This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
Messages - admin
หน้า: 1 ... 16 17 [18] 19 20 ... 30
259
« เมื่อ: สิงหาคม 31, 2021, 11:46:29 PM »
12 ที่เที่ยวนครศรีธรรมราช สนุกครบรส ใครไปต้องประทับใจ
1. สวนตาสรรค์
แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติเล็ก ๆ ตั้งอยู่ริมถนนเขากลอย อำเภอขนอม ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติที่เงียบสงบ เรียบง่าย ภายในได้จัดแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่ ส่วนที่ลงเล่นน้ำและส่วนพื้นที่นั่งให้ปลาตอดเท้า (โดยเสียค่าใช้จ่ายราคา 20 บาท) โดยมีคุณตารังสรรค์ออกมาต้อนรับและบริการนักท่องเที่ยวอย่างเป็นกันเอง โดยนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเดินทางมาเป็นหมู่คณะ และจะเลือกทำเลเหมาะ ๆ ปูเสื่อ นั่งทานอาหารกินกันแบบชิล ๆ นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ที่มุ่งให้เป็นที่เที่ยวพักผ่อนช่วงวันหยุด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 089 589 3245 หรือ เฟซบุ๊ก สวนตาสรรค์
2. ล่องแพบ้านวังหอน
ตั้งอยู่ที่อำเภอชะอวด เป็นชุมชนเก่าที่ยังคงดำเนินวิถีชีวิตอย่างเรียบง่าย ที่นี่นักท่องเที่ยวจะสนุกไปกับแหล่งท่องเที่ยวภายในชุมชนอย่างกิจกรรมล่องแพไม้ไผ่ ซึ่งเป็นกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ที่นักท่องเที่ยวสามารถกระโดดน้ำ เล่นน้ำ และล่องแพได้แบบชิล ๆ ท่ามกลางต้นไม้ที่ร่มรื่นตลอดสองข้างทาง และฟินไปกับสายน้ำเย็น ๆ ลำธารใส ๆ ของคลองวังหอน ซึ่งเป็นคลองธรรมชาติที่เกิดจากป่าต้นน้ำของเทือกเขาบรรทัด ไหลลงสู่แม่น้ำปากพนัง แถมยังมีที่พักแบบเต็นท์กระโจมและกระท่อมไม้ไผ่ ให้ได้นอนท่ามกลางป่า ถ้าคุณอยากพักผ่อนสัมผัสธรรมชาติ ที่นี่เหมาะกับคุณแน่นอน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 063 191 6591, 080 695 5656 หรือ เฟซบุ๊ก ล่องแพบ้านวังหอน
3. ตลาดย้อนยุคปากพนัง
ใครแวะมาเที่ยวปากพนังต้องไม่พลาดแวะมาเที่ยว "ตลาดย้อนยุคปากพนัง" ตั้งอยู่ริมฝั่งคลองบางฉลาก เป็นอีกหนึ่งตลาดที่สะท้อนภาพบรรยากาศในอดีตของวิถีชีวิตชาวใต้ สนุกสนานและครื้นเครงกับดนตรีที่คอยขับกล่อม เหล่าพ่อค้าแม่ขายต่างแต่งกายย้อนยุค ที่ช่วยสร้างสีสันให้กับการเดินเที่ยวตลาดอยู่ไม่น้อย พลาดไม่ได้กับการหาของอร่อย ๆ ทั้งของคาวและอาหารท้องถิ่นขึ้นชื่อ อย่างหมี่ผัดปากพนัง ข้าวยำ ลูกชุบ ขนมหวานต่าง ๆ รสชาติอร่อยเกือบทุกร้าน ลองใครได้มาเที่ยว เป็นต้องหอบหิ้วของกินไปเต็มมือและเต็มพุง เปิดทุกวันอาทิตย์ เวลา 14.00-20.00 น. ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ตลาดย้อนยุค @ ปากพนัง
4. ตลาดริมน้ำเชียรใหญ่
ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำปากพนัง (คลองเชียรใหญ่) เพลิดเพลินไปกับการชิมขนมพื้นบ้าน อาหารพื้นเมือง สินค้า OTOP ของดีเชียรใหญ่มากมาย พร้อมชมธรรมชาติและทัศนียภาพสองฝั่งแม่น้ำ อีกทั้งนักท่องเที่ยวยังสามารถล่องเรือพาย เรือหางยาวเที่ยวชมธรรมชาติ ทัศนียภาพและวิถีชีวิตดั้งเดิมสองฝั่งคลองได้อีกด้วย โดยตลาดริมน้ำเชียรใหญ่ เปิดทุกวันเสาร์ เวลา 15.00-21.00 น. เริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่ 1 เมษายน 2560 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เทศบาลตำบลเชียรใหญ่ โทรศัพท์ 075 386 038
5. หาดหินงาม
ตั้งอยู่ที่อำเภอสิชล เป็นชายหาดที่อยู่ติดกับหาดสิชล และเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง เหมาะสำหรับการพักผ่อน และแวะชมทัศนียภาพที่สวยงามของท้องทะเล รวมถึงชมโขดหินและก้อนหินกลมเกลี้ยงสีสันสวยงามที่ประดับตามชายหาด ลักษณะของหาดเป็นหาดหินโค้งยาวขนานกับแนวคลื่นที่ซัดน้ำทะเลเข้าสู่ชายฝั่ง นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เดินทางมาเที่ยวที่หาดสิชล นิยมเล่นน้ำและพายเรือคายัก โดยตลอดแนวชายฝั่งมีสิ่งอำนวยความสะดวก ที่พัก และร้านอาหารไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย
6. ทะเลหมอกกรุงชิง
ทะเลหมอกกรุงชิง หรือจุดชมวิวเขาเหล็ก ตั้งอยู่ที่อำเภอนบพิตำ เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่หลงรักในธรรมชาติ เพราะคุณจะได้สัมผัสกับทะเลหมอกยามเช้า ซึ่งสามารถชมได้ตลอดทั้งปี แต่ถ้าเป็นช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ จะเป็นช่วงเวลาเหมาะสมในการชมทะเลหมอกมากที่สุด หรือถ้าวันไหนที่ฟ้าไม่เป็นใจ ก็อาจเห็นเพียงแค่ทิวทัศน์มุมกว้างบนยอดเขาเหล็กปลอบใจไปแทน แต่เดิมเขาเหล็กเป็นพื้นที่การทำเหมืองแร่ก่อนที่จะปิดตัวลง หลังจากนั้นชาวบ้านได้ร่วมกันพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ทั้งนี้เพื่อปลูกฝังจิตสำนึกในการดูแลรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของเขาเหล็กให้คงอยู่ตราบนานเท่านาน
7. แหลมตะลุมพุก
ตั้งอยู่ที่อำเภอปากพนัง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่รู้จักกันมาช้านาน ลักษณะของชายหาดปากพนังเป็นชายหาดยาวไปตามชายฝั่งทะเล มีแหลมตะลุมพุกเป็นแหลมทรายรูปจันทร์เสี้ยวยื่นไปในอ่าวไทย โดยชาวบ้านที่นี่ยังคงเอกลักษณ์อาชีพชาวประมง ว่ากันว่าแหลมตะลุมพุกยังคงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สะอาด เหมาะสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ ด้วยเพราะปัจจุบันแหลมตะลุมพุกมีทัศนียภาพที่สวยงาม เป็นแหล่งรวมร้านอาหารซีฟู้ดอร่อย ๆ เคล้าวิวทะเล ให้คุณได้เอร็ดอร่อยอย่างเต็มที่
8. ล่องแก่งคลองกลาย
คลองกลายเป็นคลองธรรมชาติที่มีต้นน้ำมาจากป่ากรุงชิงซึ่งอยู่บนเทือกเขาสูงในเขตอุทยานแห่งชาติเขาหลวงและอุทยานแห่งชาติเขานัน โดยนักท่องเที่ยวจะสนุกไปกับกิจกรรมล่องแก่งคลองกลาย โดยช่วงที่ดีที่สุดคือเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม เพราะน้ำจะใสและอากาศดีมาก และทำให้การล่องแก่งเป็นไปด้วยความสนุกและความตื่นเต้น โดยเส้นทางจะมีอยู่ด้วยกัน 2 ระยะ คือ ช่วงแรกระยะทาง 2.5 กิโลเมตร จากปากคลองพิตำถึงลานหินดาน ใช้เวลาล่องแก่งประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง และช่วงที่สองระยะทางกว่า 6 กิโลเมตร จากปากคลองพิตำถึงบ้านทุ่งใน ใช้เวลาล่องแก่งประมาณ 3 ชั่วโมง โดยทั้ง 2 ระยะ สภาพของแก่งและสายน้ำจะมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ องค์การบริหารส่วนตำบลกรุงชิง โทรศัพท์ 075 752 600 หรือเว็บไซต์ krungching.go.th
9. อุทยานแห่งชาติน้ำตกโยง
ครอบคลุมพื้นที่อำเภอทุ่งสง อำเภอฉวาง อำเภอนาบอน มีสภาพป่าและทิวทัศน์ที่อุดมสมบูรณ์ และมีฝนตกชุกเกือบตลอดทั้งปี โดยช่วงที่เหมาะสมในการเดินทางมาเที่ยวจะอยู่ในช่วงมกราคม-กรกฎาคม พลาดไม่ได้กับการชื่นชมความสวยงามของ "น้ำตกโยง" อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานเพียง 300 เมตร ประกอบด้วยทั้งหมด 7 ชั้น โดยมีลักษณะเด่นอยู่ที่มีน้ำไหลตลอดทั้งปี ลำธารกว้าง และสามารถเล่นน้ำได้ตลอดทั้งลำธาร เป็นน้ำตกที่ไหลลงจากหน้าผาสูงชัน มีน้ำไหลลงมาเหมือนเกลียวเชือกทำให้เกิดแอ่งน้ำขนาดใหญ่ รวมถึงยังมีน้ำตกอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น น้ำตกวังปริง, น้ำตกหนานเตย, น้ำตกคูหาสวรรค์, ค่ายผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ และยอดเขาเหมน เป็นต้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติน้ำตกโยง โทรศัพท์ 075 354 967
10. เขาพลายดำ
แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ทะเลใต้ มีลักษณะเป็นภูเขาติดทะเลแนวรอยต่อของเขตอำเภอขนอมและอำเภอสิชล ส่วนใหญ่แล้วนักท่องเที่ยวต่างติดใจในบรรยากาศที่แสนสงบ รวมถึงได้ชื่นชมวิวทิวทัศน์สวย ๆ ที่มองเห็นอ่าวท้องยางในมุมกว้าง นอกจากการชมวิวสวย ๆ แล้ว นักท่องเที่ยวยังสนุกไปกับกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น เดินเล่นริมหาดชิล ๆ, ขับรถชมวิว, ขี่จักรยานเสือภูเขา, เช่าเรือตกปลา, ชมนกป่าสวย ๆ หรือเดินป่าผจญภัย เป็นต้น โดยที่เขาพลายดำยังทั้งยังมีที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ใช้บริการอีกด้วย
11. ดูโลมาสีชมพู
ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์การท่องเที่ยวชมทะเลขนอมที่พลาดไม่ได้ เพราะที่นี่เป็นแหล่งอาศัยของโลมาสีชมพู แหวกว่ายเข้ามาปรากฏโฉมให้เห็นในระยะใกล้ ๆ เรียกเสียงฮือฮาให้กับความน่ารักของฝูงโลมาเหล่านี้ โดยโลมาสีชมพูเหล่านี้มีความคุ้นเคยกับคน โดยจะติดตามเรือหางยาวเวลาติดเครื่องเรือและจะว่ายน้ำเข้ามาหาให้เห็นได้อย่างใกล้ชิด การได้มาพบเห็นโลมาสีชมพูเหล่านี้มักมีโอกาสพบเห็นได้ค่อนข้างมาก ยกเว้นช่วงที่ฟ้าฝนไม่เป็นใจเท่านั้น
12. บ้านคีรีวง
ตั้งอยู่ที่ตำบลกำโลน อำเภอลานสกา เป็นหมู่บ้านที่มีอากาศบริสุทธิ์ เสน่ห์ของที่นี่ยังคงเต็มเปี่ยมด้วยวิถีชีวิตชาวบ้านดั้งเดิม ที่ยังคงทำอาชีพการทำสวนผลไม้ผสม นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวที่คีรีวงส่วนใหญ่ มักอยากที่จะมาสัมผัสวิถีสโลว์ไลฟ์ อย่างการเช่าจักรยานขี่เที่ยวรอบหมู่บ้าน ขี่เนิบ ๆ ชมวิวเพลิน ๆ โดยจุดเด่นของหมู่บ้านคีรีวงหนีไม่พ้นการซึมซับทัศนียภาพแห่งธรรมชาติ เพราะคีรีวงตั้งอยู่ท่ามกลางเทือกเขา ป่าไม้ และสายน้ำ และมีที่พักโฮมสเตย์ให้บริการ การลองชิมอาหารพื้นเมือง ถ้าหากมาในฤดูผลไม้ คุณจะได้อร่อยกับผลไม้นานาชนิดอีกด้วย
อย่างที่เราได้บอกเอาไว้เลยค่ะว่า "นครศรีธรรมราช" ยังคงเป็นจังหวัดที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของการท่องเที่ยวในแบบเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร หลากหลายสถานที่ยังคงไว้ซึ่งวิถีชีวิตชาวบ้านที่เรียบง่าย ซึ่งหาไม่ได้ง่าย ๆ ในโลกท่ามกลางกระแสโลกยุคสมัยใหม่ ลองหาวันหยุดยาวสองสามวัน แล้วลงใต้ไปเที่ยวนครศรีธรรมราชกันดูนะคะ แล้วคุณจะรู้เลยว่า เพราะอะไรที่นี่ยังคงความมีเสน่ห์และน่ารักไม่เสื่อมคลาย ^ ^
ตั๊กออแกไนท์นครศรีธรรมราชรับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคนครศรีธรรมราช
นางรำนครศรีธรรมราชเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคนครศรีธรรมราช
นครศรีธรรมราชรําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคนครศรีธรรมราช
รําบวงสรวงพญานาคนครศรีธรรมราช
ฟ้อนบูชาพญานาคนครศรีธรรมราช
รําบวงสรวงพญานาคนครศรีธรรมราช
ติดต่อสอบถามเรา
262
« เมื่อ: สิงหาคม 31, 2021, 09:02:56 PM »
ที่เที่ยวสระบุรี ดีต่อใจ ใกล้ชิดธรรมชาติและวัฒนธรรม ขับรถแป๊บเดียวถึง
1. ตลาดโรงคั่ว
หรือตลาดประชารัฐวัฒนธรรมโบราณลาวเวียง ตั้งอยู่ภายในพิพิธภัณฑ์บ้านใร่กาแฟ ตำบลหนองควายโซ อำเภอหนองแซง เป็นตลาดที่จำหน่ายทั้งอาหารและขนมในท้องถิ่น พร้อมทั้งนำเสนอวัฒนธรรมของชาวลาวเวียงที่อยู่ในชุมชนให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัส มีบรรยากาศแบบย้อนยุค ตกแต่งตลาดสไตล์วินเทจด้วยของเก่ามากมาย อีกทั้งในตลาดยังร่มรื่นไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่นานาชนิด บรรยากาศแบบบ้านไร่บ้านสวน ลมเย็นสบายตลอดทั้งวัน
อาหารที่ไม่ควรพลาด อาทิ ทอดมันปลา, ทอดมันไข่ยางมะตูม, ผัดไทย, หอยทอด, ราดหน้าโบราณ, ก๋วยเตี๋ยวโบราณ, ส้มตำ, หมูยอย่าง, ข้าวเกรียบว่าว, ขนมถ้วย, เฉาก๊วยนมสด, ข้าวเกรียบปากหม้อ, ขนมดอกจอก, ขนมไทยโบราณ, น้ำสมุนไพรไทย, กาแฟและชาไทยโบราณ และกาแฟสดบ้านไร่ เป็นต้น
ตลาดโรงคั่ว เปิดให้บริการทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 08.00-15.00 น. ไม่มีค่าเข้าชม ทั้งนี้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์บ้านใร่กาแฟได้ด้วย ซึ่งจะเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น. ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก บ้านใร่กาแฟ
2. สวนบิ๊กเต้ มวกเหล็ก
สวนดอกไม้ตั้งอยู่ที่ตำบลหนองย่างเสือ อำเภอมวกเหล็ก มีลักษณะเป็นสวนเบญจมาศขนาดใหญ่ ปลูกไว้ในโรงเรือนหลากหลายสายพันธุ์และสีสัน เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบดอกไม้สามารถเข้ามาเที่ยวชมและถ่ายภาพกับดอกเบญจมาศได้อย่างใกล้ชิด มีดอกเบญจมาศให้ได้ชมกันตลอดทั้งปี เปิดให้เที่ยวชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. ค่าเข้าชมท่านละ 20 บาท ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก BigTae Garden สวนบิ๊กเต้
3. ฟาร์มโคนม ไทย-เดนมาร์ค
ตั้งอยู่ที่ตำบลมิตรภาพ อำเภอมวกเหล็ก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่มีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย ด้านในร่มรื่นไปด้วยต้นไม้นานาพรรณ โอบล้อมด้วยภูเขาน้อยใหญ่ มีฟาร์มโคนมและสัตว์หลายชนิดให้ได้ชม พร้อมกับกิจกรรมการป้อนนมโค บางครั้งก็มีการสาธิตให้ชมการรีดนมวัวด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีร้านกาแฟ และร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากฟาร์มให้ได้ช้อปปิ้งสินค้าคุณภาพกลับบ้านด้วย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ฟาร์มโคนม ไทย-เดนมาร์ค อสค
4. ตลาดหัวปลี
ตั้งอยู่ที่ศูนย์ OTOP คอมเพล็กซ์ พุแค อำเภอเฉลิมพระเกียรติ เป็นตลาดพื้นบ้านที่จัดเต็มไปด้วยสินค้าทางการเกษตรและอาหารท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นเมลอนตัดมาจากสวนสด ๆ "ไอดิน ฟาร์มเมล่อน", กะหรี่ปั๊บ, อินทผาลัมจากไร่เกษตรสีทอง ผักสด และผลไม้สดส่งตรงจากสวน ตลาดเปิดวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ตลาดหัวปลี ตลาดสร้างสุข ชุมชนร่วมสร้าง
เที่ยวสระบุรี
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ตลาดหัวปลี ตลาดสร้างสุข ชุมชนร่วมสร้าง
5. สวนพฤษศาสตร์พุแค
ตั้งอยู่ที่ตำบลพุแค อำเภอเฉลิมพระเกียรติ เป็นพื้นที่ที่รวบรวมพันธุ์พืชทุกชนิด ทั้งที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศและต่างประเทศ เพื่อเป็นการอนุรักษ์และขยายพันธุ์พืช โดยเปิดให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้ามาศึกษาค้นคว้าวิจัย พร้อมทั้งเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาเยี่ยมชม เพราะมีบรรยากาศร่มรื่น จัดตกแต่งภูมิทัศน์ให้กลายเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจสวย ๆ มีต้นไม้และดอกไม้หลากหลายชนิด และทุกวันเสาร์จะมีการจัดตลาดในสวน ชิมเพลิน เดินไพร ซึ่งมีทั้งดนตรีในสวน ร้านอาหารอร่อย ๆ ในท้องถิ่น สินค้าทางการเกษตรปลอดสารพิษ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก สวนพฤกษศาสตร์พุแค
6. น้ำตกเจ็ดสาวน้อย
ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย บริเวณหมู่บ้านแก่งหลุ ตำบลมวกเหล็ก อำเภอมวกเหล็ก เป็นน้ำตกที่เกิดจากลำห้วยมวกเหล็ก มีลักษณะเป็นชั้นเตี้ย ๆ จำนวน 7 ชั้น รวมระยะทางทั้งสิ้น 490 เมตร แต่ละชั้นมีความสูงประมาณ 1-4 เมตร บางชั้นจะมีแอ่งน้ำตื้น ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ลงเล่นคลายร้อน น้ำใสสะอาด ช่วงที่น่าเที่ยวคือเดือนพฤศจิกายน-เมษายน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย โทรศัพท์ 0 3634 6586
7. น้ำตกตายาย
น้ำตกตายาย ตั้งอยู่ภายในลำคลองมวกเหล็ก ใกล้กับสวนของตาแสวงและยายสงวน เพชรเชื้อ ตำบลมวกเหล็ก อำเภอมวกเหล็ก มีลักษณะเป็นน้ำตกขนาดเล็ก มีแก่งหินขวางอยู่กลางลำน้ำ เกิดเป็นน้ำตกใส สามารถลงเล่นน้ำสุดเย็นฉ่ำได้ตลอดทั้งวัน รอบ ๆ น้ำตกจะมีต้นไม้ใหญ่ บรรยากาศร่มรื่น และยังมีแคร่ไม้ไผ่ให้นักท่องเที่ยวได้มานั่งชิลกับอากาศเย็น ๆ สุดสดชื่นด้วย
8. น้ำตกสามหลั่น
ตั้งอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติน้ำตกสามหลั่น ตำบลหนองปลาไหล อำเภอเมือง ประมาณ 300 เมตร มีลักษณะเป็นน้ำตกขนาดกลาง มีทั้งหมด 3 ชั้น แต่ละชั้นสูงประมาณ 2 เมตร จะเป็นขั้นของชั้นหินไหลลดหลั่นกันลงมาอย่างสวยงาม ช่วงที่น้ำไหลเยอะ ๆ สายน้ำจะไหลผ่านชั้นหินทั้งหมดลงมา รอบข้างเป็นต้นไม้น้อยใหญ่สีเขียวขจี ช่วงหน้าฝนจะได้เห็นดอกไม้ป่าที่อยู่ริมน้ำตก สวยงามมาก สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติน้ำตกสามหลั่น โทรศัพท์ 0 3671 3829, 08 9815 9455 หรืออัปเดตข้อมูลต่าง ๆ ได้ที่ เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติน้ำตกสามหลั่น
9. น้ำตกดงพญาเย็น
ตั้งอยู่ที่ตำบลมวกเหล็ก อำเภอมวกเหล็ก ห่างจากน้ำตกเจ็ดสาวน้อยประมาณ 1.5 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดเล็ก มีชั้นเตี้ย ๆ ลดหลั่นกันไป มีแอ่งน้ำตื้น ๆ ให้ลงเล่นน้ำสุดเย็นฉ่ำเพื่อคลายร้อนกันตลอดทั้งปี ทั้งสองฟากฝั่งของน้ำตกมีต้นไม้นานาพรรณให้ความร่มรื่น อากาศเย็นสบายสดชื่น ชาวบ้านทำแคร่ไม้ไผ่ริมน้ำให้นักท่องเที่ยวได้มานั่งพักผ่อน ทั้งนี้มีบริการร้านอาหารด้วย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก น้ำตกดงพญาเย็น
เที่ยวสระบุรี
ภาพจาก เฟซบุ๊ก น้ำตกดงพญาเย็น
10. สวนรุกขชาติมวกเหล็ก
สถานที่รวบรวมพรรณไม้หลากหลายชนิด พร้อมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจทางธรรมชาติที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว ด้วยด้านในมีน้ำตกมวกเหล็กตั้งอยู่ และมีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย อาทิ สะพานมวกเหล็ก-ปากช่อง เรือนเพาะชำ สวนรวมพรรณไม้ สวนวรรณคดี และสวนสมุนไพร ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก สวนรุกขชาติมวกเหล็ก
11. น้ำตกโกรกอีดก
ตั้งอยู่บริเวณหมู่ที่ 5 บ้านบึงไม้ ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย เป็นหนึ่งในน้ำตกภายในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อยู่กลางป่าลึก มีหลายชั้น โดยเฉพาะชั้นที่ 7 ที่สูงมากถึงประมาณ 350 เมตร ในฤดูน้ำหลากน้ำจำนวนมหาศาลที่ไหลลงมาผ่านหน้าผาสูงชันนี้ เสียงจะดังกึกก้องไปทั่วผืนป่า โดยรอบของน้ำตกจะมีแต่ต้นไม้ใหญ่ อุดมสมบูรณ์ สวยงามมาก สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ โทรศัพท์ 08 6092 6527
12. ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและท่องเที่ยวเชิงนิเวศเจ็ดคด-โป่งก้อนเส้า
ตั้งอยู่ที่ หมู่ 5 ตำบลท่ามะปราง อำเภอแก่งคอย มีเนื้อที่ประมาณเกือบ 14,000 ไร่ เต็มไปด้วยป่าเขา แหล่งน้ำ น้ำตก และเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่สวยงาม นักท่องเที่ยวนิยมไปนอนกางเต็นท์ริมอ่างเก็บน้ำเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ ในช่วงหน้าฝนจะมีเห็ดแชมเปญให้ได้ชมกันด้วย
เที่ยวสระบุรี
สิ่งที่โดดเด่นของที่นี่อีกสิ่งก็คือ น้ำตกเจ็ดคด แบ่งเป็น 3 ช่วงด้วยกัน คือน้ำตกเจ็ดคดเหนือ น้ำตกเจ็ดคดกลาง และน้ำตกเจ็ดคดใต้ มีความสวยงามแตกต่างกันไป สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ โทรศัพท์ 08 9237 8659, 08 5968 3520 และ 08 0019 2762
13. วัดพระพุทธฉาย
ตั้งอยู่ที่หมู่ 1 บ้านพระพุทธฉาย ตำบลหนองปลาไหล อำเภอเมืองสระบุรี เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธฉาย หรือ รอยพระพุทธรูป อยู่บนแผ่นหินซึ่งตั้งอยู่บนชะง่อนผา มีการสร้างมณฑปครอบไว้ มีการค้นพบตั้งแต่สมัยอยุธยา มีการซ่อมแซมมณฑปเรื่อยมา จนสวยงามเหมือนในปัจจุบัน นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้ขึ้นไปกราบไหว้ขอพรกับรอยพระพุทธบาทแล้ว ก็ยังจะได้ชมวิวมุมสูงโดยรอบด้วย เปิดให้เข้าเที่ยวชมทุกวัน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก วัดพระพุทธฉาย สระบุรี
14. วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร
ตั้งอยู่ที่บ้านพระพุทธบาท หมู่ 8 ตำบลขุนโขลน อำเภอพระพุทธบาท มีปูชนียสถานสำคัญอันเลื่องชื่อคือ รอยพระพุทธบาท ขนาดความกว้าง 21 นิ้ว ยาว 60 นิ้ว ลึก 11 นิ้ว ที่ประทับบนแผ่นหินเหนือไหล่เขาสุวรรณบรรพต หรือเขาสัจจพันธ์คีรี ค้นพบในสมัยอยุธยา พระเจ้าทรงธรรม จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างมณฑปชั่วคราวครอบไว้ ปัจจุบันพระมณฑปเป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ประกอบเครื่องยอดรูปปราสาท 7 ชั้น มุงกระเบื้องเคลือบสีเขียว ผนังด้านนอกปิดทองประดับกระจก บานประตูเป็นงานประดับมุกชั้นเยี่ยม มีบันไดทางขึ้นงดงาม ราวกับทอดลงมาจากสวรรค์ เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. (วิหารหลวงจะเปิดให้ชมเฉพาะช่วงที่มีงานเทศกาลนมัสการพระพุทธบาท)
15. ทุ่งทานตะวัน
จังหวัดสระบุรี เป็นแหล่งปลูกดอกทานตะวันที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย โดยมีการปลูกทั้งในอำเภอวังม่วง อำเภอมวกเหล็ก อำเภอแก่งคอย อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอพระพุทธบาท และอำเภอหนองโดน ในแต่ละไร่ก็จะปลูกดอกทานตะวันตั้งแต่ 10-50 ไร่ มีบรรยากาศสวยงามแตกต่างกันออกไป โดยจะเริ่มเที่ยวชมได้ในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม ของทุกปี
16. ฟาร์มสายทอง
ตั้งอยู่ที่ตำบลหนองย่างเสือ อำเภอมวกเหล็ก เป็นฟาร์มเกษตรผสมผสานแบบพอเพียง เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร เพื่อให้ผู้ที่สนใจและนักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวชม ภายในฟาร์มบรรยากาศร่มรื่น มีแปลงผัก-ผลไม้หลากหลายชนิด พร้อมด้วยผลิตภัณฑ์สดและแปรรูปจากผัก-ผลไม้ภายในฟาร์ม ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ฟาร์มสายทอง - Saithong Farm
17. ไร่องุ่นภูนวพันธุ์
ตั้งอยู่เลขที่ 151 หมู่ 12 ตำบลหนองย่างเสือ อำเภอมวกเหล็ก เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่มีทั้งไร่องุ่น แปลงผัก-ผลไม้นานาชนิดให้ได้เที่ยวชม พร้อมกับมีร้านกาแฟเล็ก ๆ และร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของทางไร่ไว้บริการ เหมาะแก่การมานั่งดื่มเครื่องดื่มเย็น ๆ กินองุ่นสดใหม่ที่ตัดสดจากไร่ทุกวัน หรือจะถ่ายรูปชิค ๆ กับองุ่นก็ได้ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ไร่องุ่นภูนวพันธุ์
18. ไร่กุสุมา
ตั้งอยู่เลขที่ 144 หมู่ 4 ตำบลมวกเหล็ก อำเภอมวกเหล็ก เป็นรีสอร์ตที่พักที่มีบริการเครื่องเล่นผจญภัยหลากหลายแบบ ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวทั่วไปได้เข้าไปใช้บริการด้วย กิจกรรมที่น่าสนใจ อาทิ Zipline Adventure, Canopy Adventure, Paint Ball และ ATV เป็นต้น โดยกิจกรรมทุกอย่างจะอยู่ท่ามกลางธรรมชาติสวย ๆ ป่าไม้เขียวขจีร่มรื่น บรรยากาศชิลมาก ส่วนถ้าใครอยากเล่นน้ำตกเย็น ๆ ให้ฉ่ำใจด้วย แนะนำให้พักกับทางรีสอร์ต เพราะจะได้ทำกิจกรรมครบทุกรูปแบบ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ raikusuma.com และ เฟซบุ๊ก Rai Kusuma Resort (ไร่กุสุมา รีสอร์ท)
ตั๊กออแกไนท์สระบุรี รับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคสระบุรี
นางรำสระบุรีเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคสระบุรี
สระบุรีรําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคสระบุรี
รําบวงสรวงพญานาคสระบุรี
ฟ้อนบูชาพญานาคสระบุรี
รําบวงสรวงพญานาคสระบุรี
ติดต่อสอบถามเรา
265
« เมื่อ: สิงหาคม 31, 2021, 08:37:20 PM »
10 ที่เที่ยวกาญจนบุรี จุดเช็กอินยอดฮิต น่าไปเก็บให้ครบในปีนี้
1. สะพานข้ามแม่น้ำแคว
มาถึงกาญจนบุรีแล้วถ้าไม่ได้มาเช็กอินที่สะพานข้ามแม่น้ำแควก็เหมือนมาไม่ถึง เพราะที่นี่เป็นเหมือนดั่งสัญลักษณ์ของจังหวัดกาญจนบุรี มีประวัติศาสตร์ยาวนาน สร้างมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยแรงงานของเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตร ตัวสะพานสร้างด้วยเหล็กแทนของเดิมที่เป็นสะพานไม้ ใช้สำหรับเป็นเส้นทางเดินของรถไฟที่จะมุ่งหน้าไปยังสถานีน้ำตกไทรโยค ไฮไลต์ของการเที่ยวชมที่นี่จะอยู่ในช่วงที่รถไฟวิ่งผ่าน ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถที่จะซื้อตั๋วรถไฟนั่งข้ามสะพานได้ด้วย และในช่วงที่ไม่มีรถไฟวิ่งผ่านก็สามารถเดินขึ้นไปเที่ยวชมและถ่ายรูปบนสะพานได้เช่นกัน แนะนำว่าให้ลองมานั่งกินข้าวที่ร้านอาหารริมแม่น้ำใกล้ ๆ กับสะพานข้ามแม่น้ำแคว เพื่อชมวิวยามเย็น บรรยากาศสบาย ๆ ชิลไปอีกแบบ
ที่ตั้ง : ถนนแม่น้ำแคว ตำบลท่ามะขาม อำเภอเมืองกาญจนบุรี
2. วัดถ้ำเสือ
แลนด์มาร์กที่สำคัญอีกแห่งของจังหวัดกาญจนบุรี ด้วยมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามแปลกตา มีพระพุทธรูปปางประทานพรขนาดใหญ่ พร้อมด้วยวิหารรูปทรงผสมผสานระหว่างสไตล์ไทย-จีน อยู่บนยอดเขา นักท่องเที่ยวสามารถที่จะเดินขึ้นบันได 157 ขั้น ขึ้นไปด้านบน หรือจะใช้บริการรถรางไฟฟ้าก็ได้ นอกจากพระพุทธรูปปางประทานพรแล้ว ก็ยังมีพระบรมสารีริกธาตุอยู่บนยอดปราสาทเจดีย์เกษแก้วมหาปราสาทด้วย และจากบริเวณวัดก็สามารถมองเห็นวิวมุมสูงบริเวณรอบ ๆ ได้อย่างสวยงามมาก ๆ ถ้ามาช่วงเย็นก็จะได้เห็นพระอาทิตย์ตกดินท่ามกลางบรรยากาศของท้องทุ่งนาและป่าเขา เรียกได้ว่าอิ่มทั้งบุญและใจกันเลยทีเดียว
ที่ตั้ง : ตำบลม่วงชุม อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น.
3. ต้นจามจุรียักษ์
ต้นไม้ที่มีอายุมากกว่า 100 ปี มีขนาดใหญ่มาก รัศมีทรงพุ่มของต้นประมาณ 25.87 เมตร มีเส้นผ่านศูนย์กลางของร่มเงายาวประมาณ 51.75 เมตร สูงประมาณ 20 เมตร แผ่กิ่งก้านสาขาออกไปเป็นพื้นที่กว้าง บรรยากาศร่มรื่น ใกล้ ๆ กันนั้นเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าแม่จามจุรี สามารถมากราบไหว้ขอพรกันได้ทุกวัน
ค่าเข้าชม : ฟรี
ที่ตั้ง : ตำบลเกาะสำโรง อำเภอเมืองกาญจนบุรี
4. น้ำตกไทรโยคน้อย และน้ำตกไทรโยคใหญ่
น้ำตกไทรโยคน้อย และน้ำตกไทรโยคใหญ่ เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงของกาญจนบุรีมาตั้งแต่อดีต ด้วยมีความสวยงามและสามารถเข้าเที่ยวชมได้ง่าย สำหรับน้ำตกไทรโยคน้อย ตั้งอยู่บริเวณริมถนนแสงชูโต ใกล้กับสถานีรถไฟน้ำตก มีลักษณะเป็นน้ำตกหินปูน สูงประมาณ 15 เมตร ในช่วงที่มีน้ำเยอะ ๆ สายน้ำตกจะไหลลงมาจากด้านบนอย่างสวยงาม มีแอ่งน้ำด้านล่าง สามารถเล่นน้ำได้ ส่วนน้ำตกไทรโยคใหญ่ ตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำแควน้อย จะต้องนั่งเรือจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติไทรโยคเข้าไปเที่ยวชม ที่นี่มีลักษณะเป็นน้ำตกหินปูนเช่นกัน สูงประมาณ 10 เมตร แผ่กว้างไปตามหน้าผาของภูเขา สายน้ำมากมายจะไหลลงสู่แม่น้ำแควน้อย เป็นน้ำตกที่สวยงามแปลกตาไม่เหมือนที่ไหน
ที่ตั้ง : อุทยานแห่งชาติไทรโยค ตำบลไทรโยค อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี
เวลาเปิด-ปิด : 08.30-16.00 น.
โทรศัพท์ : 0 3468 6024, 08 9028 1958 (อุทยานแห่งชาติไทรโยค)
5. เมืองมัลลิกา ร.ศ. ๑๒๔
สถานที่ท่องเที่ยวแบบย้อนยุค มีการตกแต่งสถานที่ต่าง ๆ ให้มีบรรยากาศที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตของคนไทยบริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 มีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย เหมาะแก่การแต่งชุดไทยสวย ๆ ไปเที่ยวถ่ายรูปคู่กับอาคารต่าง ๆ จุดที่น่าสนใจ เช่น สะพานหัน, ย่านการค้า, หอชมเมือง, เรือนเดี่ยว, เรือนคหบดี, โรงครัว, เรือนหมู่, เรือนแพ, ลานมะลิ, เรือนไทยหมู่ เป็นต้น ช่วงกลางวันก็มาเดินเที่ยวถ่ายรูป พอตกเย็นก็รับประทานมื้อค่ำแบบไทยแท้บนเรือนไทยหมู่ เป็นอีกบรรยากาศที่ไม่ควรพลาด ทั้งนี้ เมืองมัลลิกา ร.ศ. ๑๒๔ เปิดเมืองเต็มรูปแบบเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือวิถีใหม่ในวันที่ 5 มิถุนายน 2563
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 250 บาท เด็ก 120 บาท (หากเช่าชุดไทยด้วย ผู้ใหญ่ 400 บาท เด็ก 300 บาท)
ที่ตั้ง : 168 หมู่ 5 ตำบลสิงห์ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี
เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-20.00 น.
โทรศัพท์ : 0 3454 0884-86
เว็บไซต์ : mallika124.com
เฟซบุ๊ก : เมืองมัลลิกา ร.ศ.124
6. มีนา คาเฟ่
จุดเช็กอินสุดฮิตอีกแห่งของอำเภอท่าม่วง เป็นร้านกาแฟที่ตั้งอยู่ท่ามกลางทุ่งนากว้างใหญ่ ในช่วงหน้าทำนารอบ ๆ ร้านก็จะกลายเป็นท้องนาสีเขียวขจี บรรยากาศดีต่อใจสุด ๆ ซึ่งทางร้านก็ได้ออกแบบให้มีที่นั่งที่สามารถมองเห็นวิวด้านนอกได้แบบชัดเจน พร้อมทั้งที่นั่งบริเวณริมระเบียงนอกร้านติดกับนาข้าว ซึ่งนอกจากวิวของธรรมชาติรอบด้านแล้วก็ยังสามารถมองเห็นวิวของวัดถ้ำเสืออีกด้วย ไฮไลต์ของที่นี่อยู่ตรงที่สะพานไม้ที่ทอดยาวเข้าไปในท้องนา เป็นมุมถ่ายรูปชิค ๆ ที่ไม่ว่าใครได้มาเป็นต้องมาแชะภาพสวย ๆ เก็บไว้ นอกจากนี้ก็ยังมีมุมสวย ๆ ให้เลือกถ่ายรูปอีกเพียบ
ที่ตั้ง : 75/18 หมู่ 3 ตำบลม่วงชุม อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-19.00 น.
เฟซบุ๊ก : มีนา cafe' , Kanchanaburi
7. รักษ์คันนา
ร้านกาแฟและร้านก๋วยเตี๋ยวบรรยากาศดีของจังหวัดกาญจนบุรี ที่นักท่องเที่ยวต่างหลงรัก เพราะตั้งอยู่ท่ามกลางท้องทุ่งนากว้างใหญ่เช่นกัน อยู่ไม่ไกลจากวัดถ้ำเสือ จากตัวร้านก็สามารถมองเห็นวิวของวัดถ้ำเสือได้ด้วย และด้วยความที่ร้านสร้างจากวัสดุธรรมชาติ จึงกลมกลืนไปกับธรรมชาติรอบด้าน มีสะพานทางเดินทอดยาวไปกลางทุ่งนาเช่นกัน จึงถือว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่พักผ่อนระหว่างวันของทริปเที่ยวกาญจนบุรีที่ดีเลยทีเดียว
ที่ตั้ง : 88 หมู่ 5 ตำบลม่วงชุม อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-19.00 น.
เฟซบุ๊ก : รักษ์คันนา กาญจนบุรี
8. ถนนคนเดินปากแพรก
ถนนคนเดินที่จัดขึ้นบริเวณเมืองเก่าของอำเภอเมืองกาญจนบุรี เป็นย่านเก่าแก่ที่มีเสน่ห์ล้นเหลือ บ้านเรือนต่าง ๆ เป็นรูปทรงโคโลเนียลผสมผสานกับบ้านตึกแถวไม้และปูน ทอดขนานไปกับแม่น้ำแควใหญ่ ในทุกวันเสาร์จะมีการจัดถนนคนเดิน ชาวบ้านในพื้นที่จะนำสินค้าดีเด่นมาจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยวในราคาย่อมเยา มีทั้งอาหารพื้นเมืองและสินค้าแฮนด์เมด ราคาย่อมเยา เดินกิน เที่ยว ถ่ายรูปกันได้ยาว ๆ ตลอดคืน แต่ถ้าไม่ได้มาตรงกับช่วงที่มีถนนคนเดิน ก็สามารถแวะมาถ่ายรูปชิค ๆ กับบ้านเรือนเก่าได้เช่นกัน
ที่ตั้ง : ถนนปากแพรก ตำบลปากแพรก อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี
เวลาเปิด-ปิด : วันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 15.00-21.00 น.
เฟซบุ๊ก : ถนนคนเดินปากแพรก
9. ล่องแพแม่น้ำแคว
แม่น้ำแควน้อยและแม่น้ำแควใหญ่ เป็นแม่น้ำสายสำคัญของจังหวัดกาญจนบุรีที่มีทัศนียภาพงดงาม สองฟากฝั่งเต็มไปด้วยวิวสวย ๆ บางช่วงก็เป็นป่าไม้อุดมสมบูรณ์ บางช่วงก็เป็นแนวภูเขาสูงใหญ่ บางช่วงก็เป็นไร่สวนของชาวบ้าน การได้นั่งเรือชมวิว จึงเป็นเหมือนการชาร์จพลังกับธรรมชาติที่ดีมาก ๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีโรงแรม รีสอร์ตต่าง ๆ ที่สร้างขึ้นอยู่เหนือแม่น้ำแควด้วย ใครที่อยากพักผ่อนกับสายน้ำบอกเลยว่าไม่ควรพลาด และที่เด็ดสุด ๆ ก็คือ การล่องแพไม้ไผ่ นักท่องเที่ยวจะได้กระโดดเล่นน้ำกันอย่างชุ่มฉ่ำใจ สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี
10. น้ำพุร้อนหินดาด
บ่อน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของกาญจนบุรี ถูกค้นพบโดยทหารชาวญี่ปุ่นตั้งแต่ช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ปัจจุบันได้มีการปรับปรุงภูมิทัศน์และบริเวณโดยรอบให้เหมาะสมแก่การให้บริการแช่น้ำพุร้อนของประชาชน มีการทำเป็นบ่อปูนซีเมนต์หลาย ๆ บ่อ หลากหลายความลึก เพื่อให้บริการประชาชนได้อย่างทั่วถึงทุกเพศทุกวัย การแช่น้ำพุร้อนเป็นการช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย และช่วยดูแลผิวหนัง ระบบไหลเวียนของเลือด นักท่องเที่ยวจึงนิยมมาใช้บริการที่นี่กันตลอดทั้งปี
ตั๊กออแกไนท์กาญจนบุรีรับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคกาญจนบุรี
นางรำอเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคกาญจนบุรี
กาญจนบุรีรําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคกาญจนบุรี
รําบวงสรวงพญานาคกาญจนบุรี
ฟ้อนบูชาพญานาคกาญจนบุรี
รําบวงสรวงพญานาคกาญจนบุรี
ติดต่อสอบถามเรา
266
« เมื่อ: สิงหาคม 31, 2021, 08:33:25 PM »
10 ที่เที่ยวกาญจนบุรี จุดเช็กอินยอดฮิต น่าไปเก็บให้ครบในปีนี้
1. สะพานข้ามแม่น้ำแคว
มาถึงกาญจนบุรีแล้วถ้าไม่ได้มาเช็กอินที่สะพานข้ามแม่น้ำแควก็เหมือนมาไม่ถึง เพราะที่นี่เป็นเหมือนดั่งสัญลักษณ์ของจังหวัดกาญจนบุรี มีประวัติศาสตร์ยาวนาน สร้างมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยแรงงานของเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตร ตัวสะพานสร้างด้วยเหล็กแทนของเดิมที่เป็นสะพานไม้ ใช้สำหรับเป็นเส้นทางเดินของรถไฟที่จะมุ่งหน้าไปยังสถานีน้ำตกไทรโยค ไฮไลต์ของการเที่ยวชมที่นี่จะอยู่ในช่วงที่รถไฟวิ่งผ่าน ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถที่จะซื้อตั๋วรถไฟนั่งข้ามสะพานได้ด้วย และในช่วงที่ไม่มีรถไฟวิ่งผ่านก็สามารถเดินขึ้นไปเที่ยวชมและถ่ายรูปบนสะพานได้เช่นกัน แนะนำว่าให้ลองมานั่งกินข้าวที่ร้านอาหารริมแม่น้ำใกล้ ๆ กับสะพานข้ามแม่น้ำแคว เพื่อชมวิวยามเย็น บรรยากาศสบาย ๆ ชิลไปอีกแบบ
ที่ตั้ง : ถนนแม่น้ำแคว ตำบลท่ามะขาม อำเภอเมืองกาญจนบุรี
2. วัดถ้ำเสือ
แลนด์มาร์กที่สำคัญอีกแห่งของจังหวัดกาญจนบุรี ด้วยมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามแปลกตา มีพระพุทธรูปปางประทานพรขนาดใหญ่ พร้อมด้วยวิหารรูปทรงผสมผสานระหว่างสไตล์ไทย-จีน อยู่บนยอดเขา นักท่องเที่ยวสามารถที่จะเดินขึ้นบันได 157 ขั้น ขึ้นไปด้านบน หรือจะใช้บริการรถรางไฟฟ้าก็ได้ นอกจากพระพุทธรูปปางประทานพรแล้ว ก็ยังมีพระบรมสารีริกธาตุอยู่บนยอดปราสาทเจดีย์เกษแก้วมหาปราสาทด้วย และจากบริเวณวัดก็สามารถมองเห็นวิวมุมสูงบริเวณรอบ ๆ ได้อย่างสวยงามมาก ๆ ถ้ามาช่วงเย็นก็จะได้เห็นพระอาทิตย์ตกดินท่ามกลางบรรยากาศของท้องทุ่งนาและป่าเขา เรียกได้ว่าอิ่มทั้งบุญและใจกันเลยทีเดียว
ที่ตั้ง : ตำบลม่วงชุม อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น.
3. ต้นจามจุรียักษ์
ต้นไม้ที่มีอายุมากกว่า 100 ปี มีขนาดใหญ่มาก รัศมีทรงพุ่มของต้นประมาณ 25.87 เมตร มีเส้นผ่านศูนย์กลางของร่มเงายาวประมาณ 51.75 เมตร สูงประมาณ 20 เมตร แผ่กิ่งก้านสาขาออกไปเป็นพื้นที่กว้าง บรรยากาศร่มรื่น ใกล้ ๆ กันนั้นเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าแม่จามจุรี สามารถมากราบไหว้ขอพรกันได้ทุกวัน
ค่าเข้าชม : ฟรี
ที่ตั้ง : ตำบลเกาะสำโรง อำเภอเมืองกาญจนบุรี
4. น้ำตกไทรโยคน้อย และน้ำตกไทรโยคใหญ่
น้ำตกไทรโยคน้อย และน้ำตกไทรโยคใหญ่ เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงของกาญจนบุรีมาตั้งแต่อดีต ด้วยมีความสวยงามและสามารถเข้าเที่ยวชมได้ง่าย สำหรับน้ำตกไทรโยคน้อย ตั้งอยู่บริเวณริมถนนแสงชูโต ใกล้กับสถานีรถไฟน้ำตก มีลักษณะเป็นน้ำตกหินปูน สูงประมาณ 15 เมตร ในช่วงที่มีน้ำเยอะ ๆ สายน้ำตกจะไหลลงมาจากด้านบนอย่างสวยงาม มีแอ่งน้ำด้านล่าง สามารถเล่นน้ำได้ ส่วนน้ำตกไทรโยคใหญ่ ตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำแควน้อย จะต้องนั่งเรือจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติไทรโยคเข้าไปเที่ยวชม ที่นี่มีลักษณะเป็นน้ำตกหินปูนเช่นกัน สูงประมาณ 10 เมตร แผ่กว้างไปตามหน้าผาของภูเขา สายน้ำมากมายจะไหลลงสู่แม่น้ำแควน้อย เป็นน้ำตกที่สวยงามแปลกตาไม่เหมือนที่ไหน
ที่ตั้ง : อุทยานแห่งชาติไทรโยค ตำบลไทรโยค อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี
เวลาเปิด-ปิด : 08.30-16.00 น.
โทรศัพท์ : 0 3468 6024, 08 9028 1958 (อุทยานแห่งชาติไทรโยค)
5. เมืองมัลลิกา ร.ศ. ๑๒๔
สถานที่ท่องเที่ยวแบบย้อนยุค มีการตกแต่งสถานที่ต่าง ๆ ให้มีบรรยากาศที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตของคนไทยบริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 มีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย เหมาะแก่การแต่งชุดไทยสวย ๆ ไปเที่ยวถ่ายรูปคู่กับอาคารต่าง ๆ จุดที่น่าสนใจ เช่น สะพานหัน, ย่านการค้า, หอชมเมือง, เรือนเดี่ยว, เรือนคหบดี, โรงครัว, เรือนหมู่, เรือนแพ, ลานมะลิ, เรือนไทยหมู่ เป็นต้น ช่วงกลางวันก็มาเดินเที่ยวถ่ายรูป พอตกเย็นก็รับประทานมื้อค่ำแบบไทยแท้บนเรือนไทยหมู่ เป็นอีกบรรยากาศที่ไม่ควรพลาด ทั้งนี้ เมืองมัลลิกา ร.ศ. ๑๒๔ เปิดเมืองเต็มรูปแบบเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือวิถีใหม่ในวันที่ 5 มิถุนายน 2563
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 250 บาท เด็ก 120 บาท (หากเช่าชุดไทยด้วย ผู้ใหญ่ 400 บาท เด็ก 300 บาท)
ที่ตั้ง : 168 หมู่ 5 ตำบลสิงห์ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี
เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-20.00 น.
โทรศัพท์ : 0 3454 0884-86
เว็บไซต์ : mallika124.com
เฟซบุ๊ก : เมืองมัลลิกา ร.ศ.124
6. มีนา คาเฟ่
จุดเช็กอินสุดฮิตอีกแห่งของอำเภอท่าม่วง เป็นร้านกาแฟที่ตั้งอยู่ท่ามกลางทุ่งนากว้างใหญ่ ในช่วงหน้าทำนารอบ ๆ ร้านก็จะกลายเป็นท้องนาสีเขียวขจี บรรยากาศดีต่อใจสุด ๆ ซึ่งทางร้านก็ได้ออกแบบให้มีที่นั่งที่สามารถมองเห็นวิวด้านนอกได้แบบชัดเจน พร้อมทั้งที่นั่งบริเวณริมระเบียงนอกร้านติดกับนาข้าว ซึ่งนอกจากวิวของธรรมชาติรอบด้านแล้วก็ยังสามารถมองเห็นวิวของวัดถ้ำเสืออีกด้วย ไฮไลต์ของที่นี่อยู่ตรงที่สะพานไม้ที่ทอดยาวเข้าไปในท้องนา เป็นมุมถ่ายรูปชิค ๆ ที่ไม่ว่าใครได้มาเป็นต้องมาแชะภาพสวย ๆ เก็บไว้ นอกจากนี้ก็ยังมีมุมสวย ๆ ให้เลือกถ่ายรูปอีกเพียบ
ที่ตั้ง : 75/18 หมู่ 3 ตำบลม่วงชุม อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-19.00 น.
เฟซบุ๊ก : มีนา cafe' , Kanchanaburi
7. รักษ์คันนา
ร้านกาแฟและร้านก๋วยเตี๋ยวบรรยากาศดีของจังหวัดกาญจนบุรี ที่นักท่องเที่ยวต่างหลงรัก เพราะตั้งอยู่ท่ามกลางท้องทุ่งนากว้างใหญ่เช่นกัน อยู่ไม่ไกลจากวัดถ้ำเสือ จากตัวร้านก็สามารถมองเห็นวิวของวัดถ้ำเสือได้ด้วย และด้วยความที่ร้านสร้างจากวัสดุธรรมชาติ จึงกลมกลืนไปกับธรรมชาติรอบด้าน มีสะพานทางเดินทอดยาวไปกลางทุ่งนาเช่นกัน จึงถือว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่พักผ่อนระหว่างวันของทริปเที่ยวกาญจนบุรีที่ดีเลยทีเดียว
ที่ตั้ง : 88 หมู่ 5 ตำบลม่วงชุม อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-19.00 น.
เฟซบุ๊ก : รักษ์คันนา กาญจนบุรี
8. ถนนคนเดินปากแพรก
ถนนคนเดินที่จัดขึ้นบริเวณเมืองเก่าของอำเภอเมืองกาญจนบุรี เป็นย่านเก่าแก่ที่มีเสน่ห์ล้นเหลือ บ้านเรือนต่าง ๆ เป็นรูปทรงโคโลเนียลผสมผสานกับบ้านตึกแถวไม้และปูน ทอดขนานไปกับแม่น้ำแควใหญ่ ในทุกวันเสาร์จะมีการจัดถนนคนเดิน ชาวบ้านในพื้นที่จะนำสินค้าดีเด่นมาจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยวในราคาย่อมเยา มีทั้งอาหารพื้นเมืองและสินค้าแฮนด์เมด ราคาย่อมเยา เดินกิน เที่ยว ถ่ายรูปกันได้ยาว ๆ ตลอดคืน แต่ถ้าไม่ได้มาตรงกับช่วงที่มีถนนคนเดิน ก็สามารถแวะมาถ่ายรูปชิค ๆ กับบ้านเรือนเก่าได้เช่นกัน
ที่ตั้ง : ถนนปากแพรก ตำบลปากแพรก อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี
เวลาเปิด-ปิด : วันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 15.00-21.00 น.
เฟซบุ๊ก : ถนนคนเดินปากแพรก
9. ล่องแพแม่น้ำแคว
แม่น้ำแควน้อยและแม่น้ำแควใหญ่ เป็นแม่น้ำสายสำคัญของจังหวัดกาญจนบุรีที่มีทัศนียภาพงดงาม สองฟากฝั่งเต็มไปด้วยวิวสวย ๆ บางช่วงก็เป็นป่าไม้อุดมสมบูรณ์ บางช่วงก็เป็นแนวภูเขาสูงใหญ่ บางช่วงก็เป็นไร่สวนของชาวบ้าน การได้นั่งเรือชมวิว จึงเป็นเหมือนการชาร์จพลังกับธรรมชาติที่ดีมาก ๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีโรงแรม รีสอร์ตต่าง ๆ ที่สร้างขึ้นอยู่เหนือแม่น้ำแควด้วย ใครที่อยากพักผ่อนกับสายน้ำบอกเลยว่าไม่ควรพลาด และที่เด็ดสุด ๆ ก็คือ การล่องแพไม้ไผ่ นักท่องเที่ยวจะได้กระโดดเล่นน้ำกันอย่างชุ่มฉ่ำใจ สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี
10. น้ำพุร้อนหินดาด
บ่อน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของกาญจนบุรี ถูกค้นพบโดยทหารชาวญี่ปุ่นตั้งแต่ช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ปัจจุบันได้มีการปรับปรุงภูมิทัศน์และบริเวณโดยรอบให้เหมาะสมแก่การให้บริการแช่น้ำพุร้อนของประชาชน มีการทำเป็นบ่อปูนซีเมนต์หลาย ๆ บ่อ หลากหลายความลึก เพื่อให้บริการประชาชนได้อย่างทั่วถึงทุกเพศทุกวัย การแช่น้ำพุร้อนเป็นการช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย และช่วยดูแลผิวหนัง ระบบไหลเวียนของเลือด นักท่องเที่ยวจึงนิยมมาใช้บริการที่นี่กันตลอดทั้งปี
ตั๊กออแกไนท์กาญจนบุรี รับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคกาญจนบุรี
นางรำกาญจนบุรีเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคกาญจนบุรี
กาญจนบุรีรําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคกาญจนบุรี
รําบวงสรวงพญานาคกาญจนบุรี
ฟ้อนบูชาพญานาคกาญจนบุรี
รําบวงสรวงพญานาคกาญจนบุรี
ติดต่อสอบถามเรา
268
« เมื่อ: สิงหาคม 31, 2021, 07:50:58 PM »
เที่ยวปราจีนบุรีทั้งที อย่าพลาด 12 ที่เที่ยวยอดนิยม
"ปราจีนบุรี" จังหวัดใกล้กรุงเทพฯ ที่รุ่มรวยทรัพยากรด้านการท่องเที่ยวเหลือเฟือและหลากหลายรูปแบบ ทั้งทางธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ งานเทศกาล วัฒนธรรมประเพณี รวมถึงโบราณสถาน โบราณวัตถุต่าง ๆ เหล่านี้ยังส่งเสริมให้จังหวัดปราจีนบุรีเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีเสน่ห์และน่าหลงใหล หากใครได้ลองไปเที่ยวดูสักครั้งหนึ่ง เป็นต้องติดใจอยากที่จะกลับไปที่นั่นอีกครั้งอย่างแน่นอน ลองไปดูสิว่าจังหวัดปราจีนบุรีมีอะไรที่ทำให้เราน่าหลงใหลได้บ้างกัน
1. ต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ
ตั้งอยู่ในเขตวัดต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ ตำบลโคกปีบ เป็นต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย เชื่อกันว่าต้นโพธิ์ต้นนี้เป็นหน่อจากต้นพระศรีมหาโพธิ์ สถานที่ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้จากพุทธคยา ประเทศอินเดีย มีอายุมากกว่า 2,000 ปี มีตำนานเล่าขานกันมาว่า พระเจ้าทวานัมปะยะดิษฐ์ เจ้าครองเมืองศรีมโหสถ ทรงมีความเลื่อมใสในพุทธศาสนา จึงได้ส่งคณะทูตเดินทางไปขอกิ่งต้นโพธิ์ที่พระพุทธเจ้าประทับเมื่อคราวตรัสรู้ แล้วนำกิ่งโพธิ์ที่ว่ามาปลูกที่วัดแห่งนี้ ปัจจุบันต้นโพธิ์ต้นนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดปราจีนบุรี เมื่อถึงวันวิสาขบูชาในแต่ละปี จะมีงานนมัสการต้นพระศรีมหาโพธิ ปัจจุบันใต้ต้นโพธิ์ประดิษฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ไว้ให้ผู้คนได้กราบไหว้บูชา รวมถึงระเบียงคตรอบต้นโพธิ์ ที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางต่าง ๆ ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ประจำวัดที่ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก
2. วัดแก้วพิจิตร
วัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โดยเศรษฐีชาวปราจีนบุรี ต่อมาเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้สร้างและบูรณะวัดแห่งนี้ สร้างพระอุโบสถหลังใหม่ด้วยการก่ออิฐถือปูน โดดเด่นด้วยความงดงามของสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมของพระอุโบสถ ภายในประดิษฐานพระประธานปางอภัย ภายในถ่ายทอดเรื่องราวของเส้นสายลายศิลป์ระหว่างศิลปะไทย จีน ยุโรป และเขมร กำเนิดเกิดเป็นเรื่องราวต่าง ๆ ทั้งรามเกียรติ์ ภาพพุทธประวัติทศชาติชาดก ตลอดจนลวดลายอันอ่อนช้อยงดงามที่ประดับอยู่บริเวณเชิงบันไดขึ้นพระอุโบสถ ด้านหน้าพระอุโบสถ มีอาคารคอนกรีตที่สร้างตามสถาปัตยกรรมแบบยุโรป เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวบเอาสิ่งของต่าง ๆ ทั้งของเก่า เครื่องใช้ไม้สอยต่าง ๆ ให้ผู้คนทั่วไปได้ศึกษา
3. ดาษดาแกลเลอรี่
หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวโดดเด่นของจังหวัดปราจีนบุรี ที่จะทำให้นักท่องเที่ยวประทับใจกับความสุขสดชื่น ความสวยงาม สำหรับผู้ที่รักและชื่นชอบดอกไม้ บนพื้นที่กว่า 750 ไร่ ภายในจัดแสดงสวนดอกไม้ในเรือนกระจกขนาดใหญ่ ทุก ๆ โอกาสพิเศษหรือเทศกาลสำคัญในรอบปี เช่น งานปีใหม่ วันวาเลนไทน์ ทางดาษดาแกลอรี่จะมีการจัดนิทรรศการดอกไม้ ซึ่งในแต่ละปีจะมีการจัดธีมงานที่ไม่ซ้ำแบบกันเลยทีเดียว นอกจากสวนดอกไม้สวย ๆ ที่ต่างหมุนเวียนสับเปลี่ยนกันมาให้ชมแล้วนั้น ภายในยังมี Dasada Gallery Shop ร้านจำหน่ายดอกไม้ของของชำร่วย ที่ตกแต่งด้วยชิงช้าน้องหมีคู่สุดน่ารัก และ "ร้านกาแฟและไอศกรีม ลา ลันลา" ขายเบเกอรี่ กาแฟ และไอศกรีมจากดอกไม้หลากหลายรสชาติ ที่รอพร้อมเสิร์ฟจากพนักงานในร้านที่ส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจมากให้ตลอดเวลา ทั้งนี้ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก dasadaflower หรือโทรศัพท์ 061 404 5000
4. เขาทุ่ง
ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ด้านอำเภอนาดี ได้รับฉายาว่าเป็นภูกระดึงแห่งภาคตะวันออก โดยรอบบริเวณบนเขาทุ่งมีลักษณะเป็นที่ราบทุ่งหญ้า เมื่อขึ้นไปยังบริเวณดังกล่าวจะสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ความสวยงามของที่นี่จะทำให้นักท่องเที่ยวรีบหยิบกล้องขึ้นมากดชัตเตอร์กันแทบไม่ทัน นอกจากวิวที่สวยแล้วธรรมชาติโดยรอบบริเวณของที่นี่ยังสวยงามไม่แพ้กัน ตลอดเส้นทางเราจะเห็นต้นไม้น้อยใหญ่นานาชนิด เหล่าบรรดาดอกไม้ที่ชูช่อให้เห็นเป็นระยะ ๆ ที่สร้างสร้างสีสันทำให้การเดินทางไม่น่าเบื่อจนเกินไปนัก ซึ่งช่วยบรรเทาความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า อีกทั้งมีแหล่งศึกษาธรรมชาติ และเดินป่าผจญภัยอีกด้วย ทั้งนี้ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก prachindaily
5. The Verona at Tublan
แหล่งท่องเที่ยวสไตล์อิตาลี ที่เป็นทั้งแหล่งช้อปปิ้งและพักผ่อนแห่งใหม่ในจังหวัดปราจีนบุรี ตั้งยู่ท่ามกลางขุนเขา โดยการออกแบบและการตกแต่งได้รับแรงบันดาลใจจากเมืองเวโรน่า (Verona) เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในแคว้นเวเนโต้ของประเทศอิตาลี ภายในประกอบด้วยร้านค้ามากมายกว่า 100 ร้านค้า ด้วยเพราะการตกแต่งที่สวยงามทำให้ที่นี่มีมุมถ่ายรูปสวย ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการจำลองสะพาน ทะเลสาบ และแบบทรงอาคารที่ตกแต่งสีสันอย่างสวยงามลงตัว แถมยังมีกิจกรรมต่าง ๆ เช่น นั่งเรือกอนโดลา นั่งรถม้า ให้อาหารสัตว์ เล่นเครื่องเล่นสนุก ๆ เป็นต้น เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับพาครอบครัว เพื่อน คนรัก มาเดินซื้อของ และแวะทานอาหารอร่อย ๆ แถมช่วงเย็นยังมีดนตรีสดให้ได้ฟังกันอย่างเพลิดเพลิน ทั้งนี้ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก veronaattublan หรือ โทรศัพท์ 096 324 4423
6. พิพิธภัณฑ์เจ้าพระยาอภัยภูเบศร
อาคารสีเหลืองสไตล์บารอคริมแม่น้ำปราจีนบุรี ด้วยความสวยงามของตัวอาคารทำให้ที่นี่มีเสน่ห์ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยือนอยู่เสมอ จากเดิมที่ความตั้งใจของเจ้าพระยาอภัยภูเบศรใช้ทรัพย์สินส่วนตัวสร้างตึกหลังนี้ เพื่อเป็นที่ประทับรับเสด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่ทรงสวรรคตไปเสียก่อน ต่อมาจึงใช้เพื่อรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวและเชื้อพระวงศ์อีกหลายพระองค์ จนถึงปี พ.ศ. 2482 อาคารหลังนี้ก็ได้ถูกมอบให้ทางราชการใช้เป็นอาคารพักผู้ป่วย และได้รับการบูรณะปรับเปลี่ยนการใช้งานอาคารมาเรื่อย ๆ จน "ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร" หลังนี้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร ที่คอยให้คำแนะนำการใช้ยาสมุนไพร โดยมีแพทย์เฉพาะทางดูแลอย่างใกล้ชิด เรียกได้ว่าถ้าใครมีอาการเจ็บป่วยตรงไหนอย่างไร ก็สามารถมาสอบถามกันได้โดยตรงจากที่นี่ ทั้งนี้ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ abhaiherb.com หรือโทศัพท์ 037 213 610, 037 211 289
7. พิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุวรรณ์
พิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุวรรณ์ หรือพิพิธภัณฑ์ตะเกียง เป็นแหล่งรวบรวมข้าวของเครื่องใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ตะเกียง" ประเภทต่าง ๆ เป็นจำนวนมากกว่า 10,000 ดวง ซึ่งแขวนอยู่ทั่วบริเวณพิพิธภัณฑ์ ทั้งลานจอดรถ ห้องน้ำ ตลอดจนตามอาคารต่าง ๆ โดยมีจุดเริ่มต้นจากการที่เจ้าของพิพิธภัณฑ์รับซื้อของเก่าพวกเหล็ก เศษโลหะ หนึ่งในเศษเหล็กเหล่านั้นดันมีตะเกียงเจ้าพายุติดมาด้วย จนมีผู้สนใจเริ่มมาสอบถามและให้ราคาที่ค่อนข้างสูง หลังจากนั้นจึงได้เก็บสะสมและรวบรวมเพื่อจัดแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์ โดยแบ่งเป็น 4 อาคารหลัก ๆ ได้แก่ อาคารราชาวดี อาคารลีลาวดี อาคารชวนชม และอาคารเจ้าพายุ ซึ่งในแต่ละตัวอาคารจะจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้โบราณต่าง ๆ แต่เมื่อแหงนหน้ามองขึ้นไปยังเพดาน พื้นที่แทบทุกตารางนิ้วถูกจับจองด้วยตะเกียงเจ้าพายุ ที่ผลิตจากทั่วทุกมุมโลก และรวบรวมไว้ให้เราได้ชมที่นี่ที่เดียว ทั้งนี้ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก พิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุวรรณ์-พิพิธภัณฑ์ตะเกียง หรือโทรศัพท์ 037 218 511, 037 218 512, 081 295 8218, 081 864 8218
8. แก่งหินเพิง
สถานที่ล่องแก่งยอดนิยมอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย อยู่ภายในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ในแต่ละปีจังหวัดปราจีนบุรีจะมีการจัด "เทศกาลล่องแก่งหินเพิง" ตลอดทุกช่วงฤดูฝน ยิ่งทำให้ชื่อเสียงการเล่นล่องแก่งที่ "แก่งหินเพิง" เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น โดยแก่งหินเพิงมีลักษณะเป็นลำน้ำใสใหญ่ ต้นธารน้ำมีต้นกำเนิดจากยอดเขาใหญ่แล้วไหลเรื่อยมาจนถึงบริเวณแก่งหินเป็นระยะทางกว่า 80 กิโลเมตร แต่ส่วนที่นักท่องเที่ยวสามารถใช้เป็นกิจกรรมล่องแก่งได้เป็นระยะทางสั้น ๆ เพียงแค่ 3-4 กิโลเมตร ตรงบริเวณส่วนปลายของลำน้ำ โดยส่วนใหญ่แล้วเจ้าหน้าที่จะพายเรือยางของเราผ่านแก่งสำคัญ ๆ ได้แก่ แก่งหินเพิง, แก่งผักหนามล้อม, แก่งวังบอน, แก่งลูกเสือ, แก่งวังยาว, แก่งวังไทร และแก่งงูเห่า เป็นต้น ทั้งนี้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคกลางเขต 8 กลุ่มจังหวัดเบญจบูรพาสุวรรณภูมิ โทรศัพท์ 037 312 282, 037 312 284
9. อุทยานแห่งชาติทับลาน
อุทยานแห่งชาติทับลาน
ภาพจาก เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติทับลาน
ด้วยลักษณะภูมิประเทศของอุทยานแห่งชาติทับลานที่ประกอบด้วยภูเขาน้อยใหญ่สลับต่อเนื่องเป็นบริเวณกว้าง ทำให้ภูมิทัศน์ของอุทยานแห่งนี้มีความสวยงาม และเขียวชอุ่มไปด้วยต้นไม้นานาชนิด ทั้งยังเป็นแหล่งกำเนิดของต้นน้ำหลาย ทั้งนี้ภายในอุทยานมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย เช่น "เขามะค่า" ชมทัศนียภาพทิวทัศน์บนภูเขาที่สวยงาม, "เขื่อนลำปลายมาศ" มีกิจกรรมล่องเรือ ล่องแพ และสามารถลงเล่นน้ำได้, "น้ำตกบ่อทอง" เป็นน้ำตกที่สวยงามมากหากได้มาในช่วงฤดูฝน แวะชม "ป่าลาน" ป่าลานผืนใหญ่แห่งสุดท้ายของประเทศไทย มีต้นลานเป็นพันธุ์ไม้ดึกดำบรรพ์ในวงศ์ปาล์ม มีใบใหญ่เป็นรูปพัดคล้ายใบตาล และ "ผาเก็บตะวัน" ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถชมพระอาทิตย์ตกยามเย็น ทั้งยังเป็นที่ตั้งของหลักแบ่งเขตระหว่างจังหวัดปราจีนบุรีและจังหวัดนครราชสีมา เป็นต้น ทั้งนี้ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ tourismthailand.org หรือโทรศัพท์ 037 486 771, 037 219 408
10. น้ำตกเขาอีโต้
ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านพระ ลักษณะน้ำตกเป็นลำธารน้ำที่ไหลผ่านโขดหินน้อยใหญ่ลดหลั่นเป็นชั้น ๆ สภาพทั่วไปเป็นป่าโปร่ง จุดเด่นของน้ำตกเขาอีโต้นั่นคือนักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปนั่งพักผ่อนตามแนวโขดหินของตัวน้ำตก เพื่อสัมผัสกับสายน้ำที่ไหลผ่านตลอดแนวหิน อีกทั้งภายในตัวน้ำตกมีต้นไม้ขนาดใหญ่ที่คอยทำหน้าที่ให้ร่มเงา นักท่องเที่ยวจึงสามารถเลือกมุมสำหรับนั่งพักผ่อนได้ตามใจชอบ ที่นี่ยังมีจุดชมวิวผาหินซ้อน มีลักษณะเป็นหน้าสูง สามารถเดินขึ้นไปเพื่อชมทัศนียภาพเมืองปราจีนบุรี และชมความสวยงามของพระอาทิตย์ขึ้นและตกดิน มีสายลมเย็น ๆ ที่โบกมาทักทาย ช่วยให้การพักผ่อนของเราผ่อนคลายได้มากขึ้นเลยทีเดียว
11. โบราณสถานเมืองศรีมโหสถ
เมืองโบราณสมัยทราวดีขนาดใหญ่ มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้ามุมมน ภายในเมืองมีโบราณสถาน เนินดิน สระน้ำ บ่อน้ำกระจัดกระจายกว่า 100 แห่ง โบราณสถานที่สำคัญในเมืองศรีมโหสถประกอบด้วยกลุ่มโบราณสถานกลางเมือง เป็นหมู่เทวาลัย ฐานก่อด้วยศิลาแลง ด้านบนก่อด้วยอิฐ ด้านหลังมีบ่อน้ำก่อด้วยศิลาแลง โบราณวัตถุที่ขุดพบ ได้แก่ เทวรูปต่าง ๆ และเศษเครื่องปั้นดินเผา สมัยลพบุรี สุโขทัย อยุธยา และรัตนโกสินทร์ และโบราณสถานสระแก้ว เป็นโบราณสถานที่เป็นสระน้ำโบราณ สระน้ำขุดลงไปในชั้นของศิลาแลงธรรมชาติ ตัวสระเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีทางลงทำเป็นขั้นบันได ผนังขอบสระทุกด้านมีการแกะสลักภาพนูนต่ำเป็นรูปสัตว์ต่างๆ เช่น รูปช้าง สิงห์ หมู กินรี งูพันเสา สัตว์เหล่านี้เป็นสัตว์ชั้นสูง สถานแห่งนี้เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีความสนใจในโบราณสถาน เป็นตำราความรู้นอกห้องเรียนที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง
12. อ่างเก็บน้ำจักรพงษ์
อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่อยู่บริเวณเชิงเขาอีโต้ ซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ท่ามกลางความเป็นธรรมชาติ จากปากทางเข้าอ่างเก็บน้ำให้เลี้ยวซ้ายจะมีถนนขึ้นไปจนถึงยอดเขาเพื่อชมทัศนียภาพโดยรอบ ระยะทางประมาณ 11 กิโลเมตร และช่วงกิโลเมตรที่ 6 จะเป็น "เนินพิศวง" หรือ "เนินมหัศจรรย์" ยาวประมาณ 150 เมตร หากจอดรถแล้วปล่อยเกียร์ว่างไว้รถจะไหลขึ้นเนินได้ ซึ่งเกิดจากภาพลวงตาจากภูมิประเทศโดยรอบ
สำหรับเส้นทางท่องเที่ยวบนอ่างเก็บน้ำจักรพงษ์ นักท่องเที่ยวสามารถขับรถ เดิน หรือปั่นจักรยานไปตามแนวสันเขื่อน ถ้าจะให้ดีขอแนะนำว่าให้มาในช่วงเช้า ๆ ที่อากาศยังไม่ร้อนมาก และยิ่งถ้าเป็นช่วงหน้าหนาว อากาศกำลังเย็นสบาย รับรองว่าคุณจะได้สูดอากาศสดชื่นอย่างเต็มปอด ทั้งยังได้ชมความสวยงามของพระอาทิตย์ที่ค่อย ๆ ส่องแสงเรืองรองบนท้องฟ้า หรือถ้าเกิดว่ามาในช่วงเช้าไม่ทัน ก็สามารถมานั่งรับประทานอาหารกลางวันพร้อมกับชมวิวธรรมชาติที่ร้านอาหารอร่อย ๆ ตามบริเวณริมอ่างเก็บน้ำได้เช่นกัน
ไม่น่าเชื่อว่า "ปราจีนบุรี" จังหวัดเล็ก ๆ แห่งนี้จะมีที่เที่ยวเยอะแยะมากมายขนาดนี้ นี่อาจเป็นแค่ส่วนหนึ่งของที่ท่องเที่ยวทั้งหมดเท่านั้นนะคะ ยังมีของดีของเด็ดที่แอบซ่อนอยู่เพียบ ของอย่างนี้มันต้องลองไปพิสูจน์ให้เห็นด้วยตาตัวเอง แล้วคุณจะพบกับความสุขกับการเดินทางไปยังจังหวัดปราจีนบุรีเที่ยวนี้อย่างแน่นอน
ตั๊กออแกไนท์ปราจีนบุรี รับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคปราจีนบุรี
นางรำปราจีนบุรีเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคปราจีนบุรี
ปราจีนบุรีรําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคปราจีนบุรี
รําบวงสรวงพญานาคปราจีนบุรี
ฟ้อนบูชาพญานาคปราจีนบุรี
รําบวงสรวงพญานาคปราจีนบุรี
ติดต่อสอบถามเรา
269
« เมื่อ: สิงหาคม 31, 2021, 07:22:13 PM »
10 ที่เที่ยวตราด จังหวัดมากเสน่ห์ที่ต้องไปเยือนสักครั้ง
1. ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง
ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองตราด ตั้งอยู่ในบริเวณอำเภอเมืองตราด เป็นศาลหลักเมืองที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น แตกต่างจากที่อื่นตรงที่มีสถาปัตยกรรมแบบเก๋งจีน มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คือเสาหลักเมือง ซึ่งเป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านมาก สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นพร้อมกับวัดโยธานิมิต เมื่อครั้งที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชยังเป็นพระยาวชิรปราการ เดินทางมารวบรวมไพร่พลเพื่อกู้ชาติที่เมืองตราด อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญของที่นี่คือศิวลึงค์ศิลา พบที่บ้านห้วยแร้ง อำเภอเมืองตราด และในวันขึ้น 6 ค่ำ เดือน 6 ของทุกปี จะมีการจัดงาน "วันงานพลีเมือง" ที่ชาวจีน เรียกกันว่า "วันเซี่ยกงแซยิด" ซึ่งหมายถึงวันเกิดของเจ้าพ่อหลักเมืองนั่นเอง
ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง
2. ศาลเจ้าแม่ทับทิม
ตั้งอยู่ที่อำเภอคลองใหญ่ สร้างขึ้นในช่วง พ.ศ. 2472-2474 และมีการจัดงานเทศกาลประจำปีมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2507 จนถึงปัจจุบัน และเนื่องจากมีประชาชนมากราบไหว้เป็นจำนวนมาก ทำให้สถานที่คับแคบ คณะกรรมการบริหารศาลเจ้าแม่ทับทิมจึงมีมติให้ก่อสร้างศาลหลังใหม่ขึ้น จัดพิธีวางศิลาฤกษ์เมื่อวันจันทร์ที่ 14 มกราคม 2545 เวลา 11.49 น. ส่วนศาลหลังเก่านั้นยังคงอนุรักษ์ไว้
3. วัดไผ่ล้อม
วัดที่มีความสำคัญที่สุดต่อการศึกษาของจังหวัดตราด ตั้งอยู่ที่ถนนหลักเมือง ตำบลบางพระ อำเภอเมือง ด้วยเป็นที่พำนักของท่านเจ้าคุณพระวิมลเมธาจารย์ วรญาณนุรักษ์ สังฆปราโมก บิดาแห่งการศึกษาจังหวัดตราดนั่นเอง นอกจากนี้ผู้มาเยือนยังจะได้ชมสวนพุทธธรรมที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปได้ใช้เป็นที่ปฏิบัติธรรม และเจดีย์พิพิธภัณฑ์สามท่านเจ้าคุณ ปูชนียบุคคลผู้เป็นที่เคารพบูชาของชาวตราดยิ่งนัก
วัดไผ่ล้อม
4. วัดโยธานิมิต หรือวัดโบสถ์
เป็นวัดหลวงเพียงแห่งเดียวในจังหวัดตราด สร้างขึ้นเมื่อครั้งสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชรวบรวมไพร่พลที่เมืองตราด แต่เสร็จสมบูรณ์ในสมัยรัชกาลที่ 3 วัดแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ทำพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาของบรรดาข้าราชการตั้งแต่สมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 จึงได้เปลี่ยนมาทำพิธีที่วัดไผ่ล้อม ภายในวัดมีพระอุโบสถศิลปะแบบอยุธยา มีภาพจิตรกรรมฝาผนังเล่าเรื่องพระเวสสันดรชาดก ปัจจุบันกลายเป็นพระวิหาร เรียกว่า วิหารโยธานิมิต และเป็นที่เก็บโบราณวัตถุ เช่น หนังสือใบลาน คัมภีร์เทศน์และรอยพระพุทธบาท
5. วัดบุปผาราม (วัดปลายคลอง)
วัดเก่าแก่ที่สุดของจังหวัดตราด ตั้งอยู่ที่บ้านปลายคลอง ตำบลวังกระแจะ อำเภอเมือง โดยชาวบ้านเรียกกันว่า "วัดปลายคลอง" สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ในราวรัชสมัยพระเจ้าปราสาททอง (พ.ศ. 2191) ต่อมาภายหลังท่านพระครูคุณสารพิสุทธิ์ (หลวงพ่อโห) อดีตเจ้าอาวาสในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้บูรณปฏิสังขรณ์เสนาสนะถาวรวัตถุในวัด จนมาถึงสมัยปัจจุบัน
ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจ เช่น พิพิธภัณฑ์วัดบุปผาราม แหล่งรวบรวมโบราณวัตถุอันทรงคุณค่า โดยเฉพาะพระบรมสารีริกธาตุ นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปทองบุเงิน พระพุทธรูปปางต่าง ๆ รวมทั้งเครื่องถ้วยจีน เครื่องถ้วยยุโรป กลองมโหระทึก, ภาพจิตรกรรมฝาผนังเก่าแก่ภายในพระอุโบสถและวิหารพระพุทธไสยาสน์ ซึ่งเป็นภาพที่เขียนขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์โดยฝีมือช่างท้องถิ่น มีการผสมผสานศิลปะจีนและวรรณคดีจีน แสดงให้เห็นว่าวัดแห่งนี้อาจได้รับการอุปถัมภ์จากชาวจีนที่มาค้าขายแถบชายฝั่งทะเลตะวันออกในสมัยนั้น ฯลฯ
6. วัดคีรีวิหาร
ตั้งอยู่ที่บ้านท่าเลื่อน อำเภอเมือง เป็นวัดเก่าแก่อายุกว่าร้อยปี เดิมชื่อว่า วัดท่าเลื่อน หรือ วัดภูเขายวน ตั้งอยู่ในทำเลซึ่งมองเห็นวิวทิวทัศน์ของป่าเขาและท้องทะเลได้อย่างชัดเจน อาณาบริเวณวัดมีความสงบ ร่มรื่นด้วยสวนป่าสักที่ปลูกเรียงรายเป็นระเบียบ นักท่องเที่ยวที่มาเยือน จะได้ชมความงดงามของสถาปัตยกรรมร่วมสมัยที่น่าสนใจภายในวัดนี้ ไม่ว่าจะเป็นพระอุโบสถหลังใหญ่ พระเจดีย์ เรือนรับรองสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี กุฏิธรรมสารอุทิศและกุฏินิรมิตสามัคคี ศาลาการเปรียญ วิหารจีนอันเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธอุดมสมบูรณ์ พระอวโลกิเตศวร และพระสังกัจจายน์ ที่ผู้คนนิยมเข้ามาสักการบูชาอยู่เสมอ
7. เกาะช้าง
เกาะที่เปรียบเสมือนเป็นอัญมณีของท้องทะเลตราด อุดมด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ใครที่อยากสัมผัสเกาะช้างในบรรยากาศที่เงียบสงบ แนะนำให้มาบริเวณหาดทางตอนใต้ หรือใครที่อยากสัมผัสสีสันความสนุกคึกคัก แนะนำว่าให้มาบริเวณชายฝั่งตะวันตกของเกาะ ชายหาดที่มีชื่อเสียงของเกาะช้าง ได้แก่ หาดคลองสน, หาดทรายขาว, หาดคลองพร้าว และหาดไก่แบ้ เป็นต้น โดยแต่ละหาดจะเชื่อมยาวถึงกัน แถมบริเวณรอบ ๆ เกาะช้าง ก็ยังมีเกาะน้อยใหญ่สวย ๆ อีกมากมายที่สวยงามไม่แพ้กัน เช่น เกาะช้างน้อย, เกาะเหลายา, เกาะคลุ้ม, เกาะง่าม และเกาะหมาก เป็นต้น บอกเลยว่าธรรมชาติแต่ละเกาะ สวยงามประทับใจคนไปเที่ยวแน่นอน
8. พิพิธภัณฑสถานเมืองตราด
พิพิธภัณฑสถานเมืองตราด ตั้งอยู่บริเวณถนนสันติสุข ใกล้กับศาลากลางจังหวัดตราด และอนุสาวรีย์เสด็จพ่อ ร.5 โดดเด่นด้วยอาคารไม้เก่าแก่ มีลักษณะเป็นเรือนไม้เสาปูน ยกพื้น ใต้ถุนสูง หลังคาทรงปั้นหยา ภายในจัดแสดงถึงประวัติของเมืองตราด เรื่องราวสำคัญต่าง ๆ ในประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นในจังหวัดตราด พร้อมทั้งวัฒนธรรมประเพณีของคนตราด อีกทั้งยังแนะนำถึงสถานที่ท่องเที่ยวเด่น ๆ ห้ามพลาดของจังหวัดตราด เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรก ๆ ที่อยากให้มาเยือนเมื่อมาเที่ยวตราด
9. พระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 5
พระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าศาลากลางจังหวัดตราด ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่คนตราดให้ความสำคัญมาก เพราะตลอดรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้มีการเสด็จประพาสหัวเมืองต่าง ๆ ประมาณ 24 ครั้ง โดยเฉพาะเมืองตราดที่พระองค์เสด็จประพาสมากถึง 12 ครั้งด้วยกัน จึงทำให้ชาวตราดมีความผูกพันกับในหลวง รัชกาลที่ 5 อย่างมาก หากใครวางแผนไปเที่ยวตราดก็อย่าลืมแวะไปที่อนุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 กันนะ
10. เกาะหมาก
ตั้งอยู่ระหว่างเกาะช้างและเกาะกูด เสน่ห์ของเกาะหมากอยู่ที่ความเงียบสงบ ไม่ค่อยมีสถานที่ท่องเที่ยวบันเทิงมากนัก น้ำทะเลใสแจ๋ว จะเล่นน้ำหรือชมปะการังสวย ก็ทำได้จุใจ แนะนำว่าการไปเที่ยวเกาะหมากควรไปเที่ยวแบบค้างคืน เพราะว่าตัวเกาะอยู่ห่างจากฝั่งค่อนข้างมาก ซึ่งนักท่องเที่ยวควรซื้อแพ็กเกจจากทางที่พักบนเกาะหมากไปก่อนล่วงหน้า จะเป็นการสะดวกที่สุด สำหรับกิจกรรมห้ามพลาดบนเกาะหมาก นั่นคือ การดำน้ำ ซึ่งจุดที่สามารถดำน้ำชมปะการังได้อย่างสวยงาม ได้แก่ บริเวณหมู่เกาะรัง, เกาะยักษ์ใหญ่, เกาะยักษ์เล็ก และเกาะมะปริง เป็นต้น
ตั๊กออแกไนท์ตราด รับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคตราด
นางรำตราดเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคตราด
ตราดรําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคตราด
รําบวงสรวงพญานาคตราด
ฟ้อนบูชาพญานาคตราด
รําบวงสรวงพญานาคตราด
ติดต่อสอบถามเรา
270
« เมื่อ: สิงหาคม 31, 2021, 07:16:29 PM »
10 ที่เที่ยวจันทบุรี หลากหลายความสนุก อยากเที่ยวแบบไหนจัดเลย
1. อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ
เริ่มกันกับสถานที่แรกคือ "อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ" เป็นแหล่งต้นน้ำสำคัญของแม่น้ำจันทบุรี เนื่องจากสภาพป่าในบริเวณนี้มีหลากหลายและอุดมสมบูรณ์รวมทั้งมีพันธุ์ไม้หายากจำนวนมาก ซึ่งภายในยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ได้แก่ "น้ำตกกระทิง" มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาคิชฌกูฏ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่มี 13 ชั้น, "ยอดเขาพระบาท" ประดิษฐานอยู่บนยอดเขาคิชฌกูฎ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาที่นำมาผูกกับตำนานทางพระพุทธศาสนา โดยสามารถชมทิวทัศน์ของเทือกเขาสระบาป เขาสุกิม เกาะนมสาว และตัวเมืองจันทบุรีได้
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะกำหนดจัดงานนมัสการพระบาทพลวง ณ เขาคิชฌกูฏ เป็นประจำทุกปีในช่วงขึ้น 1 ค่ำ เดือน 3 ซึ่งประชาชนจะนิยมไปนมัสการรอยพระบาทพลวงเป็นจำนวนมากเพื่อเสริมสิริมงคลให้กับตัวเอง
+ เขาคิชฌกูฏ 2563 นมัสการรอยพระพุทธบาทพลวง วันที่ 25 มกราคม - 24 มีนาคม
2. ตึกแดง
ตั้งอยู่ที่ตำบลปากน้ำแหลมสิงห์ อำเภอแหลมสิงห์ บริเวณท่าเรือแหลมสิงห์ ใกล้กับคุกขี้ไก่ ห่างจากตัวเมืองจันทบุรี 30 กิโลเมตร สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2436 เดิมเป็นที่ตั้งของป้อมพิฆาตปัจจามิตร ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 ต่อมาเมื่อฝรั่งเศสเข้ายึดเมืองจันทบุรีได้รื้อป้อมแห่งนี้ลง และสร้างตึกแดงขึ้นเพื่อใช้เป็นที่พักและกองบัญชาการทหารฝรั่งเศส เป็นตึกชั้นเดียว สีแดง หลังคามุงกระเบื้อง และเปิดให้เข้าชมทุกวันในเวลา 08.30-16.30 น.
3. คุกขี้ไก่
ตั้งอยู่ที่ตำบลปากน้ำแหลมสิงห์ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2436 ตั้งอยู่ใกล้กับตึกแดง เมื่อฝรั่งเศสได้เข้ายึดจันทบุรีในกรณีพิพาท เรื่องดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ฝรั่งเศสได้สร้างคุกขี้ไก่เพื่อใช้กักขังคนไทยที่ต่อต้านฝรั่งเศส มีลักษณะเป็นหอสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดเล็ก ผนังก่ออิฐ มีช่องระบายอากาศอยู่สองแถว หลังคาโปร่ง เล่ากันว่าเป็นคุกที่ทรมานมาก เพราะชั้นบนใช้เป็นที่เลี้ยงไก่ ซึ่งจะถ่ายมูลราดศีรษะนักโทษที่ถูกคุมขังตลอดเวลา
4. ค่ายตากสิน
ตั้งอยู่ที่ถนนท่าหลวง ภายในประกอบด้วยอาคารเก่าแก่หลายแห่งมีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบยุโรป นั่นก็เพราะว่าที่นี่เคยเป็นที่ตั้งค่ายกองกำลังของทหารฝรั่งเศสในช่วง ร.ศ. 112 (พ.ศ. 2436) ในสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทหารฝรั่งเศสได้สร้างอาคารไว้หลายหลัง เช่น อาคารกองรักษาการณ์ทหารฝรั่งเศส, อาคารที่คุมขัง, อาคารกองบัญชาการทหาร, อาคารคลังพัสดุ, อาคารที่พักทหารรักษาการณ์ฝรั่งเศส, อาคารซ่อมบำรุงและสรรพาวุธ, คลังกระสุนปืนดินดำ เป็นต้น
การเข้าเที่ยวชมค่ายตากสิน จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวชมเฉพาะในโซนศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชและอาคารโบราณสถานต่าง ๆ เท่านั้น เปิดให้เข้าเที่ยวชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย สามารถนำรถเข้าไปจอดบริเวณด้านในค่ายได้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานระยอง โทรศัพท์ 0 3865 5420
5. สถานีพัฒนาป่าชายเลนที่ 2 ลุ่มน้ำเวฬุ
ตั้งอยู่บริเวณบ้านท่าสอน ตำบลบ่อ อำเภอขลุง มีพื้นที่ 120,000 ไร่ ห่างจากตัวเมืองจันทบุรี 18 กิโลเมตร บนเส้นทางถนนสุขุมวิท ประมาณ กิโลเมตร ที่ 374-375 เป็นป่าชายเลนลุ่มน้ำเวฬุ อยู่ในความดูแลของสถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่ 2 (ท่าสอน จันทบุรี) ป่าชายเลนมีพันธุ์ไม้หลายชนิด เช่น โกงกาง แสม ลำพู แต่ละจุดแสดงจะมีป้ายสื่อความหมายไว้ โดยไฮไลท์อีกหนึ่งอย่างของที่นี่คือการชมหิ่งห้อยในป่าชายเลน โดยไม่ต้องลงเรือ เพราะมีถนนคนเดินยาว 2 กิโลเมตรครึ่ง ลดเลี้ยวเข้าไปในป่าชายเลน มีหิ่งห้อยนับแสนตัวเปล่งแสงระยิบระยับตลอดสองข้างทาง มีที่จอดรถกว้างขวางก่อนจะเข้าป่าชายเลน
ทั้งนี้สอบถามรายละเอียดได้ที่ สถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่ 2 (ท่าสอน จันทบุรี) โทรศัพท์ 061 683 0926 หรือเฟซบุ๊ก ศูนย์การเรียนรู้เชิงนิเวศป่าชายเลนท่าสอน จ.จันทบุรี
6. เที่ยวย่านท่าหลวง เที่ยวชมย่านเก่าริมแม่น้ำ
ย่านท่าหลวงตั้งอยู่ที่ถนนท่าหลวง ตำบลท่าช้าง อำเภอเมือง เป็นย่านการค้าเก่าของเมืองจันทบูรณ์ ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจันทบุรี เป็นชุมชนย่านเก่าแก่ของจีนและญวนมาตั้งแต่สมัยต้นรัตนโกสินทร์ และรุ่งเรืองมากในสมัยรัชกาลที่ 5 สามารถเดินเที่ยวชมบรรยากาศย้อนยุคอย่างสบาย ๆ มองหาอาคารเรือนแถวที่สร้างตามแบบโคโลเนียล ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมลูกครึ่งฝรั่งผสมจีน ลักษณะอาคารเรียงโค้งกันเป็นแถว และประดับชายคาด้วยแป้นไม้แกะฉลุลวดลายโปร่งตา
ร้านค้าหลายร้านยังคงสภาพแบบดั้งเดิมไว้ เช่น ร้านตัดผมเรือนไม้, ร้านขายยาจีนแผนโบราณ, บ้านหลวงราชไมตรี ผู้ได้รับฉายา "บิดาแห่งยางพาราภาคตะวันออก" คหบดีแห่งย่านท่าหลวง ซึ่งบุกเบิกการค้ายางพาราในจังหวัดนี้ ตัวบ้านสร้างแบบโคโลเนียล และเคยเป็นสถานที่ถ่ายทำหนัง "โหมโรง" และละคร "อยู่กับก๋ง" ทั้งนี้ แวะร้านไอศกรีม "จรวด" เป็นทั้งร้านอร่อย และโรงงานแรกของจังหวัดที่ใช้เครื่องจักรผลิตไอศกรีมตั้งแต่ปี พ.ศ. 2502 เป็นต้นมา ซึ่งยังคงบรรยากาศเก่าแก่ของตัวอาคารแบบโคโลเนียลไว้ และแวะที่ร้านขายของที่ระลึกต่าง ๆ ชื่อร้าน "ทำสี" ที่ขายดี เช่น เสื้อยืด โปสการ์ด แม่เหล็กติดตู้เย็น และของใช้จุกจิก
- 12 ที่พักจันทบุรีในเมือง นอนสบาย เดินทางเที่ยวแสนสะดวก
- 10 ร้านกาแฟจันทบุรี บรรยากาศดีต่อใจ มาแล้วต้องเช็กอินให้ครบ
- เที่ยวจันทบุรี 2 วัน 1 คืน แวะนอนพักโฮมสเตย์ เดินเล่นชุมชนริมน้ำชิล ๆ
7. อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว
ตั้งอยู่ในเขตอำเภอแหลมสิงห์ บนเทือกเขาสระบาป มีเนื้อที่ 84,063 ไร่ มีพันธุ์ไม้ต่าง ๆ และยังสัตว์ป่าต่าง ๆ หลายชนิดเช่น โดยที่มาของชื่อน้ำตกคือคำว่า "พลิ้ว" กล่าวกันว่าเป็นภาษาชอง ซึ่งเป็นเจ้าของถิ่นเดิม แปลว่า ทราย หรือ หาดทราย แต่เข้าใจกันว่าน้ำตกพลิ้วคงจะได้ชื่อมาจากต้นไม้ชนิดหนึ่ง ซึ่งชอบขึ้นในดินปนทราย เป็นไม้เถามีดอกเป็นผลเล็กขนาดลูกเกด สีเหลืองอมแดง ขึ้นทั่วไปในแถบนี้ สำหรับน้ำตกพลิ้วเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ มีน้ำตลอดปี ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว
8. หาดเจ้าหลาว
ชายหาดชื่อดังที่ตั้งอยู่ในตำบลคลองขุด อำเภอท่าใหม่ อยู่ทางทางด้านตะวันออกของอ่าวคุ้งกระเบน และอยู่ก่อนถึงตัวเมืองจันทบุรี 60 กิโลเมตร เป็นชายหาดที่มีชื่อแห่งหนึ่งของเมืองจันท์ เพราะมีชายหาดที่สวยงาม มีบรรยากาศเงียบสงบ ร่มรื่นด้วยทิวมะพร้าว หาดทรายจะเป็นสีแดงละเอียด ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษของหาดทรายเมืองจันท์ รวมทั้งหาดทรายของหาดเจ้าหลาวยังทอดยาวไปจดเขตห้ามล่าสัตว์ป่าคุ้งกระเบน มีกิจกรรมทางน้ำให้เลือกทำมากมาย เช่น เล่นน้ำทะเล, บานาน่าโบ๊ต, ดำน้ำดูปะการังน้ำตื้น ซึ่งอยู่ห่างจากฝั่งเพียง 2 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังมีเรือท้องกระจกให้บริการอีกด้วย
- 10 ที่พักหาดเจ้าหลาว พักผ่อนยาว ๆ เคล้าบรรยากาศริมทะเล
- 5 ทะเลจันทบุรี บรรยากาศเป็นส่วนตัวดีต่อใจ เที่ยววนไปก็ไม่เบื่อ
9. ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
เป็นสถานที่สำคัญสำหรับศึกษาค้นคว้าและวิจัย เพื่อเป็นแนวทางการพัฒนาที่เหมาะสมต่อสภาพพื้นที่ชายฝั่งจังหวัดจันทบุรีโครงการหนึ่งที่ศูนย์ทำขึ้น เพื่อให้ประชาชนที่สนใจเข้ามาศึกษาสภาพธรรมชาติ ก่อให้เกิดความเข้าใจระบบนิเวศในป่าชายเลน และรู้จักใช้ทรัพยากรเหล่านั้นให้เกิดประโยชน์สูงสุด คือ สะพานเดินศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนอ่าวคุ้งกระเบน ตั้งอยู่ตรงข้ามศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริใช้เวลาเพียง 30-45 นาที บนเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ระยะทาง 1,600 เมตร มีจุดสื่อความหมายธรรมชาติอยู่ตามบริเวณจุดต่าง ๆ เป็นแหล่งอาหารธรรมชาติ ตลอดจนแหล่งสมุนไพรสำหรับชุมชนที่อาศัยอยู่โดยรอบอีกด้วย
สำหรับที่นี่เปิดทุกวันเวลา 06.30-18.00 น. การเข้าชมเป็นหมู่คณะควรติดต่อล่วงหน้าที่ศูนย์ศึกษาพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ นอกจากนี้ ทางศูนย์ยังมีบริการบ้านพักสำหรับบริการหน่วยงานรัฐที่ไปจัดอบรมสัมมนาโดยติดต่อล่วงหน้า โทรศัพท์ 0 3936 9216-8 โทรสาร 0 3936 9219 หรือ fisheries.go.th และ เฟซบุ๊ก ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
10. ถนนอัญมณี
"ถนนอัญมณี" หรือ "ตลาดพลอย" ตั้งอยู่ภายในบริเวณถนนศรีจันท์และซอยกระจ่าง นับเป็นถนนเศรษฐกิจของจังหวัด เพราะเป็นที่ตั้งของร้านเจียระไนพลอยและร้านค้าอัญมณีต่าง ๆ ซึ่งอาจนับได้ว่าสถานที่แห่งนี้เป็นตลาดค้าพลอยเจียระไนที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ในวันศุกร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 10.00-15.00 น. ยังสามารถเห็นบรรยากาศการซื้อขายพลอยของพ่อค้าพลอย ที่เดินทางมาจากที่ต่าง ๆ กันทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
ตั๊กออแกไนท์จันทบุรีรับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคจันทบุรี
นางรำจันทบุรีเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคจันทบุรี
จันทบุรีรําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคจันทบุรี
รําบวงสรวงพญานาคจันทบุรี
ฟ้อนบูชาพญานาคจันทบุรี
รําบวงสรวงพญานาคจันทบุรี
ติดต่อสอบถามเรา
หน้า: 1 ... 16 17 [18] 19 20 ... 30