเลย

ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง สถานที่เคารพของชาวไทยเชื้อสายจีน เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ผู้คนต้องแวะเวียนมากราบไหว้ขอพร ที่ซึ่งหลายคนเชื่อว่า หากได้มากราบไหว้แล้ว จะนำมาซึ่งโชคลาภ ความร่ำรวย ความสำเร็จ และความสุข

พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร จัดแสดงประวัติศาสตร์ของจีน จัดตกแต่งสวยงาม มีรูปปั้น ระฆังยักษ์ และน้ำตกขนาดใหญ่ แบ่งเป็นห้อง 18 ห้อง รูปแบบแปลกตาด้วยภาพ แสงสีเสียง และเทคนิกพิเศษ น่าชมเป็นอย่างยิ่ง

หมู่บ้านมังกรสวรรค์ หมู่บ้านซึ่งได้จำลองรูปแบบ “เมืองลีเจียง” ซึ่งเป็นเมืองเก่าแก่โบราณอายุนับพันปี ที่มีรูปแบบที่สวยงามจนได้รับแต่งตั้งให้เป็นเมืองมรดกโลก


7. อุทยานแห่งชาติพุเตย
ดินแดนแห่งขุนเขา ป่าหนึ่งเดียวที่สมบูรณ์ที่สุดของเมืองสุพรรณ เป็นชายป่าผืนสุดท้ายของป่าห้วยขาแข้ง เป็นสถานที่ที่เหมาะกับนักเดินทางทีหลงใหลในธรรมชาติ ความสงบเงียบ ป่าเขา น้ำตก ความงดงามงามของดวงอาทิตย์ยามเช้า ไอหมอก ความหนาวเย็น และวิถีชีวิตของชนชาวกระเหรี่ยง

เหมาะแก่การท่องเที่ยวเชิงผจญภัย เป็นดินแดนแห่งความหนาวเย็น ในหน้าหนาวอุณหภูมิจะลดลง 5-6 ํC ทีี่ยอดเขาเทวดา ที่มีความสูงกว่า 1000 เมตร ในวันที่อากาศเหมาะสม นักท่องเที่ยวอาจจะได้ชมทะเลหมอกที่สวยงาม และไปยืนจุดที่เป็น ดินแดนรอยต่อของสามจังหวัด สุพรรณบุรี-อุทัยธานี-กาญจนบุรี การเดินทาง หน้าฝนควรเป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ส่วนหน้าแล้งรถยนต์นั่งธรรมดาก็สามารถไปได้ แต่ควรเป็นรถกระบะ

8. สวนสวรรค์สุพรรณบุรี

ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร (พันธุ์พืชเพาะเลี้ยง) อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี หรือสวนสวรรค์สุพรรณบุรี ตั้งอยู่บนเนื้อที่หลายร้อยไร่ ประกอบไปด้วยพืชพันธุ์มากมายหลายชนิด ที่นำมาจัดแสดงให้ชมในแต่ละช่วงเวลา ตลอดทั้งปี ทั้งไม้ดอกของไทย และต่างประเทศ สีสันสดสวยงามตระการตา และไม้ใบ ไม้ผล ที่ผ่านการค้นคว้าและทำการขยายพันธุ์ จนได้พันธุ์ที่เหมาะสมมีคุณภาพดีที่สุด เพื่อจำหน่ายจ่ายแจกให้เกษตรกรได้นำไป ทำการเพาะปลูกต่อไป

โดยช่วงเวลาตลอดปี จะมีการแสงพันธุ์ดอกไม้ อาทิ ดอกทิวลิปบานรับปีใหม่ , กุมภาสัญญารัก ดอกกุหลาบ , เทศกาลดอกไม้งามฤดูร้อน , ทุ่งดอกกระเจียวสื่อรักวันแม่ , งานเบญจมาศบาน , ทุ่งทานตะวัน วันพ่อ และเทศกาลดอกไม้เมืองหนาว

9. รอยพระพุทธบาท วัดเขาดีสลัก

บนเทือกเขาในเขตอำเภออู่ทอง มีวัดวัดหนึ่งเป็นวัดที่สวยงามสงบเงียบ  และรายล้อมด้วยธรรมชาติ เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่น่าเยี่ยมชม ในความเป็นธรรมชาติ มีสิ่งก่อสร้างในความเชื่อทางศาสนา ที่มีอายุนับพันปี ที่งดงามทั้งรูปแบบ มากด้วยคุณค่ามีเรื่องราวที่น่าศึกษาค้นคว้าความเป็นมา ของประวัติศาสตร์ที่ยังคงปริศนา

พระพุทธบาทวัดเขาดีสลัก เป็นรอยพระพุทธบาทจำลองสร้างด้วยหินทรายแดง มีลักษณะแตกต่างจากรอยพระพุทธบาทที่พบตามที่อื่นๆ คือ เป็นรอยพระพุทธบาทนูนต่ำ ขนาดกว้างประมาณ 65.5 ซม. ยาว 141.5 ซม. นักโบราณคดีให้ความเห็นแตกต่างกันไป บางท่านว่าเป็น ศิลปะสมัยทวาราวดี อายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 14-16 บางท่านว่า แม้รูปแบบลวดลายจะคล้ายกับศิลปะสมัยทวาราวดี แต่ก็มีรูปแบบอื่นเข้ามาปะปน ซึ่งอาจเป็นผลงานที่สร้างในสมัยอยุธยา ราวพุทธศวรรษที่ 19-23 ก็เป็นได้

10. เขื่อนกระเสียว

เขื่อนกระเสียว เป็นหนึ่งในสถานที่ที่สามารถชมความงดงาม ยามพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุด ของจังหวัดสุพรรณบุรี ยิ่งในช่วงหน้าหนาว แสงสีที่ค่อยๆเปลี่ยนไป ภาพดวงอาทิตย์สีแดงกลมโต ที่ค่อยๆเลื่อนลงเหนือยอดเขา และแสงเงาที่กระทบลงผืนน้ำ อากาศที่หนาวเย็น นับเป็นช่วงเวลาที่มีความหมาย เป็นช่วงเวลาที่เราจะได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างแท้จริง

เขื่อนกระเสียว สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2523 เป็นเขื่อนดินกักเก็บน้ำสร้างกั้นลำห้วยกระเสียว ยาว 4,250 เมตร สูง 32.5 เมตร พื้นที่กักเก็บน้ำ 28,750 ไร่ ปริมาณ น้ำที่สามารถกักเก็บน้ำได้สูงสุด 240 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็นเขื่อนดินที่มีความยาวมากที่สุดในประเทศไทย และเป็นแหล่ง เพราะพันธุ์ปลาขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง รวมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทิวทัศน์สวยงาม กลางวันอากาศค่อนข้างร้อน ช่วงเย็นอากาศดีมาก โดยเฉพาะจุดตั้งแค้มป์ริมเขื่อนเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม

ตั๊กออแกไนท์สุพรรณบุรีรับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ 
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคสุพรรณบุรี
นางรำสุพรรณบุรีเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคสุพรรณบุรี
สุพรรณบุรีรําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคสุพรรณบุรี
รําบวงสรวงพญานาคสุพรรณบุรี
ฟ้อนบูชาพญานาคสุพรรณบุรี
รําบวงสรวงพญานาคสุพรรณบุรี



  ติดต่อสอบถามเรา        
            


274
ที่เที่ยวสุโขทัย ไปพักร้อน เที่ยวชิล ๆ กันที่เมืองโบราณ
1. อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย

         อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ตั้งอยู่ในบริเวณตำบลเมืองเก่า อำเภอเมืองสุโขทัย ประกอบไปด้วยโบราณสถานเก่าแก่มากมาย ซึ่งแสดงถึงอาณาจักรสุโขทัยเมื่อ 600 กว่าปีที่แล้ว โดยภายในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย มีทั้งวัดวาอาราม กำแพงเมืองเก่า และร่องรอยของพระราชวัง จุดที่น่าสนใจ อาทิ วัดมหาธาตุ, วัดศรีชุม, วัดชนะสงคราม, วัดช้างล้อม, กำแพงเมือง, วัดช้างรอบ, วัดศรีสวาย, วัดตระพังเงิน, วัดสระศรี, วัดตระพังทองหลาง, เนินปราสาทพระร่วง, วัดพระพายหลวง และทำนบพระร่วง เป็นต้น

          นักท่องเที่ยวสามารถปั่นรถจักรยานชมบริเวณโดยรอบได้ หรือจะนั่งรถรางก็ได้ มีออร์ดิโอ ทัวร์ ด้วย ซึ่งเป็นอุปกรณ์เครื่องฟังแนะนำสถานที่สำคัญต่าง ๆ ภายในบริเวณอุทยาน มี 3 ภาษา เช่าได้ที่บริเวณศูนย์บริการท่องเที่ยวของอุทยาน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย

2. โครงการเกษตรอินทรีย์ สนามบินสุโขทัย

          โครงการเกษตรอินทรีย์ สนามบินสุโขทัย เป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้ามาร่วมกิจกรรมห้องเรียนกลางแจ้ง เพื่อเรียนรู้และลงมือปฏิบัติงานส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับวิถีชีวิตของเกษตรกรและความเป็นอยู่แบบไทยพื้นบ้าน

          โดยมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเก็บไข่เป็ดที่เล้า, การชมฝูงควาย กว่า 200 ตัว, การชมโรงสีข้าวกล้อง, การชมแปลงผักอินทรีย์, การถอนกล้าและการดำนา, การทำอาหารแบบเกษตรอินทรีย์, การเรียนรู้งานใบตองและแปรรูปผลิตภัณฑ์ และรับประทานอาหารและเครื่องดื่มออร์แกนิก เป็นต้น สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก โครงการเกษตรอินทรีย์ สนามบินสุโขทัย - Organic Agriculture Project

3. บ้านนาต้นจั่น

          ชุมชนเล็ก ๆ สุดเงียบสงบในตำบลบ้านตึก อำเภอศรีสัชนาลัย โดดเด่นด้วยสภาพแวดล้อมของท้องไร่ท้องนา ชาวบ้านใช้ชีวิตกันแบบเรียบง่าย เหมาะที่จะไปนอนพักผ่อนโฮมสเตย์ ซึ่งชาวบ้านจะจัดเป็นโปรแกรมท่องเที่ยวมีทั้งอาหารพื้นเมืองสุดอร่อยให้ลิ้มลอง พาไปชมพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางทะเลหมอกที่จุดชมวิวห้วยต้นไฮ พาไปขี่จักรยานชมทุ่งนากว้างใหญ่ ชมการทำผ้าหมักโคลน การทำตุ๊กตาบาร์โหน ได้ชาร์จพลังอย่างเต็มที่จากธรรมชาติแน่นอน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก โฮมสเตย์บ้านนาต้นจั่น จังหวัดสุโขทัย

4. จุดชมวิวกิ่วตะเคียนงาม

          จุดชมวิวกิ่วตะเคียนงาม ตั้งอยู่ที่บ้านปางตะเคียน ตำบลแม่สิน อำเภอศรีสัชนาลัย เป็นจุดชมวิวที่มองเห็นทิวเขา โอบล้อมด้วยภูเขาน้อยใหญ่ ถ้ามาเที่ยวช่วงหน้าหนาว ก็จะได้เห็นทะเลหมอกสวยอลังการ มีแสงพระอาทิตย์เหลืองทองสาดส่อง บรรยากาศสวยงาม อากาศสดชื่นเย็นสบาย จิบกาแฟอุ่น ๆ พร้อมกับการชมวิวไปพลาง ๆ บอกเลยว่ามันฟินมาก ! ที่นี่สามารถนอนกางเต็นท์ได้ การขึ้นไปด้านบนต้องนั่งรถอีแต๊กขึ้นไป

          สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ผู้ใหญ่ชื่น ปวนกันทา โทรศัพท์ 09 6670 0469 อบต.ก้าน ดงดอน โทรศัพท์ 06 4675 4761 และ อบต.วัชรพล ตาเปี้ย โทรศัพท์ 08 5604 6221

5. จุดชมวิวดอยเขามุ้ง
 
          จุดชมแห่งนี้ตั้งอยู่ที่บ้านปลายนา อำเภอศรีสัชนาลัย เป็นอีกหนึ่งดอยที่มีความสวยงามของจังหวัดสุโขทัย ด้านบนสามารถมองเห็นวิวของขุนเขาน้อยใหญ่ได้ไกลสุดลูกหูลูกตา ในตอนเช้าจะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นสวยงามมาก ยิ่งถ้าไปเที่ยวช่วงหน้าหนาว ก็จะได้เห็นทะเลหมอกลอยละล่องคลอเคลียกับยอดเขา มีแสงแดดบางเบาค่อย ๆ ฉาบทาไปทั่วผืนปุยหมอก อากาศเย็นฉ่ำใจ เหมาะแก่การมาชาร์จพลังงานมาก
          การขึ้นไปเที่ยวดอยเขามุ้ง เปิดให้เข้าเที่ยวชมทุกวัน วันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 05.00-10.00 น., 16.00-20.00 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 05.00-20.00 น. สามารถนอนกางเต็นท์ได้ ต้องนั่งรถไถชาวบ้านขึ้นไป ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ดอยเขามุ้ง

6. เมืองสวรรคโลก

          เมืองสวรรคโลก เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของจังหวัดสุโขทัย โดยเฉพาะใครที่ชอบเมืองเก่า ๆ แนวฮิปสเตอร์ ที่นี่มีจุดให้ถ่ายรูปเก๋ ๆ เพียบ ที่แรกที่อยากแนะนำคือ สถานีรถไฟสวรรคโลก มีความเก่าแก่มากกว่า 100 ปี ตัวอาคารเป็นเรือนไม้ 2 ชั้น มีข้าวของเครื่องใช้สมัยโบราณเก็บไว้ บางอย่างยังคงใช้งานได้ดี แล้วก็เดินมาถ่ายรูปเล่นกันที่ตลาดเก่าสวรรคโลก มีบ้านเรือนแถวไม้ให้ได้ถ่ายรูปหลากหลายมุม

          จากนั้นก็ไปเช็กอินกันที่สถานีตำรวจสวรรคโลกหลังเก่า อาคารเป็นแบบทรงปั้นหยาและทรงจั่วที่มุขด้านหน้า หน้าต่างเป็นไม้สักทอง มีพื้นที่ตรงกลางเป็นโถงโล่งกว้าง งดงามทรงคุณค่าจริง ๆ แล้วค่อยปิดท้ายกันด้วยร้านบะหมี่เม้งเจ้าเก่า ร้านบะหมี่ที่ทำเส้นและเกี๊ยวเองมายาวนานมากกว่า 100 ปี อร่อยเด็ดเป็นต้องสั่งเบิ้ลทุกเมนู แล้วค่อยไปต่อกันที่ตึกสวรรค์วรนายก วัดสวรรคาราม และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสวรรควรนายก

7. เขาหลวง อุทยานแห่งชาติรามคำแหง


          เขาหลวง เป็นภูเขาที่มียอดเขาสูงที่สุดอยู่ทางด้านทิศใต้ของเมืองสุโขทัย รูปร่างคล้ายกับสตรีนอนสยายผมที่มีส่วนใบหน้าเคลียอยู่กับเมฆหมอกตลอดเวลา จุดที่เป็นไฮไลต์ของที่นี่อยู่ที่ผานารายณ์ เป็นจุดที่สามารถไปยืนชมทิวทัศน์กว้างไกลของทุ่งหญ้าและผืนป่าดงดิบตามริมห้วยชุ่มชื้น และยังเป็นจุดชมดวงอาทิตย์ขึ้นในยามเช้าและตกในยามเย็น โดยจะต้องเดินขึ้นไปยังด้านบน 4 กิโลเมตร เป็นเส้นทางเดินป่าระยะไกล ทางลาดชัน ควรค้างคืนบนยอดเขา 1 คืน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติรามคำแหง เขาหลวง โทรศัพท์ 05 5910 0001, 09 8883 9297


8. เกาะรูปหัวใจ ทุ่งทะเลหลวง


          เกาะรูปหัวใจ ตั้งอยู่ในทุ่งทะเลหลวง ตำบลบ้านกล้วย อำเภอเมืองสุโขทัย ถ้าหากมองจากบนเครื่องบินจะเห็นเป็นรูปหัวใจชัดเจน สวยงามมาก เกิดจากแนวคิดโครงการแก้มลิงตามแนวพระราชดำริ มีเนื้อที่มากกว่า 7,000 ไร่ โดยที่บนเกาะรูปหัวใจนั้นจะเป็นสวนสาธารณะ เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่มากมาย มีพระพุทธรัตนสิริสุโขทัยตั้งอยู่กลางเกาะ นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปกราบไหว้ขอพรกันได้

9. หาดเจ้าราม

          ตั้งอยู่ภายในอ่างเก็บน้ำห้วยหนองเคาะ ตำบลวังน้ำขาว อำเภอบ้านด่านลานหอย เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวสุโขทัยในฤดูร้อน บริเวณริมอ่างเก็บน้ำจะมีเนินทรายให้ได้ลงไปเล่นน้ำเย็นฉ่ำกับแบบสะใจ พร้อมกับมีแพไม้ไผ่ให้นักท่องเที่ยวได้นั่งกินข้าวชมวิวของขุนเขาโดยรอบ รับลมเย็น ๆ กันแบบชิล ๆ เหมาะสำหรับการเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัว มีห่วงยางให้เช่า พร้อมกับห้องน้ำ ร้านค้า ร้านอาหาร

10. ตลาดริมยม ๒๔๓๗ กงไกรลาศ


ภาพจาก เฟซบุ๊ก ตลาดริมยม ๒๔๓๗ กงไกรลาศ สุโขทัย
 
          ตลาดริมยม ๒๔๓๗ กงไกรลาศ ตั้งอยู่ที่บริเวณริมน้ำยม (หน้าวัดกงไกรลาศ) ตำบลกง อำเภอกงไกรลาศ เป็นตลาดแนวย้อนยุค ภายในงานมีกิจกรรมที่น่าสนใจหลายอย่าง อาทิ การแต่งตัวย้อนยุค, การจำหน่ายอาหาร-ขนมต่าง ๆ, สินค้าหัตถกรรม, สินค้าการเกษตรที่ผลิตในชุมชน และมีกิจกรรมการละเล่น เช่น ลีลาศ, รำวงย้อนยุค, หนังกลางแปลง, การเล่าขานตำนานกงไกรลาศ ซึ่งผู้ที่มาท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับบรรยากาศย้อนอดีตสมัยปี พ.ศ. 2437

          ตลาดริมยม ๒๔๓๗ กงไกรลาศ จัดขึ้นทุกวันเสาร์แรกของเดือน ตั้งแต่เวลา 16.00-21.00 น. สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ตลาดริมยม ๒๔๓๗ กงไกรลาศ สุโขทัย

11. สวนดาวเรือง บ้านปากแคว

          สวนดาวเรือง บ้านปากแคว เป็นทุ่งดอกไม้สวย ๆ อีกแห่งของจังหวัดสุโขทัย ซึ่งจะเบ่งบานในทุกช่วงฤดูหนาวบนพื้นที่กว่า 50 ไร่ ในช่วงที่ดอกดาวเรืองบานพร้อมกัน จะมองเห็นเป็นทุ่งสีเหลืองทองอร่ามสวยงามมาก ๆ ยิ่งถ้าตอนเช้าจะเห็นสายหมอกบาง ๆ ลอยละล่องเหนือดอกดาวเรืองด้วย ทางเจ้าของไร่จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวชมและถ่ายรูปอย่างใกล้ชิด แต่ก็ฝากไว้สักนิดว่าไม่ควรเดินเหยียบย่ำ หรือเด็ดดอกดาวเรืองหากยังไม่ได้รับอนุญาตจากทางเจ้าของไร่ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก สวนดาวเรือง บ้านปากแคว สุโขทัย

12. ทุ่งเสลี่ยม

          อำเภอที่สมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติของทุ่งนาและขุนเขา ใครที่อยากเที่ยวแบบเงียบ ๆ ชิล ๆ ขับรถเที่ยวไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องเร่งรีบ เจอจุดไหนสวยก็ลงแวะถ่ายรูปเล่นเพลิน ๆ ขอให้ปักหมุดมาที่อำเภอนี้เลย โดยเฉพาะวิวของทุ่งนากว้างใหญ่ จะเดินลงไปถ่ายรูปในท้องนาก็ได้ เอามุมไหนก็จัดกันไปตามใจชอบ ถ้าอยากเสริมบุญบารมีทริปนี้ให้ตัวเองและครอบครัวสักหน่อย ก็มุ่งตรงไปที่วัดทุ่งเสลี่ยม ไปไหว้หลวงพ่อศิลากัน แล้วค่อยไปอิ่มอร่อยกับส้มตำยกครก ร้านส้มตำสุดแซ่บที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง

          จากนั้นถ้าอยากดื่มกาแฟก็มีร้านกาแฟริมท้องนาอย่างบ้านหอมกลิ่นดิน และ Friendship Cafe' 28 ให้ไปนั่งจิบกาแฟชิล ๆ แต่ถ้ายังเติมความหวานไม่สะใจ ต้องไปปิดท้ายกันด้วยโรตีลิซึ่ม ร้านโรตีที่มีไส้ให้เลือกหลากหลายไส้ สายหวานฟินแน่นอน

13. วัดพิพัฒน์มงคล

          วัดพิพัฒน์มงคล ตั้งอยู่ที่หมู่ 2 ตำบลทุ่งเสลี่ยม อำเภอทุ่งเสลี่ยม เป็นวัดโบราณอายุกว่า 700 ปี งดงามไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบไทยล้านนา อาคารต่าง ๆ ออกแบบและตกแต่งอย่างสวยงามวิจิตรบรรจง โดยมีพระพุทธรูปทองคำศิลปะสมัยกรุงสุโขทัยเป็นพระพุทธรูปคู่กับวัดมาช้านาน นอกจากนี้ภายในพุทธวิหารลายคำเป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อทันใจ และมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้เคารพกราบไหว้อีกมากมาย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก วัดพิพัฒน์มงคล สุโขทัย

14. ปางช้างแม่สิน

          ปางช้างแม่สิน ตั้งอยู่ที่ตำบลแม่สิน อำเภอศรีสัชนาลัย มีเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ ซึ่งจัดทำเป็นหมู่บ้านช้าง เปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาเที่ยวชม เรียนรู้วิถีชีวิตของช้าง มีกิจกรรมสนุก ๆ ให้ได้ร่วมสนุกมากมาย ทั้งการอาบน้ำช้าง การเลี้ยงช้าง การล่องแพไม้ไผ่ การแวะชิมส้มสวนส้มในตำบลแม่สิน ฯลฯ สามารถจัดเป็นทริปวันเดย์ทริปได้สบาย ๆ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก Maesin elephant camp ปางช้างแม่สิน

15. พระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช

          พระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ตั้งอยู่ที่ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมืองสุโขทัย ลักษณะของพระบรมรูปประทับห้อยพระบาทบนพระแท่นมนังคศิลาบาตร ขนาดเท่าพระแท่นจริงยาว 4 เมตร กว้าง 2.88 เมตร พระหัตถ์ขวาทรงถือสมุดไทยอันหมายถึงสรรพวิทยาการต่าง ๆ ที่พระองค์ทรงรอบรู้ พระหัตถ์ซ้ายแสดงลักษณะทรงสั่งสอนพสกนิกรหรือขณะออกว่าราชการ พระแท่นด้านซ้ายมีพานวางพระขรรค์ไว้ข้าง ๆ ขนาดพระบรมรูป 2 เท่าของพระองค์จริง เฉพาะพระองค์สูง 3 เมตร หล่อด้วยโลหะทองเหลืองผสมทองแดงรมดำ เปิดให้เข้ากราบไหว้ขอพรทุกวัน

          นี่เราคัดมาเฉพาะแลนด์มาร์กเด่น ๆ เท่านั้นนะคะ จริง ๆ แล้วสุโขทัยยังมีอะไรที่น่าสนใจรอเราอยู่อีกเพียบ ใครยังไม่เคยไปเที่ยวขอเชิญชวนให้ไปสักครั้งนะคะ ไปปั่นจักรยานเที่ยวชมวัดวาอารามเก่า ๆ ชมท้องทุ่งนากว้างใหญ่ กินอาหารพื้นเมืองอร่อย ๆ มันฟินจริง ๆ ค่ะ :)

ตั๊กออแกไนท์สุโขทัยรับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ 
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคสุโขทัย
นางรำสุโขทัยเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคสุโขทัย
สุโขทัยรําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคสุโขทัย
รําบวงสรวงพญานาคสุโขทัย
ฟ้อนบูชาพญานาคสุโขทัย
รําบวงสรวงพญานาคสุโขทัย



  ติดต่อสอบถามเรา        
            


275
ไหว้พระสิงห์บุรี เส้นทางทำบุญใกล้กรุง วันเดียวก็เอาอยู่

1. วัดพิกุลทอง พระอารามหลวง
          วัดสำคัญอันเป็นที่ตั้งของ "หลวงพ่อใหญ่" หรือ "พระพุทธสุวรรณมงคลมหามุนี" พระพุทธรูปปางประทานพรขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สร้างแบบคอนกรีตเสริมเหล็ก ประดับด้วยโมเสกทองคำธรรมชาติชนิด 24k มีขนาดหน้าตักกว้าง 11 วา 2 ศอก สูง 21 วา 1 คืบ 3 นิ้ว มองเห็นได้ในระยะไกล นอกจากนี้ภายในวัดยังมีพระพิฆเนศและสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกมากมาย พร้อมทั้งยังมีการจัดตกแต่งภูมิทัศน์โดยรอบ ๆ วัดให้สวยงามอยู่เสมอ
         
ไหว้พระสิงห์บุรี
2. วัดโพธิ์เก้าต้น
          วัดที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ตามหลักฐานต่าง ๆ บ่งบอกว่าที่นี่มีบทบาทอย่างมากต่อค่ายบางระจัน เป็นสถานที่ที่พระอาจารย์ธรรมโชติ พระสงฆ์ที่มีชื่อเสียงในสมัยอยุธยา เลือกเป็นที่ตั้งค่ายเพื่อเตรียมรับมือรบกับข้าศึกกองทัพพม่าร่วมกับชาวบ้านบางระจัน ปัจจุบันภายในวัดมีต้นแดงจำนวนมาก บรรยากาศร่มรื่น มีสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ วิหารพระอาจารย์ธรรมโชติ รูปหล่อหลวงปู่ธรรมโชติ พระพุทธรูปปางมารวิชัยสีขาวองค์ใหญ่ ให้ได้เดินเที่ยวชม นอกจากนี้ในบริเวณใกล้เคียงยังมีที่เที่ยวที่มีชื่อเสียงอย่างอุทยานวีรชนค่ายบางระจัน และตลาดย้อนยุคบางระจันให้ได้ไปเดินเที่ยวชม เลือกซื้ออาหารอร่อย ๆ และถ่ายรูปสวย ๆ กันด้วย โดยตลาดจะเปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
         

ไหว้พระสิงห์บุรี
3. วัดพระปรางค์มุนี
          ตั้งอยู่ติดริมถนนทางหลวงเอเชียสาย 2 เป็นอีกวัดที่มีสถาปัตยกรรมโดดเด่น โดยมีอาคารรูปทรงพระปรางค์สีเหลืองทอง ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางวัด สามารถที่จะเดินขึ้นไปเที่ยวชมด้านบนได้ และบริเวณโดยรอบก็ยังมีพระนอนองค์ใหญ่ พระพุทธรูปปางปาลิไลยก์ วิหารหลวงพ่อเย็น บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ต้นนารีผลจำลอง และพระพุทธรูปที่สำคัญ คือ พระภูเขาทอง และพระพุทธนิมิตพิชิตมารมหาจักรพรรดิให้ได้กราบไหว้ขอพร
       

4. วัดอัมพวัน
          วัดสำคัญอีกแห่งของสิงห์บุรี ด้วยเป็นวัดที่พระธรรมสิงหบุราจารย์ หรือหลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม พระนักเทศน์และพระวิปัสสนาจารย์ชื่อดังเคยเป็นเจ้าอาวาสอยู่ วัดแห่งนี้สันนิษฐานว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา มีการพัฒนาเรื่อยมา ปัจจุบันเป็นวัดที่ได้รับความศรัทธาจากพุทธศาสนิกชนจากทั่วทุกสารทิศ พร้อมทั้งยังเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ทั้งนี้ภายในวัดมีสถานที่สำคัญ และมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมาย ขณะนี้กำลังมีการก่อสร้างพระเจดีย์ธรรมสิงหบุราจริยานุสรณ์ คาดว่าจะเปิดให้เข้าเที่ยวชมได้เร็ว ๆ นี้
       
5. วัดกุฎีทอง
          วัดที่มีชื่อเสียงด้านการปฏิบัติธรรม และเป็นวัดสำคัญของชาวไทยวน ตั้งอยู่กลางเมืองพรหมบุรี ใกล้กับสถานที่ราชการต่าง ๆ และแม่น้ำเจ้าพระยา นอกจากจะสามารถมาปฏิบัติธรรมกันได้แล้ว ภายในวัดก็มีสิ่งที่น่าสนใจ เช่น มณฑปย่อมุมไม้สิบสอง ที่ยอดมณฑปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนด้านในประดิษฐานพระพุทธบาทโลหะจำลอง และศาลพระพรหมศักดิ์สิทธิ์ สามารถขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลกันได้ตลอด
       
6. วัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร
          สถานที่ประดิษฐานพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดสิงห์บุรีและพระพุทธรูปปางไสยาสน์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองไทย โดยมีความยาว  47 เมตร 42 เซนติเมตร และยังมีพุทธลักษณะที่งดงามตามแบบสมัยสุโขทัย สันนิษฐานกันว่าผู้สร้างพระพุทธรูปองค์นี้ คือ ท้าวอู่ทอง มีความเก่าแก่และน่าศรัทธา ซึ่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้เคยเสด็จพระราชดำเนินมาเยือน ณ วัดแห่งนี้ เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ด้วย ทั้งนี้บริเวณโดยรอบของวัดก็มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่น่าสนใจอีกมากมาย พร้อมทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ ตลาดชุมชน (เปิดในช่วงวันหยุด) ให้เดินเที่ยวชม
         
7. วัดเสถียรวัฒนดิษฐ์
          แต่เดิมนั้นมีชื่อว่า วัดท่ากระบือ ชาวบ้านจะเรียกว่า วัดท่าควาย ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีพระพุทธรูปที่สำคัญ มีลักษณะเป็นพระพุทธรูปแบบศิลปะสุโขทัย สมัยพระมหาธรรมราชาลิไท หล่อขึ้นด้วยวัสดุโลหะสัมฤทธิ์ผสมทองคำสีเหลืองอร่าม พุทธลักษณะงดงามมาก มีอายุมากกว่า 100 ปี เปิดให้นักท่องเที่ยวได้กราบไหว้ขอพรทุกวัน นอกจากนี้ก็มีพระพุทธรูปองค์อื่น ๆ พร้อมกับศาลเจ้าแม่ตะเคียนให้ได้ทำบุญขอพรด้วย
       
8. วัดม่วงชุม
          วัดเก่าแก่อายุมากกว่า 400 ปี เดิมชื่อ วัดกระดังงา มีการขุดพบเศียรพระจำนวนมาก หนึ่งในนั้นก็คือ หลวงพ่อดำ ซึ่งปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่ด้านหลังวัด ส่วนที่มาของชื่อใหม่ของวัดนั้น มาจากที่ชาวบ้านบางระจันได้มาประชุมกันที่ใต้ต้นมะม่วง จึงได้เรียกว่า วัดม่วงชุม เรื่อยมา ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจอีกหลายจุด เช่น พระพุทธรูปหลวงพ่อขาว และพระมหาเจดีย์บางระจัน แต่ที่ห้ามพลาด ก็คือ พระสิงห์ใหญ่ พระพุทธสิหิงค์มิ่งมงคล พระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ หน้าตัก 21 เมตร สูง 37 เมตร อยู่บนฐานดอกบัวสีชมพูสวยสง่า จะมีการจัดงานตักบาตรดอกไม้ในช่วงเข้าพรรษาทุกปี
         
9. วัดพระปรางค์
          วัดเก่าแก่สมัยอยุธยา โดดเด่นด้วยพระปรางค์ศิลปะแบบอยุธยาตอนต้น สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช สร้างด้วยอิฐมอญ สูงราว ๆ 15 เมตร มีลักษณะเป็นพระปรางค์ทรงสูงคล้ายฝักข้าวโพด ฐานเตี้ย ด้านในกลวง นอกจากนี้ก็มีวิหารเก่า หน้าบันมีการแกะสลักไม้เป็นลวดลายสวยงามวิจิตรบรรจง ควรค่าแก่การอนุรักษ์ ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2478
         
ไหว้พระสิงห์บุรี
10. วัดกระดังงาบุปผาราม
          สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยา มีประวัติยาวนาน สันนิษฐานผู้สร้างคือ ทหารเอกของพระมหาธรรมราชาธิราช พระราชบิดาของสมเด็จพระนเรศวรมหราช ที่จัดสร้างวัดนี้เพื่อเป็นอนุสรณ์ของการรบและเป็นสถานที่เก็บอัฐิของบรรพบุรุษ สิ่งที่น่าสนใจของวัดนี้คือ หลวงพ่ออึ่ง ตั้งอยู่ภายในวิหารมหาอุด มีลักษณะเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นแบบมอญ ปากสีแดง อยู่ภายในวิหารทรงไทยสมัยอยุธยาตอนต้น ก่ออิฐฉาบผนังทึบ มีทางเข้า-ออกเพียงทางเดียว สันนิษฐานว่าที่นี่ใช้เป็นสถานที่ปลุกเสกของมงคลเพื่อการออกรบ นอกจากนี้ก็มีเจดีย์ทรงระฆังคว่ำสมัยอยุธยา หลวงปู่จีน และโบสถ์เก่าแก่ที่มีหลังคามุงด้วยกระเบื้องดิน พร้อมกับบานประตูไม้แกะสลักสวยงามให้ได้ชม
         
11. วัดม่วง
          วัดคู่บ้านคู่เมืองของอำเภออินทร์บุรี มีการสร้างมาตั้งแต่สมัยช่วงรัตนโกสินทร์ตอนต้น โดยมีสิ่งที่สำคัญมากมาย ที่สำคัญคือ วิหารหลังเก่า ที่มีการออกแบบเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า บริเวณหน้าบันงดงามไปด้วยการประดับประดาของเครื่องถ้วยชามหลากสีสัน ด้านในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเก่าแก่ ลายเส้นสวยวิจิตรบรรจง พร้อมด้วยพระประทานปางมารวิชัยสง่างาม นอกจากนี้ก็ยังมีพระปรางค์เก่าแก่แบบย่อมุมไม้สิบสองตั้งอยู่ด้วย
 
   
12. วัดไทร
          แลนด์มาร์กที่ห้ามพลาดอีกแห่งของสิงห์บุรี ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา น่าสนใจด้วยพระอุโบสถเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยา ซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยรากไทรมากมาย กลายเป็นการยึดให้ผนังโบสถ์ไม่พังทลาย มีทางเข้า-ออกทางเดียว เชื่อกันว่าเป็นวิหารมหาอุดที่ใช้สำหรับการปลุกเสกพิธีสำคัญก่อนการออกรบ ด้านในประดิษฐานองค์พระประธาน ชาวบ้านเรียกกันว่า หลวงพ่อขาว หรือ หลวงพ่อทะยาน แต่ปัจจุบันเรียกกันว่า หลวงพ่อวัดไทร สามารถมาเที่ยวชมไหว้พระขอพรได้ตลอดทั้งวัน
 
         
          ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเส้นทางไหว้พระใกล้กรุงเทพฯ หากจัดสรรเวลาดี ๆ ก็สามารถที่จะเที่ยวได้ครบจบภายในวันเดียว เป็นการท่องเที่ยวที่สามารถเที่ยวได้ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ เก็บไว้พิจารณาสำหรับทริปครั้งต่อไปกันนะ :)

ตั๊กออแกไนท์สิงห์บุรี รับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ 
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคสิงห์บุรี
นางรำสิงห์บุรีเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคสิงห์บุรี
สิงห์บุรีรําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคสิงห์บุรี
รําบวงสรวงพญานาคสิงห์บุรี
ฟ้อนบูชาพญานาคสิงห์บุรี
รําบวงสรวงพญานาคสิงห์บุรี


 


  ติดต่อสอบถามเรา        
            


276
10 ที่เที่ยวลพบุรีหลากหลายสไตล์ ไปกี่รอบก็ไม่มีเบื่อ
1. ศาลพระกาฬ

          สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองลพบุรี เป็นจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดลพบุรี ภายในประดิษฐานเจ้าพ่อพระกาฬ สันนิษฐานว่าเป็นเทวรูปพระนารายณ์ยืน สร้างด้วยศิลาแลง 2 องค์ องค์เล็กเป็นแบบเทวรูปเก่าในประเทศไทย องค์ใหญ่เป็นประติมากรรมแบบลพบุรี แต่พระเศียรเดิมหายไป ภายหลังมีผู้นำพระเศียรพระพุทธรูปศิลาทรายสมัยอยุธยามาสวมต่อไว้ บริเวณโดยรอบศาลพระกาฬปกคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของฝูงลิงมากมาย จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของทางจังหวัด และเมื่อมีคนนำอาหารและผลไม้มาแก้บนที่ศาล ลิงเหล่านั้นก็ได้เข้ามากินอาหาร ต่อมากลายเป็นความเคยชินของลิง และความคุ้นเคยของชาวบ้านและนักท่องเที่ยวไปโดยปริยาย

2. พระปรางค์สามยอด

          เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดลพบุรี โดดเด่นด้วยลักษณะทางสถาปัตยกรรมปราสาทเขมรในศิลปะบายน สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 มีลักษณะเป็นปราสาทปรางค์เรียงต่อกัน 3 องค์ เชื่อมต่อกันด้วยมุขกระสัน วางตัวในแนวเหนือ-ใต้ สังเกตได้ว่าปราสาทประธานจะมีความสูงมากกว่าอีก 2 องค์

           ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทั้งยังมีการประดับประดาส่วนต่าง ๆ ของปราสาทด้วยปูนปั้น หลังจากที่เสร็จสิ้นการไหว้ศาลพระกาฬแล้ว ว่ากันว่า "พระปรางค์สามยอด" เป็นโบราณสถานที่ทุกคนจำเป็นต้องเดินทางมาแวะเที่ยวและเคารพสักการะกันทุกคน

3. วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ

          ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามสถานีรถไฟลพบุรี ในเนื้อที่ประมาณ 20 ไร่ ถือได้ว่าเป็นวัดใหญ่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีอีกแห่งหนึ่งของจังหวัด โดดเด่นด้วยพระปรางค์องค์ใหญ่ตั้งเด่นเป็นประธานอยู่ตรงกึ่งกลางของพื้นที่ ก่อด้วยศิลาแลงตั้งแต่ฐานถึงหน้าบัน ประดับด้วยลวดลายปูนปั้นที่งดงาม ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมเขมร ภายในองค์ปรางค์มีจิตรกรรมฝาผนังเขียนด้วยสีฝุ่นรูปพระพุทธเจ้าและพระสาวกเจดีย์รายและพระปรางค์

          นอกจากนี้ภายในวัดท่านสามารถชมวิหารเก้าห้อง ซึ่งมีลักษณะเป็นวิหารที่มีผนังยาวโดยมีช่วงเสากั้นอยู่รวมเก้าช่วงเสา เป็นลักษณะสถาปัตยกรรมแบบสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งได้รับอิทธิพลจากชาวต่างประเทศ มีความสวยงามและควรค่าต่อการรักษาเป็นมรดกคู่บ้านคู่เมืองจังหวัดลพบุรีตราบนานเท่านาน

4. พระนารายณ์ราชนิเวศน์


          ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าหิน อำเภอเมือง ชาวเมืองลพบุรีเรียกที่นี่กันจนติดปากว่า "วังนารายณ์" เป็นพระราชวังที่สมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้โปรดให้สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 2208-2209 ออกแบบโดยวิศวกรชาวฝรั่งเศส ความสวยงามของที่นี่อยู่ที่ลักษณะสถาปัตยกรรมแบบไทยผสมตะวันตก โดยความสำคัญของพระราชวังแห่งนี้อยู่ที่สมเด็จพระนารายณ์จะทรงโปรดประทับช่วงตลอดฤดูฝน แต่ภายหลังการเสด็จสวรรคตพระนารายณ์ราชนิเวศน์ได้ถูกทิ้งร้าง จนถึงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์โปรดให้บูรณะพระราชวังของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช สร้างพระที่นั่งขึ้นใหม่ และพระราชทานนามว่า "พระนารายณ์ราชนิเวศน์" มาจนถึงปัจจุบัน

5. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสมเด็จพระนารายณ์

          พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติแห่งที่ 3 ของประเทศไทย ตั้งอยู่ภายใน พระนารายณ์ราชนิเวศน์ เขตตำบลท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี เป็นสถานที่จัดแสดงศิลปวัตถุโบราณ และนิทรรศการตามอาคารต่าง ๆ จำนวนทั้งสิ้น 4 อาคาร ได้แก่ "พระที่นั่งพิมานมงกุฎ" แสดงหลักฐานวัตถุโบราณสมัยก่อนประวัติศาสตร์ บริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาและแหล่งโบราณจังหวัดลพบุรี "พระที่นั่งจันทรพิศาล" แสดงพระราชประวัติของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และโบราณวัตถุ "หมู่ตึกพระประเทียบ" (อาคารชีวิตไทยภาคกลาง) จัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้ของชาวนา "พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่" จัดแสดงหนังใหญ่เรื่องรามเกียรติ์ นับเป็นแหล่งโบราณสถานที่น่าแก่การศึกษาและค้นคว้าทางประวัติศาสตร์แก่เยาวชนและผู้ที่มีความสนใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

6. ทุ่งทานตะวัน

          ลพบุรีเป็นจังหวัดที่มีการปลูกทานตะวันมากที่สุดในประเทศไทย โดยช่วงที่ดอกทานตะวันเริ่มแย้มกลีบบานอยู่ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-มกราคมของทุกปี นอกจากทุ่งทานตะวันเหล่านี้จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สร้างรายได้ให้กับจังหวัดแล้ว ทานตะวันยังเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเมล็ดที่สามารถนำมาสกัดเป็นน้ำมันปรุงอาหาร หรืออบแห้งเพื่อรับประทาน และอีกสารพัดประโยชน์ของทานตะวันอีกมากมาย เราจึงเห็นแหล่งปลูกทานตะวันกระจายอยู่ทั่วไปทั้งจังหวัด ตั้งแต่ในเขตอำเภอพัฒนานิคม อำเภอชัยบาดาล บริเวณเขาจีนแล ตำบลโคกตูม โดยนักท่องเที่ยวสามารถเลือกชมความสวยงามของทุ่งทานตะวันไปตามเส้นทางเหล่านี้ และแวะถ่ายรูปเพื่อสัมผัสความงดงามได้ตามใจชอบ

7. สวนรุกขชาติน้ำตกวังก้านเหลือง

          ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าดินดำ ภายในมีน้ำตกที่มีขนาดใหญ่ไม่มาก แต่มีความสวยงามไม่แพ้น้ำตกที่อื่น ความพิเศษของน้ำตกอยู่ที่ต้นธารน้ำตก เพราะปกติมักจะอยู่บนภูเขาสูง แต่ที่นี่กลับปรากฏว่าต้นน้ำของน้ำตกแห่งนี้เป็นเพียงตาน้ำขนาดใหญ่ที่ผุดขึ้นจากใต้ดิน และไหลคดเคี้ยวมาตามทางลาด และรวมตัวกันที่อ่างเก็บน้ำ จนไหลเอ่อจากต้นน้ำตกลงมาปะทะกับหินผา เกิดเป็นน้ำตกกว้างที่ลดหลั่นดูสวยงามเป็นทางยาวกว่า 3 กิโลเมตร มีน้ำไหลตลอดทั้งปี ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถลงเล่นน้ำได้ นอกเหนือไปจากความงดงามของน้ำตกแล้ว ที่นี่ยังร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อยที่ขึ้นปกคลุมมากมาย มีหินงอก หินย้อย เกิดขึ้นหลายแห่ง นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและแหล่งพักผ่อนหย่อนใจที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดลพบุรี

8. เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์


          ตั้งอยู่บ้านหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม เป็นเขื่อนดินที่ยาวที่สุดในประเทศไทย นอกจากคุณประโยชน์ในการกักเก็บน้ำเพื่อการเกษตรแล้ว เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดลพบุรี เพราะมีจุดชมวิวริมอ่างเก็บน้ำ พิพิธภัณฑ์ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และสันเขื่อน ล้วนแล้วแต่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจุดที่รถไฟจอดอยู่เหนือเขื่อน ในลักษณะทางรถไฟที่คดโค้งให้ความรู้สึกเหมือนรถไฟลอยอยู่เหนือน้ำ เราจึงเห็นนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนไม่น้อยหยิบกล้องถ่ายรูปเพื่อบันทึกภาพความสวยงามเหล่านั้นเอาไว้ ตลอดจนร้านอาหาร ร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึก รถนำชมวิวทิวทัศน์ บ้านพักรับรอง ลานกางเต็นท์ เอาไว้รองรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่

9. บ้านหลวงรับราชทูต

          บ้านหลวงรับราชทูต หรือบ้านหลวงวิชาเยนทร์ ตั้งอยู่ที่ถนนวิชาเยนทร์ ตำบลท่าหิน อำเภอเมือง มีลักษณะเป็นกลุ่มบ้านที่ก่อสร้างขึ้นด้วยอิฐ มีสถาปัตยกรรมแบบยุโรป มีกำแพงล้อมโดยรอบ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือด้านทิศตะวันตก เป็นตึก 2 ชั้นหลังใหญ่ 1 หลัง และอาคารชั้นเดียวแคบยาว มีซุ้มประตูทางเข้าเป็นรูปโค้งครึ่งวงกลม, พื้นที่ตรงกลาง มีฐานสิ่งก่อสร้าง สันนิษฐานว่าเป็นหอระฆัง และมีโบสถ์คริสตศาสนา พร้อมกับซุ้มประตูทางเข้ารูปจั่ว และด้านทิศตะวันตก มีกลุ่มอาคารใหญ่ 2 ชั้น ซึ่งมีบันไดทางขึ้นเป็นรูปครึ่งวงกลม ซุ้มประตูก็เป็นโค้งครึ่งวงกลมด้วยเช่นกัน

          ในอดีตที่นี่เป็นสถานที่รับรองเอกอัครราชทูตจากฝรั่งเศสของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 โดยในช่วงปลายรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ ได้เคยพำนักอยู่ที่นี่ จึงเรียกกันว่าบ้านเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ ปัจจุบันที่นี่หลงเหลือเพียงซากปรักหักพัง แต่ก็ยังเห็นโครงสร้างต่าง ๆ อย่างชัดเจน นักท่องเที่ยวสามารถไปเที่ยวชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-17.00 น.

10. สวนสัตว์ลพบุรี


          ตั้งอยู่ที่อำเภอเมือง เป็นสวนสัตว์ที่อนุรักษ์โครงสร้างแบบดั้งเดิมตั้งแต่อดีตไว้เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวและเรียนรู้ของชาวจังหวัดลพบุรีและใกล้เคียง ดังจะเห็นได้จากเสาไฟฟ้าสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม และท่อส่งน้ำสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์เมืองลพบุรี ภายในสวนสัตว์มีอาณาบริเวณกว้างขวางและร่มรื่น น่าจะเป็นที่ถูกใจเหล่าบรรดาคุณน้องหนูที่อยากรับชมและสำรวจชีวิตสัตว์ป่าชนิดต่าง ๆ เช่น กวาง ลิง เสือโคร่ง เสือดาว กระต่าย เต่า ช้าง จิงโจ้ เป็นต้น รวมถึงทางสวนสัตว์ยังได้จัดกิจกรรมต่าง ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมสนุก ทั้งเวทีการแสดงความสามารถของลิงอุรังอุตัง (ซึ่งเป็นดาวเด่นแห่งสวนสัตว์ลพบุรี) การสาธิตการจับงู การขี่ม้า การให้นมแพะ เหล่านี้เป็นสีสันที่ช่วยเสริมสร้างความรู้ ความสนุก และความบันเทิงให้กับนักท่องเที่ยว โดยเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00-17.30 น. ราคาบัตรผู้ใหญ่ 30 บาท เด็กโต 20 บาท เด็กเล็ก 10 บาท (สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 036 413 551)
         
          ใครที่กำลังเตรียมตัวเที่ยวลพบุรีครั้งหน้า ลองไปเที่ยวตามสถานที่ที่เราแนะนำให้เพื่อน ๆ คราวนี้ดูก็ได้นะคะ หรือใครที่เคยไปลพบุรีมาแล้วและไม่อยากไปแต่ที่เดิม ๆ แต่ก็คิดไม่ออกว่าจะไปเที่ยวที่ไหน ก็ลองดูที่เที่ยวลพบุรีที่เราได้บอกไว้ดูก็ได้ไม่ว่ากัน เผื่อว่าการเที่ยวลพบุรีครั้งหน้าของเพื่อน ๆ จะได้มีสีสันและความสนุกสนานมากยิ่งขึ้น ยังไงก็อย่าลืมแวะไปให้ได้นะคะ

ตั๊กออแกไนท์ลพบุรี รับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ 
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคลพบุรี
นางรำลพบุรีเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคลพบุรี
ลพบุรีรําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคลพบุรี
รําบวงสรวงพญานาคลพบุรี
ฟ้อนบูชาพญานาคลพบุรี
รําบวงสรวงพญานาคลพบุรี


  ติดต่อสอบถามเรา        
            



277
แหล่งท่องเที่ยวอยุธยา พร้อมเปิดบริการหลังประกาศคลายล็อกดาวน์
- วัดไชยวัฒนาราม
          ส่วนหนึ่งของอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย เช่น พระปรางค์ศรีรัตนมหาธาตุ แต่ละมุมของฐานมีปรางค์ประจำทิศตั้งอยู่ด้วย ซึ่งเป็นลักษณะสถาปัตยกรรมแบบสมัยอยุธยาตอนต้น นอกจากนี้ก็ยังมีจุดอื่น ๆ ที่ห้ามพลาด เช่น ระเบียงคด, พระอุโบสถ, เมรุ, ภาพปูนปั้น, พระประธาน เป็นต้น
- วัดมหาธาตุ
          วัดในเขตอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ภายในประดิษฐานพระบรมธาตุใจกลางพระนคร ความน่าสนใจของวัดมหาธาตุ ได้แก่ เศียรพระพุทธรูปหินทราย ตั้งอยู่ในรากโพธิ์ และเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของวัด, เจดีย์แปดเหลี่ยม, วิหารเล็ก, พระปรางค์ประธาน, จิตรกรรมฝาผนัง, วิหารหลวง และพระอุโบสถ เป็นต้น
ที่เที่ยวอยุธยา เปิด
- วัดราชบูรณะ
          อีกหนึ่งวัดสำคัญของอยุธยา สิ่งที่สำคัญของวัดแห่งนี้ก็คือ องค์ปรางค์ประธาน เพราะเป็นสถานที่เก็บของมีค่าจำนวนมากในอดีต พร้อมทั้งมีภาพจิตรกรรมฝาผนังสมัยอยุธยาตอนต้นผสมผสานศิลปะจีนอยู่ด้วย ปัจจุบันของมีค่าต่าง ๆ ได้ถูกนำไปเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา
ที่เที่ยวอยุธยา เปิด
- วัดพระราม
          ตั้งอยู่ใจกลางเกาะเมืองเก่าอยุธยา ใกล้กับสวนสาธารณะพระราม เป็นอีกหนึ่งวัดที่มีความสวยงามมาก ๆ ของอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา มีพื้นที่กว้างขวางใหญ่โตโอ่อ่า โดดเด่นด้วยพระปรางค์ตามแบบสถาปัตยกรรมสมัยอยุธยาตอนต้น ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากเขมร และมีบึงน้ำกว้างใหญ่อยู่หน้าวัด หรือที่เรียกกันว่าบึงพระรามนั่นเอง
ที่เที่ยวอยุธยา เปิด
- วัดกุฎีดาว
          ไม่ปรากฏประวัติการสร้างชัดเจน แต่สันนิษฐานว่าสร้างช่วงเวลาเดียวกับวัดมเหยงคณ์ เนื่องจากลักษณะศิลปกรรมและสถาปัตยกรรม เป็นแบบอยุธยาตอนปลายในช่วงเวลาเดียวกัน ครั้งหนึ่งวัดแห่งนี้เคยเป็นวัดที่พระราชวงศ์กรุงศรีอยุธยาเคารพเป็นอย่างมาก  เพราะที่นี่เคยเป็นที่ประทับของพระเทพมุนี  พระราชาคณะในสมัยกรุงศรีอยุธยา  อีกทั้งยังเคยเป็นสถานที่เจรจา ประนีประนอม เหตุการณ์ในครั้งสมัยสมเด็จพระเจ้าอุทุมพรอีกด้วย
ที่เที่ยวอยุธยา เปิด
- วัดมเหยงคณ์
          เดิมเป็นพระอารามหลวงฝ่ายวิปัสสนาธุระ ที่เคยสำคัญยิ่งในสมัยอยุธยา โดยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) ทรงสร้างขึ้น และได้รับการปฏิสังขรณ์หลายครั้งในหลายสมัย ปัจจุบันเป็นวัดร้างที่สภาพโบราณสถานและโบราณวัตถุที่ยังเหลืออยู่ได้ปรักหักพังไปมาก แต่ก็พอมีเค้าเป็นหลักฐานบ่งบอกถึงศิลปะการก่อสร้างอันประณีตงดงามและระดับความสำคัญของพระอารามแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี
ที่เที่ยวอยุธยา เปิด
- วัดพระศรีสรรเพชญ์
          อดีตเคยเป็นวัดประจำพระราชวังเช่นเดียวกันกับวัดมหาธาตุ จังหวัดสุโขทัย และวัดพระศรีรัตนศาสดาราม กรุงเทพฯ ภายในวัดพระศรีสรรเพชญ์จะมีเจดีย์สำคัญ 3 องค์ มีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงลังกา ตั้งเรียงรายเป็นสัญลักษณ์อย่างสวยงาม และยังมีซากปรักหักพังของสิ่งก่อสร้างที่สำคัญอื่น ๆ เช่น พระวิหาร หอระฆัง และพระอุโบสถ เป็นต้น
ที่เที่ยวอยุธยา เปิด
- วิหารพระมงคลบพิตร
             พระมงคลบพิตรเป็นพระพุทธรูปบุทองสัมฤทธิ์องค์ใหญ่ที่สุดองค์หนึ่งในประเทศไทย สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยอยุธยาตอนต้น เมื่อ พ.ศ. 2499 จอมพล ป. พิบูลสงครามได้บูรณะวิหารพระมงคลบพิตรใหม่ทั้งหมดดังที่ปรากฏในปัจจุบัน
ที่เที่ยวอยุธยา เปิด
- พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จันทรเกษม
          ตั้งอยู่ริมแม่น้ำป่าสัก ปรากฏหลักฐานว่าสร้างในสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช เพื่อให้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และเคยใช้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระยุพราชและพระมหากษัตริย์หลายพระองค์ ภายในมีโบราณสถานและโบราณวัตถุต่าง ๆ น่าสนใจ ได้แก่ กำแพงและประตูวัง, พลับพลาจตุรมุข, พระที่นั่งพิมานรัตยา, พระที่นั่งพิสัยศัลลักษณ์ และตึกที่ทำการภาค
- พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา
          ภายในจัดแสดงเรื่องราวประวัติความเป็นมาของกรุงศรีอยุธยา และของมีค่าต่าง ๆ มีทั้งหมด 3 อาคาร ได้แก่ 1. หมู่อาคารเรือนไทย สร้างอยู่ในสระน้ำ มีลักษณะเป็นเรือนไทยภาคกลาง ภายในจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ของผู้คนในอดีต 2. อาคารศิลปะในประเทศไทย มี 2 ชั้น จัดแสดงศิลปวัตถุสมัยต่าง ๆ ที่รวบรวมได้จากจังหวัดอยุธยา และ 3. อาคารเจ้าสามพระยา จัดแสดงศิลปวัตถุสำคัญ ๆ จากสมัยอยุธยา
ที่เที่ยวอยุธยา เปิด
ที่เที่ยวอยุธยาเปิดให้บริการวันที่ 23 พฤษภาคม 2563

- วัดพนัญเชิงวรวิหาร
          หนึ่งในวัดสำคัญของอยุธยา ที่ผู้คนนิยมมากราบไหว้พระพุทธไตรรัตนนายก หรือหลวงพ่อโต พระพุทธรูปปูนปั้นลงรักปิดทอง ปางมารวิชัยขัดสมาธิราบ ศิลปะสมัยอู่ทองตอนปลาย นอกจากนี้ก็ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอื่น ๆ อาทิ พระพุทธรูปปูนปั้น 3 องค์ภายในพระอุโบสถ, พระวิหารเขียน, พระวิหารหลวง, ศาลเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก เป็นต้น
ที่เที่ยวอยุธยา เปิด
- วัดใหญ่ชัยมงคล
          สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนต้น สิ่งที่โดดเด่นของวัดนี้ ก็คือ พระเจดีย์ชัยมงคล หรือพระเจดีย์ใหญ่ สันนิษฐานว่าสร้างโดยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ในปี พ.ศ. 2135 เมื่อครั้งที่พระองค์ทรงทำศึกยุทธหัตถีชนะพระมหาอุปราชแห่งพม่า ที่ตำบลหนองสาหร่าย เมืองสุพรรณบุรี จึงได้สร้างพระเจดีย์ใหญ่ขึ้นที่วัดนี้เป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะ ต่อมาชาวบ้านก็เรียกวัดนี้ว่า วัดใหญ่ชัยมงคล
ที่เที่ยวอยุธยา เปิด
- วัดสุวรรณดาราราม
          ตั้งอยู่ริมป้อมเพชร มากมายด้วยสิ่งที่น่าสนใจ ล้ำค่าด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นพระอุโบสถ ที่ยังคงไว้ซึ่งสถาปัตยกรรมสมัยอยุธยาตอนปลาย มีภาพจิตรกรรมฝาผนังเทพชุมนุมที่ผนังอุโบสถ, พระทอง (ในพระวิหาร), เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุหลังพระวิหาร และเจดีย์บรรจุพระบรมอัฐิของพระชนกนาถในรัชกาลที่ 1
ที่เที่ยวอยุธยา เปิด
- วัดท่าการ้อง
          วัดเก่าแก่สมัยอยุธยา ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นวัดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะมาสักการะพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ นามว่า “พระพุทธรัตนมงคล” หรือที่เรียกกันว่า “หลวงพ่อยิ้ม เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต รวมถึงบริเวณโดยรอบยังได้รับการตกแต่งสวยงามและร่มรื่นน่าเที่ยวชมอีกด้วย
- วัดหน้าพระเมรุ
         พลาดไม่ได้กับการนมัสการ "หลวงพ่อพระพุทธนิมิตวิชิตมารโมลีศรีสรรเพชญ์บรมไตรโลกนาถ" พระพุทธรูปทรงเครื่องใหญ่ และมีพระลักษณะสวยงามที่สุดองค์หนึ่ง ตลอดจนความสวยงามของ "พระวิหารน้อย" ภายในมีพระคันธารราฐ พระพุทธรูปศิลาเขียวสมัยทวารวดี และภาพจิตรกรรมฝาผนังงดงามที่สุดแห่งหนึ่งของไทย

- วัดธรรมาราม
          ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจคือ พระอุโบสถศิลปะสมัยอยุธยาตอนปลาย ก่อผนังหุ้มกลองหน้า-หลังเชื่อมผนังเป็นหน้าบันยันอกไก่ และปั้นปูนเป็นรูปลายเครือเถา ประดับถ้วยชาม และปั้นปูนลวดลายตรงที่เป็นช่อฟ้าใบระกา
- วัดพุทไธศวรรย์
          ความโดดเด่นของวัดพุทไธศวรรย์ คือ "พระมหาธาตุ" หรือปรางค์ประธานสีขาวสะอาดตา มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบปราสาทขอม รวมถึงวิหารพระพุทไธศวรรย์, พระอุโบสถ, ตำหนักพระพุทธโฆษาจารย์, พระอนุสาวรีย์กษัตริย์ 3 พระองค์และจิตรกรรมฝาผนัง เป็นต้น
ที่เที่ยวอยุธยา เปิด
- วัดกษัตราธิราชวรวิหาร
          วัดโบราณในสมัยกรุงศรีอยุธยา มีพระปรางค์ใหญ่เป็นประธานหลักของวัด และยังมีพระอุโบสถสมัยอยุธยาซึ่งมีลายดาวเพดานจำหลักไม้งดงามมาก ภายในวัดมีภาพจิตรกรรมฝาผนังสมัยรัตนโกสินทร์ เป็นวัดที่มีความสวยงามมากวัดหนึ่ง

- วัดสะตือ
          ภายในประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่ สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2413 ซึ่งเป็นที่นับถือของคนในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง ต่างนิยมเดินทางมากราบไหว้เพื่อเสริมสิริมงคล รวมถึงขอพรและโชคลาภต่าง ๆ แก่ตัวเองและครอบครัว ซึ่งมักจะสัมฤทธิผลตามที่ใจหวัง
ที่เที่ยวอยุธยา เปิด
- วัดตะโก
          วัดชื่อดังอันเนื่องจากเป็นที่จำพรรษาของหลวงพ่อรวย เกจิอาจารย์ชื่อดัง ทั้งยังเป็นพระเกจิที่มีจริยวัตรงดงามปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดตะโก จนอายุครบอุปสมบท ก็อุปสมบทที่วัดตะโก เป็นพระนักพัฒนานำเอาความเจริญรุ่งเรืองมาสู่วัดตะโกมาตลอดหลายสิบปี
ที่เที่ยวอยุธยา เปิด
- วัดเชิงท่า
          สิ่งสำคัญภายในวัดก็คือ "ปรางค์ห้ายอดสมัยอยุธยา" มีการก่อฐานพระปรางค์เป็นทรงแท่งสี่เหลี่ยมจัตุรัสและสร้างวิหารยื่นออกไปเป็นรูปกากบาทหรือไม้กางเขน ทางทิศใต้สร้างเป็นวิหารขนาดใหญ่เป็นมหาปราสาทยอดปรางค์ หาชมได้ยากยิ่ง นอกจากนี้ยังมีธรรมาสน์ปิดทองคำเปลวงดงามตั้งอยู่ภายในศาลาการเปรียญ โดยเชื่อกันว่าลายจำหลักไม้หน้าบันนั้นเป็นของดั้งเดิมที่เหลือรอดมาจากครั้งกรุงแตก
ที่เที่ยวอยุธยาที่เปิดให้บริการแล้ว

- ตลาดโก้งโค้ง
          ตลาดโบราณย้อนยุค ที่จะพาทุกคนไปสัมผัสบรรยากาศเก่า ๆ แบบสมัยอยุธยา เพลิดเพลินด้วยการเลือกซื้อข้าวของต่าง ๆ ทั้งอาหารคาว อาหารหวาน ขนมโบราณ ผลไม้ต่าง ๆ รับชมการรำวงกลองยาว และการทำบุญตักบาตรเหรียญ
- ตลาดน้ำอโยธยา
          ตลาดท่องเที่ยวชื่อดังของอยุธยา สัมผัสบรรยากาศที่โอบล้อมด้วยสายน้ำเย็นฉ่ำ มีระเบียงริมน้ำให้นักท่องเที่ยวไว้นั่งหย่อนขาสัมผัสสายน้ำเย็นชื่นใจ หลากหลายด้วยเมนูอาหารอร่อย ๆ ทั้งของคาว-ของหวาน เช่น ผัดไทย, ทอดมัน, ก๋วยเตี๋ยว, น้ำพริกปลาทู, ส้มตำรสเด็ด, ขนมครกไข่นกกระทา, ถุงทอง, หมูระเบิด, ไก่ระเบิด, หอยครกกระทะร้อน และยำต่าง ๆ เป็นต้น
ที่เที่ยวอยุธยา เปิด
- วัดพระงาม
ที่เที่ยวอยุธยา เปิด
          หนึ่งในไฮไลต์ของวัดพระงาม นั่นคือ ซุ้มประตู ที่ปกคลุมด้วยรากต้นโพธิ์มาเป็นเวลานานกว่าร้อยปี จนได้รับการขนานนามว่า “ประตูแห่งกาลเวลา”  ซึ่งไม่ว่าใครไปที่นี่ ต่างก็ต้องไปดูให้เห็นด้วยตาตัวเอง แล้วจะรู้สึกได้ถึงความสวยงามและมนตร์เสน่ห์อย่างยากที่จะหาคำมาบรรยาย
- วัดภูเขาทอง
          วัดภูเขาทองสถาปนาขึ้นในสมัยสมเด็จพระราเมศวร เมื่อปี พ.ศ. 1930 ภายในมีเจดีย์ภูเขาทองเป็นมหาเจดีย์สำคัญ มีความสูงถึง 90 เมตร นอกจากนี้ยังสามารถเยี่ยมชมบริเวณด้านบนรอบเจดีย์ดูวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม, สักการะพระพุทธรูป, ชมรอยพญานาค และวิหารแกลบ เป็นต้น
- พุทธอุทยานมหาราช หลวงปู่ทวด
ที่เที่ยวอยุธยา เปิด
          ชมความงดงามของรูปเหมือน “หลวงปู่พ่อทวด” เหยียบน้ำทะเลจืด สร้างจากปูนหุ้มสัมฤทธิ์เคลือบสีทองทั้งองค์ นับได้ว่าเป็นรูปเหมือนพระสงฆ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก อีกทั้งบริเวณใกล้เคียงกันยังมี “ตลาดหลวงปู่ทวด” ให้ได้เดินเลือกซื้อของกิน ของฝาก และของที่ระลึกมากมาย

          ทั้งนี้ ยังคงมีสถานที่ท่องเที่ยวอยุธยาที่ยังคงปิดให้บริการอยู่ (ณ วันที่ 20 พฤษภาคม 2563) ได้แก่ โฮมสเตย์ ไทรน้อย, เกาะเกิดและรางจระเข้, ป้อมเพชร, ศูนย์ศิลปาชีพเกาะเกิด, หมู่บ้านโปรตุเกส, พระราชวังบางปะอิน, หมู่บ้านญี่ปุ่น และหมู่บ้านฮอลันดา

ตั๊กออแกไนท์อยุธยา รับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ 
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคอยุธยา
นางรำอยุธยาเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคอยุธยา
อยุธยารําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคอยุธยา
รําบวงสรวงพญานาคอยุธยา
ฟ้อนบูชาพญานาคอยุธยา
รําบวงสรวงพญานาคอยุธยา



  ติดต่อสอบถามเรา        
            


278
ที่เที่ยวชัยนาท เช็กอินสนุก เที่ยวกี่รอบก็ไม่เบื่อ

1. วัดปากคลองมะขามเฒ่า

         ตั้งอยู่ที่ตำบลมะขาม อำเภอวัดสิงห์ หากใครไปถึงถิ่นต้องไปสักการบูชา "พระครูวิมลคุณากร (ศุข)" หรือ "หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า" เกจิอาจารย์ที่ผู้คนต่างเลื่อมใสศรัทธา เชื่อกันว่าใครมากราบไหว้ขอพร จะมีความสุขสมความปรารถนา มีสิริมงคลต่อชีวิตและแคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง และยังเชื่อในการบูชาเครื่องรางของขลังของหลวงปู่ศุข ว่าให้คุณทั้งในด้านโชคลาภ เมตตามหานิยม และแคล้วคลาดอยู่ยงคงกระพัน ปัจจุบันวัดปากคลองมะขามเฒ่า ได้รับการปรับปรุงจนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งของจังหวัดชัยนาท ที่ใครมาก็ต้องแวะ

2. วัดปทุมธาราม

         อีกหนึ่งวัดน่าเที่ยวของจังหวัดชัยนาท พลาดไม่ได้กับการเยี่ยมชมความสวยงามของพระมหาเจดีย์ศรีชัยนาท เจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดชัยนาท สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงครองราชสมบัติครบ 50 ปี เพื่ออัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุของพระอรหันต์บรรจุสถิตอยู่ ณ บุษบก ยอดพระเจดีย์ เป็นอีกหนึ่งวัดของชัยนาท ที่ใครมาแล้วไม่ได้มาวัดปทุมธาราม ไม่ได้มากราบองค์พระเจดีย์ เหมือนมาไม่ถึงชัยนาท
3. สวนนกชัยนาท

         สวนนกที่มีชื่อเสียงมานานของจังหวัดชัยนาท เป็นทั้งที่เที่ยวและแหล่งความรู้ให้เด็ก ๆ ได้เข้ามาเที่ยว เพราะนอกจากจะได้เพลิดเพลินกับนกนานาชนิดแล้ว ที่นี่ยังมีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำจืดและท้องฟ้าจำลอง สร้างสีสันให้การเที่ยวสวนนกสนุกมากยิ่งขึ้น หรือใครที่เป็นช่างภาพสมัครเล่นหรือมืออาชีพ ก็สามารถมาเที่ยวถ่ายรูปกันได้เพลิน ๆ ท่ามกลางความร่มรื่นของหมูแมกไม้นานาชนิด เที่ยวเพลินได้ทั้งวัน

          หมายเหตุ : เนื่องจากโควิด 19 ณ วันที่ 22 พฤษภาคม 2563 ยังคงปิดบริการอยู่
       
4. ตลาดโรงพักเก่าสรรพยา

         ตลาดโรงพักเก่าสรรพยา หรือ ตลาดกรีนดี เกิดขึ้นจากการร่วมมือของเทศบาลตำบลสรรพยา และชมรมฟื้นฟูตลาดเก่าสรรพยา ได้ร่วมฟื้นฟูพื้นที่ตลาดแห่งนี้ขึ้นมาใหม่ โดดเด่นด้วยบรรยากาศย้อนยุคจากสถาปัตยกรรมโรงพักที่เป็นเรือนไม้ ดูสวยและคลาสสิกเหนือกาลเวลา นอกจากนี้ที่นี่ยังให้ความใส่ใจกับสิ่งแวดล้อม ด้วยการงดใช้โฟม พลาสติก และหันมาใช้วัสดุจากธรรมชาติ ละลานตาด้วยของกินอร่อย ๆ ให้เลือกซื้ออยู่เต็มไปหมด แถมยังได้ซึมซับบรรยากาศเก่า ๆ ด้วย
     
5. วัดธรรมามูลวรวิหาร

          วัดที่ตั้งอยู่บนไหล่เขาธรรมามูล เป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยา สันนิษฐานว่า พระมหาธรรมราชา แห่งกรุงสุโขทั ทรงสร้างภายในประดิษฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ "หลวงพ่อธรรมจักร" พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองชัยนาทและจังหวัดใกล้เคียง ในแต่ละปีจะมีการจัดงานประเพณีนมัสการปิดทองหลวงพ่อธรรมจักร ในงานมีมหรสพสมโภชตามประเพณีทั่วไป ในอดีตเมื่อมีงานประเพณีนมัสการปิดทองคราวใด จะต้องมีงานแข่งเรือในลำน้ำหน้าวัดด้วย แต่ประเพณีนี้ได้ล้มเลิกไปเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2505 นอกจากนี้ทุกวันแรม 11 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี ทางวัดได้จัดให้มีงานประเพณีตักบาตรเทโวอีกด้วย
         
6. เขื่อนเจ้าพระยา

         ตั้งอยู่ที่ตำบลบางหลวง อำเภอสรรพยา บริเวณรอบเขื่อนสวยงามด้วยธรรมชาติรายล้อม มีลมพัดเย็น ๆ พัดมาชิล ๆ หรือถ้าใครมาเที่ยวช่วงเดือนมกราคม นักท่องเที่ยวจะได้เจอกับฝูงนกเป็ดน้ำนับหมื่นตัวมาอาศัยหากินอยู่บริเวณเหนือเขื่อน เป็นอีกหนึ่งภาพความสวยงามของธรรมชาติที่ไม่ได้หาดูกันได้ง่าย ๆ หรือใครจะมาเที่ยวชิล ๆ ช่วงยามเย็น บอกเลยว่าก็ชิลไม่แพ้กันเลย


7.  ถนนคนเดินจังหวัดชัยนาท

         ตลาดเก่าริมแม่น้ำเจ้าพระยา ครั้งในอดีตเป็นชุมชนที่เคยเจริญรุ่งเรืองด้านการค้าขายทางน้ำ โดยบริเวณตลาดถูกใช้เป็นท่าจอดพักเรือ ต่อมาในปัจจุบัน ชาวบ้านในชุมชนคุ้งสำเภา ได้รวมกันก่อตั้งถนนคนเดินคุ้งสำเภา เพื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เสน่ห์ของถนนคนเดินที่นี่อยู่ที่บรรยากาศความเป็นกันเองของชาวบ้าน และอาหารการกินที่แสนอร่อย มีให้เลือกมากมายทั้งคาวหวาน และสินค้าหัตถกรรมจากชาวบ้านให้ได้เลือกช้อปกันอีกด้วย (เปิดทุกวันศุกร์ ตั้งแต่ช่วงสี่โมงเย็นเป็นต้นไป)

8. บึงกระจับใหญ่

         เกาะอยู่กลางบึงขนาดใหญ่ สถานที่พักผ่อนหย่อนใจ รวมถึงเป็นที่อยู่ของนกเป็ดน้ำและนกปากห่างเป็นจำนวนมาก ไฮไลต์สำคัญของที่นี่นอกจากความชิลที่นักท่องเที่ยวจะสัมผัสได้แล้วนั้น ยังชิลไปกับการเดินเล่นบนสะพานไม้ที่ทอดตัวยาวข้ามบึงใหญ่ นอกจากเดินเล่นถ่ายรูปได้แล้ว ยังปั่นจักรยานได้อีกด้วย ยิ่งช่วงเวลาแดดร่มลมตก ที่นี่จะกลายเป็นอีกหนึ่งสถานที่ยอดฮิตที่นักท่องเที่ยวสามารถมาล่องเรือชมนกนานาชนิด หรือจะเพลินไปกับบรรยากาศยามเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน บอกเลยว่าสวยสุด ๆ

9. วัดขุนสรรค์สามัคคี

         อีกหนึ่งวัดน่าเที่ยวของจังหวัดชัยนาท ใครที่มาเที่ยวที่วัดนี้ เป็นต้องมาเยี่ยมชมองค์พระประธานของวัดที่ดูแปลกไม่เหมือนกับพระประธานที่วัดอื่น แต่งองค์ทรงเครื่องเหมือนจักรพรรดิ ประดับด้วยเพชรทั้งชุด มีทั้งกำไล สร้อยคอ เข็มขัด ชฎา ที่ประดับด้วยเพชร พลอย สวยงาม รวมถึงนิ้วมือก็ยังสวมใส่แหวนเพชร นั่งบนแท่นประดับด้วยกระจก เชื่อกันว่าใครที่กราบไหว้จะร่ำรวยเงินทอง และเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต 

10. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ชัยนาทมุนี

         สถานที่ที่เก็บรวบรวม รักษา อนุรักษ์ และจัดแสดงโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ที่เป็นมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดชัยนาท ตั้งอยู่ภายในบริเวณวัดพระบรมธาตุวรวิหาร ภายในพิพิธภัณฑ์แบ่งเป็น 2 ส่วนใหญ่ ๆ ได้แก่ "ชั้นล่าง" จัดแสดงเรื่องราวด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดีของจังหวัดชัยนาท และ "ชั้นบน" จัดแสดงพระพิมพ์ที่ได้จากการดำเนินงานทางโบราณคดีในประเทศไทย รวมถึงยังมี "อาคารพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน" จัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้ในการเกษตร การทำมาหากิน วิถีชีวิต ขนบธรรมเนียมประเพณี ของคนไทยในอดีต ให้นักท่องเที่ยวเยี่ยมชมอีกด้วย

11. วัดพระแก้ว

          หนึ่งในวัดเก่าแก่ของจังหวัดชัยนาท งดงามด้วยองค์เจดีย์สี่เหลี่ยม ที่กล่าวกันว่าเป็นราชินีแห่งเจดีย์ทั้งมวลในเอเชียอาคเนย์ ลักษณะเป็นเจดีย์แบบละโว้ทรงสูง ผสมกับเจดีย์ทวารวดี ตอนปลายฐานเรือนธาตุแบบลดท้องไม้ เป็นศิลปะสมัยสุโขทัยกับสมัยศรีวิชัยผสมผสานกัน บริเวณด้านหน้าเจดีย์มีวิหารหลวงพ่อฉาย ด้านหลังองค์หลวงพ่อฉายมีทับหลัง แกะสลักติดอยู่ลักษณะเป็นภาพหงายไม่ใช่ภาพคว่ำเหมือนทับหลังทั่วไป นอกจากนี้โดยรอบบริเวณวิหารยังมีดอกสาละสวย ๆ ให้ได้ชื่นชมเพลิน ๆ
   
12. อนุสาวรีย์ขุนสรรค์

          ตั้งอยู่หน้าที่ว่าการอำเภอสรรคบุรี โดยตัวอนุสาวรีย์นั้นมีขนาดเท่าครึ่งของตัวจริง และมีโลหะแบบรมดำ ในท่าทางที่ท่านถือปืนอาวุธคู่กายพร้อมต่อสู้ โดยขุนสรรค์ "วีรบุรุษแห่งลุ่มแม่น้ำน้อย" เป็นหนึ่งในผู้นำชาวบ้านบางระจันที่ต่อสู้กับพม่าด้วยความกล้าหาญ โดยทุก ๆ วันที่ 19 มกราคม ชาวอำเภอสรรคบุรีจะกระทำพิธีบวงสรวงดวงวิญญาณขุนสรรค์เป็นประจำทุกปี

13. หมู่บ้านวัฒนธรรมลาวครั่งบ้านกุดจอก

          ตั้งอยู่ที่อำเภอหนองมะโมง ชุมชนที่แสนจะมีเสน่ห์และน่าเที่ยว โดยสิ่งที่น่าสนใจภายในชุมชนแห่งนี้ก็มีทั้ง หลวงพ่อเดิม ซึ่งเป็นพระพุทธรูปทำด้วยศิลาแลง ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่ วัดศรีสโมสร นอกจากนี้แล้วก็ยังมี พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นลาวครั่ง ที่มีความน่าสนใจเพราะจัดแสดงวัตถุโบราณมากมายหลายชิ้นด้วยกัน รวมทั้งผลิตภัณฑ์ผ้าทอต่าง ๆ ที่เป็นลวดลายเฉพาะของชุมชนแห่งนี้ ไว้ให้ได้ช้อปได้ดูกันเพลิน ๆ

14. วัดพิชัยนาวาส

         ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านเชี่ยน สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยอยุธยาตอนกลาง มีอายุไม่ต่ำกว่า 300 ปี ภายในพระอุโบสถซึ่งสร้างไว้กลางสระน้ำ มีพระประธาน คือ "หลวงพ่อโต" เป็นพระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์ ปั้นด้วยปูนสอ ประทับห้อยพระบาท สันนิษฐานว่าระหว่างสร้างพระประธานองค์นี้ บ้านเมืองเกิดระส่ำระสายจากสงคราม เพราะเป็นพื้นที่ซึ่งกองทัพจากพม่าเดินทางผ่าน วัดกำหนดจัดงานนมัสการปิดทองสมโภชระหว่างเทศกาลวันเพ็ญเดือนสาม และเทศกาลวันเพ็ญเดือนสิบสองเป็นประจำทุกปี
     
15. สวนน้ำอวกาศ

         สวนน้ำที่อยู่ในสวนนกชัยนาท เพลิดเพลินไปกับเครื่องเล่นสนุก ๆ มีสระว่ายน้ำ ทั้งระบบรวมสระเปิดและบริการคลองน้ำวน มีสระสำหรับเด็ก และสระสำหรับผู้ใหญ่ และไฮไลต์สำคัญ คือ เจ้าหุ่นยนต์ NAKA ROBOT นอกจากนี้ยังมีอาคารร้านขายของจำหน่ายอาหารและของที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยว มีห้องผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า รับของฝาก รวมถึงมีพนักงานดูแลความปลอดภัยอย่างดี

ตั๊กออแกไนท์ชัยนาท รับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ 
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคชัยนาท
นางรำชัยนาทเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคชัยนาท
ชัยนาทรําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคชัยนาท
รําบวงสรวงพญานาคชัยนาท
ฟ้อนบูชาพญานาคชัยนาท
รําบวงสรวงพญานาคชัยนาท

  ติดต่อสอบถามเรา        
            


279
ที่เที่ยวอุตรดิตถ์ ปักหมุดจุดเช็กอินเด่น ในถิ่นพระยาพิชัยดาบหัก

1. อนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก
            ตั้งอยู่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดอุตรดิตถ์ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2512 เพื่อรำลึกถึงความกล้าหาญและเก่งกาจของพระยาพิชัยดาบหัก เจ้าเมืองพิชัยในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เมื่อครั้งที่ต่อสู้กับกองทัพพม่าในปี พ.ศ. 2316 จนดาบข้างขวาหักไปหนึ่งเล่ม แต่ก็ยังสามารถต่อสู้จนสามารถเอาชนะกองทัพพม่าได้ ทั้งนี้ในบริเวณใกล้เคียงก็มีพิพิธภัณฑ์พระยาพิชัยดาบหัก และพิพิธภัณฑ์ดาบน้ำพี้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกให้เดินเที่ยวชมด้วย

2. บ้านเกิดพระยาพิชัย
          จำลองบ้านเกิดของพระยาพิชัยดาบหัก มีลักษณะเป็นบ้านเรือนไทยทำจากไม้สักแท้ทั้งหลัง จัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน แสดงเรือนนอน เรือนครัว หอพระ หอนก พร้อมทั้งรูปปั้นพระยาพิชัยดาบหัก และรูปลำดับทายาทของท่าน ทั้งนี้ในบริเวณเดียวกันยังมีเจดีย์สถูปทรงพระปรางค์และอนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหักให้ได้กราบไหว้ขอพรด้วย

          เขื่อนดินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตั้งอยู่บนลำน้ำน่านในเขตตำบลผาเลือด อำเภอท่าปลา มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ รายล้อมไปด้วยภูเขาและป่าไม้ที่สวยงามอุดมสมบูรณ์ วิวทิวทัศน์น่าเที่ยวน่าชม โดยมีจุดให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาเที่ยวชม แวะนั่งเล่นพักผ่อนและถ่ายรูปอยู่หลายจุด อาทิ บริเวณสันเขื่อน, พระพุทธสิริสัตตราช, สวนสุมาลัย และสะพานแขวนเฉลิมพระเกียรติบรมราชินีนาถ เป็นต้น ทั้งนี้ก็มีร้านอาหารริมเขื่อนให้บริการมากมาย พร้อมทั้งมีบริการแพ/เรือ ล่องเที่ยวชมรอบ ๆ เขื่อน และยังมีที่พักของเขื่อน รวมทั้งผู้ประกอบการในพื้นที่ให้บริการด้วย

ที่เที่ยวอุตรดิตถ์
4. สะพานเฉลิมพระเกียรติบรมราชินีนาถ
          ตั้งอยู่ภายในเขื่อนสิริกิติ์ ตำบลผาเลือด อำเภอท่าปลา มีลักษณะเป็นสะพานแขวนด้วยสายเคเบิลทอดข้ามลำน้ำน่าน ตัวสะพานจะเป็นสีฟ้า-เหลืองสดใส เมื่อเดินขึ้นไปบนสะพานจะมองเห็นวิวทิวทัศน์ของลำน้ำน่านและภูเขาที่ขนาบข้างสองฝั่งได้อย่างสวยงาม บรรยากาศดี ถ่ายรูปสนุก มีมุมชิค ๆ ให้กดชัตเตอร์หลากหลายมุม รวมทั้งบริเวณสวนสุมาลัยที่อยู่ใกล้กันด้วย
 
5. อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว
          ครอบคลุมพื้นที่ทั้งในจังหวัดอุตรดิตถ์และจังหวัดพิษณุโลก โดยที่ทำการอุทยานนั้นตั้งอยู่ที่ตำบลห้วยมุ่น อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ โดยมีจุดท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอย่างน้ำตกภูสอยดาวอยู่ใกล้กัน แต่สิ่งที่เป็นจุดเด่นมากที่สุดของที่นี่ ก็คือ เส้นทางเดินป่าระยะไกลขึ้นไปยังลานสน และยอด 2,102 โดยในช่วงฤดูฝนจะมีนักท่องเที่ยวสายลุยจากทั่วทุกสารทิศมาเดินป่าเพื่อขึ้นไปชมความสวยงามของดอกหงอนนาคนับล้านดอก ที่กำลังเบ่งบานอยู่บนพื้นที่กว้างบนยอดเขากว่า 1,000 ไร่ ใต้ร่มต้นสนสามใบสูงสวยงาม ท่ามกลางสายหมอกบาง ๆ อากาศเย็นสบายสดชื่น
ที่เที่ยวอุตรดิตถ์
          การเดินขึ้นไปยังลานสนสามใบ จะต้องเดินเท้าประมาณ 4-6 ชั่วโมง มีระยะทางทั้งหมดประมาณ 6.5 กิโลเมตร เส้นทางมีทั้งทางราบ เดินขึ้นเขา และลงเขา สลับกันไป และต้องพักค้างคืนด้านบนอย่างน้อย 1 คืน ผู้ที่จะเดินป่าเส้นทางนี้จึงต้องเตรียมร่างกายให้พร้อม และศึกษาข้อมูลให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนการเดินทาง
 
6. บ่อเหล็กน้ำพี้
         เป็นแหล่งเหล็กกล้าที่นำมาทำพระแสงดาบตั้งแต่สมัยโบราณ มี 2 บ่อที่สำคัญ คือ บ่อพระแสง เหล็กที่ขุดได้จากบ่อนี้จะนำไปทำพระแสงดาบสำหรับพระมหากษัตริย์เท่านั้น และบ่อพระขรรค์ เป็นบ่อที่ช่างทำพระขรรค์เคยนำเหล็กจากบ่อนี้ไปทำพระขรรค์ถวายพระมหากษัตริย์ ซึ่งในบริเวณเดียวกันก็มีพิพิธภัณฑ์บ่อเหล็กน้ำพี้ ที่จัดแสดงเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของที่นี่ไว้ด้วย ทั้งนี้นักท่องเที่ยวสามารถที่จะลองตกแร่เหล็กได้ด้วยตนเอง
 
 
7. อุทยานแห่งชาติต้นสักใหญ่
           เป็นพื้นที่ป่าเขาที่อุดมสมบูรณ์ ในพื้นที่อำเภอน้ำปาด อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ อำเภอท่าปลา และอำเภอทองแสงขัน เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติทั้งยอดเขาที่สวยงาม ถ้ำ น้ำตก และเส้นทางศึกษาธรรมชาติ โดยจุดท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลต์จะอยู่ที่ต้นสักใหญ่ บ้านปางเกลือ หมู่ 4 ตำบลน้ำไคร้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานนามว่า มเหสักข์ เป็นต้นสักที่มีอายุมากกว่า 1,500 ปี สูงใหญ่ให้ร่มเงาสง่า ทางอุทยานได้ปรับปรุงภูมิทัศน์จัดทำทางเดินให้ชมโดยรอบ
 
8. น้ำตกแม่พูล
          น้ำตกสวยแห่งอำเภอลับแล ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าเขาที่สวยงามในพื้นที่บ้านต้นเกลือ เป็นน้ำตกที่มีการเทปูนทำเป็นชั้นสวยงาม ลดหลั่นกันลงมาจากเนินเขาหลายเมตร โดยที่ด้านล่างของน้ำตกเป็นแอ่งน้ำกว้าง สามารถลงเล่นน้ำได้ บริเวณโดยรอบของน้ำตกเป็นป่าไม้สีเขียวขจี อากาศเย็นสบายสดชื่น มีร้านค้าร้านอาหารให้บริการในช่วงวันหยุด
 
9. ตลาดเทศบาลตำบลหัวดง
          ตลาดผลไม้ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของอุตรดิตถ์ มีขนาดใหญ่ ซึ่งจัดจำหน่ายผลไม้ในท้องถิ่นตามฤดูกาล เช่น ทุเรียน ลางสาด ลองกอง มังคุด และเงาะ โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนจะมีเทศกาลทุเรียนหลงลับแล หลินลับแล มีทุเรียนพื้นเมืองให้ชิมลิ้มลองกันแบบจุใจ ราคาไม่แพง และยังมีอาหารพื้นเมือง เช่น ข้าวแคบ หมี่พัน และข้าวพันผัก ให้อิ่มอร่อยด้วย
 
10. พิพิธภัณฑ์เมืองลับแล
          อาคารพิพิธภัณฑ์ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น และวิถีชีวิตชุมชนของเมืองลับแลตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน รวมทั้งจัดแสดงประวัติของพระศรีพนมมาศ บุคคลสำคัญที่ทำให้ลับแลเจริญรุ่งเรือง โดยตัวของพิพิธภัณฑ์เป็นบ้านเรือนไทยภาคเหนือ ยกพื้นสูง ด้านหน้าเป็นสนามหญ้ากว้าง มีนาข้าวอยู่ด้านหลัง กิจกรรมที่น่าสนใจของที่นี่ ก็คือ การกินขันโตกในมื้อค่ำ กินอาหารพื้นเมืองไปพร้อม ๆ กับการชมการแสดงจากเยาวชนในพื้นที่ สามารถติดต่อได้ล่วงหน้า

11. วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง
          วัดสำคัญของตำบลทุ่งยั้ง อำเภอลับแล เป็นวัดเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่ก่อนสมัยสุโขทัย เป็นที่ประดิษฐานของพระบรมธาตุทุ่งยั้ง ซึ่งด้านในมีการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตัวพระบรมธาตุเป็นสีเหลืองทอง ตั้งอยู่บนฐานสูง นอกจากนี้ภายในวัดยังมีวิหารงดงาม สร้างในแบบสถาปัตยกรรมล้านนา ด้านในมีพระประธานสวยสง่า น่ากราบไหว้ขอพร
 
12. วัดดอนสัก
          ตั้งอยู่ที่บ้านฝายหลวง อำเภอลับแล เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย โดยมีวิหารที่สร้างในรูปแบบสถาปัตยกรรมเชียงแสนผสมกับศิลปะสุโขทัย จุดเด่นที่สุด ก็คือ บานประตูวิหาร ซึ่งทำจากไม้เนื้อแข็ง แกะสลักอย่างสวยงามวิจิตรบรรจง เป็นลวดลายกนกก้านขด พร้อมกับมีรูปสัตว์จากตำนานป่าหิมพานต์แทรกอยู่ด้วย โดยบานซ้ายกับบานขวานั้นจะมีลวดลายที่แตกต่างกัน แต่เมื่อปิดเข้าหากันแล้วจะปิดสนิทพอดี ลวดลายเชื่อมกันอย่างสวยงาม
 
13. วัดพระแท่นศิลาอาสน์
          ตั้งอยู่บนเนินเขาเต่า บ้านพระแท่น เป็นวัดโบราณที่สร้างมายาวนานหลายร้อยปี ปัจจุบันเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี เป็นวัดสำคัญของจังหวัดอุตรดิตถ์อีกวัดหนึ่ง ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจ คือ พระแท่นศิลาอาสน์ เป็นหินศิลาแลงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ที่ฐานประดับด้วยลายกลีบบัว มีพระมณฑปศิลปะเชียงแสนครอบอยู่ด้านบน นอกจากนี้ก็ยังมีบานประตูวิหารพระแท่นศิลาอาสน์, ภาพวาดเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของราชวงศ์จักรี และพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น ให้เที่ยวชมกันด้วย

14. ถนนของกิน ลับแล
         เป็นถนนเส้นเล็ก ๆ ที่อยู่ด้านข้างสำนักงานสาธารณสุขอำเภอลับแล โดยตลอดทั้งถนนเส้นนี้จะมีร้านอาหารพื้นบ้านอร่อย ๆ มากมายให้เลือกอิ่มอร่อยไม่ซ้ำแบบ ไม่ว่าจะเป็นจ่าจู๊ดหมูย่าง, ข้าวมันไก่น้องแก้ม, ข้าวมันไก่สูตรไหหลำ, ก๋วยเตี๋ยวและอาหารตามสั่งเจ้ศรี, เจ๊นีย์ของทอด, ก๋วยเตี๋ยวต้มยำโบราณ ลลลล ลำลำลับแล, ป้าหว่างหมี่พันลับแล, ข้าวพันผักอินดี้ เป็นต้น
 
ที่เที่ยวอุตรดิตถ์
15. พิพิธภัณฑ์ผ้าซิ่นตีนจก ไท-ยวน ลับแล
          ศูนย์การเรียนรู้เกี่ยวกับการทอผ้าซิ่นตีนจกไท-ยวน เป็นอาคารไม้เรือนไทย 2 ชั้น จัดแสดงผ้าซิ่นตีนจกเก่าแก่ที่มีอายุมากกว่าร้อยปี รวมทั้งผลงานของกลุ่มทอผ้าซิ่นตีนจกบ้านคุ้ม ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ลวดลายสวยงามประณีต ผ้าทอทุกผืนจะมีเพียงชิ้นเดียวในโลก เพราะแม้แต่เส้นไหมก็มีสีสันที่แตกต่างกัน ย้อมสีธรรมชาติ ถักทอจากมือของชาวบ้าน ผ้าแต่ละผืนจึงมีราคาสูง คุณภาพสมราคา
 
16. ภูแลลาว
          ตั้งอยู่ภายในหน่วยพิทักษ์ป่าภูแลลาว เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่จริม สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ตำบลบ่อเบี้ย อำเภอบ้านโคก จังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นจุดชมวิวที่สวยงามอีกหนึ่งแห่งของอุตรดิตถ์ สามารถมองเห็นวิวสวย ๆ ของภูเขาน้อยใหญ่ที่อยู่ทางฝั่งไทย ไล่ไปจนถึงวิวภูเขาสูงใหญ่ทางฝั่งเมืองไชยบุรี ประเทศลาว ช่วงปลายฝนต้นหนาวไปจนถึงปลายฤดูหนาวจะมีทะเลหมอกให้ได้ชมกันด้วย
 
17. แก่งทรายงาม
          เป็นแก่งเล็ก ๆ ที่อยู่ในลำธารสวยในเขตตำบลน้ำหมัน อำเภอท่าปลา บริเวณแก่งมีก้อนหินน้อยใหญ่ขวางกั้นลำน้ำ มีพื้นที่ราบริมฝั่งให้สามารถเดินลงไปสัมผัสกับน้ำเย็นเจี๊ยบใสแจ๋ว พร้อมกับนั่งปิกนิกชมวิวสวย ๆ ริมน้ำบนพื้นหญ้าเขียวขจี บรรยากาศเย็นสบายสดชื่นตลอดทั้งปี ทั้งนี้ถ้าเป็นช่วงฤดูฝนควรระมัดระวังน้ำป่า ขอความร่วมมือไม่ทิ้งขยะทั้งในลำธารและริมฝั่ง ไม่ก่อกองไฟหรือทำให้ธรรมชาติเสียหาย
 
18. อุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน
          ตั้งอยู่ในตำบลผาเลือด อำเภอท่าปลา ซึ่งครอบคลุมพื้นที่โดยรอบของอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ รวมทั้งป่าเขาที่อุดมสมบูรณ์ในพื้นที่ใกล้เคียง รวมพื้นที่มากกว่า 600,000 ไร่ จุดที่น่าสนใจของอุทยานนอกจากอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์แล้ว ก็ยังมีจุดชมวิวทะเลสาบสุริยันจันทรา ซึ่งสามารถมองเห็นทิวเขาน้อยใหญ่สลับซับซ้อนอยู่เบื้องหลังทะเลสาบกว้าง ช่วงเช้าและเย็นบรรยากาศสวยงามมาก เงียบสงบ มีลมเย็น ๆ พัดตลอดทั้งวัน

ตั๊กออแกไนท์อุตรดิตถ์รับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ 
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคอุตรดิตถ์
นางรำอุตรดิตถ์เพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคอุตรดิตถ์
อุตรดิตถ์รําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคอุตรดิตถ์
รําบวงสรวงพญานาคอุตรดิตถ์
ฟ้อนบูชาพญานาคอุตรดิตถ์
รําบวงสรวงพญานาคอุตรดิตถ์



  ติดต่อสอบถามเรา        
            



280
เที่ยวลำพูน สัมผัส 10 สถานที่ท่องเที่ยวที่งดงาม

  ลำพูน  จังหวัดเล็ก ๆ ในภาคเหนือที่เรื่องราวของประวัติศาสตร์ไม่ได้เล็กตามพื้นที่ แต่กลับยิ่งใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในดินแดนล้านนา และมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวในเชิงศิลปวัฒนธรรมเป็นอย่างมาก และมีแหล่งท่องเที่ยวทั้งวัดวาอาราม เจดีย์เก่าแก่ ศิลปะล้านนาแท้ที่มีลวดลายอันวิจิตรงดงาม อีกทั้งงานหัตถกรรมที่สั่งสมกันมาอย่างยาวนานจนเป็นสินค้าขึ้นชื่ออย่างผ้าไหมยกดอก ดังนั้นเราเลยหยิบเอา 10 สถานที่ท่องเที่ยวลำพูน ที่ควรไปเยือนสักครั้งหากมีโอกาสมาแนะนำกันค่ะ

1. พระธาตุหริภุญชัย

พระธาตุหริภุญชัย

           ตั้งอยู่ใจกลางเมืองลำพูน มีถนนล้อมรอบสี่ด้าน ถือเป็นพระธาตุประจำปีเกิดชาวปีระกา และนับเป็นปูชนียสถานอันสำคัญยิ่งในล้านนามาตั้งแต่สมัยโบราณ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1651 ในสมัยพระเจ้าอาทิตยราช ราชกษัตริย์วงศ์รามัญผู้ครองนครลำพูน แม้องค์จะไม่ใหญ่โตแต่สร้างขึ้นด้วยทรวดทรงที่สมส่วน และงดงามด้วยประกายทองจังโกที่สะท้อนเปลวแดดขับให้องค์พระธาตุดูโดดเด่น ท่ามกลางวิหารอื่น ๆ โดยตามตำนานเล่าว่า 1,000 ปีก่อน เคยเป็นวังของพระเจ้าสรรพสิทธิ์ เมื่อพระองค์ทรงขุดพบพระบรมสารีริกธาตุหรือพระเกศาธาตุ จึงโปรดให้ก่อองค์พระธาตุขึ้น จนเมื่อ 500 ปีก่อน ในสมัยพระเจ้าติโลกราชได้โปรดให้ก่อพระธาตุแบบลังกาครอบองค์เดิมดังปรากฏในปัจจุบัน นอกจากนี้ภายในวัดยังมีพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงศิลปวัตถุมากมาย อีกทั้งในวันเพ็ญเดือน 6 จะมีงานนมัสการและสรงน้ำพระบรมธาตุทุกปี สอบถามรายละเอียด โทรศัพท์ 0 5331 1104 หรือเว็บไซต์ hariphunchaitemple.org

 2. อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย

          อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย ตั้งอยู่เชิงดอยติ บริเวณวัดดอยติ ตำบลป่าสัก ห่างจากตัวเมืองลำพูนประมาณ 5 กิโลเมตร ตามถนนสายเชียงใหม่-ลำปาง พระครูบาศรีวิชัยเป็นพระเถรเจ้านักพัฒนาแห่งล้านนาไทย ผู้พัฒนาทั้งด้านจิตใจและด้านถาวรวัตถุให้แก่ชาวล้านนาไว้อย่างอเนกอนันต์ ท่านมีชีวิตอยู่ในช่วงปี พ.ศ. 2421-2481 ถิ่นฐานบ้านเดิมของท่านอยู่ที่บ้านแม่ตื่น อำเภอลี้ จึงเป็นความภูมิใจอย่างใหญ่หลวงของชาวลำพูน ที่เมืองนี้เป็นบ้านเกิดเมืองนอนของนักบุญผู้ยิ่งใหญ่แห่งล้านนา

 3. วัดพระพุทธบาทตากผ้า

วัดพระพุทธบาทตากผ้า

           วัดนี้เป็นปูชนียสถานสำคัญของจังหวัดลำพูน บนม่อนดอยเบื้องหลังวัดได้มีการสร้างพระเจดีย์ ซึ่งเป็นศิลปะที่ผสมผสานจากพระธาตุดอยสุเทพและพระธาตุหริภุญชัย โดยมีบันไดนาค 469 ขั้น เชื่อมระหว่างเจดีย์บนม่อนดอยกับวัดพระบาทตากผ้าที่เชิงดอย ปัจจุบันสามารถนำรถขึ้นไปได้เมื่อถึงวันอัฐมีบูชา แรม 8 ค่ำ เดือนแปด ซึ่งเป็นวันคล้ายวันถวายพระเพลิงพระสรีระของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่วัดมีประเพณีสรงน้ำพระพุทธบาทเป็นประจำทุกปี ติดต่อได้ที่ โทรศัพท์ 0 5357 2961, 0 5300 5200 หรือเว็บไซต์ phrabat.com การเดินทางใช้ทางหลวงหมายเลข 106 บริเวณกิโลเมตรที่ 136-137 เข้าไปประมาณ 1 กิโลเมตร

 4. วัดพระธาตุดอยเวียง

           วัดพระธาตุดอยเวียง ตั้งอยู่ที่หมู่ 9 บ้านดอยเวียง ตำบลบ้านธิ ห่างจากอำเภอบ้านธิประมาณ 7 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 15 ไร่ และบนดอยเป็นที่ประดิษฐานเจดีย์เก่าแก่ซึ่งมีพระบรมสารีริกธาตุบรรจุอยู่ สันนิษฐานว่าสร้างเมื่อ พ.ศ. 1220 ในสมัยพระนางจามเทวี ตามตำนานจารึกในใบลานเล่าว่าขุนหลวงปาละวิจา มาตั้งเมืองที่นี่ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านและได้สร้างวัดไว้บนดอย ต่อมาถูกไฟป่าไหม้ลุกลามทำให้เหลือแต่เจดีย์และศาลาเล็ก ๆ หลังหนึ่ง วัดนี้ยังมีพระพุทธรูปเก่าแก่อีก 3 องค์ องค์แรกเป็นพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์ปางมารวิชัยหน้าตักกว้าง 29 นิ้ว มีเรื่องเล่าว่าครั้งหนึ่งฝนแล้ง ชาวบ้านเดือดร้อนเลยนำพระองค์นี้มาแห่ขอฝนปรากฏว่าฝนตก ชาวบ้านจึงพร้อมใจกันตั้งชื่อพระองค์นี้ว่า "พระเจ้าสายฝน" องค์ที่สองหน้าตักกว้าง 99 นิ้ว ประดิษฐานที่ศาลาการเปรียญ องค์ที่สามหน้าตักกว้าง 89 นิ้วประดิษฐานที่เชิงดอย ทั้งสององค์ข้างในเป็นศิลาแลงและข้างนอกฉาบปูน สมัยที่ค้นพบนั้นเหลือไม่เต็มองค์เศียรปักดินชาวบ้านจึงเรียกว่า "พระเจ้าดำดิน" ชั้นบนสุดของดอยเป็นที่ประดิษฐานของเจดีย์ธาตุดอยเวียง และทุก ๆ ปีในวันแรม 8 ค่ำ เดือน 7 จะมีประเพณีสรงน้ำพระธาตุ

 5. อุทยานแห่งชาติแม่ปิง

อุทยานแห่งชาติแม่ปิง

           อุทยานแห่งชาติแม่ปิง มีพื้นที่ครอบคลุมอำเภอดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน และอำเภอสามเงา จังหวัดตาก เป็นป่าที่อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติป่าไม้และสัตว์ป่า มีทิวเขาทอดยาวเหยียดสลับซับซ้อน ลำห้วยน้อยใหญ่หลายสิบสาขาไหลผ่านที่สำคัญ คือ ลำห้วยแม่หาด ลำห้วยแม่ก้อ และทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามโดยเฉพาะพื้นที่ป่าตั้งอยู่ทางฝั่งซ้ายของลำน้ำปิงตอนเหนือของอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล มีเนื้อที่ประมาณ 627,346 ไร่ หรือ 1,003.7536 ตารางกิโลเมตร โดยมียอดเขาที่สูงที่สุดชื่อ "ดอนห้วยหลาว" อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ มีความสูงประมาณ 1,334 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง

อุทยานแห่งชาติแม่ปิง

           สำหรับสถานที่ท่องเที่ยว เช่น น้ำตกก้อหลวง เป็นน้ำตกที่มีความสวยงามมาก เกิดจากลำห้วยแม่ก้อซึ่งไหลผ่านเทือกเขาหินปูนลดหลั่นลงมา 7 ชั้น ลงสู่แอ่งน้ำสีเขียวมรกตขนาดใหญ่ บริเวณหน้าผาริมน้ำตกยังเกิดหินงอกหินย้อยสวยงาม, แก่งก้อ เป็นทะเลสาบส่วนหนึ่งของอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล เดิมเป็นจุดที่ห้วยแม่ก้อไหลลงสู่แม่น้ำปิงแต่ภายหลังการสร้างเขื่อนภูมิพลระดับน้ำได้สูงท่วมพื้นที่ จนกลายเป็นทะเลสาบซึ่งมีทัศนียภาพอันงดงาม นักท่องเที่ยวนิยมมาพักเรือนแพและนั่งเรือชมความงามของหน้าผาหินปูน ซึ่งเต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยและป่าเบญจพรรณริมฝั่งน้ำ และทุ่งกิ๊ก เป็นทุ่งหญ้าธรรมชาติกว้างใหญ่ซึ่งอยู่ท่ามกลางป่าเต็งรังและป่าเบญจพรรณ จึงเป็นแหล่งอาศัยหากินของสัตว์ป่า ในช่วงฤดูแล้งประมาณเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ดอกไม้ป่าหลายชนิดจะพากันบานเต็มทุ่งกิ๊กสวยงามน่าชมมาก นอกจากนี้ ยังมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติและดูนก ซึ่งนกที่พบเห็นได้ง่าย เช่น นกหัวขวาน ฯลฯ

           ทั้งนี้นักท่องเที่ยวสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ อุทยานแห่งชาติแม่ปิง ตู้ ป.ณ. 18 อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน 51110 โทรศัพท์ 0 5354 6336, 0 5351 8060 หรือกรมอุทยานแห่งชาติฯ โทรศัพท์ 0 2562 0760  หรือเว็บไซต์ park.dnp.go.th

6. วัดจามเทวี

           วัดจามเทวี หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า วัดกู่กุด ตั้งอยู่หมู่ 5 ริมถนนจามเทวี ตำบลในเมือง สร้างเมื่อประมาณ พ.ศ. 1298 ฝีมือช่างละโว้ ลักษณะพระเจดีย์เป็นสี่เหลี่ยมแบบพุทธคยาในประเทศอินเดีย แต่ละด้านมีพระพุทธรูปยืนปางประทานพรอยู่เป็นชั้น ๆ ภายในเจดีย์บรรจุอัฐิของพระนางจามเทวีปฐมกษัตริย์แห่งนครหริภุญไชย ตามตำนานเล่าว่าเจ้าอนันตยศและเจ้ามหันตยศ ราชโอรสของพระนางจามเทวีได้สร้างขึ้น เพื่อบรรจุอัฐิของพระนางเมื่อปี พ.ศ. 1298 เดิมมียอดห่อหุ้มด้วยทองคำ ต่อมาจะเป็นสมัยใดไม่ทราบชัด ยอดพระเจดีย์หักหายไปชาวบ้านจึงเรียกว่า "กู่กุด" หรือมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า "พระเจดีย์สุวรรณจังโกฏ" นอกจากนั้นยังมีรัตนเจดีย์ ซึ่งตั้งอยู่ทางขวาของวิหาร สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 17 โดยพระยาสรรพสิทธิ์ ฐานล่างสุดเป็นรูป 8 เหลี่ยม มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 4.40 เมตร สูงจรดยอด 11.50 เมตร องค์เจดีย์เป็นรูปสี่เหลี่ยม แต่ละเหลี่ยมเจาะเป็นซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปยืนก่ออิฐถือปูนทั้งองค์

 7. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติหริภุญไชย

           พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติหริภุญไชย ตั้งอยู่ถนนอินทยงยศเยื้องกับวัดพระธาตุหริภุญชัย เริ่มก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2470 โดยพระยาราชกุลวิบูลย์ภักดีสมุหเทศาภิบาลมณฑลพายัพ ต่อมากรมศิลปากรได้ดำเนินการก่อสร้างอาคารแห่งใหม่เสร็จเมื่อ พ.ศ. 2517 ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงโบราณวัตถุแบ่งเป็น 3 ห้อง คือห้องจัดแสดงใหญ่ เป็นห้องโถงยาวอยู่ชั้นบนของตัวอาคารมีการจัดแสดงวัตถุออกเป็น 3 สมัย คือสมัยก่อนหริภุญไชย สมัยหริภุญไชย และสมัยล้านนา ได้แก่ พระพุทธรูป เศียรพระพุทธรูป พระพิมพ์ และเทวดา เป็นต้น, ห้องจัดแสดงศิลปพื้นบ้านและเครื่องไม้จำหลัก เป็นห้องจัดแสดงเล็กที่อยู่อาคารเล็กชั้นเดียวมีโถงเชื่อมจากชั้นบนของอาคารหลังใหญ่ วัตถุที่แสดงเป็นศิลปะสมัยล้านนา รัตนโกสินทร์ แสดงออกถึงภูมิปัญญาท้องถิ่น เช่น เครื่องใช้ในครัวเรือน เครื่องมือตีเหล็ก เครื่องมือทอผ้า เครื่องดนตรีพื้นบ้าน พานดอกไม้เชี่ยนหมาก เป็นต้น และห้องศิลาจารึก เป็นห้องโถงเปิดโล่งอยู่ชั้นล่างของตัวอาคาร จัดแสดงศิลาจารึกสมัยหริภุญไชย ราวพุทธศตวรรษที่ 17 และศิลาจารึกสมัยล้านนา สมัยพุทธศตวรรษที่ 20 เป็นต้นไป

          ทั้งนี้เปิดทำการวันพุธ-อาทิตย์ เวลา 09.00 น. ถึง 16.00 น. ปิดวันจันทร์ วันอังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 0 5351 1186 หรือเว็บ haripunchaimuseum.net และ เฟซบุ๊ก พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หริภุญไชย ลำพูน

 8. ถนนคนเดินจังหวัดลำพูน

           ถนนคนเดินจังหวัดลำพูน จัดขึ้นที่ถนนรอบเมืองในบริเวณหน้าประตูนครหริภัญชัย อินทยงยศ อำเภอเมืองลำพูน "คืนวิถีชีวิตให้ชุมชน คืนถนนให้คนเดิน" จำหน่ายสินค้าพื้นเมือง สินค้าทำมือ อาหารอร่อยขึ้นชื่อของเมืองลำพูน นอกจากจะได้เลือกซื้อสินค้าแล้วที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของวัดเก่าแก่ จวนผู้ว่าฯ บ้านเก่าในอดีต วัดพระธาตุ มีการแสดงทางศิลปวัฒนธรรมด้านหน้าพิพิธภัณฑ์อีกด้วย ทั้งนี้ ถนนคนเดินเปิดขายทุกวันศุกร์ ตั้งแต่เวลาประมาณ 15.00 น. เป็นต้นไป

 9. The Sun New Center

           แรงบันดาลใจที่เนรมิต The Sun New Center ของ คุณสุรพล ดวงเกิด ผู้รักธรรมชาติและอยากมอบความสุขให้แก่บ้านเกิด ด้วยมุมมองของนักธุรกิจที่ต้องเหน็ดเหนื่อยกับการทำงาน จึงหาเวลาพักผ่อนในวันหยุดพาครอบครัวไปท่องเที่ยวธรรมชาติ บนเนื้อที่ 50 ไร่ พื้นที่ติดภูเขา ลมพัดเย็นสบายตลอดทั้งวัน จัดแบ่งเป็นโซนสวนน้ำ 7 ไร่ และโซนเครื่องเล่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ทากาด้า จานหมุนยักษ์มหัศจรรย์, Water Ball ลูกบอลน้ำ, สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความตื่นเต้นพบกับเครื่องเล่น Adventure เช่น รถ ATV, บันจี้จัมพ์, เก้าอี้หมุนอวกาศ และเรือไวกิ้ง นอกจากนี้ ยังมีเครื่องเล่นสำหรับเด็กเล็กอย่างรถมินิ บ้านลม เจ็ทการ์ตูน และชิงช้าสวรรค์สูง 18 เมตร ที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพของโครงการ ในมุมสูง Bird’s eye view ได้อย่างจุใจ โดยสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ thesunnewcenter.com


 10. ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงพระบาทห้วยต้ม

ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงพระบาทห้วยต้ม

          โครงการหลวงเพียงแห่งเดียวที่ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดลำพูน ตำบลนาทราย อำเภอลี้ มีพื้นที่รับผิดชอบ 24,631 ไร่ สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 480-500 เมตร มีหมู่บ้านในความรับผิดชอบ 9 หมู่บ้าน โดย 8 หมู่บ้านเป็นหมู่บ้านชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงที่บริโภคอาหารมังสาวิรัติ ได้แก่ กะเหรี่ยงโปว์และกะเหรี่ยงสะกอ ซึ่งสภาพพื้นที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลไม่มากนัก ความโดดเด่นของพื้นที่แห่งนี้นอกจากเป็นแปลงสาธิตในศูนย์ฯ แล้ว ยังมีเรื่องราวของวัฒนธรรมประเพณีของชาวเขาเผ่ากระเหรี่ยงกับวิถีชีวิตที่น่าสนใจ โดยในปี พ.ศ. 2521 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จเยี่ยมราษฎรบ้านพระบาทห้วยต้ม ทรงทอดพระเนตรเห็นสภาพพื้นที่และชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎรชาวเขา ทรงมีพระราชดำริว่า "หมู่บ้านแห่งนี้ขาดแคลนที่ทำกิน ชาวบ้านเป็นโรคขาดสารอาหาร โดยเฉพาะเด็ก ๆ และชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงได้อพยพมารวมกันอยู่เช่นนี้เป็นผลดีในการหักล้างทำลายป่า ลดพื้นที่ปลูกฝิ่นทางอ้อม จะได้ไม่ไปรับจ้างชาวเขาเผ่าอื่นอีกด้วย" จากนั้นทรงมีพระกรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ รับหมู่บานพระบาทห้วยต้มอยู่ในการดูแลของมูลนิธิโครงการหลวง
     
ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงพระบาทห้วยต้ม

          กิจกรรมการท่องเที่ยว ได้แก่ การท่องเที่ยวเชิงเกษตร ชมแปลงสาธิตพันธุ์พืช เช่น มะม่วงพันธุ์นวลคำ มัลเบอร์รี คะน้าดอยคำ มะเฟืองสายพันธุ์ไต้หวัน ฯลฯ ชมการเลี้ยงหมูหลุมและกระต่ายที่บ้านแม่หละ หมู่ที่ 17 และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เช่น วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ซึ่งในบริเวณวัดมีรอยพระพุทธบาท พิพิธภัณฑ์วัดพระบาทห้วยต้ม รวมถึงสรีระของท่านครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนาให้เข้าชมและสักการะ โดยการเข้าเที่ยวชมวัดให้งดเส้นการน้ำเนื้อสัตว์เข้าสู่ภายในบริเวณวัด นอกจากนี้ ยังมีพระมหาธาตุเจดีย์ศรีเวียงชัย อันเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนเกิดปีมะเมียให้แวะมาสักการะ  ชมวิถีชีวิตกะเหรี่ยงโบราณบ้านน้ำบ่อน้อย ชุมชนดั้งเดิมมีการสร้างบ้านแบบโบราณไม่ใช้ตะปู มีความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย บริเวณพื้นที่มีตำนานเล่าขานเกี่ยวกับเมืองใต้ดิน บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์และรอยพระบาท ชมงานหัตถกรรมเครื่องเงิน ที่มีเอกลักษณ์ลวดลายที่สะท้อนวิถีชีวิตของชนเผ่ากะเหรี่ยง และการออกแบบลวดลายต่าง ๆ ซึ่งดัดแปลงจากธรรมชาติ เช่น ปลา ใบไม้ ดอกไม้ เมล็ดข้าว ตามวิถีชีวิตที่ผูกพันกับธรรมชาติ ปัจจุบันเป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ซึ่งที่นี่นับได้ว่าเป็นแหล่งผลิตแหล่งใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ ฯลฯ

ตั๊กออแกไนท์ลำพูน รับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ 
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคลำพูน
นางรำลำพูนเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคลำพูน
ลำพูนรําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคลำพูน
รําบวงสรวงพญานาคลำพูน
ฟ้อนบูชาพญานาคลำพูน
รําบวงสรวงพญานาคลำพูน

  ติดต่อสอบถามเรา        
            


281
ที่เที่ยวลำปาง - 10 ที่เที่ยวเมืองต้องห้ามพลาดลำปาง เมืองที่ไม่หมุนตามกาลเวลา

ถ้าพูดถึงที่เที่ยวลำปาง หลาย ๆ คนจะนึกถึงวัดพระธาตุลำปางหลวง รถม้า กาดกองต้า หรือชามตราไก่ แต่จริง ๆ แล้วลำปางยังมีที่เที่ยวอีกมากมายให้ไปสัมผัส และเราเคยนำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวลำปางไปแล้วในกระทู้ เที่ยวลำปางกับ 10 สถานที่สุดประทับใจน่าไปสัมผัส วันนี้เราเลยขอหยิบเอาที่เที่ยวลำปางอื่น ๆ มาแนะนำกันด้วย บอกเลยว่า...ลำปางจะไม่ใช่เมืองทางผ่านสำหรับการเดินทางไปยังจังหวัดอื่น ๆ อีกต่อไป

1. ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง

            ก่อนไปเที่ยวที่อื่น ๆ เริ่มแรกเราชวนให้ไปสักการะศาลเจ้าพ่อหลักเมือง บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดลำปางด้านตะวันตกเฉียงใต้ อำเภอเมืองลำปาง กันก่อนค่ะ สันนิษฐานว่าได้สร้างขึ้นเมื่อร้อยกว่าปีมาแล้ว โดยมีการสร้างหลักที่หนึ่งเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2400 ตามด้วยหลักที่สองในปี พ.ศ. 2416 และหลักที่สามในปี พ.ศ. 2429 ครั้นต่อมาในปี พ.ศ. 2440 ได้มีการสร้างศาลากลางจังหวัดขึ้น จึงได้นำหลักเมืองนี้มาไว้บริเวณหน้าศาลากลาง และได้สร้างมณฑปครอบหลักเมืองทั้งสามในปี พ.ศ. 2511 ปัจจุบันศาลหลักเมืองเป็นที่เก็บรวบรวมเสาหลักเมืองโบราณอยู่นานนับศตวรรษจากที่ต่าง ๆ และยังเป็นที่ประดิษฐาน "หลวงพ่อดำ" พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวลำปางเคารพยิ่ง

2. วัดจองคำ พระอารามหลวง

            ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านหวด อำเภองาว เป็นอีกหนึ่งวัดที่ชาวงาวให้ความเคารพศรัทธา ด้วยเป็นวัดเก่าแก่ มีความสวยงามไม่แพ้วัดไหนในภาคเหนือ สันนิษฐานว่าสร้างโดยชาวไทใหญ่ เพราะอาคารต่าง ๆ ภายในวัดมีสถาปัตยกรรมแบบศิลปะไทใหญ่ วิหารที่สร้างขึ้นใหม่ ก็ยังคงศิลปะแบบดั้งเดิมไม่ผิดเพี้ยน สิ่งที่โดดเด่นอีกอย่างของที่นี่ก็คือ "พระมหาเจดีย์พุทธคยา" ซึ่งสร้างจำลองมาจากเจดีย์พุทธคยาในประเทศอินเดีย สูงประมาณ 51 เมตร มีเจดีย์องค์เล็กอยู่รอบทั้ง 4 ทิศ ตกแต่งอย่างสวยงามทั้งด้านนอกและด้านใน

            สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก เจดีย์พุทธคยา วัดจองคำ พระอารามหลวง อ.งาว จ.ลำปาง Bodhgaya WatChongkham

เที่ยวลำปาง

3. วัดพระธาตุดอยพระฌาน

           วัดที่ตั้งอยู่บนยอดเขาอันเงียบสงบบนภูเขาที่เรียกว่า "ดอยพระฌาน" สามารถมองเห็นทิวทัศน์และทัศนียภาพที่สวยงามของอำเภอแม่ทะ เห็นทิวเขาต้นไม้เขียวขจีได้รอบทิศ ในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาวในช่วงเช้าสามารถชมทะเลหมอกอันงดงามได้อีกด้วย ทั้งนี้วัดมีพื้นที่ 2 ส่วน คือ พื้นที่ด้านล่างซึ่งเป็นตัววัด และพื้นที่บนยอดเขาเป็นที่ตั้งของพระธาตุ ซึ่งต้องขับรถต่อไปจากตัววัดประมาณ 4-5 กิโลเมตร

เที่ยวลำปาง

4. วัดพระเจดีย์ซาวหลัง

            วัดเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของลำปาง ตั้งอยู่ที่ตำบลต้นธงชัย อำเภอเมือง ภายในวัดมีสิ่งสำคัญมากมาย เช่น "องค์พระธาตุเจดีย์ซาว" เป็นศิลปะล้านนาผสมศิลปะพม่า เชื่อกันว่าหากใครนับได้ครบ 20 องค์ ถือว่าเป็นคนมีบุญ ทั้งนี้ข้างหมู่พระเจดีย์จะมีวิหารหลังเล็กประดิษฐานพระพุทธรูปสำริด ปางสมาธิ ศิลปะเชียงแสน ชาวบ้านเรียกว่าพระพุทธรูปทันใจ, "พระอุโบสถหลังใหญ่" ที่ประดิษฐานพระประธาน เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ที่มีพุทธลักษณะงดงาม

          "พิพิธภัณฑสถานเขลางค์นคร" สถานที่แสดงโบราณวัตถุที่ชาวบ้านนำมาถวายเมื่อ พ.ศ. 2526 ชาวบ้านได้ขุดพบพระพุทธรูปทองคำบริสุทธิ์หนัก 100 บาท 2 สลึง แล้วนำมามอบให้แก่ทางวัด ซึ่งพระพุทธรูปองค์นี้ชื่อว่า "พระแสนแซ่ทองคำ" เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะสมัยล้านนา อายุราวพุทธศตวรรษที่ 21 ขนาดหน้าตักกว้าง 9 นิ้วครึ่ง สูง 15 นิ้ว ซึ่งเป็นพระพุทธรูปทองคำองค์แรกที่ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณวัตถุแห่งชาติ

5. วัดศรีชุม

            วัดศรีชุม ตั้งอยู่บริเวณถนนศรีชุม-แม่วะ ตำบลศรีชุม อำเภอเมืองลำปาง นับเป็นวัดพม่าที่ใหญ่ที่สุดที่มีอยู่ในประเทศไทย สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2433 โดยคหบดีพม่าชื่ออูโย ผู้ติดตามชาวอังกฤษเข้ามาทำงานด้านป่าไม้ในประเทศไทย ความโดดเด่นของวัดนี้คือ "พระวิหาร" ที่เป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ ตกแต่งด้วยศิลปะแบบล้านนาและพม่า มีหลังคาเครื่องไม้ยอดแหลมแกะสลักเป็นลวดลายสวยงามมาก และวัดศรีชุมได้รับการจดทะเบียนเป็นโบราณสถานเมื่อ พ.ศ. 2524 ก่อนจะเกิดเหตุเพลิงไหม้พระวิหารทั้งหลังเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2535 เหลือเพียงไม้แกะสลักลวดลายพรรณพฤกษาฉลุโปร่งตรงซุ้มประตูทางขึ้นวิหารเท่านั้น ปัจจุบันได้มีการบูรณะวัดนี้ขึ้นใหม่ และนำชิ้นส่วนเครื่องประดับอาคารที่ถูกไฟไหม้ไปจัดแสดงไว้ด้านหลังวิหาร

6. วัดปงสนุก

            ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านปงสนุก ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเมืองลำปาง สร้างขึ้นในสมัยเจ้าอนันตยศ ซึ่งเป็นราชบุตรของพระนางจามเทวีแห่งหริภุญไชย (จังหวัดลำพูนในปัจจุบัน) ไฮไลต์สำคัญของวัดนี้คือ "วิหารพระเจ้าพันองค์" ที่ได้รับรางวัลการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมดีเด่นจากยูเนสโก ปี 2008 เป็นวิหารสร้างด้วยไม้ โครงสร้างของวิหารมีลักษณะเป็นมณฑปเปิดโล่งตรงกลางประดิษฐานพระพุทธรูปสี่องค์ พระพักตร์แต่ละองค์ก็หันออกไปยังทิศทั้งสี่ ส่วนหลังคามีลักษณะซ้อนกันสามชั้น รวมไปถึงเสาสี่เหลี่ยมที่ค้ำตัววิหารก็มีลวดลายอันน่าวิจิตรปรากฏให้เห็นอยู่แทบทุกต้น และบริเวณด้านบนรอบในของตัววิหารได้รับการประดับด้วยพระพิมพ์องค์เล็กจำนวนมากถึง 1,080 องค์ นี่จึงเป็นที่มาของชื่อ วิหารพันองค์ ที่ใช้เรียกกันอย่างติดปาก

7. วัดอักโขชัยคีรี

            ตั้งอยู่บริเวณ กม.ที่ 50 บนทางหลวงหมายเลข 1035 ตำบลวิเชตนคร อำเภอแจ้ห่ม โดดเด่นด้วยวิหารบนเขาสูง ต้องเดินขึ้นบันไดไปประมาณ 227 ขั้น ด้านบนมีทั้งวิหารและพระธาตุ ภายในวิหารยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปยืนองค์ใหญ่ เรียกว่า พระศากยมุณีคีรีอักโข ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่ชาวเมืองแจ้ห่มให้ความเคารพศรัทธาอย่างมาก สิ่งที่น่าสนใจของวัดนี้อยู่ตรงที่ปรากฏการณ์เงาสะท้อนภาพหัวกลับของพระธาตุ ที่จะสามารถชมได้ภายในวิหารชมเงา โดยภาพที่ปรากฏจะเป็นภาพสีของพระธาตุกลับหัวอย่างสวยงาม นอกจากนี้ยังมีหินไม้โบราณ เป็นซากไม้ดึกดำบรรพ์ให้ชมอีกด้วย นักท่องเที่ยวที่สนใจจะไปดูเงาสะท้อนพระธาตุกลับหัว สามารถไปชมได้ตั้งแต่เวลา 07.00-17.00 น. ของทุกวัน

8.  วัดพระธาตุจอมปิง

            ชวนไปบ้านจอมปิง ตำบลนาแก้ว อำเภอเกาะคา ชมสิ่งมหัศจรรย์แห่งเงาสะท้อนของพระธาตุกลับหัว ผ่านรูเล็ก ๆ บนหน้าต่างที่เผยความงามให้เห็นบนพื้นภายในพระอุโบสถตลอดเวลา ในช่วงที่มีแสงสว่างทั้งกลางวันและกลางคืน ณ วัดพระธาตุจอมปิง วัดโบราณที่มีตำนานการสร้างมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าติโลกราชแห่งอาณาจักรล้านนา นอกจากนี้ยังมีวัตถุโบราณต่าง ๆ ที่ขุดพบภายในบริเวณวัดนำมาจัดแสดงให้ได้ศึกษาเรียนรู้กันอีกด้วย

9. วัดบุญวาทย์วิหาร

            วัดหลวงวัดแรกของจังหวัดลำปาง ตั้งอยู่ที่ถนนบุญวาทย์ ตำบลหัวเวียง อำเภอเมืองลำปาง เดิมชื่อ "วัดกลางเมือง" เป็นวัดที่ใช้ประกอบพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาของเจ้านายมาแต่โบราณ ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2347 สมัยพระเจ้าคำโสม เจ้าผู้ครองนครลำปาง ได้รื้อวิหารหลังเก่าแล้วสร้างใหม่ และเปลี่ยนชื่อเป็นวัดหลวงไชยสัณฐาน ต่อมาเจ้าบุญวาทย์วงศ์มานิต เจ้าผู้ครองนครลำปาง เห็นความทรุดโทรมลงมากจึงรื้อแล้วสร้างใหม่ และให้หล่อพระประธานองค์ใหม่คือ "พระพุทธรุปพระเจ้าตนหลวง" แล้วเปลี่ยนชื่อวัดใหม่ว่า วัดบุญวาทย์บำรุง ในปี พ.ศ. 2458 วัดบุญวาทย์ได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวงสามัญชั้นตรี และได้รับพระราชทานนามใหม่ว่า "วัดบุญวาทย์วิหาร"

10. สำนักสงฆ์ดอยวังเฮือ

            ตั้งอยู่บ้านผาลาด ตำบลพระบาท อำเภอเมืองลำปาง สำนักสงฆ์แห่งนี้ตั้งอยู่บนเนินเขา ซึ่งห่างจากชุมชนค่อนข้างมาก จึงทำให้มีความเงียบสงบ ภายในพระวิหารของสำนักสงฆ์เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นามว่า โคตมะ สิ่งมหัศจรรย์ได้เกิดขึ้นเมื่อหลวงพ่อภูริปัญโญภิกขุ ได้บอกให้เราค่อย ๆ เอามือไปป้องแสงที่จุดใดจุดหนึ่งของพระพุทธรูปก็ได้ จากเนื้อพระพุทธรูปสีขาวกลับกลายเป็นสีเขียวส่องสะท้อนขึ้นมา จากนั้นหลวงพ่อให้พวกเราช่วยกันปิดหน้าต่าง และเมื่อความมืดมาเยือน พระพุทธรูปทั้งองค์ก็ได้เรืองแสงสีเขียวปรากฏออกมาให้พวกเราต้องร้องว้าว !! ทันที ซึ่งเมื่อมองไปที่ใบหน้าของพระพุทธรูปก็จะเห็นว่าเป็นพระพักตร์ที่งดงาม แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม เมื่อได้มากราบไหว้จึงรู้สึกอิ่มเอมใจอย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียว

ตั๊กออแกไนท์ลำปางรับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ 
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคลำปาง
นางรำลำปางเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคลำปาง
ลำปางรําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคลำปาง
รําบวงสรวงพญานาคลำปาง
ฟ้อนบูชาพญานาคลำปาง


  ติดต่อสอบถามเรา        
            




282
17 ที่เที่ยวแม่ฮ่องสอน ที่เที่ยวหน้าหนาว สายต่อนยอน ต้องมาเช็คอิน
 แม่ฮ่องสอน เป็นอีกจังหวัดที่ควรค่าแก่การปักหมุดไปเที่ยว แม้จะต้องฝ่าพันกว่าโค้งเพื่อไปเที่ยวที่นี่ก็คุ้มที่จะไป เที่ยวหน้าหนาว กันที่นี่ เพราะเป็นจังหวัดที่มีที่เที่ยวเยอะมาก ทั้ง ที่เที่ยวธรรมชาติ ทะเลหมอก อากาศดีๆ อาหารอร่อย รวมไปถึงวัฒนธรรมอันหลากหลายของคนหลายชนชาติมารวมกัน ทำให้เป็นจังหวัดที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจ และเราจะพามาเช็คลิสต์กันกับ 17 ที่เที่ยวแม่ฮ่องสอน ถ้าจะไปแอ่ว แม่ฮ่องสอน แล้ว ที่ไหนที่ไม่ควรพลาดอย่างเด็ดขาด! มาดูกันค่ะ

ประวัติจังหวัดแม่ฮ่องสอน หลงเสน่ห์ เมืองสามหมอก
ไหว้พระ 9 วัดสวย แม่ฮ่องสอน จัดทริปทำบุญทั่วเมือง
ที่เที่ยวแม่ฮ่องสอน

ที่เที่ยวแม่ฮ่องสอน ต้องเช็คอิน
1. ทุ่งดอกบัวตอง
ดอยแม่อูคอ

       ทุ่งดอกบัวตอง ดอยแม่อูคอ อยู่ที่อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน ค่ะ ที่นี่จะสวยงามอร่ามมากๆ เมื่อดอกบัวตองทั้ง 500 ไร่ บานสะพรั่งพร้อมๆ กันในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ค่ะ ทุ่งดอกบัวตองจะถูกรายล้อมด้วยหุบเขาสลับซับซ้อน ราวกับนำเอาสีเหลืองสดใสมาสาดละเลงจนทั่ว รับรองว่าคุ้มค่าที่จะไปเพื่อให้ได้เห็นภาพนี้จริงๆ ค่ะ

      สำหรับปีนี้จะมีงานเปิดงานเทศกาลทุ่งบัวตอง ประจำปี 2563 ใน วันที่ 6 พฤศจิกายน 2563 ค่ะ ใครที่อยากชมความสวยงามแบบนี้ ต้องไปปักหมุดที่นี่เลยจ้า

2. บ้านรักไทย
หมู่บ้านชาวจีนยูนนาน

ที่เที่ยวแม่ฮ่องสอน บ้านรักไทย หมู่บ้านชาวจีนยูนนาน
      บรรยากาศท่ามกลางขุนเขา ทะเลหมอก ดอกไม้บานสะพรั่ง และชาอุ่นๆ ต้องมาที่นี่เลยค่ะ บ้านรักไทย หมู่บ้านชาวจีนยูนนาน ที่รายล้อมด้วยหุบเขาใหญ่ แม่ฮ่องสอน บรรยากาศของที่นี่ทำให้แทบไม่รู้สึกว่าอยู่เมืองไทย จังหวะนึงแอบเผลอๆ คิดไปว่ากำลังอยู่ในฉากของหนังจีนกำลังภายในสักเรื่องเลยทีเดียว
      นอกจากเรื่องของอากาศที่ดีมากๆ แล้ว พื้นที่ของบ้านรักไทยนั้นก็เหมาะอย่างยิ่งกับการปลูกชาพันธุ์ดี และพืชเมืองหนาวอีกด้วยค่ะ ที่นี่จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อในเรื่องของชา และขาหมูหมั่นโถวมาก

3. ปางอุ๋ง
ทะเลสาบสายหมอก

ปางอุ๋ง แม่ฮ่องสอน ล่องแพ
       ปางอุ๋ง ที่ใครๆ ต่างขนานนามให้เป็นสวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย ดูจะไม่ใช่คำกล่าวที่เกินจริงค่ะ ด้วยความงามของทิวสนลำต้นสูงใหญ่ รายล้อมรอบอ่างเก็บน้ำที่สงบนิ่ง อากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปี รวมถึงหงส์ที่แหวกว่ายเล่นในทะเลสาบ เป็นภาพที่น่าประทับใจมากๆ

ปางอุ๋ง ที่เที่ยวแม่ฮ่องสอน ล่องแพ

       นอกจากนี้ ปางอุ๋ง ยังเป็นโครงการเนื่องในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9 เพื่อส่งเสริมพัฒนาอาชีพ และความเป็นอยู่ของราษฎรกลุ่มน้อยในบริเวณนี้ให้ดีขึ้น รวมถึงฟื้นฟู และอนุรักษ์ธรรมชาติให้มีความสมบูรณ์ยั่งยืนอีกด้วย

4. สะพานประวัติศาสตร์ปาย
 
ที่เที่ยวปาย แม่ฮ่องสอน สะพานประวัติศาสตร์ปาย

      สะพานประวัติศาสตร์ปาย นอกจากความสวยงามตามธรรมชาติแล้ว ต้องขอบอกว่าขนลุกพอสมควร เพราะที่แห่งนี้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นเป็นจุดสำคัญที่ทางกองทัพญี่ปุ่นลำเลียงเสบียงอาหาร และยุทโธปกรณ์ต่างๆ เพื่อเข้าสู่ประเทศพม่านั่นเองค่ะ
ที่เที่ยวปาย แม่ฮ่องสอน สะพานประวัติศาสตร์ปาย

      ทุกวันนี้ สะพานแห่งนี้จึงกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของเมืองปาย นอกจากจะมีป้ายนิทรรศการต่างๆ ที่บอกเล่าประวัติความเป็นมาของตรงนี้แล้ว สองข้างทางยังมีร้านค้าขายของที่ระลึกต่างๆ สำหรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย

5. พระธาตุดอยกองมู
สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองแม่ฮ่องสอน

พระธาตุดอยกองมู แม่ฮ่องสอน
      วัดพระธาตุดอยกองมู ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเองแม่ฮ่องสอนนัก สำหรับชาวเมืองแล้วที่นี่นับเป็นปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมืองมาแต่ครั้งโบราณ แต่เดิมมีชื่อว่า วัดปลายดอย สร้างด้วยศิลปะแบบพม่าค่ะ
พระธาตุดอยกองมู แม่ฮ่องสอน

      วัดพระธาตุดอยกองมู อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอน เมื่อเราเดินมายังจุดชมวิวที่อยู่ด้านหลังองค์พระธาตุทั้งสอง ก็จะพบกับวิวสวยๆ แบบเต็มๆ ตาของเมืองแม่ฮ่องสอนแบบไร้สิ่งบดบัง สวยงาม และคุ้มค่าอย่างยิ่งกับการเดินทางขึ้นมาค่ะ

6. กองแลน
แคนยอนเมืองปาย
 
ที่เที่ยวแม่ฮ่องสอน กองแลน แคนยอนปาย

      อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งถือว่าเป็นความอัศจรรย์จากธรรมชาติ มีความงดงามไม่แพ้ที่ใด นั่นก็คือ กองแลน หรือ ปายแคนยอน ค่ะ พื้นที่เขาแห่งนี้เกิดจากการยุบตัวของดินและการกัดเซาะด้วยลมและฝนในบริเวณกว้าง จนเกิดเป็นร่องลึกและหน้าผาสูงชัน พื้นดินบางส่วนยุบตัวลงไปมากจนเหลือเพียงทางแคบๆ ลักษณะคล้ายแพะเมืองผีในจังหวัดแพร่ เป็นอีกที่ที่น่าไปเที่ยวสุดๆ

ที่เที่ยวแม่ฮ่องสอน กองแลน แคนยอนปาย

7. Thom’s Pai Elephant Camp
ปาย


      Thom’s Pai Elephant Camp เป็นแคมป์ช้างแห่งแรกในอำเภอปาย และเป็นแคมป์ช้างแห่งแรกที่มีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ขี่ช้างกันแบบไม่มีเก้าอี้นั่งอีกด้วย น่าตื่นเต้นมากๆ ค่ะ โดยเส้นทางขี่ช้างจะเริ่มต้นจากหน้าแคมป์ช้างไปตามถนน จากนั้นก็จะเลี้ยวซ้ายเข้าไปในป่า ตัดผ่านไร่ข้าวโพด ไร่ถั่วเหลือง ที่กำลังโตเขียวขจี จากบริเวณนั้นสามารถมองเห็นผืนไร่และทิวเขาสลับซับซ้อนของปายสวยงามมากอีกด้วย

8. ทะเลหมอกหยุนไหล
ปาย

      จุดชมวิวทะเลหมอกหยุนไหล ตั้งอยู่ในอำเภอปาย เลยหมู่บ้านสันติชลขึ้นไปอีกประมาณ 1.6 กิโลเมตรค่ะ ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะนอนค้างที่ปาย แล้วตอนเช้ามืดก็มารวมตัวกันเพื่อขึ้นรถของชาวบ้านที่หน้าหมู่บ้านสันติชลไปดูทะเลหมอก
      นอกจากจุดชมธรรมชาติที่แสนสวยงามนี้แล้ว ยังมีของอร่อยขึ้นชื่อที่ต้องห้ามพลาดอย่างหมั่นโถว และชาร้อนๆ เป็นมื้อเช้าที่แสนจะชิล และอร่อย

9. หมู่บ้านสันติชล
ปาย
 
     บ้านสันติชล เป็นหมู่บ้านศูนย์วัฒนธรรมจีนยูนนานของชาวเขาเชื้อสายจีนยูนนานที่อพยพเข้ามาตั้งบ้านเรือนอยู่ในเมืองไทย อีกหนึ่งที่เที่ยวสวยของแม่ฮ่องสอนค่ะ มาชิลที่นี่เหมือนได้ไปเที่ยวไทย ในบรรยากาศเมืองนอก ฟีลเหมือนไปเมืองจีนทีเดียวค่ะ

     เราจะเห็นบ้านดินตั้งเรียงรายอยู่ในหุบเขาเป็นสไตล์จีนยูนนานทั้งหมด เป็นร้านขายของต่างๆ มีทั้งของกิน ของใช้ เครื่องรางต่างๆ นอกจากนั้น ยังมีร้านน้ำชามากมาย เพราะที่นี่ขึ้นชื่อในเรื่องของชา และสมุนไพรจีน

10. ถนนคนเดินปาย

ถนนคนเดินปาย ตลาดกลางคืน แม่ฮ่องสอน

      ถนนคนเดินปาย ตั้งอยู่ที่ ตำบลเวียงใต้ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ค่ะ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งในเมืองปายเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
ถนนคนเดินปาย ตลาดกลางคืน แม่ฮ่องสอน

      นอกจากของฝาก ของดีต่างๆ แล้ว ยังมีร้านอาหารดีๆ ร้านกาแฟน่ารักๆ มากมายหลายร้านเต็มถนนสายนี้เลยทีเดียว เรียกได้ว่าเป็นแหล่งฮิปๆ และชิลสำหรับนักท่องเที่ยวทีเดียวค่ะ ใครจะใช้เวลาว่างมานั่งจิบกาแฟดีๆ เขียนโปสการ์ดถึงเพื่อนก็ได้บรรยากาศดีๆ เหมือนกัน
11. ซูตองเป้
สะพานไม้ไผ่แห่งศรัทธา
 
สะพานซูตองเป้ แม่ฮ่องสอน

      ซูตองเป้ เป็นภาษาไทยใหญ่ แปลว่า อธิษฐานสำเร็จสัมฤทธิผล ค่ะ ที่มาของชื่อนี้เกิดจากแรงกายแรงใจของทั้งพระภิกษุ สามเณร ชาวบ้านกุงไม้สัก และคณะศรัทธาต่างๆ ที่ร่วมกันสร้างขึ้นเพื่อให้พระภิกษุสามเณรจากสวนธรรมภูสมะ และชาวบ้านในบริเวณนั้นได้สัญจรไป-มา ทำให้เกิดเป็นสะพานไม้ไผ่

ที่เที่ยวแม่ฮ่องสอน สะพานซูตองเป้ ถ่ายรูปสวย

      ในช่วงหน้านา ตรงทั่วทั้งบริเวณนี้จะเขียวชอุ่มไปด้วยนาข้าว จึงกลายเป็นอีกแลนด์มาร์คในการมาเที่ยว ถ่ายรูปสวยๆ ของนักท่องเที่ยวนั่นเองค่ะ

12. สวนธรรมภูสมะ
ซูตองเป้

สวนธรรมภูสมะ ซูตองเป้ แม่ฮ่องสอน

      สวนธรรมภูสมะ เป็นพุทธศาสนสถาน และสถานที่ปฏิบัติธรรม ที่อยู่ด้านบนเนินเล็กๆ ปลายสุดของ สะพานซูตองเป้ ที่นี่ตกแต่งด้วยศิลปะพม่าและไทใหญ่ มีเอกลักษณ์และสวยงาม รายล้อมด้วยทุ่งนาอันสงบเงียบ บรรยากาศเหมาะกับการไปซึมซับหลักธรรม ในยามเช้าพระสงฆ์จะออกบิณฑบาตบนสะพานซูตองเป้ เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมไปใส่บาตรทำบุญค่ะ
สวนธรรมภูสมะ ซูตองเป้ เที่ยวแม่ฮ่องสอน

13. น้ำพุร้อนไทรงาม
ปาย
     น้ำพุร้อนธรรมชาติไทรงาม หรือ โป่งน้ำร้อนไทรงาม นี้อยู่ห่างจาก อำเภอปายไปทางแม่ฮ่องสอน ราวๆ 12 กิโลเมตรค่ะ ที่นี่เป็นที่เที่ยวที่นักท่องเที่ยวไทยยังรู้จักกันไม่เยอะเท่าไหร่ เลยมีแต่นักท่องเที่ยวต่างชาติค่ะ ที่มารีแลกซ์นอนแช่น้ำสบายๆ กัน เรียกได้ว่าเป็น ออนเซ็นแบบไทยๆ ได้เลยทีเดียวค่ะ
      น้ำพุร้อนไทรงามนี้เป็นคล้ายๆ บ่อน้ำผุดขึ้นตามธรรมชาติ และมีน้ำใสสีเขียวมรกต รวมไปถึงอุณหภูมิของน้ำที่อุ่นๆ ไม่ร้อนจนเกินไป รวมไปถึงการแช่น้ำพุร้อนก็จะทำให้ผิวพรรณอีกด้วยค่ะ
14. วัดพระธาตุแม่เย็น
วัดพระธาตุแม่เย็น ที่เที่ยวปาย วัดสวย แม่ฮ่องสอน
      วัดพระธาตุแม่เย็น เป็นอีกหนึ่ง ที่เที่ยวปาย ที่สวยงามทั้งในเรื่องของพระพุทธรูป พระพุทธโลกุตระมหามุนี พระพุทธรูปสีขาวองค์ใหญ่ และวิวสวยๆ ของเมืองปายค่ะ ที่นี่ถือเป็นวัดศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองปายมาเป็นเวลานานโดยไม่ปรากฏหลักฐานผู้สร้าง อีกทั้งยังมี เจดีย์พระธาตุแม่เย็น เป็นเจดีย์ทรงระฆังฐานกลม สูงประมาณ 3 เมตร มียอดฉัตรแบบเจดีย์พม่าที่สวยงาม
วัดพระธาตุแม่เย็น ที่เที่ยวปาย วัดสวย แม่ฮ่องสอน

15. วัดศรีดอนชัย
วัดสวย แม่ฮ่องสอน ที่เที่ยวปาย วัดศรีดอนชัย

      ใครที่ได้มาเที่ยวปาย ต้องแวะไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองปายสักครั้งที่ วัดศรีดอนชัย ค่ะ วัดแห่งนี้เป็นวัดแรกของเมืองปาย ที่มีอายุกว่า 700 ปีเลยทีเดียว อีกทั้งที่นี่ยังเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธสิหิงส์ พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของปายอีกด้วย

วัดสวย แม่ฮ่องสอน ที่เที่ยวปาย วัดศรีดอนชัย

16. ถ้ำน้ำลอด

       ถ้ำน้ำลอด เป็นที่เที่ยวธรรมชาติในจังหวัดแม่ฮ่องสอนที่เรียกได้ว่า Unseen ไม่เบาค่ะ เราสามารถไปเที่ยวที่นี่ได้ตลอดทั้งปี แต่จะเป็นการล่องแพเข้าไปด้านในโดยมีเจ้าหน้าที่เป็นผู้นำทางไปค่ะ ภายในถ้ำจะมีลำห้วยชื่อว่า น้ำลางไหล ลอดผ่านภูเขาเข้าไปและทะลุไหลออกอีกด้านหนึ่ง มีหินงอกหินย้อยสวยงามค่ะ

      นอกจากนี้ ที่นี่ยังเป็ยสานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจทางประวัติศาสตร์อีกด้วย เพราะมีการค้นพบเครื่องมือเครื่องใช้ในสมัยโบราณภายในถ้ำที่มีอายุถึง 2,000 ปีเลยทีเดียว

17. ดอยพุ่ยโค
ทะเลหมอก แม่ฮ่องสอน ดอยพุ่ยโค  เที่ยวธรรมชาติ
     ดอยพุ่ยโค ตั้งอยู่ที่ บ้านอุมดาเหนือ จังหวัดแม่ฮ่องสอนค่ะ ที่นี่เป็นอีกจุด ชมทะเลหมอก ที่สวยงาม ที่จะเห็นวิวไปรอบถึง 360 องศากันไปเลยทีเดียว โดยเราจะต้องเดินขึ้นเขาไปประมาณ 3 กิโลเมตร หรือประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ เรียกได้ว่าไม่ไกลมากเท่าไหร่ เหมาะกับการไปกางเต็นท์ รับลมหนาว อากาศดีๆ
ตั๊กออแกไนท์แม่ฮ่องสอน รับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ 
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคแม่ฮ่องสอน
นางรำแม่ฮ่องสอนเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคแม่ฮ่องสอน
แม่ฮ่องสอนรําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคแม่ฮ่องสอน
รําบวงสรวงพญานาคแม่ฮ่องสอน
ฟ้อนบูชาพญานาคแม่ฮ่องสอน
รําบวงสรวงพญานาคแม่ฮ่องสอน

  ติดต่อสอบถามเรา        
            



283
เที่ยวได้ตลอดปี 10 ที่เที่ยวแพร่ มนตร์เสน่ห์เมืองเล็กเงียบสงบ

 เที่ยวแพร่ สัมผัสมนตร์เสน่ห์แห่งล้านนา เต็มไปด้วยร่องรอยทางประวัติศาสตร์น่าเรียนรู้ ผู้คนใช้ชีวิตเรียบง่าย อีกทั้งยังเป็นเมืองที่เงียบสงบ

           จังหวัดแพร่ เป็นจังหวัดที่ใครหลายคนมองข้าม เพราะเป็นทางผ่านไปยังจังหวัดสุดฮิตอื่น ๆ ในภาคเหนือ แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าเมืองแพร่นี้มีความน่ารักไม่แพ้เมืองอื่น ๆ ของภาคเหนือเลยทีเดียว เพราะแพร่เป็นเมืองเก่าแก่ที่มีตำนานเล่าขานถึงความรุ่งเรืองมายาวนาน รวมถึงเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยร่องรอยทางประวัติศาสตร์ อีกทั้งยังมีแหล่งธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ให้ไปเยือนได้ตลอดทั้งปี แต่สิ่งที่ดึงดูดนักเดินทางให้ไปเยือนสักครั้งก็คือความเรียบง่ายที่แฝงไปด้วยเสน่ห์หลากหลาย รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย เอาเป็นว่าลองไปดู 10 ที่เที่ยวแพร่ที่เราหยิบมาฝากกันดีกว่า เผื่อจะทำให้ตัดสินใจไปเที่ยวแพร่ได้ง่ายขึ้น
เที่ยวแพร่

1. วัดพระธาตุช่อแฮ

           วัดพระธาตุช่อแฮ พระอารามหลวง ตั้งอยู่บนถนนช่อแฮ ตำบลช่อแฮ อำเภอเมืองแพร่ ถือเป็นปูชนียสถานอันศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองแพร่ และเป็นวัดพระธาตุประจำปีเกิดของผู้ที่เกิดปีขาลอีกด้วย ว่ากันว่าหากมาจังหวัดแพร่แล้วไม่ได้มานมัสการพระธาตุช่อแฮก็เหมือนไม่ได้มาจังหวัดแพร่ ทั้งนี้ในทุกปีจะมีการงานนมัสการพระธาตุในระหว่างวันขึ้น 9 ค่ำ-ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 (ประมาณเดือนมีนาคม) โดยใช้ชื่องานว่า "งานประเพณีไหว้พระธาตุช่อแฮเมืองแพร่แห่ตุงหลวง"

2. วัดพระธาตุจอมแจ้ง

           ตั้งอยู่บ้านไคร้ ตำบลช่อแฮ อำเภอเมืองแพร่ เลยพระธาตุช่อแฮไป 1 กิโลเมตร เป็นวัดสำคัญอีกแห่งหนึ่งของเมืองแพร่ที่ผู้คนนิยมเดินทางเข้ามาสักการะพระธาตุจอมแจ้ง อันเป็นที่บรรจุพระเกศาธาตุและพระบรมสาริกธาตุพระหัตถ์เบื้องซ้ายของพระพุทธเจ้า องค์พระธาตุจอมแจ้งนี้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1331 ไม่ปรากฏชื่อผู้สร้าง พระธาตุสีทององค์นี้สูง 29 เมตร ฐานกว้าง 10 เมตร มีรูปทรงคล้ายพระธาตุช่อแฮ โดยเป็นเจดีย์ทรงพุ่มศิลปะผสมระหว่างสุโขทัยกับศิลปะเวียงโกศัยที่ยังอยู่ในลักษณะค่อนข้างสมบูรณ์ ทั้งนี้เดิมเรียกกันว่าพระธาตุจวนแจ้ง เนื่องจากสมัยที่พระพุทธองค์เสด็จมาถึงสถานที่นี้จวนสว่างพอดี และต่อมาเพี้ยนเป็นจอมแจ้งจนถึงปัจจุบัน

           หลังจากสักการะองค์พระธาตุจอมแจ้งแล้ว ภายในบริเวณวัดนั้นยังมีพระพุทธรูปยืนขนาดใหญ่ปางนาคปรกประดิษฐานอยู่คู่กับองค์พระธาตุ มีพระนอนปางไสยาสน์องค์ใหญ่ ในลานปฏิบัติธรรมที่อยู่บริเวณซ้ายมือของทางเข้าประตูวัด ขณะที่ภายในวิหารมีหลวงพ่อจอมแจ้งซึ่งมีอายุประมาณ 600 กว่าปี เป็นพระประธาน ด้านหลังมีองค์พระธาตุเก่าแก่อีกองค์หนึ่งซึ่งไม่ได้บูรณปฏิสังขรณ์ ยังคงไว้ในรูปแบบของการก่อสร้างด้วยอิฐ โดยทุกปีในวันขึ้น 11 ค่ำ-15 ค่ำ เดือน 5 เหนือ (เดือน 3 ใต้) จะมีการจัดงานนมัสการพระธาตุจอมแจ้ง ให้ประชาชนเดินทางมาสักการะพระธาตุและหลวงพ่อจอมแจ้งเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต

3. พระธาตุดอยเล็ง

           พระธาตุดอยเล็ง ตั้งอยู่บนภูเขาสูง ในตำบลช่อแฮ อำเภอเมืองแพร่ อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของพระธาตุช่อแฮ ประมาณ 3 กิโลเมตร เป็นปูชนียสถานสำคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดแพร่ ที่อยู่คู่กับพระธาตุช่อแฮและพระธาตุจอมแจ้งมายาวนาน แม้ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้างว่าเกิดขึ้นเมื่อใด แต่จากคำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ในอดีตที่โยงเรื่องราวของทั้งสามพระธาตุได้อย่างต่อเนื่องกัน

           พระธาตุดอยเล็งแห่งนี้ได้รับการบูรณะมาอย่างต่อเนื่อง และเมื่อถึงเดือน 4 ใต้ (เดือน 6 เหนือ) ขึ้น 15 ค่ำ ซึ่งตรงกับช่วงงานประเพณีไหว้พระธาตุช่อแฮ เมืองแพร่แห่ตุงหลวง พระธาตุดอยเล็งแห่งนี้ก็จะมีการจัดงานประเพณีขึ้นดอยเล็งในช่วงเดียวกัน เปิดให้ประชาชนเดินทางขึ้นมาสักการะเพื่อระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พร้อม ๆ กับชมวิวอันงดงามของจังหวัดแพร่จากบนนั้น สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ประชาสัมพันธ์จังหวัด โทรศัพท์ 0 5567 1466

4. วัดพระบาทมิ่งเมืองวรวิหาร

           วัดพระบาทมิ่งเมืองวรวิหาร ตั้งอยู่ถนนเจริญเมือง อำเภอเมืองแพร่ แต่เดิมนั้นเป็นวัดราษฎร์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2498 ได้ยกฐานะเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ประเภทวรวิหาร โดยวัดพระบาทมิ่งเมืองมาจากสองวัดรวมกัน ได้แก่ วัดพระบาทและวัดมิ่งเมือง ตั้งอยู่ห่างกันเพียงมีถนนกั้นเท่านั้น วัดพระบาทเป็นวัดของอุปราชหรือเจ้าหน้าหอ ส่วนวัดมิ่งเมืองเป็นวัดของเจ้าผู้ครองนครแพร่ เมื่อเมืองแพร่ล้มเลิกระบบเจ้าผู้ครองนคร วัดทั้งสองก็ถูกทิ้งอยู่ในสภาพทรุดโทรมมาก กระทั่งคณะกรรมการจังหวัดเห็นสมควรรวมสองวัดเข้าด้วยกัน ให้ชื่อว่า "วัดพระบาทมิ่งเมือง" มาจนทุกวัน

           ปัจจุบันวัดนี้เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธโกศัยศิริชัยมหาศากยมุนี พระคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดแพร่ และยังมีพระเจดีย์มิ่งเมืองซึ่งเป็นเจดีย์เก่าแก่มีรอยพระพุทธบาทจำลองอยู่ภายใน นอกจากนี้วัดนี้ยังเป็นที่ตั้งของมูลนิธิยาขอบอนุสรณ์เพื่อระลึกถึง "ยาขอบ" หรือ นายโชติ แพร่พันธุ์ นักเขียนผู้ล่วงลับไปแล้วซึ่งเป็นทายาทเจ้าเมืองแพร่คนสุดท้าย

เที่ยวแพร่

5. พิพิธภัณฑ์เมืองแพร่คุ้มเจ้าหลวง

           ตั้งอยู่บนถนนคุ้มเดิม ตำบลในเวียง อำเภอเมืองแพร่ เป็นสถาปัตยกรรมสมัยรัชกาลที่ 5 ยุคต้น ซึ่งมีรูปทรงเป็นแบบสถาปัตยกรรมไทยผสมยุโรปหรือทรงขนมปังขิง ซึ่งเป็นที่นิยมในสมัยนั้น หลังคามุงด้วยไม้เรียกว่า "ไม้แป้นเกล็ด" ไม่มีหน้าจั่วเป็นแบบหลังคาเรือนปั้นหยามีมุขสี่เหลี่ยมยื่นออกมา ด้านหน้าของตัวอาคารหลังคามุขมีรูปทรงสามเหลี่ยมทั้งปั้นลม และชายคาน้ำรอบตัวอาคารประดับด้วยไม้แกะฉลุสลักลวดลายอย่างสวยงาม ซึ่งเป็นฝีมือช่างชาวจีนที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้น นอกจากนี้ยังมีใต้ถุนอาคารซึ่งเคยใช้เป็นคุกกักขังนักโทษ แต่ปัจจุบันเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับนักเรียน นักศึกษา

           ส่วนภายในอาคารด้านบนจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้เก่าแก่ของเจ้าหลวงพิริยเทพวงศ์ และแม่เจ้าบัวไหล อาทิ เครื่องเรือน โต๊ะเสวย ถ้วยชาม เตียงนอน เครื่องแต่งกาย เป็นต้น ใครที่สนใจประวัติศาสตร์และของเก่าต้องหลงรักที่นี่แน่นอน ทั้งนี้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานคุ้มเจ้าหลวง โทรศัพท์ 0 5452 4158

เที่ยวแพร่

6. วนอุทยานแพะเมืองผี

           "วนอุทยานแพะเมืองผี" เพียงแค่ได้ยินชื่อหลายคนอาจจะรู้สึกกลัว แต่ที่นี่ไม่ได้น่ากลัวอย่างชื่อ แพะเมืองผี ตั้งอยู่ที่ตำบลน้ำชำ อำเภอเมืองแพร่ เป็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ เกิดจากการทับถมกันของดินตะกอนแม่น้ำนานนับล้าน ๆ ปี แต่เมื่อน้ำฝนชะล้าง กัดเซาะ ทำให้พื้นดินบริเวณนี้เกิดเป็นรูปร่างแปลกสวยงาม และสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้เรื่อย ๆ เพราะน้ำฝนและลมจะกัดเซาะตลอด ที่นี่ไม่ใช่เพียงแค่ที่ท่องเที่ยวที่ชวนตื่นตาเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งเรียนรู้ทางธรณีวิทยาที่สำคัญอีกด้วย ซึ่งสามารถท่องเที่ยววนอุทยานแพะเมืองผีได้ตลอดทั้งปี

7. ถ้ำผานางคอย

           ถ้ำกลางป่าอันเป็นส่วนหนึ่งของภูเขาหินปูนอำเภอร้องกวาง เต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยสวยวิจิตรอลังการราวกับประติมากรรมจากธรรมชาติที่ได้สรรค์สร้างไว้ให้มนุษย์ได้ชื่นชม เมื่อร้อยเรียงเข้ากับตำนานพื้นบ้านบอกเล่าถึงที่มาของเสาหิน รูปทรงผู้หญิงกำลังอุ้มลูกน้อยเพื่อรอคอยการกลับมาของชายอันเป็นที่รักนั้น ซึ่งได้กลายเป็นที่มาของชื่อ "ถ้ำผานางคอย" ยิ่งทำให้ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความน่าสนใจ

           ปัจจุบันถ้ำผานางคอยได้รับการปรับปรุงให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่ มีการปรับภูมิทัศน์ พัฒนาเส้นทาง ติดไฟ และป้ายบอกถึงความเป็นมาประวัติศาสตร์บอกเล่าตำนาน "ผานางคอย" ไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มรูป ซึ่งถ้ำแห่งนี้มีความสูงจากด้านล่างจนถึงปากถ้ำ 50 เมตร และภายในถ้ำระยะทางจากปากถ้ำจนถึงทางออกอีกด้านยาวถึง 150 เมตร ทางเดินนั้นมีทั้งกว้างและแคบสลับกันไป โดยแบ่งออกเป็น 13 จุด ให้นักท่องเที่ยวได้ชม แต่ที่เป็นไฮไลท์ของถ้ำคือ "หินนางคอย" โดยจะได้พบกับหินปูนที่หยดย้อยลงมาก่อเกิดรูปทรงเหมือนหญิงสาวกำลังก้มหน้าโอบอุ้มลูกน้อยนั่งอยู่บนแท่นหิน และต้องยืนอยู่ห่างออกมาประมาณ 10 เมตร จึงจะมองเห็นได้ชัดว่าเป็นรูปร่างเหมือนผู้หญิงอุ้มลูก ถัดจากหินนางคอยไปเล็กน้อยจะพบปากถ้ำอีกด้านหนึ่งที่สูงขึ้นไป ซึ่งปากถ้ำด้านหลังนั้นมีความกว้างกว่า 15 เมตร เปิดให้แสงสว่างส่องลอดเข้ามาภายในถ้ำได้เป็นอย่างดี อีกทั้งก่อนถึงปากถ้ำด้านหลังชาวบ้านได้นำพระพุทธรูปตั้งไว้เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้กราบไหว้บูชาและขอพรก่อนเดินทางกลับ

8. โอ้โฮ ! สองบ้านนา

           แหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่จะพาคุณหวนกลับสู่ธรรมชาติในธีมน่ารักว่า "โอ้โฮ ! สองบ้านนา" โดยสองบ้านนาที่เอ่ยถึงนั้นประกอบด้วยบ้านนาตอง ตำบลช่อแฮ และบ้านนาคูหา ตำบลสวนเขื่อน ทั้งสองบ้านนี้อยู่ห่างกันเพียง 30 กิโลเมตร และสามารถเดินทางท่องเที่ยวทั้งสองบ้านภายในวันเดียว

           บ้านนาคูหา โดดเด่นด้วยสภาพอากาศเย็นตลอดปี มีทัศนียภาพสวยงาม มีลำห้วยแม่แคมไหลผ่าน ชาวบ้านส่วนใหญ่ทำสวนและเลี้ยงสาหร่ายน้ำจืดหรือเตาเป็นอาชีพเสริม โดยได้แปรรูปเป็นข้าวเกรียบเตา สาหร่ายแผ่นทอดกรอบ สบู่เตา และเป็นที่ตั้งของพุทธอุทยานดอยผาสวรรค์เฉลิมพระเกียรติ ร.9  ซึ่งมีสถานที่สำคัญภายในหลายแห่ง อาทิ ศูนย์ปฏิบัติธรรมมหาโพธิวงศาจริยาราม พระพุทธชยันตีมหัศจรรย์  พระเจ้าหยกทิพย์ พระเจ้าทันใจ

           บ้านนาตอง เป็นหมู่บ้านที่มีลำห้วยแม่ก๋อนไหลผ่านกลางหมู่บ้านจึงทำให้มีอากาศเย็นสบายตลอดปี ชาวบ้านมีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย นอกจากความงามความเงียบสงบตามธรรมชาติแล้ว  บ้านนาตองยังเป็นที่อยู่ของเต่าปูลู ซึ่งเป็นเต่าหางยาวและอาศัยอยู่ในเฉพาะพื้นที่ที่มีน้ำสะอาดเท่านั้น สิ่งที่น่าสนใจอื่น ๆ ของบ้านนาตอง ได้แก่ พระธาตุเจดีย์ศรีนาตอง ณ วัดธรรมานุภาพซึ่งเป็นจุดชมวิวบ้านนาตองในมุมสูง และพิพิธภัณฑ์บ้านนาตอง ซึ่งมีโครงกระดูกมนุษย์โบราณอายุกว่า 4,500 ปีที่ค้นพบในถ้ำบ้านนาตอง จัดวางให้ชมอยู่ และใครที่ต้องการสัมผัสวิถีบ้านนาตองอย่างเต็มอิ่ม ที่นี่มีโฮมสเตย์ให้บริการอีกด้วย

9. หมู่บ้านทุ่งโฮ้ง


           หมู่บ้านทุ่งโฮ้ง เป็นหมู่บ้านในเขตอำเภอเมือง ที่มีผลิตภัณฑ์พื้นบ้านขึ้นชื่อมาก ได้แก่ ผ้าหม้อห้อม ซึ่งถือกันว่ามีเนื้อดี ทนทาน และสวยงาม นักท่องเที่ยวนิยมซื้อหาไว้เป็นของที่ระลึก อาชีพหลักของชาวบ้านทุ่งโฮ้งคือการทำผ้าหม้อห้อมแท้ เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นของบรรพบุรุษ ที่สืบทอดมาหลายชั่วอายุคน และเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดแพร่ จนได้รับการคัดเลือกเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยว OTOP เชิงหัตถกรรม (OTOP Village Champion Handicrafts Tourism)

           ซึ่ง "หม้อห้อม" เป็นคำพื้นเมืองจากคำสองคำคือ "หม้อ" และ "ห้อม" หม้อ เป็นภาชนะอย่างหนึ่งที่ใช้ในการบรรจุน้ำ หรือของเหลวมีทั้งเล็กและใหญ่ ส่วนห้อมเป็นพืชล้มลุกชนิดหนึ่งที่ใช้ลำต้นและใบมาหมักในน้ำตามกรรมวิธีที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ จะให้เป็นสีกรมท่าโดยนำผ้าขาวไปย้อมให้เป็นสีกรมท่าที่เรียกว่า "ผ้าหม้อห้อม" ซึ่งผ้าหม้อห้อมเป็นชุดแต่งกายประจำถิ่นของชาวแพร่และชาวบ้านทุ่งโฮ้งที่สวมใส่ในชีวิตประจำวัน และงานประเพณีต่าง ๆ จึงถือเป็นเอกลักษณ์เลยทีเดียว ใครที่สนใจพักค้างคืนที่หมู่บ้านแห่งนี้เพื่อสัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวบ้านอย่างลึกซึ้งก็สามารถติดต่อทางหมู่บ้านเพื่อพักแรมที่โฮมสเตย์ได้

10. แก่งหลวง

           ผจญภัยไปตามลำน้ำยมที่แก่งหลวง ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำยม และเหตุที่ใช้ชื่อว่าแก่งหลวง เพราะที่แห่งนี้เป็นบริเวณที่แม่น้ำยมไหลมารวมตัวกันจนเป็นแอ่งขนาดใหญ่และลึกมาก มีน้ำตลอดปี และด้วยทั่วบริเวณเต็มไปด้วยโขดหินใหญ่น้อยเรียงรายอยู่กลางแม่น้ำ เมื่อน้ำไหลมาปะทะจะเกิดฟองฝอยสาดกระเซ็นสวยงาม เหมาะกับการนั่งแพและล่องแก่งเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ฝั่งตรงข้ามแก่งหลวงยังมี ถ้ำเอราวัณ ซึ่งเป็นถ้ำที่สวยงามที่สุดของจังหวัดแพร่ มีความลึกประมาณ 200 เมตร ภายในถ้ำมีห้องโถงกว้าง ตระการตาด้วยหินงอกหินย้อยอยู่ทั่วไปรูปร่างคล้ายช้างเอราวัณ สำหรับการชมถ้ำนั้นต้องนำไฟฉายมาเอง หรือสามารถเช่าไฟฉายได้

           ที่ตั้ง : ตั้งอยู่ที่ตำบลแม่ปาน ห่างจากตัวเมืองแพร่ไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 11 ประมาณ 63 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวาเข้าไปประมาณ 8 กิโลเมตร โดยตั้งอยู่ที่อุทยานแห่งชาติดอยผากลอง ผู้ที่สนใจล่องแก่งและชมถ้ำเอราวัณ หรือต้องการสอบถามข้อมูลการพักแรม สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดแพร่ โทรศัพท์ 0 5464 6205 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานแพร่ (รับผิดชอบแพร่ น่าน และอุตรดิตถ์) โทรศัพท์ 0 5452 1127 และ 0 5452 1118-9

           จริง ๆ แล้วที่เที่ยวแพร่ยังมีอีกมากมาย เอาเป็นว่าหากใครมีโอกาสก็อย่าลืมแวะมาเที่ยวแพร่ หรือมาลองใช้ชีวิตให้นิ่ง เสพความเรียบง่าย เรื่อย ๆ ไม่เร่งรีบ ณ เมืองแพร่กันดูนะคะ

ตั๊กออแกไนท์แพร่รับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ 
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคแพร่
นางรำแพร่เพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคแพร่
แพร่รําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคแพร่
รําบวงสรวงพญานาคแพร่
ฟ้อนบูชาพญานาคแพร่
รําบวงสรวงพญานาคแพร่

  ติดต่อสอบถามเรา        
            





284
12 ที่เที่ยวพะเยา ไปแอ่วพะเยาเมื่อไรต้องไม่พลาด
 จังหวัดพ12 ที่เที่ยวพะเยา ไปแอ่วพะเยาเมื่อไรต้องไม่พลาดเขตภาคเหนือที่มีธรรมชาติสวยงาม มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย พร้อมทั้งยังเป็นเมืองที่เงียบสงบ ชาวบ้านยังคงใช้ชีวิตกันแบบเรียบง่าย อากาศบริสุทธิ์สดชื่น ทำให้ทั้งคนท้องถิ่นและผู้มาเยือนต่างตกหลุมรักเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้

          ใครจะไปคาดคิดว่าเมืองพะเยาที่เรามองข้ามกันจะมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่ทำให้เราเบิกบานใจ เติมเต็มความสุข เพิ่มพลังงานในชีวิตให้เราได้อย่างเต็มเปี่ยม วันนี้เราจึงจะพาทุกคนไปแอ่วเมืองพะเยากันค่ะ ไปลัดเลาะรอบเมือง ตามป่าเขา ดูกันค่ะว่าเมืองแห่งนี้จะมีอะไรน่าเที่ยวบ้าง

เที่ยวพะเยา
 
 

1. กว๊านพะเยา

          สถานที่ท่องเที่ยวอันเป็นเอกลักษณ์แห่งจังหวัดพะเยา "กว๊าน" เป็นภาษาพื้นเมืองล้านนา หมายถึง หนองน้ำ หรือบึงน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งกว๊านพะเยาก็ได้ครอบคลุมพื้นที่มากถึง 12,831 ไร่ ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมืองพะเยา มีลักษณะเป็นบึงรูปพระจันทร์เสี้ยวเกือบครึ่งวงกลม มีความลึกเฉลี่ยประมาณ 1.5 เมตร เป็นแอ่งน้ำที่รวบรวมลำห้วยต่าง ๆ 18 สาย ภายในบึงเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลากว่า 50 ชนิด มีภูเขาโอบล้อมอย่างสวยงาม โดยรอบกว๊านพะเยามีการปลูกต้นไม้อย่างร่มรื่น สวยงาม เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเมือง รวมทั้งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามมากอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดพะเยา

เที่ยวพะเยา

2. ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงปังค่า

          ตั้งอยู่ที่ตำบลผาช้างน้อย อำเภอปง จังหวัดพะเยา ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 22,505 ไร่ ภายในโครงการหลวงมีการส่งเสริมให้ชาวไทยภูเขาและคนท้องถิ่นปลูกพืชผักผลไม้ และดอกไม้เมืองหนาว นักท่องเที่ยวจึงสามารถเที่ยวชมแปลงปลูกไม้ดอกไม้ประดับ และผักผลไม้ อาทิ แว็กซ์ฟลาวเวอร์, มะเขือการ์ตูน, ฟักทองยักษ์, ฟักทองสีขาว, สวนลิ้นจี่ ฯลฯ ได้อย่างเพลิดเพลิน นอกจากนี้ที่นี่ยังมีบ้านพักไว้รับรองนักท่องเที่ยวอีกด้วย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงปังค่า โทรศัพท์ 0 5440 1023

3. อนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง

          ตั้งอยู่ที่สวนสาธารณะเทศบาลเมืองพะเยา ถนนเลียบกว๊านพะเยา ตำบลเวียง อำเภอเมืองพะเยา เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่คนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวต่างพากันมาไหว้ขอพร พ่อขุนงำเมืองเป็นกษัตริย์ปกครองเมืองภูกามยาว ลำดับที่ 9 (1801-1841) ในยุคของพระองค์เป็นยุคที่รุ่งเรืองมาก พระองค์เป็นผู้ทรงอิทธิฤทธิ์ มีการเล่าขานต่อกันมาว่า ไม่ว่าพระองค์จะเสด็จไปทางไหน "แดดก็บ่อฮ้อน ฝนก็บ่อฮำ จักให้แดดก็แดด จักให้บดก็บด" นั่นจึงเป็นที่มาของพระนามว่า "งำเมือง"

          นอกจากนี้พระองค์ยังเป็นสหายร่วมสาบานกับพ่อขุนเม็งรายแห่งเมืองเชียงราย และพ่อขุนรามคำแหงแห่งกรุงสุโขทัยอีกด้วย ซึ่งทั้ง 3 พระองค์ก็ได้เคยกระทำสัตย์ต่อกัน ณ แม่น้ำอิง บริเวณสถานีประมงน้ำจืดพะเยาปัจจุบัน ใครมาเที่ยวพะเยาก็อย่าลืมมาไหว้ขอพรที่นี่กันด้วยนะ

4. อุทยานแห่งชาติดอยภูนาง

          อุทยานแห่งชาติดอยภูนาง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวค่อนข้างมาก ด้วยมีสภาพป่าที่อุดมสมบูรณ์ มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย อาทิ น้ำตกธารสวรรค์, น้ำตกห้วยต้นผึ้ง, วนอุทยานไดโนเสาร์แก่งหลวง, ถ้ำใหญ่ปางงุ้น, อ่างเก็บน้ำห้วยยั๊วะ, แก่งหลวง เป็นต้น แต่สิ่งที่เป็นไฮไลท์ของอุทยานแห่งชาติดอยภูนางก็คือ "ฝูงนกยูง" ซึ่งหาชมที่อื่นค่อนข้างยาก แต่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปภายในอุทยานแห่งนี้ มันจะออกมากางปีกสวย ๆ ทักทายนักท่องเที่ยวเสมอ

          อุทยานแห่งชาติดอยภูนาง มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 537,424ไร่ ครอบคลุมพื้นที่บริเวณที่ดินป่าแม่ยม ป่าแม่ต๋ำ และป่าแม่ร่องขุย ในท้องที่ตำบลปง ตำบลควร ตำบลขุนควร อำเภอปง, ตำบลบ้านถ้ำ ตำบลหนองหล่ม ตำบลบ้านปิน อำเภอดอกคำใต้ และตำบลสระ ตำบลเชียงม่วน ตำบลบ้านมาง อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา เต็มไปด้วยพืชพรรณและสัตว์ป่าหลากหลายชนิด เป็นพื้นที่ธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ เหมาะแก่การพักผ่อนอย่างแท้จริง

5. วนอุทยานภูลังกา

เที่ยวพะเยา

          ในช่วงปลายฝนต้นหนาวและช่วงหน้าหนาวของทุกปี วนอุทยานภูลังกาจะได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวค่อนข้างมาก ด้วยภายในบริเวณวนอุทยานภูลังกามีภูเขาหินปูนรูปร่างแปลกตามากมาย เป็นแหล่งกำเนิดทะเลหมอกที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองพะเยา ยามเช้าอากาศจะหนาวเย็นตลอดทั้งปี ยิ่งในช่วงหน้าหนาวจะมีบรรยากาศที่สวยงามมาก หมอกสีขาวมากมายจะลอยอย่างละมุนละไมโอบล้อมภูเขาหินปูน และสะท้อนแสงสีทองของพระอาทิตย์ในยามเช้าได้อย่างงดงามสุด ๆ อีกทั้งอากาศยังบริสุทธิ์ สูดเข้าปอดได้อย่างเต็มที่ เพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกายได้อย่างดีทีเดียว


6. อุทยานแห่งชาติป่าแม่ปืม

          อุทยานแห่งชาติที่ครอบคลุมพื้นที่ถึง 2 จังหวัด คือจังหวัดเชียงรายและจังหวัดพะเยา พื้นที่ป่าส่วนใหญ่เป็นป่าเบญจพรรณและป่าเต็งรัง เต็มไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้ป่า และสัตว์ป่ามากมาย พร้อมทั้งอ่างเก็บน้ำแม่ปืมที่โอบล้อมไปด้วยภูเขา ซึ่งมีบรรยากาศที่สวยงามผ่อนคลาย เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจได้อย่างดี

          สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของอุทยานแห่งชาติป่าแม่ปืมคือ "จุดชมวิวดอยงาม" ตั้งอยู่บริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติแม่ปืมที่ 1 (ป่าแดงงาม) เป็นภูเขายอดตัด มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 978 เมตร สามารถมองเห็นภูเขาโดยรอบ และวิวของทะเลหมอกได้อย่างสวยงามสุด ๆ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติป่าแม่ปืม โทรศัพท์ 08 0671 5033

 

7. อุทยานแห่งชาติภูซาง

          อุทยานแห่งชาติที่ครอบคลุมพื้นที่บริเวณป่าน้ำหงาวฝั่งซ้าย ในท้องที่อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย ป่าน้ำเปี๋อยและป่าน้ำหย่วน และป่าน้ำลาว ในท้องที่อำเภอเชียงคำ กิ่งอำเภอภูซาง จังหวัดพะเยา มีเนื้อที่โดยรวมประมาณ 178,049.62 ไร่ ภายในอุทยานมีพื้นที่เป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน มีเขตแดนติดกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สภาพป่าโดยรวมอุดมสมบูรณ์ เป็นป่าเบญจพรรณส่วนใหญ่ มีพืชพรรณหลากหลายชนิด พร้อมทั้งสัตว์ป่ามากมาย

เที่ยวพะเยา
น้ำตกภูซาง

          สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของที่นี่ คือ "ภูชมดาว" เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดพะเยา สามารถมองเห็นทะเลหมอกและภูเขาสลับซับซ้อนมากมายได้ไกลสุดลูกหูลูกตา ยามเช้าพระอาทิตย์ดวงกลมโตจะค่อย ๆ โผล่ขึ้นมาจากสายหมอกและสะท้อนแสงสีทองลงสู่สายหมอกสีขาวอย่างสวยงาม อากาศเย็นสบาย บรรยากาศโดยรอบโรแมนติกเกินคำบรรยาย นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอื่น ๆ อาทิ น้ำตกภูซาง, บ่อน้ำอุ่นภูซาง, ถ้ำน้ำลอด, ดอยผาดำ ฯลฯ

8. วัดพระธาตุจอมทอง

          ตั้งอยู่บนดอยจอมทอง ใกล้กับกว๊านพะเยา ห่างจากตัวเมืองพะเยาประมาณ 3 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถขับรถขึ้นไปเที่ยวชมได้ บริเวณวัดมีพระธาตุจอมทอง ซึ่งเป็นเจดีย์ทรงล้านนาสูงกว่า 30 เมตร ตั้งอย่างสง่างามอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีสีทองเหลืองอร่าม น่าเลื่อมใส ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวมักจะขึ้นมากราบไหว้ขอพรกันอยู่เสมอ โดยรอบ ๆ วัดเป็นสวนรุกขชาติ มีจุดชมวิวซึ่งสามารถมองเห็นวิวของกว๊านพะเยาได้อย่างสวยงาม

เที่ยวพะเยา

9. วัดศรีโคมคำ

          พระอารามหลวงชั้นตรี ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองพะเยา มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดในล้านนาไทย เรียกว่า "พระเจ้าองค์หลวง" มีขนาดหน้าตักกว้าง 14 เมตร สูง 16 เมตร ปัจจุบันเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดพะเยา และเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองอาณาจักรล้านนา ซึ่งในช่วงเดือนพฤษภาคม จะมีการจัด "งานประเพณีนมัสการพระเจ้าองค์หลวงเดือนแปดเป็ง" ขึ้นเป็นประจำทุกปี ซึ่งภายในงานจะมีการจัดกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมสนุกมากมาย พร้อมทั้งยังมีสินค้าและอาหารพื้นเมืองมาจำหน่ายในราคาย่อมเยาอีกด้วย

10. วัดติโลกอาราม

          วัดติโลกอาราม เป็นอีกหนึ่งวัดที่สำคัญของจังหวัดพะเยา ด้วยเป็นวัดเก่าแก่ สร้างขึ้นตั้งแต่ในช่วงปี พ.ศ. 2019-2029 ในสมัยพระเจ้าติโลกราช ถูกค้นพบในปี พ.ศ. 2482 ซึ่งเป็นโบราณสถานแห่งหนึ่งที่จมอยู่ในกว๊านพะเยา ถือได้ว่าเป็นวัดสำคัญทางประวัติศาสตร์ เพราะผู้ปกครองเมืองพะเยาในสมัยนั้นได้สร้างถวายพระเจ้าติโลกราช กษัตริย์ผู้ครองเมืองเชียงใหม่ เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติแด่พระองค์ ในฐานะกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรล้านนา


11. วัดพระธาตุสบแวน

          วัดพระธาตุสบแวน เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวพะเยาที่ห้ามพลาด ด้วยที่นี่มีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย อาทิ บ้านชาวไทลื้อ ซึ่งมีความเก่าแก่ มีลักษณะสถาปัตยกรรมตามแบบดั้งเดิมที่สมบูรณ์ และยังเป็นศูนย์หัตถกรรมทอผ้า งานหัตถกรรมจากผ้าฝ้าย, ต้นจามจุรีขนาดใหญ่อายุกว่า 100 ปี ที่สร้างความร่มรื่นให้กับวัดแห่งนี้ และที่ต้องไปสักการะกันให้ได้ก็คือ "พระธาตุสบแวน" ซึ่งเป็นเจดีย์เก่าแก่อายุมากกว่า 800 ปี ตั้งอย่างสวยงามอยู่ทางด้านหลังของวิหารภายในวัด

12. อ่างเก็บน้ำห้วยชมพู-ผาเทวดา

          หากใครชอบการผจญภัย และทำกิจกรรมแบบลุย ๆ ต้องไม่พลาดที่นี่ กิจกรรมที่โดดเด่นที่สุดก็คือการเดินป่าและโรยตัวจากหน้าผาเทวดา ซึ่งนักท่องเที่ยวจะต้องเดินเท้าเข้าป่าไปประมาณ 3 กิโลเมตร โดยเส้นทางจะค่อนข้างลำบากและท้าทาย ได้พบเห็นพันธุ์พืชต่าง ๆ ที่หลากหลาย พร้อมทั้งจุดท่องเที่ยวมากมาย เช่น ถ้ำฝนแสนห่า ที่มีน้ำตกไหลลงมาคล้ายสายฝน, น้ำตกห้วยชมพู ซึ่งมีดอกไม้ป่าสีสันสดใสสวยงาม เป็นต้น เมื่อไปถึงหน้าผาเทวดา ก็จะมีการให้นักท่องเที่ยวโรยตัวจากหน้าผาลงมาที่ความสูง 25 เมตร, 50 เมตร และ 110 เมตร โดยจะมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด

          ใครอยากไปเที่ยวเมืองเหนือแบบเงียบ ๆ ได้อยู่กับธรรมชาติและวิถีชีวิตแบบล้านนาอย่างเต็มที่ ก็ลองไปแอ่วพะเยากันได้เลยค่ะ รับรองว่าจะได้เที่ยวพักผ่อนอย่างแท้จริงแน่นอน :)

ตั๊กออแกไนท์พะเยา รับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ 
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคพะเยา
นางรำพะเยาเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคพะเยา
พะเยารําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคพะเยา
รําบวงสรวงพญานาคพะเยา
ฟ้อนบูชาพญานาคพะเยา
รําบวงสรวงพญานาคพะเยา



  ติดต่อสอบถามเรา        
            







285
12 ที่เที่ยวน่านหน้าฝน สัมผัสความสุขมุมใหม่ในช่วงกรีนซีซั่น

ที่เที่ยวน่านหน้าฝน เต็มอิ่มกับธรรมชาติช่วงกรีนซีซั่น มองทางไหนก็สดชื่นกับความเขียวขจี เพิ่มชั่วโมงแห่งความสุขและสนุกไปกับการเที่ยวมากกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว
          ช่วงเวลาที่สายฝนตกโปรยปรายพาความชุ่มฉ่ำมาเป็นระยะ ๆ สำหรับคนชอบเที่ยวแล้ว นี่นับเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาแห่งความสุขที่ได้ออกเดินทางอีกครั้ง แต่ด้วยสถานการณ์การระบาดของโควิด 19 ยังคงน่าเป็นห่วง ทำให้การเดินทางไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ไม่ค่อยสะดวกนัก วันนี้เราเลยจะพาทุกคนเที่ยวทิพย์ ด้วยการพาสำรวจที่เที่ยวน่านหน้าฝนกัน ใครที่ยังไม่เคยเที่ยวน่านช่วงฤดูกาลนี้ตามมาเลย

1. ถนนลอยฟ้า
         หลายคนน่าจะเคยได้ยินชื่อถนนลอยฟ้าสายต่าง ๆ ของจังหวัดน่านมาบ้าง ว่ากันว่าช่วงฤดูฝนหรือไม่ก็ช่วงปลายฝนต้นหนาว เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการขับรถแวะมาเยี่ยมเยือนถนนลอยฟ้า ที่นี่จะให้ความรู้สึกราวกับว่าคุณอยู่บนสรวงสวรรค์ มองเห็นถนนตัดเป็นทางสายยาว สองข้างทางเขียวขจีด้วยแมกไม้และขุนเขา โดยถนนเส้นหลัก ๆ ของน่านที่เรียกว่าถนนลอยฟ้า ประกอบด้วย 3 เส้นทาง ได้แก่
 

ถนนหมายเลข 1081 วิ่งจาก อำเภอสันติสุข ไปอำเภอบ่อเกลือ
ถนนหมายเลข 1256 วิ่งจาก อำเภอบ่อเกลือ ไปอำเภอปัว
ถนนหมายเลข 1148 วิ่งจาก อำเภอท่าวังผา-สองแคว ไปภูลังกา จังหวัดพะเยา

          ทั้งนี้ ถนนลอยฟ้าทั้ง 3 เส้นดังกล่าว บางจุดก็มีนักท่องเที่ยวถ่ายรูปเป็นจำนวนมาก ยังไงก็อย่าลืมระมัดระวังรถที่ขับขี่ผ่านไป-มากันด้วยนะ

         พิกัด Google Maps : ถนนหมายเลข 1081

         พิกัด Google Maps : ถนนหมายเลข 1256

         พิกัด Google Maps : ถนนหมายเลข 1148

2. อำเภอปัว
         มาเที่ยวน่านหน้าฝนทั้งที จะลืมมาเที่ยวอำเภอปัว ก็ดูเหมือนขาดอะไรไป อำเภอเล็ก ๆ ที่สุดแสนจะโรแมนติก เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่โหยหาบรรยากาศธรรมชาติ ขณะเดียวกันก็เสพสุขกับความเรียบง่ายและความสงบได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด พลาดไม่ได้กับวิวทุ่งนาเขียวกว้าง (ตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคม-ตุลาคม) สวยงามสะกดทุกสายตาต่อผู้ที่พบเห็น หน้าฝนนี้เห็นทีจะต้องปักหมุดแล้วเดินทางไปเช็กอิน
ที่เที่ยวน่านหน้าฝน
         +++ เที่ยวอำเภอปัว น่าน กับ 10 จุดเช็กอิน เก็บความสุขจากธรรมชาติ

         พิกัด Google Maps : อำเภอปัว

3. ดอยผาผึ้ง-ชุมชนบ้านมณีพฤกษ์
         ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านมณีพฤกษ์ มีลักษณะเป็นผาหินปูนสีขาว ในอดีตเคยมีผึ้งมาทำรังนับร้อยรัง ทั้งยังเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์มุมกว้าง มองออกไปเบื้องหน้าจะเจอกับผืนป่าปกคลุมทั่วหุบเขา นอกจากจะมีจุดชมวิวสวย ๆ แล้ว ในชุมชนบ้านมณีพฤกษ์ นักท่องเที่ยวยังสนุกไปกับกิจกรรมท่องเที่ยวต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการชิมกาแฟรสชาติคุณภาพ, เยี่ยมชมวิถีชีวิตชุมชน, ตีมีด, ปักผ้า, กินอาหารพื้นบ้าน, ชมธรรมชาติ ถ้ำ ดอย น้ำตก และสวนพืชผักและผลไม้ตามฤดูกาล และอื่น ๆ อีกมากมาย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 063 797 9039 หรือเฟซบุ๊ก บ้านมณีพฤกษ์
ที่เที่ยวน่านหน้าฝน
         พิกัด Google Maps : ดอยผาผึ้ง-ชุมชนบ้านมณีพฤกษ์
4. หมู่บ้านสะปัน
         ตั้งอยู่ในตำบลดงพญา อำเภอบ่อเกลือ เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ท่ามกลางอ้อมกอดธรรมชาติเขียวขจีของผืนป่าและทุ่งนาข้าวที่แสนอุดมสมบูรณ์ ยิ่งถ้าเป็นช่วงหน้าฝน คุณจะประทับใจกับภาพวิวตรงหน้ามากกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว แนะนำว่าให้ลองมาเดินป่าชมน้ำตกสะปัน ฟังเสียงสายน้ำ สัมผัสความเย็น รายล้อมด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ เฟิร์นหลากหลายชนิด ที่ขึ้นเขียวครึ้มไปตลอดทางเดิน นับเป็นอีกหนึ่งมุมน่ารักและมีเสน่ห์ของหน้าฝน อย่าลืมหาโอกาสมาเที่ยวกันให้ได้


         พิกัด Google Maps : หมู่บ้านสะปัน
5. ดอยสกาด
         ฟังครั้งแรกอาจจะไม่คุ้นหูเท่าไรนัก แต่หากใครลองมาเที่ยวที่นี่แล้ว ร้อยทั้งร้อยต่างต้องติดใจกับบรรยากาศธรรมชาติที่แสนจะบริสุทธิ์ ส่วนใหญ่แล้วบนดอยสกาดเป็นสถานที่เอาไว้ปลูกชาและปลูกเมี่ยง ตลอดจนการซึมซับวิถีชีวิตชาวไทยภูเขาเผ่าลัวะ ที่ยังคงรักษาวิถีชีวิตไว้อย่างเรียบง่าย สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากขึ้นมาเที่ยวดอยสกาด สามารถขับรถขึ้นมาบนนี้ได้เลย มาถึงแล้ว นอนค้างโฮมสเตย์สักคืนสองคืน เหมาะอย่างยิ่งที่จะพาตัวเองมาชาร์จความสุขอย่างเต็มเหนี่ยว
         พิกัด Google Maps : ดอยสกาด
6. ดอยเสมอดาว
         ไม่ว่าจะฤดูกาลไหนดอยเสมอดาวก็ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอยู่เสมอ เอกลักษณ์ของดอยเสมอดาวคือเนินสูงที่สามารถเดินขึ้นไปชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น จุดนี้จะสามารถมองเห็นภูเขาน้อยใหญ่สลับซับซ้อน พร้อมทั้งแม่น้ำน่านที่ไหลลัดเลาะไปตามซอกเขาได้ด้วย และมีพื้นที่เป็นลานกว้างตามสันเขาที่เหมาะสำหรับการกางเต็นท์นอนชมทะเลหมอกและนอนดูดาวเพลิน ๆ แต่ไฮไลต์ที่ไม่น่าพลาดคือ “ผาหัวสิงห์” บริเวณนี้จะมองเห็นทัศนียภาพได้แบบ 360 องศา ใกล้ ๆ กันนั้นยังเป็นที่ตั้งของ “ดอยผาชู้” สามารถมองเห็นวิวของภูเขาน้อยใหญ่สลับซับซ้อน หรือชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นได้อย่างสวยงามเช่นเดียวกัน
7. ดอยวาว
         ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาตินันทบุรี นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาเที่ยวที่นี่ มักจะมาดื่มด่ำกับบรรยากาศความสวยงามของธรรมชาติ ทะเลหมอกขาวโพลน รวมถึงแสงอาทิตย์ยามอัสดง ทอแสงประกายฉายเคลือบทับผืนป่า ท่ามกลางการโอบกอดของขุนเขาสลับซับซ้อน แต่ไม่ว่าจะมาเที่ยวในช่วงฤดูไหน ก็จะได้สัมผัสเสน่ห์แห่งความงดงามที่ไม่เหมือนกันเลยแม้แต่น้อย อยากรู้ว่าเป็นอย่างไร เห็นทีว่าต้องเดินทางมาพิสูจน์ด้วยตัวเองดูสักครั้ง
         พิกัด Google Maps : ดอยวาว
8. อุทยานแห่งชาติขุนสถาน
         สถานที่สุดพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวสายธรรมชาติ ออกเดินทางเติมเต็มชั่วโมงแห่งความสุขให้เพิ่มพูน ด้วยอุทยานแห่งชาติขุนสถานที่ตั้งอยู่บนภูเขาสูง จึงทำให้สภาพอากาศที่นี่เย็นเกือบตลอดทั้งปี ทั้งยังเป็นพื้นที่ตั้งของบ้านม้งขุนสถาน ทำไร่องุ่น ปลูกสตรอว์เบอร์รี พันธุ์พระราชทาน 80, กะหล่ำปลี จำหน่ายองุ่นไร้เมล็ด และจำหน่ายพืชผักเมืองหนาวตามฤดูกาล ถ้าจะให้ดี แนะนำว่าให้หาที่พักโฮมสเตย์ดูสัก 2-3 คืน รับประกันเลยว่าคุณจะหลงรักที่นี่เข้าเต็มเปา (สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 087 173 9549 เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติขุนสถาน จังหวัดน่าน)

9. ทุ่งนาหลังวัดภูเก็ต
         วัดภูเก็ตแห่งนี้ นอกจากจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในการมาไหว้พระกันแล้ว ในช่วงฤดูฝนแบบนี้ ที่นี่ยังมีไฮไลต์เด็ดที่น่าสนใจ โดยบริเวณด้านหลังมีลานชมวิวที่สามารถมองเห็นวิวทุ่งนาเขียวขจี ตัดกับวิวภูเขาสูงตระหง่าน วันไหนอากาศดี ๆ ก็อาจจะเจอเข้ากับสายหมอกลอยอ้อยอิ่ง เป็นอีกหนึ่งมุมสงบ ๆ ของจังหวัดน่านแบบเอ็กซ์คลูซีฟ หยิบกล้องขึ้นมาถ่ายเท่าไรก็ไม่เบื่อ งดงามราวกับสวรรค์สรรค์สร้าง ถ้าไม่มาเที่ยวช่วงนี้ ก็ไม่รู้จะมาเที่ยวตอนไหนแล้ว
       
10. จุดชมวิว 1715
         ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติดอยภูคา เป็นเส้นทางจากอำเภอปัว ไปยังอำเภอบ่อเกลือ ซึ่งที่มาของเลข “1715” มาจากระดับความสูงจากน้ำทะเล สถานที่แห่งนี้นับเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของน่าน ทิวทัศน์เบื้องหน้าพาลทำให้คุณหลงมนตร์สะกดแบบอยู่หมัด รวมถึงยังมีที่จอดรถสะดวกสบาย จอดปั๊บ เจอวิวตรงหน้าปุ๊บ แทบไม่อยากไม่เที่ยวที่อื่นต่อ การได้มาเฝ้าดูและเฝ้าชมทะเลหมอกยามเช้าที่นี่ จึงเป็นเหมือนรางวัลของชีวิต ที่หาอะไรมาเปรียบไม่ได้เลย
         
11. วังศิลาแลง
         วังศิลาแลง หรือ แกรนด์แคนยอนเมืองปัว อีกหนึ่งสถานที่สุดอันซีนที่เผยให้เห็นความสวยงามของชั้นหินที่ซ้อนทับกันอย่างมีเอกลักษณ์ ปกติแล้วนักท่องเที่ยวสามารถลงไปถ่ายรูปเล่นหรือเล่นน้ำได้ แต่สำหรับใครที่มาเที่ยวช่วงหน้าฝน น้ำจะไหลผ่านช่องหินค่อนข้างแรง เลยอยากจะเตือนเพื่อให้เพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ แต่ถึงอย่างนั้น…วังศิลาแลงก็ยังคงมีมุมถ่ายรูปสวย ๆ ให้เราได้ลั่นชัตเตอร์ไม่ต่างจากช่วงฤดูกาลไหนเลย

ที่เที่ยวน่านหน้าฝน
       
12. อุทยานแห่งชาติแม่จริม
         ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอเวียงสาและอำเภอแม่จริม อุทยานแห่งชาตินี้อาจจะยังไม่เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวมากนัก แต่บอกเลยว่าธรรมชาติสวยไม่เป็นสองรองใคร โดยมีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “ลำน้ำว้า” มาพร้อมกับกิจกรรมสุดฮิตอย่างการล่องแก่ง หรือจะนั่งขับรถชมวิวไปเรื่อย ๆ บนทางหลวงหมายเลข 1259 ก็ได้ฟีลสนุกไม่ต่างกัน นอกจากนี้ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติให้เลือกเดินมากมาย นอกจากนี้แล้ว ใกล้ ๆ ก็ยังมีหมู่บ้านชาวเขาบ้านร่มเกล้า ที่สามารถให้คุณเข้าไปชมวิถีความเป็นอยู่ของชาวเขาได้อีกด้วย (สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 080 679 9070 หรือเฟซบุ๊ก Charim National Park)

         
ที่เที่ยวน่านหน้าฝน
         ช่วงกรีนซีซั่นของจังหวัดน่าน จึงเป็นอีกหนึ่งความอันซีนที่อยากให้ทุกคนเดินทางมาสัมผัส เชื่อเราเถอะว่าคุ้มค่ากับการดั้นด้นไปจริง ๆ ใครไม่อยากพลาดความสวยงามแบบนี้ หาเวลาว่างแล้วไปเที่ยวน่านกันนะ ^ ^

ตั๊กออแกไนท์น่าน รับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ 
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคน่าน
นางรำน่านเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคน่าน
น่านรําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคน่าน
รําบวงสรวงพญานาคน่าน
ฟ้อนบูชาพญานาคน่าน
รําบวงสรวงพญานาคน่าน


  ติดต่อสอบถามเรา        
            








หน้า: 1 ... 17 18 [19] 20 21 ... 30