This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
Topics - admin
หน้า: 1 ... 17 18 [19] 20 21 ... 29
271
« เมื่อ: สิงหาคม 31, 2021, 03:49:48 PM »
ที่เที่ยวอุตรดิตถ์ ปักหมุดจุดเช็กอินเด่น ในถิ่นพระยาพิชัยดาบหัก
1. อนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก
ตั้งอยู่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดอุตรดิตถ์ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2512 เพื่อรำลึกถึงความกล้าหาญและเก่งกาจของพระยาพิชัยดาบหัก เจ้าเมืองพิชัยในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เมื่อครั้งที่ต่อสู้กับกองทัพพม่าในปี พ.ศ. 2316 จนดาบข้างขวาหักไปหนึ่งเล่ม แต่ก็ยังสามารถต่อสู้จนสามารถเอาชนะกองทัพพม่าได้ ทั้งนี้ในบริเวณใกล้เคียงก็มีพิพิธภัณฑ์พระยาพิชัยดาบหัก และพิพิธภัณฑ์ดาบน้ำพี้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกให้เดินเที่ยวชมด้วย
2. บ้านเกิดพระยาพิชัย
จำลองบ้านเกิดของพระยาพิชัยดาบหัก มีลักษณะเป็นบ้านเรือนไทยทำจากไม้สักแท้ทั้งหลัง จัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน แสดงเรือนนอน เรือนครัว หอพระ หอนก พร้อมทั้งรูปปั้นพระยาพิชัยดาบหัก และรูปลำดับทายาทของท่าน ทั้งนี้ในบริเวณเดียวกันยังมีเจดีย์สถูปทรงพระปรางค์และอนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหักให้ได้กราบไหว้ขอพรด้วย
เขื่อนดินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตั้งอยู่บนลำน้ำน่านในเขตตำบลผาเลือด อำเภอท่าปลา มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ รายล้อมไปด้วยภูเขาและป่าไม้ที่สวยงามอุดมสมบูรณ์ วิวทิวทัศน์น่าเที่ยวน่าชม โดยมีจุดให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาเที่ยวชม แวะนั่งเล่นพักผ่อนและถ่ายรูปอยู่หลายจุด อาทิ บริเวณสันเขื่อน, พระพุทธสิริสัตตราช, สวนสุมาลัย และสะพานแขวนเฉลิมพระเกียรติบรมราชินีนาถ เป็นต้น ทั้งนี้ก็มีร้านอาหารริมเขื่อนให้บริการมากมาย พร้อมทั้งมีบริการแพ/เรือ ล่องเที่ยวชมรอบ ๆ เขื่อน และยังมีที่พักของเขื่อน รวมทั้งผู้ประกอบการในพื้นที่ให้บริการด้วย
ที่เที่ยวอุตรดิตถ์
4. สะพานเฉลิมพระเกียรติบรมราชินีนาถ
ตั้งอยู่ภายในเขื่อนสิริกิติ์ ตำบลผาเลือด อำเภอท่าปลา มีลักษณะเป็นสะพานแขวนด้วยสายเคเบิลทอดข้ามลำน้ำน่าน ตัวสะพานจะเป็นสีฟ้า-เหลืองสดใส เมื่อเดินขึ้นไปบนสะพานจะมองเห็นวิวทิวทัศน์ของลำน้ำน่านและภูเขาที่ขนาบข้างสองฝั่งได้อย่างสวยงาม บรรยากาศดี ถ่ายรูปสนุก มีมุมชิค ๆ ให้กดชัตเตอร์หลากหลายมุม รวมทั้งบริเวณสวนสุมาลัยที่อยู่ใกล้กันด้วย
5. อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว
ครอบคลุมพื้นที่ทั้งในจังหวัดอุตรดิตถ์และจังหวัดพิษณุโลก โดยที่ทำการอุทยานนั้นตั้งอยู่ที่ตำบลห้วยมุ่น อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ โดยมีจุดท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอย่างน้ำตกภูสอยดาวอยู่ใกล้กัน แต่สิ่งที่เป็นจุดเด่นมากที่สุดของที่นี่ ก็คือ เส้นทางเดินป่าระยะไกลขึ้นไปยังลานสน และยอด 2,102 โดยในช่วงฤดูฝนจะมีนักท่องเที่ยวสายลุยจากทั่วทุกสารทิศมาเดินป่าเพื่อขึ้นไปชมความสวยงามของดอกหงอนนาคนับล้านดอก ที่กำลังเบ่งบานอยู่บนพื้นที่กว้างบนยอดเขากว่า 1,000 ไร่ ใต้ร่มต้นสนสามใบสูงสวยงาม ท่ามกลางสายหมอกบาง ๆ อากาศเย็นสบายสดชื่น
ที่เที่ยวอุตรดิตถ์
การเดินขึ้นไปยังลานสนสามใบ จะต้องเดินเท้าประมาณ 4-6 ชั่วโมง มีระยะทางทั้งหมดประมาณ 6.5 กิโลเมตร เส้นทางมีทั้งทางราบ เดินขึ้นเขา และลงเขา สลับกันไป และต้องพักค้างคืนด้านบนอย่างน้อย 1 คืน ผู้ที่จะเดินป่าเส้นทางนี้จึงต้องเตรียมร่างกายให้พร้อม และศึกษาข้อมูลให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนการเดินทาง
6. บ่อเหล็กน้ำพี้
เป็นแหล่งเหล็กกล้าที่นำมาทำพระแสงดาบตั้งแต่สมัยโบราณ มี 2 บ่อที่สำคัญ คือ บ่อพระแสง เหล็กที่ขุดได้จากบ่อนี้จะนำไปทำพระแสงดาบสำหรับพระมหากษัตริย์เท่านั้น และบ่อพระขรรค์ เป็นบ่อที่ช่างทำพระขรรค์เคยนำเหล็กจากบ่อนี้ไปทำพระขรรค์ถวายพระมหากษัตริย์ ซึ่งในบริเวณเดียวกันก็มีพิพิธภัณฑ์บ่อเหล็กน้ำพี้ ที่จัดแสดงเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของที่นี่ไว้ด้วย ทั้งนี้นักท่องเที่ยวสามารถที่จะลองตกแร่เหล็กได้ด้วยตนเอง
7. อุทยานแห่งชาติต้นสักใหญ่
เป็นพื้นที่ป่าเขาที่อุดมสมบูรณ์ ในพื้นที่อำเภอน้ำปาด อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ อำเภอท่าปลา และอำเภอทองแสงขัน เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติทั้งยอดเขาที่สวยงาม ถ้ำ น้ำตก และเส้นทางศึกษาธรรมชาติ โดยจุดท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลต์จะอยู่ที่ต้นสักใหญ่ บ้านปางเกลือ หมู่ 4 ตำบลน้ำไคร้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานนามว่า มเหสักข์ เป็นต้นสักที่มีอายุมากกว่า 1,500 ปี สูงใหญ่ให้ร่มเงาสง่า ทางอุทยานได้ปรับปรุงภูมิทัศน์จัดทำทางเดินให้ชมโดยรอบ
8. น้ำตกแม่พูล
น้ำตกสวยแห่งอำเภอลับแล ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าเขาที่สวยงามในพื้นที่บ้านต้นเกลือ เป็นน้ำตกที่มีการเทปูนทำเป็นชั้นสวยงาม ลดหลั่นกันลงมาจากเนินเขาหลายเมตร โดยที่ด้านล่างของน้ำตกเป็นแอ่งน้ำกว้าง สามารถลงเล่นน้ำได้ บริเวณโดยรอบของน้ำตกเป็นป่าไม้สีเขียวขจี อากาศเย็นสบายสดชื่น มีร้านค้าร้านอาหารให้บริการในช่วงวันหยุด
9. ตลาดเทศบาลตำบลหัวดง
ตลาดผลไม้ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของอุตรดิตถ์ มีขนาดใหญ่ ซึ่งจัดจำหน่ายผลไม้ในท้องถิ่นตามฤดูกาล เช่น ทุเรียน ลางสาด ลองกอง มังคุด และเงาะ โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนจะมีเทศกาลทุเรียนหลงลับแล หลินลับแล มีทุเรียนพื้นเมืองให้ชิมลิ้มลองกันแบบจุใจ ราคาไม่แพง และยังมีอาหารพื้นเมือง เช่น ข้าวแคบ หมี่พัน และข้าวพันผัก ให้อิ่มอร่อยด้วย
10. พิพิธภัณฑ์เมืองลับแล
อาคารพิพิธภัณฑ์ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น และวิถีชีวิตชุมชนของเมืองลับแลตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน รวมทั้งจัดแสดงประวัติของพระศรีพนมมาศ บุคคลสำคัญที่ทำให้ลับแลเจริญรุ่งเรือง โดยตัวของพิพิธภัณฑ์เป็นบ้านเรือนไทยภาคเหนือ ยกพื้นสูง ด้านหน้าเป็นสนามหญ้ากว้าง มีนาข้าวอยู่ด้านหลัง กิจกรรมที่น่าสนใจของที่นี่ ก็คือ การกินขันโตกในมื้อค่ำ กินอาหารพื้นเมืองไปพร้อม ๆ กับการชมการแสดงจากเยาวชนในพื้นที่ สามารถติดต่อได้ล่วงหน้า
11. วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง
วัดสำคัญของตำบลทุ่งยั้ง อำเภอลับแล เป็นวัดเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่ก่อนสมัยสุโขทัย เป็นที่ประดิษฐานของพระบรมธาตุทุ่งยั้ง ซึ่งด้านในมีการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตัวพระบรมธาตุเป็นสีเหลืองทอง ตั้งอยู่บนฐานสูง นอกจากนี้ภายในวัดยังมีวิหารงดงาม สร้างในแบบสถาปัตยกรรมล้านนา ด้านในมีพระประธานสวยสง่า น่ากราบไหว้ขอพร
12. วัดดอนสัก
ตั้งอยู่ที่บ้านฝายหลวง อำเภอลับแล เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย โดยมีวิหารที่สร้างในรูปแบบสถาปัตยกรรมเชียงแสนผสมกับศิลปะสุโขทัย จุดเด่นที่สุด ก็คือ บานประตูวิหาร ซึ่งทำจากไม้เนื้อแข็ง แกะสลักอย่างสวยงามวิจิตรบรรจง เป็นลวดลายกนกก้านขด พร้อมกับมีรูปสัตว์จากตำนานป่าหิมพานต์แทรกอยู่ด้วย โดยบานซ้ายกับบานขวานั้นจะมีลวดลายที่แตกต่างกัน แต่เมื่อปิดเข้าหากันแล้วจะปิดสนิทพอดี ลวดลายเชื่อมกันอย่างสวยงาม
13. วัดพระแท่นศิลาอาสน์
ตั้งอยู่บนเนินเขาเต่า บ้านพระแท่น เป็นวัดโบราณที่สร้างมายาวนานหลายร้อยปี ปัจจุบันเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี เป็นวัดสำคัญของจังหวัดอุตรดิตถ์อีกวัดหนึ่ง ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจ คือ พระแท่นศิลาอาสน์ เป็นหินศิลาแลงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ที่ฐานประดับด้วยลายกลีบบัว มีพระมณฑปศิลปะเชียงแสนครอบอยู่ด้านบน นอกจากนี้ก็ยังมีบานประตูวิหารพระแท่นศิลาอาสน์, ภาพวาดเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของราชวงศ์จักรี และพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น ให้เที่ยวชมกันด้วย
14. ถนนของกิน ลับแล
เป็นถนนเส้นเล็ก ๆ ที่อยู่ด้านข้างสำนักงานสาธารณสุขอำเภอลับแล โดยตลอดทั้งถนนเส้นนี้จะมีร้านอาหารพื้นบ้านอร่อย ๆ มากมายให้เลือกอิ่มอร่อยไม่ซ้ำแบบ ไม่ว่าจะเป็นจ่าจู๊ดหมูย่าง, ข้าวมันไก่น้องแก้ม, ข้าวมันไก่สูตรไหหลำ, ก๋วยเตี๋ยวและอาหารตามสั่งเจ้ศรี, เจ๊นีย์ของทอด, ก๋วยเตี๋ยวต้มยำโบราณ ลลลล ลำลำลับแล, ป้าหว่างหมี่พันลับแล, ข้าวพันผักอินดี้ เป็นต้น
ที่เที่ยวอุตรดิตถ์
15. พิพิธภัณฑ์ผ้าซิ่นตีนจก ไท-ยวน ลับแล
ศูนย์การเรียนรู้เกี่ยวกับการทอผ้าซิ่นตีนจกไท-ยวน เป็นอาคารไม้เรือนไทย 2 ชั้น จัดแสดงผ้าซิ่นตีนจกเก่าแก่ที่มีอายุมากกว่าร้อยปี รวมทั้งผลงานของกลุ่มทอผ้าซิ่นตีนจกบ้านคุ้ม ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ลวดลายสวยงามประณีต ผ้าทอทุกผืนจะมีเพียงชิ้นเดียวในโลก เพราะแม้แต่เส้นไหมก็มีสีสันที่แตกต่างกัน ย้อมสีธรรมชาติ ถักทอจากมือของชาวบ้าน ผ้าแต่ละผืนจึงมีราคาสูง คุณภาพสมราคา
16. ภูแลลาว
ตั้งอยู่ภายในหน่วยพิทักษ์ป่าภูแลลาว เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่จริม สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ตำบลบ่อเบี้ย อำเภอบ้านโคก จังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นจุดชมวิวที่สวยงามอีกหนึ่งแห่งของอุตรดิตถ์ สามารถมองเห็นวิวสวย ๆ ของภูเขาน้อยใหญ่ที่อยู่ทางฝั่งไทย ไล่ไปจนถึงวิวภูเขาสูงใหญ่ทางฝั่งเมืองไชยบุรี ประเทศลาว ช่วงปลายฝนต้นหนาวไปจนถึงปลายฤดูหนาวจะมีทะเลหมอกให้ได้ชมกันด้วย
17. แก่งทรายงาม
เป็นแก่งเล็ก ๆ ที่อยู่ในลำธารสวยในเขตตำบลน้ำหมัน อำเภอท่าปลา บริเวณแก่งมีก้อนหินน้อยใหญ่ขวางกั้นลำน้ำ มีพื้นที่ราบริมฝั่งให้สามารถเดินลงไปสัมผัสกับน้ำเย็นเจี๊ยบใสแจ๋ว พร้อมกับนั่งปิกนิกชมวิวสวย ๆ ริมน้ำบนพื้นหญ้าเขียวขจี บรรยากาศเย็นสบายสดชื่นตลอดทั้งปี ทั้งนี้ถ้าเป็นช่วงฤดูฝนควรระมัดระวังน้ำป่า ขอความร่วมมือไม่ทิ้งขยะทั้งในลำธารและริมฝั่ง ไม่ก่อกองไฟหรือทำให้ธรรมชาติเสียหาย
18. อุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน
ตั้งอยู่ในตำบลผาเลือด อำเภอท่าปลา ซึ่งครอบคลุมพื้นที่โดยรอบของอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ รวมทั้งป่าเขาที่อุดมสมบูรณ์ในพื้นที่ใกล้เคียง รวมพื้นที่มากกว่า 600,000 ไร่ จุดที่น่าสนใจของอุทยานนอกจากอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์แล้ว ก็ยังมีจุดชมวิวทะเลสาบสุริยันจันทรา ซึ่งสามารถมองเห็นทิวเขาน้อยใหญ่สลับซับซ้อนอยู่เบื้องหลังทะเลสาบกว้าง ช่วงเช้าและเย็นบรรยากาศสวยงามมาก เงียบสงบ มีลมเย็น ๆ พัดตลอดทั้งวัน
ตั๊กออแกไนท์อุตรดิตถ์รับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคอุตรดิตถ์
นางรำอุตรดิตถ์เพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคอุตรดิตถ์
อุตรดิตถ์รําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคอุตรดิตถ์
รําบวงสรวงพญานาคอุตรดิตถ์
ฟ้อนบูชาพญานาคอุตรดิตถ์
รําบวงสรวงพญานาคอุตรดิตถ์
ติดต่อสอบถามเรา
272
« เมื่อ: สิงหาคม 31, 2021, 03:40:40 PM »
เที่ยวลำพูน สัมผัส 10 สถานที่ท่องเที่ยวที่งดงาม
ลำพูน จังหวัดเล็ก ๆ ในภาคเหนือที่เรื่องราวของประวัติศาสตร์ไม่ได้เล็กตามพื้นที่ แต่กลับยิ่งใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในดินแดนล้านนา และมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวในเชิงศิลปวัฒนธรรมเป็นอย่างมาก และมีแหล่งท่องเที่ยวทั้งวัดวาอาราม เจดีย์เก่าแก่ ศิลปะล้านนาแท้ที่มีลวดลายอันวิจิตรงดงาม อีกทั้งงานหัตถกรรมที่สั่งสมกันมาอย่างยาวนานจนเป็นสินค้าขึ้นชื่ออย่างผ้าไหมยกดอก ดังนั้นเราเลยหยิบเอา 10 สถานที่ท่องเที่ยวลำพูน ที่ควรไปเยือนสักครั้งหากมีโอกาสมาแนะนำกันค่ะ
1. พระธาตุหริภุญชัย
พระธาตุหริภุญชัย
ตั้งอยู่ใจกลางเมืองลำพูน มีถนนล้อมรอบสี่ด้าน ถือเป็นพระธาตุประจำปีเกิดชาวปีระกา และนับเป็นปูชนียสถานอันสำคัญยิ่งในล้านนามาตั้งแต่สมัยโบราณ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1651 ในสมัยพระเจ้าอาทิตยราช ราชกษัตริย์วงศ์รามัญผู้ครองนครลำพูน แม้องค์จะไม่ใหญ่โตแต่สร้างขึ้นด้วยทรวดทรงที่สมส่วน และงดงามด้วยประกายทองจังโกที่สะท้อนเปลวแดดขับให้องค์พระธาตุดูโดดเด่น ท่ามกลางวิหารอื่น ๆ โดยตามตำนานเล่าว่า 1,000 ปีก่อน เคยเป็นวังของพระเจ้าสรรพสิทธิ์ เมื่อพระองค์ทรงขุดพบพระบรมสารีริกธาตุหรือพระเกศาธาตุ จึงโปรดให้ก่อองค์พระธาตุขึ้น จนเมื่อ 500 ปีก่อน ในสมัยพระเจ้าติโลกราชได้โปรดให้ก่อพระธาตุแบบลังกาครอบองค์เดิมดังปรากฏในปัจจุบัน นอกจากนี้ภายในวัดยังมีพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงศิลปวัตถุมากมาย อีกทั้งในวันเพ็ญเดือน 6 จะมีงานนมัสการและสรงน้ำพระบรมธาตุทุกปี สอบถามรายละเอียด โทรศัพท์ 0 5331 1104 หรือเว็บไซต์ hariphunchaitemple.org
2. อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย
อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย ตั้งอยู่เชิงดอยติ บริเวณวัดดอยติ ตำบลป่าสัก ห่างจากตัวเมืองลำพูนประมาณ 5 กิโลเมตร ตามถนนสายเชียงใหม่-ลำปาง พระครูบาศรีวิชัยเป็นพระเถรเจ้านักพัฒนาแห่งล้านนาไทย ผู้พัฒนาทั้งด้านจิตใจและด้านถาวรวัตถุให้แก่ชาวล้านนาไว้อย่างอเนกอนันต์ ท่านมีชีวิตอยู่ในช่วงปี พ.ศ. 2421-2481 ถิ่นฐานบ้านเดิมของท่านอยู่ที่บ้านแม่ตื่น อำเภอลี้ จึงเป็นความภูมิใจอย่างใหญ่หลวงของชาวลำพูน ที่เมืองนี้เป็นบ้านเกิดเมืองนอนของนักบุญผู้ยิ่งใหญ่แห่งล้านนา
3. วัดพระพุทธบาทตากผ้า
วัดพระพุทธบาทตากผ้า
วัดนี้เป็นปูชนียสถานสำคัญของจังหวัดลำพูน บนม่อนดอยเบื้องหลังวัดได้มีการสร้างพระเจดีย์ ซึ่งเป็นศิลปะที่ผสมผสานจากพระธาตุดอยสุเทพและพระธาตุหริภุญชัย โดยมีบันไดนาค 469 ขั้น เชื่อมระหว่างเจดีย์บนม่อนดอยกับวัดพระบาทตากผ้าที่เชิงดอย ปัจจุบันสามารถนำรถขึ้นไปได้เมื่อถึงวันอัฐมีบูชา แรม 8 ค่ำ เดือนแปด ซึ่งเป็นวันคล้ายวันถวายพระเพลิงพระสรีระของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่วัดมีประเพณีสรงน้ำพระพุทธบาทเป็นประจำทุกปี ติดต่อได้ที่ โทรศัพท์ 0 5357 2961, 0 5300 5200 หรือเว็บไซต์ phrabat.com การเดินทางใช้ทางหลวงหมายเลข 106 บริเวณกิโลเมตรที่ 136-137 เข้าไปประมาณ 1 กิโลเมตร
4. วัดพระธาตุดอยเวียง
วัดพระธาตุดอยเวียง ตั้งอยู่ที่หมู่ 9 บ้านดอยเวียง ตำบลบ้านธิ ห่างจากอำเภอบ้านธิประมาณ 7 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 15 ไร่ และบนดอยเป็นที่ประดิษฐานเจดีย์เก่าแก่ซึ่งมีพระบรมสารีริกธาตุบรรจุอยู่ สันนิษฐานว่าสร้างเมื่อ พ.ศ. 1220 ในสมัยพระนางจามเทวี ตามตำนานจารึกในใบลานเล่าว่าขุนหลวงปาละวิจา มาตั้งเมืองที่นี่ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านและได้สร้างวัดไว้บนดอย ต่อมาถูกไฟป่าไหม้ลุกลามทำให้เหลือแต่เจดีย์และศาลาเล็ก ๆ หลังหนึ่ง วัดนี้ยังมีพระพุทธรูปเก่าแก่อีก 3 องค์ องค์แรกเป็นพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์ปางมารวิชัยหน้าตักกว้าง 29 นิ้ว มีเรื่องเล่าว่าครั้งหนึ่งฝนแล้ง ชาวบ้านเดือดร้อนเลยนำพระองค์นี้มาแห่ขอฝนปรากฏว่าฝนตก ชาวบ้านจึงพร้อมใจกันตั้งชื่อพระองค์นี้ว่า "พระเจ้าสายฝน" องค์ที่สองหน้าตักกว้าง 99 นิ้ว ประดิษฐานที่ศาลาการเปรียญ องค์ที่สามหน้าตักกว้าง 89 นิ้วประดิษฐานที่เชิงดอย ทั้งสององค์ข้างในเป็นศิลาแลงและข้างนอกฉาบปูน สมัยที่ค้นพบนั้นเหลือไม่เต็มองค์เศียรปักดินชาวบ้านจึงเรียกว่า "พระเจ้าดำดิน" ชั้นบนสุดของดอยเป็นที่ประดิษฐานของเจดีย์ธาตุดอยเวียง และทุก ๆ ปีในวันแรม 8 ค่ำ เดือน 7 จะมีประเพณีสรงน้ำพระธาตุ
5. อุทยานแห่งชาติแม่ปิง
อุทยานแห่งชาติแม่ปิง
อุทยานแห่งชาติแม่ปิง มีพื้นที่ครอบคลุมอำเภอดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน และอำเภอสามเงา จังหวัดตาก เป็นป่าที่อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติป่าไม้และสัตว์ป่า มีทิวเขาทอดยาวเหยียดสลับซับซ้อน ลำห้วยน้อยใหญ่หลายสิบสาขาไหลผ่านที่สำคัญ คือ ลำห้วยแม่หาด ลำห้วยแม่ก้อ และทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามโดยเฉพาะพื้นที่ป่าตั้งอยู่ทางฝั่งซ้ายของลำน้ำปิงตอนเหนือของอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล มีเนื้อที่ประมาณ 627,346 ไร่ หรือ 1,003.7536 ตารางกิโลเมตร โดยมียอดเขาที่สูงที่สุดชื่อ "ดอนห้วยหลาว" อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ มีความสูงประมาณ 1,334 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง
อุทยานแห่งชาติแม่ปิง
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยว เช่น น้ำตกก้อหลวง เป็นน้ำตกที่มีความสวยงามมาก เกิดจากลำห้วยแม่ก้อซึ่งไหลผ่านเทือกเขาหินปูนลดหลั่นลงมา 7 ชั้น ลงสู่แอ่งน้ำสีเขียวมรกตขนาดใหญ่ บริเวณหน้าผาริมน้ำตกยังเกิดหินงอกหินย้อยสวยงาม, แก่งก้อ เป็นทะเลสาบส่วนหนึ่งของอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล เดิมเป็นจุดที่ห้วยแม่ก้อไหลลงสู่แม่น้ำปิงแต่ภายหลังการสร้างเขื่อนภูมิพลระดับน้ำได้สูงท่วมพื้นที่ จนกลายเป็นทะเลสาบซึ่งมีทัศนียภาพอันงดงาม นักท่องเที่ยวนิยมมาพักเรือนแพและนั่งเรือชมความงามของหน้าผาหินปูน ซึ่งเต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยและป่าเบญจพรรณริมฝั่งน้ำ และทุ่งกิ๊ก เป็นทุ่งหญ้าธรรมชาติกว้างใหญ่ซึ่งอยู่ท่ามกลางป่าเต็งรังและป่าเบญจพรรณ จึงเป็นแหล่งอาศัยหากินของสัตว์ป่า ในช่วงฤดูแล้งประมาณเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ดอกไม้ป่าหลายชนิดจะพากันบานเต็มทุ่งกิ๊กสวยงามน่าชมมาก นอกจากนี้ ยังมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติและดูนก ซึ่งนกที่พบเห็นได้ง่าย เช่น นกหัวขวาน ฯลฯ
ทั้งนี้นักท่องเที่ยวสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ อุทยานแห่งชาติแม่ปิง ตู้ ป.ณ. 18 อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน 51110 โทรศัพท์ 0 5354 6336, 0 5351 8060 หรือกรมอุทยานแห่งชาติฯ โทรศัพท์ 0 2562 0760 หรือเว็บไซต์ park.dnp.go.th
6. วัดจามเทวี
วัดจามเทวี หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า วัดกู่กุด ตั้งอยู่หมู่ 5 ริมถนนจามเทวี ตำบลในเมือง สร้างเมื่อประมาณ พ.ศ. 1298 ฝีมือช่างละโว้ ลักษณะพระเจดีย์เป็นสี่เหลี่ยมแบบพุทธคยาในประเทศอินเดีย แต่ละด้านมีพระพุทธรูปยืนปางประทานพรอยู่เป็นชั้น ๆ ภายในเจดีย์บรรจุอัฐิของพระนางจามเทวีปฐมกษัตริย์แห่งนครหริภุญไชย ตามตำนานเล่าว่าเจ้าอนันตยศและเจ้ามหันตยศ ราชโอรสของพระนางจามเทวีได้สร้างขึ้น เพื่อบรรจุอัฐิของพระนางเมื่อปี พ.ศ. 1298 เดิมมียอดห่อหุ้มด้วยทองคำ ต่อมาจะเป็นสมัยใดไม่ทราบชัด ยอดพระเจดีย์หักหายไปชาวบ้านจึงเรียกว่า "กู่กุด" หรือมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า "พระเจดีย์สุวรรณจังโกฏ" นอกจากนั้นยังมีรัตนเจดีย์ ซึ่งตั้งอยู่ทางขวาของวิหาร สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 17 โดยพระยาสรรพสิทธิ์ ฐานล่างสุดเป็นรูป 8 เหลี่ยม มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 4.40 เมตร สูงจรดยอด 11.50 เมตร องค์เจดีย์เป็นรูปสี่เหลี่ยม แต่ละเหลี่ยมเจาะเป็นซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปยืนก่ออิฐถือปูนทั้งองค์
7. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติหริภุญไชย
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติหริภุญไชย ตั้งอยู่ถนนอินทยงยศเยื้องกับวัดพระธาตุหริภุญชัย เริ่มก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2470 โดยพระยาราชกุลวิบูลย์ภักดีสมุหเทศาภิบาลมณฑลพายัพ ต่อมากรมศิลปากรได้ดำเนินการก่อสร้างอาคารแห่งใหม่เสร็จเมื่อ พ.ศ. 2517 ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงโบราณวัตถุแบ่งเป็น 3 ห้อง คือห้องจัดแสดงใหญ่ เป็นห้องโถงยาวอยู่ชั้นบนของตัวอาคารมีการจัดแสดงวัตถุออกเป็น 3 สมัย คือสมัยก่อนหริภุญไชย สมัยหริภุญไชย และสมัยล้านนา ได้แก่ พระพุทธรูป เศียรพระพุทธรูป พระพิมพ์ และเทวดา เป็นต้น, ห้องจัดแสดงศิลปพื้นบ้านและเครื่องไม้จำหลัก เป็นห้องจัดแสดงเล็กที่อยู่อาคารเล็กชั้นเดียวมีโถงเชื่อมจากชั้นบนของอาคารหลังใหญ่ วัตถุที่แสดงเป็นศิลปะสมัยล้านนา รัตนโกสินทร์ แสดงออกถึงภูมิปัญญาท้องถิ่น เช่น เครื่องใช้ในครัวเรือน เครื่องมือตีเหล็ก เครื่องมือทอผ้า เครื่องดนตรีพื้นบ้าน พานดอกไม้เชี่ยนหมาก เป็นต้น และห้องศิลาจารึก เป็นห้องโถงเปิดโล่งอยู่ชั้นล่างของตัวอาคาร จัดแสดงศิลาจารึกสมัยหริภุญไชย ราวพุทธศตวรรษที่ 17 และศิลาจารึกสมัยล้านนา สมัยพุทธศตวรรษที่ 20 เป็นต้นไป
ทั้งนี้เปิดทำการวันพุธ-อาทิตย์ เวลา 09.00 น. ถึง 16.00 น. ปิดวันจันทร์ วันอังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 0 5351 1186 หรือเว็บ haripunchaimuseum.net และ เฟซบุ๊ก พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หริภุญไชย ลำพูน
8. ถนนคนเดินจังหวัดลำพูน
ถนนคนเดินจังหวัดลำพูน จัดขึ้นที่ถนนรอบเมืองในบริเวณหน้าประตูนครหริภัญชัย อินทยงยศ อำเภอเมืองลำพูน "คืนวิถีชีวิตให้ชุมชน คืนถนนให้คนเดิน" จำหน่ายสินค้าพื้นเมือง สินค้าทำมือ อาหารอร่อยขึ้นชื่อของเมืองลำพูน นอกจากจะได้เลือกซื้อสินค้าแล้วที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของวัดเก่าแก่ จวนผู้ว่าฯ บ้านเก่าในอดีต วัดพระธาตุ มีการแสดงทางศิลปวัฒนธรรมด้านหน้าพิพิธภัณฑ์อีกด้วย ทั้งนี้ ถนนคนเดินเปิดขายทุกวันศุกร์ ตั้งแต่เวลาประมาณ 15.00 น. เป็นต้นไป
9. The Sun New Center
แรงบันดาลใจที่เนรมิต The Sun New Center ของ คุณสุรพล ดวงเกิด ผู้รักธรรมชาติและอยากมอบความสุขให้แก่บ้านเกิด ด้วยมุมมองของนักธุรกิจที่ต้องเหน็ดเหนื่อยกับการทำงาน จึงหาเวลาพักผ่อนในวันหยุดพาครอบครัวไปท่องเที่ยวธรรมชาติ บนเนื้อที่ 50 ไร่ พื้นที่ติดภูเขา ลมพัดเย็นสบายตลอดทั้งวัน จัดแบ่งเป็นโซนสวนน้ำ 7 ไร่ และโซนเครื่องเล่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ทากาด้า จานหมุนยักษ์มหัศจรรย์, Water Ball ลูกบอลน้ำ, สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความตื่นเต้นพบกับเครื่องเล่น Adventure เช่น รถ ATV, บันจี้จัมพ์, เก้าอี้หมุนอวกาศ และเรือไวกิ้ง นอกจากนี้ ยังมีเครื่องเล่นสำหรับเด็กเล็กอย่างรถมินิ บ้านลม เจ็ทการ์ตูน และชิงช้าสวรรค์สูง 18 เมตร ที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพของโครงการ ในมุมสูง Bird’s eye view ได้อย่างจุใจ โดยสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ thesunnewcenter.com
10. ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงพระบาทห้วยต้ม
ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงพระบาทห้วยต้ม
โครงการหลวงเพียงแห่งเดียวที่ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดลำพูน ตำบลนาทราย อำเภอลี้ มีพื้นที่รับผิดชอบ 24,631 ไร่ สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 480-500 เมตร มีหมู่บ้านในความรับผิดชอบ 9 หมู่บ้าน โดย 8 หมู่บ้านเป็นหมู่บ้านชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงที่บริโภคอาหารมังสาวิรัติ ได้แก่ กะเหรี่ยงโปว์และกะเหรี่ยงสะกอ ซึ่งสภาพพื้นที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลไม่มากนัก ความโดดเด่นของพื้นที่แห่งนี้นอกจากเป็นแปลงสาธิตในศูนย์ฯ แล้ว ยังมีเรื่องราวของวัฒนธรรมประเพณีของชาวเขาเผ่ากระเหรี่ยงกับวิถีชีวิตที่น่าสนใจ โดยในปี พ.ศ. 2521 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จเยี่ยมราษฎรบ้านพระบาทห้วยต้ม ทรงทอดพระเนตรเห็นสภาพพื้นที่และชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎรชาวเขา ทรงมีพระราชดำริว่า "หมู่บ้านแห่งนี้ขาดแคลนที่ทำกิน ชาวบ้านเป็นโรคขาดสารอาหาร โดยเฉพาะเด็ก ๆ และชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงได้อพยพมารวมกันอยู่เช่นนี้เป็นผลดีในการหักล้างทำลายป่า ลดพื้นที่ปลูกฝิ่นทางอ้อม จะได้ไม่ไปรับจ้างชาวเขาเผ่าอื่นอีกด้วย" จากนั้นทรงมีพระกรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ รับหมู่บานพระบาทห้วยต้มอยู่ในการดูแลของมูลนิธิโครงการหลวง
ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงพระบาทห้วยต้ม
กิจกรรมการท่องเที่ยว ได้แก่ การท่องเที่ยวเชิงเกษตร ชมแปลงสาธิตพันธุ์พืช เช่น มะม่วงพันธุ์นวลคำ มัลเบอร์รี คะน้าดอยคำ มะเฟืองสายพันธุ์ไต้หวัน ฯลฯ ชมการเลี้ยงหมูหลุมและกระต่ายที่บ้านแม่หละ หมู่ที่ 17 และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เช่น วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ซึ่งในบริเวณวัดมีรอยพระพุทธบาท พิพิธภัณฑ์วัดพระบาทห้วยต้ม รวมถึงสรีระของท่านครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนาให้เข้าชมและสักการะ โดยการเข้าเที่ยวชมวัดให้งดเส้นการน้ำเนื้อสัตว์เข้าสู่ภายในบริเวณวัด นอกจากนี้ ยังมีพระมหาธาตุเจดีย์ศรีเวียงชัย อันเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนเกิดปีมะเมียให้แวะมาสักการะ ชมวิถีชีวิตกะเหรี่ยงโบราณบ้านน้ำบ่อน้อย ชุมชนดั้งเดิมมีการสร้างบ้านแบบโบราณไม่ใช้ตะปู มีความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย บริเวณพื้นที่มีตำนานเล่าขานเกี่ยวกับเมืองใต้ดิน บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์และรอยพระบาท ชมงานหัตถกรรมเครื่องเงิน ที่มีเอกลักษณ์ลวดลายที่สะท้อนวิถีชีวิตของชนเผ่ากะเหรี่ยง และการออกแบบลวดลายต่าง ๆ ซึ่งดัดแปลงจากธรรมชาติ เช่น ปลา ใบไม้ ดอกไม้ เมล็ดข้าว ตามวิถีชีวิตที่ผูกพันกับธรรมชาติ ปัจจุบันเป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ซึ่งที่นี่นับได้ว่าเป็นแหล่งผลิตแหล่งใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ ฯลฯ
ตั๊กออแกไนท์ลำพูน รับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคลำพูน
นางรำลำพูนเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคลำพูน
ลำพูนรําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคลำพูน
รําบวงสรวงพญานาคลำพูน
ฟ้อนบูชาพญานาคลำพูน
รําบวงสรวงพญานาคลำพูน
ติดต่อสอบถามเรา
276
« เมื่อ: สิงหาคม 31, 2021, 09:47:52 AM »
12 ที่เที่ยวพะเยา ไปแอ่วพะเยาเมื่อไรต้องไม่พลาด
จังหวัดพ12 ที่เที่ยวพะเยา ไปแอ่วพะเยาเมื่อไรต้องไม่พลาดเขตภาคเหนือที่มีธรรมชาติสวยงาม มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย พร้อมทั้งยังเป็นเมืองที่เงียบสงบ ชาวบ้านยังคงใช้ชีวิตกันแบบเรียบง่าย อากาศบริสุทธิ์สดชื่น ทำให้ทั้งคนท้องถิ่นและผู้มาเยือนต่างตกหลุมรักเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้
ใครจะไปคาดคิดว่าเมืองพะเยาที่เรามองข้ามกันจะมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่ทำให้เราเบิกบานใจ เติมเต็มความสุข เพิ่มพลังงานในชีวิตให้เราได้อย่างเต็มเปี่ยม วันนี้เราจึงจะพาทุกคนไปแอ่วเมืองพะเยากันค่ะ ไปลัดเลาะรอบเมือง ตามป่าเขา ดูกันค่ะว่าเมืองแห่งนี้จะมีอะไรน่าเที่ยวบ้าง
เที่ยวพะเยา
1. กว๊านพะเยา
สถานที่ท่องเที่ยวอันเป็นเอกลักษณ์แห่งจังหวัดพะเยา "กว๊าน" เป็นภาษาพื้นเมืองล้านนา หมายถึง หนองน้ำ หรือบึงน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งกว๊านพะเยาก็ได้ครอบคลุมพื้นที่มากถึง 12,831 ไร่ ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมืองพะเยา มีลักษณะเป็นบึงรูปพระจันทร์เสี้ยวเกือบครึ่งวงกลม มีความลึกเฉลี่ยประมาณ 1.5 เมตร เป็นแอ่งน้ำที่รวบรวมลำห้วยต่าง ๆ 18 สาย ภายในบึงเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลากว่า 50 ชนิด มีภูเขาโอบล้อมอย่างสวยงาม โดยรอบกว๊านพะเยามีการปลูกต้นไม้อย่างร่มรื่น สวยงาม เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเมือง รวมทั้งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามมากอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดพะเยา
เที่ยวพะเยา
2. ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงปังค่า
ตั้งอยู่ที่ตำบลผาช้างน้อย อำเภอปง จังหวัดพะเยา ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 22,505 ไร่ ภายในโครงการหลวงมีการส่งเสริมให้ชาวไทยภูเขาและคนท้องถิ่นปลูกพืชผักผลไม้ และดอกไม้เมืองหนาว นักท่องเที่ยวจึงสามารถเที่ยวชมแปลงปลูกไม้ดอกไม้ประดับ และผักผลไม้ อาทิ แว็กซ์ฟลาวเวอร์, มะเขือการ์ตูน, ฟักทองยักษ์, ฟักทองสีขาว, สวนลิ้นจี่ ฯลฯ ได้อย่างเพลิดเพลิน นอกจากนี้ที่นี่ยังมีบ้านพักไว้รับรองนักท่องเที่ยวอีกด้วย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงปังค่า โทรศัพท์ 0 5440 1023
3. อนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง
ตั้งอยู่ที่สวนสาธารณะเทศบาลเมืองพะเยา ถนนเลียบกว๊านพะเยา ตำบลเวียง อำเภอเมืองพะเยา เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่คนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวต่างพากันมาไหว้ขอพร พ่อขุนงำเมืองเป็นกษัตริย์ปกครองเมืองภูกามยาว ลำดับที่ 9 (1801-1841) ในยุคของพระองค์เป็นยุคที่รุ่งเรืองมาก พระองค์เป็นผู้ทรงอิทธิฤทธิ์ มีการเล่าขานต่อกันมาว่า ไม่ว่าพระองค์จะเสด็จไปทางไหน "แดดก็บ่อฮ้อน ฝนก็บ่อฮำ จักให้แดดก็แดด จักให้บดก็บด" นั่นจึงเป็นที่มาของพระนามว่า "งำเมือง"
นอกจากนี้พระองค์ยังเป็นสหายร่วมสาบานกับพ่อขุนเม็งรายแห่งเมืองเชียงราย และพ่อขุนรามคำแหงแห่งกรุงสุโขทัยอีกด้วย ซึ่งทั้ง 3 พระองค์ก็ได้เคยกระทำสัตย์ต่อกัน ณ แม่น้ำอิง บริเวณสถานีประมงน้ำจืดพะเยาปัจจุบัน ใครมาเที่ยวพะเยาก็อย่าลืมมาไหว้ขอพรที่นี่กันด้วยนะ
4. อุทยานแห่งชาติดอยภูนาง
อุทยานแห่งชาติดอยภูนาง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวค่อนข้างมาก ด้วยมีสภาพป่าที่อุดมสมบูรณ์ มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย อาทิ น้ำตกธารสวรรค์, น้ำตกห้วยต้นผึ้ง, วนอุทยานไดโนเสาร์แก่งหลวง, ถ้ำใหญ่ปางงุ้น, อ่างเก็บน้ำห้วยยั๊วะ, แก่งหลวง เป็นต้น แต่สิ่งที่เป็นไฮไลท์ของอุทยานแห่งชาติดอยภูนางก็คือ "ฝูงนกยูง" ซึ่งหาชมที่อื่นค่อนข้างยาก แต่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปภายในอุทยานแห่งนี้ มันจะออกมากางปีกสวย ๆ ทักทายนักท่องเที่ยวเสมอ
อุทยานแห่งชาติดอยภูนาง มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 537,424ไร่ ครอบคลุมพื้นที่บริเวณที่ดินป่าแม่ยม ป่าแม่ต๋ำ และป่าแม่ร่องขุย ในท้องที่ตำบลปง ตำบลควร ตำบลขุนควร อำเภอปง, ตำบลบ้านถ้ำ ตำบลหนองหล่ม ตำบลบ้านปิน อำเภอดอกคำใต้ และตำบลสระ ตำบลเชียงม่วน ตำบลบ้านมาง อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา เต็มไปด้วยพืชพรรณและสัตว์ป่าหลากหลายชนิด เป็นพื้นที่ธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ เหมาะแก่การพักผ่อนอย่างแท้จริง
5. วนอุทยานภูลังกา
เที่ยวพะเยา
ในช่วงปลายฝนต้นหนาวและช่วงหน้าหนาวของทุกปี วนอุทยานภูลังกาจะได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวค่อนข้างมาก ด้วยภายในบริเวณวนอุทยานภูลังกามีภูเขาหินปูนรูปร่างแปลกตามากมาย เป็นแหล่งกำเนิดทะเลหมอกที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองพะเยา ยามเช้าอากาศจะหนาวเย็นตลอดทั้งปี ยิ่งในช่วงหน้าหนาวจะมีบรรยากาศที่สวยงามมาก หมอกสีขาวมากมายจะลอยอย่างละมุนละไมโอบล้อมภูเขาหินปูน และสะท้อนแสงสีทองของพระอาทิตย์ในยามเช้าได้อย่างงดงามสุด ๆ อีกทั้งอากาศยังบริสุทธิ์ สูดเข้าปอดได้อย่างเต็มที่ เพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกายได้อย่างดีทีเดียว
6. อุทยานแห่งชาติป่าแม่ปืม
อุทยานแห่งชาติที่ครอบคลุมพื้นที่ถึง 2 จังหวัด คือจังหวัดเชียงรายและจังหวัดพะเยา พื้นที่ป่าส่วนใหญ่เป็นป่าเบญจพรรณและป่าเต็งรัง เต็มไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้ป่า และสัตว์ป่ามากมาย พร้อมทั้งอ่างเก็บน้ำแม่ปืมที่โอบล้อมไปด้วยภูเขา ซึ่งมีบรรยากาศที่สวยงามผ่อนคลาย เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจได้อย่างดี
สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของอุทยานแห่งชาติป่าแม่ปืมคือ "จุดชมวิวดอยงาม" ตั้งอยู่บริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติแม่ปืมที่ 1 (ป่าแดงงาม) เป็นภูเขายอดตัด มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 978 เมตร สามารถมองเห็นภูเขาโดยรอบ และวิวของทะเลหมอกได้อย่างสวยงามสุด ๆ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติป่าแม่ปืม โทรศัพท์ 08 0671 5033
7. อุทยานแห่งชาติภูซาง
อุทยานแห่งชาติที่ครอบคลุมพื้นที่บริเวณป่าน้ำหงาวฝั่งซ้าย ในท้องที่อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย ป่าน้ำเปี๋อยและป่าน้ำหย่วน และป่าน้ำลาว ในท้องที่อำเภอเชียงคำ กิ่งอำเภอภูซาง จังหวัดพะเยา มีเนื้อที่โดยรวมประมาณ 178,049.62 ไร่ ภายในอุทยานมีพื้นที่เป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน มีเขตแดนติดกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สภาพป่าโดยรวมอุดมสมบูรณ์ เป็นป่าเบญจพรรณส่วนใหญ่ มีพืชพรรณหลากหลายชนิด พร้อมทั้งสัตว์ป่ามากมาย
เที่ยวพะเยา
น้ำตกภูซาง
สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของที่นี่ คือ "ภูชมดาว" เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดพะเยา สามารถมองเห็นทะเลหมอกและภูเขาสลับซับซ้อนมากมายได้ไกลสุดลูกหูลูกตา ยามเช้าพระอาทิตย์ดวงกลมโตจะค่อย ๆ โผล่ขึ้นมาจากสายหมอกและสะท้อนแสงสีทองลงสู่สายหมอกสีขาวอย่างสวยงาม อากาศเย็นสบาย บรรยากาศโดยรอบโรแมนติกเกินคำบรรยาย นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอื่น ๆ อาทิ น้ำตกภูซาง, บ่อน้ำอุ่นภูซาง, ถ้ำน้ำลอด, ดอยผาดำ ฯลฯ
8. วัดพระธาตุจอมทอง
ตั้งอยู่บนดอยจอมทอง ใกล้กับกว๊านพะเยา ห่างจากตัวเมืองพะเยาประมาณ 3 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถขับรถขึ้นไปเที่ยวชมได้ บริเวณวัดมีพระธาตุจอมทอง ซึ่งเป็นเจดีย์ทรงล้านนาสูงกว่า 30 เมตร ตั้งอย่างสง่างามอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีสีทองเหลืองอร่าม น่าเลื่อมใส ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวมักจะขึ้นมากราบไหว้ขอพรกันอยู่เสมอ โดยรอบ ๆ วัดเป็นสวนรุกขชาติ มีจุดชมวิวซึ่งสามารถมองเห็นวิวของกว๊านพะเยาได้อย่างสวยงาม
เที่ยวพะเยา
9. วัดศรีโคมคำ
พระอารามหลวงชั้นตรี ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองพะเยา มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดในล้านนาไทย เรียกว่า "พระเจ้าองค์หลวง" มีขนาดหน้าตักกว้าง 14 เมตร สูง 16 เมตร ปัจจุบันเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดพะเยา และเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองอาณาจักรล้านนา ซึ่งในช่วงเดือนพฤษภาคม จะมีการจัด "งานประเพณีนมัสการพระเจ้าองค์หลวงเดือนแปดเป็ง" ขึ้นเป็นประจำทุกปี ซึ่งภายในงานจะมีการจัดกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมสนุกมากมาย พร้อมทั้งยังมีสินค้าและอาหารพื้นเมืองมาจำหน่ายในราคาย่อมเยาอีกด้วย
10. วัดติโลกอาราม
วัดติโลกอาราม เป็นอีกหนึ่งวัดที่สำคัญของจังหวัดพะเยา ด้วยเป็นวัดเก่าแก่ สร้างขึ้นตั้งแต่ในช่วงปี พ.ศ. 2019-2029 ในสมัยพระเจ้าติโลกราช ถูกค้นพบในปี พ.ศ. 2482 ซึ่งเป็นโบราณสถานแห่งหนึ่งที่จมอยู่ในกว๊านพะเยา ถือได้ว่าเป็นวัดสำคัญทางประวัติศาสตร์ เพราะผู้ปกครองเมืองพะเยาในสมัยนั้นได้สร้างถวายพระเจ้าติโลกราช กษัตริย์ผู้ครองเมืองเชียงใหม่ เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติแด่พระองค์ ในฐานะกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรล้านนา
11. วัดพระธาตุสบแวน
วัดพระธาตุสบแวน เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวพะเยาที่ห้ามพลาด ด้วยที่นี่มีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย อาทิ บ้านชาวไทลื้อ ซึ่งมีความเก่าแก่ มีลักษณะสถาปัตยกรรมตามแบบดั้งเดิมที่สมบูรณ์ และยังเป็นศูนย์หัตถกรรมทอผ้า งานหัตถกรรมจากผ้าฝ้าย, ต้นจามจุรีขนาดใหญ่อายุกว่า 100 ปี ที่สร้างความร่มรื่นให้กับวัดแห่งนี้ และที่ต้องไปสักการะกันให้ได้ก็คือ "พระธาตุสบแวน" ซึ่งเป็นเจดีย์เก่าแก่อายุมากกว่า 800 ปี ตั้งอย่างสวยงามอยู่ทางด้านหลังของวิหารภายในวัด
12. อ่างเก็บน้ำห้วยชมพู-ผาเทวดา
หากใครชอบการผจญภัย และทำกิจกรรมแบบลุย ๆ ต้องไม่พลาดที่นี่ กิจกรรมที่โดดเด่นที่สุดก็คือการเดินป่าและโรยตัวจากหน้าผาเทวดา ซึ่งนักท่องเที่ยวจะต้องเดินเท้าเข้าป่าไปประมาณ 3 กิโลเมตร โดยเส้นทางจะค่อนข้างลำบากและท้าทาย ได้พบเห็นพันธุ์พืชต่าง ๆ ที่หลากหลาย พร้อมทั้งจุดท่องเที่ยวมากมาย เช่น ถ้ำฝนแสนห่า ที่มีน้ำตกไหลลงมาคล้ายสายฝน, น้ำตกห้วยชมพู ซึ่งมีดอกไม้ป่าสีสันสดใสสวยงาม เป็นต้น เมื่อไปถึงหน้าผาเทวดา ก็จะมีการให้นักท่องเที่ยวโรยตัวจากหน้าผาลงมาที่ความสูง 25 เมตร, 50 เมตร และ 110 เมตร โดยจะมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด
ใครอยากไปเที่ยวเมืองเหนือแบบเงียบ ๆ ได้อยู่กับธรรมชาติและวิถีชีวิตแบบล้านนาอย่างเต็มที่ ก็ลองไปแอ่วพะเยากันได้เลยค่ะ รับรองว่าจะได้เที่ยวพักผ่อนอย่างแท้จริงแน่นอน
ตั๊กออแกไนท์พะเยา รับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคพะเยา
นางรำพะเยาเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคพะเยา
พะเยารําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคพะเยา
รําบวงสรวงพญานาคพะเยา
ฟ้อนบูชาพญานาคพะเยา
รําบวงสรวงพญานาคพะเยา
ติดต่อสอบถามเรา
279
« เมื่อ: สิงหาคม 31, 2021, 09:21:19 AM »
20 ที่เที่ยวเพชรบูรณ์ เมืองสุดน่ารักที่ห้ามพลาด
ที่เที่ยวเพชรบูรณ์ ดินแดนแห่งไอหมอกที่เติมเต็มความสดชื่นไปด้วยไอเย็นและความชุ่มฉ่ำ เมืองที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าจดจำหลายหลากเส้นทางมีที่ไหนบ้างตามไปชมกันเลย
เมื่อย่างก้าวเข้าสู่หน้าฝน...แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติก็จะเต็มไปด้วยความเย็นและความชุ่มฉ่ำ "จังหวัดเพชรบูรณ์" ก็เป็นอีกหนึ่งจังหวัดท่องเที่ยวที่แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติเขียวขจี รวมถึงศิลปวัฒนธรรมที่หลากหลายซึ่งถูกรังสรรค์และถ่ายทอดปรากฏให้เห็นตามวัดวาอารามต่าง ๆ วันนี้กระปุกดอทคอมจึงได้รวบรวม "ที่เที่ยวเพชรบูรณ์" ที่เพื่อน ๆ หลายคนไม่ควรพลาดเมื่อไปเยือนมาฝากกันค่ะ ว่าแล้วเก็บเสื้อผ้า พร้อมชุดกันฝนให้พร้อม แล้วออกไปท่องเมืองสุดน่ารักนี้กันดีกว่า
1. อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว ที่เที่ยวเพชรบูรณ์ยอดฮิต
เริ่มกันที่อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว ถือเป็นหนึ่งในสถานที่นอนรับลมเย็น ๆ พร้อมนอนชมดาวในยามค่ำคืนได้เป็นอย่างดี ซึ่งพื้นที่อุทยานเป็นพื้นที่ป่าขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมถึง 2 จังหวัด คือ จังหวัดเพชรบูรณ์และจังหวัดชัยภูมิ และด้วยความสมบูรณ์ของอุทยานที่เต็มไปด้วยภูเขาสลับซับซ้อนทำให้มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี
ส่วนสถานที่ท่องเที่ยว เช่น น้ำตกตาดพรานบา เป็นน้ำตกขนาดใหญ่บนหน้าผาสูงประมาณ 20 เมตร, จุดชมวิวถ้ำผาหงษ์ สำหรับชมพระอาทิตย์ตกในยามเย็น, จุดชมวิวภูค้อ สำหรับชมพระอาทิตย์ขึ้นและชมวิวกว้างไกล สามารถมองเห็นภูกระดึงและภูผาจิตได้, สวนสนบ้านแปกหรือดงแปก ป่าที่เต็มไปด้วยต้นสนสองใบขึ้นอยู่จำนวนมาก รวมทั้งเป็นสถานที่ชมดอกกล้วยไม้ป่าและพรรณไม้แปลกในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคมได้, ภูผาจิต (ภูด่านอีป้อง) เป็นภูเขาที่มีที่ราบบนยอดเขาคล้ายภูกระดึงเหมาะสำหรับชมวิวป่าสน, น้ำตกเหวทราย เป็นน้ำตกที่สูงที่สุดที่เกิดขึ้นจากห้วยสนามทราย ซึ่งเป็นแนวแบ่งเขตแดน และป่าเปลี่ยนสีในเดือนธันวาคม-มกราคม ของทุกปี ผืนป่าบริเวณนี้จะผลัดใบเปลี่ยนสีอย่างสวยงาม เป็นต้น
ที่อยู่ : ตำบลน้ำหนาว อำเภอน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์
เบอร์โทรศัพท์ : 081 962 6236
เฟซบุ๊ก : อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว (Namnao National Park)
2. ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรที่สูงเพชรบูรณ์
ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรที่สูงเพชรบูรณ์ หรือชื่อเดิมสถานีทดลองเกษตรที่สูงเขาค้อ ตั้งอยู่เลขที่ 51 หมู่ 3 บ้านเสลียงแห้ง ตำบลสะเดาะพง อำเภอเขาค้อ เป็นหนึ่งในสถานีทดลองเกษตรที่สูงตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่ปัจจุบันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยธรรมชาติจนได้รับการขนานนามให้เป็น "สวิตเซอร์แลนด์แห่งเมืองไทย" ทำให้ที่นี่เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวพักผ่อนในทุก ๆ ฤดู แถมยังสามารถเข้ามาชมแปลงผัก ผลไม้ ที่เป็นพืชเมืองหนาวได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีไม้ดอกไม้ประดับ สมุนไพร พร้อมทั้งป่าธรรมชาติที่เต็มไปด้วยต้นค้อ สัญลักษณ์ของอำเภอเขาค้ออีกด้วย
ที่อยู่ : หมู่ที่ 3 ตำบลสะเดาะพง อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์
เบอร์โทรศัพท์ : 089 272 0061
เฟซบุ๊ก : ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรที่สูงเพชรบูรณ์
3. เขาค้อ ที่เที่ยวเพชรบูรณ์ ใคร ๆ ก็อยากมาเยือน
เรียกได้ว่าเป็นดินแดนมหัศจรรย์แห่งการพักผ่อนเลยก็ว่าได้ สำหรับอำเภอเขาค้อ หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ดึงดูดผู้คนทุกฤดูกาล สำหรับชื่อเขาค้อนั้นมาจากเดิมบริเวณนี้มีต้นค้อ ซึ่งเป็นต้นไม้ตระกูลปาล์มอยู่เป็นจำนวนมาก และนอกจากอากาศที่เย็นสบายแล้วที่นี่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายที่ เช่น อนุสาวรีย์จีนฮ่อ อนุสาวรีย์ทหารอาสาจากหน่วยรบกองพลที่ 93 ซึ่งมาช่วยรบในพื้นที่เขาค้อและเสียชีวิตในการสู้รบ, ฐานอิทธิ จุดชมวิวที่สวยงาม ซึ่งในอดีตเคยเป็นฐานสำคัญทางยุทธศาสตร์ ปัจจุบันจัดเป็นพิพิธภัณฑ์อาวุธ จัดแสดงปืนใหญ่ ซากรถถัง และอาวุธที่ใช้สู้รบกันบนเขาค้อ, อนุสาวรีย์ผู้เสียสละจารึกชื่อผู้เสียชีวิตจากการสู้รบในสงคราม เป็นต้น
4. ภูทับเบิก ที่เที่ยวเพชรบูรณ์ เขียวขจีด้วยไร่ดอกกะหล่ำ
เมื่อเอ่ยถึงชื่อภูทับเบิก หลายคนต้องนึกถึงวิวภูเขาไร่กะหล่ำปลี ซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกขนาดใหญ่ของชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง และด้วยสถานที่ตั้งที่อยู่บนจุดที่สูงที่สุดของจังหวัดเพชรบูรณ์ ทำให้ที่นี่เหมาะสำหรับการท่องเที่ยว เพราะมีอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปี สามารถนอนกางเต็นท์ชมดาวในตอนกลางคืน
นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น สถานีวิจัยเพชรบูรณ์แปลงทดลองทับเบิก มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แหล่งสาธิตการปลูกพืชเมืองหนาว และวัดป่าภูทับเบิก ซึ่งมีพระมหาเจดีย์โพธิปักขิยธรรม เจดีย์เพชร 37 ยอด บรรจุพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระอรหันต์ธาตุไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมสักการะ และอีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญคือในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม จะมีดอกนางพญาเสือโคร่งสีชมพูบานสะพรั่งไปทั้งภูเขา ให้ได้ถ่ายภาพความสวยงาม
5. ไร่กำนันจุล (ฟาร์มสเตย์)
กำนันจุล คุ้นวงศ์ เป็นเกษตรกรเจ้าของไร่ส้มที่มีชื่อเสียงในจังหวัดเพชรบูรณ์มายาวนาน และยังเป็นเกษตรกรตัวอย่างที่ชอบค้นคว้าทดลองเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้พัฒนาด้านการเกษตรอยู่เสมอ จนกลายเป็นแหล่งผลิตส้มขนาดใหญ่ที่ส่งออกไปยังต่างประเทศ ทำให้ชื่อเสียงของ "ไร่ส้มกำนันจุล" เป็นที่รู้จักมากขึ้น
ปัจจุบันที่นี่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ และเพียบพร้อมไปด้วยผลิตภัณฑ์แปรรูปอร่อย ๆ ที่ผลิตจากวัตถุดิบหลักที่ได้จากไร่, กลุ่มสินค้าผ้าไหมไทย, สินค้าเครื่องสำอางสมุนไพร รวมทั้งเปิดเป็นฟาร์มสเตย์สำหรับผู้ที่ต้องการพักผ่อนด้วย
ที่อยู่ : หมุ่ 3 ตำบลวังชมภู อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์
เบอร์โทรศัพท์ : 056 771 555
เว็บไซต์ : kamnanchul.com
เฟซบุ๊ก : ไร่กำนันจุล
6. พระตำหนักเขาค้อ
เป็นพระตำหนักที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เป็นที่ทรงงานและแปรพระราชฐานมาประทับแรมในโอกาสที่เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรงานโครงการในพระราชดำริ และทรงตรวจเยี่ยมราษฎรอำเภอเขาค้อและอำเภอใกล้เคียงในอดีต ตั้งอยู่บนเขาย่า จุดชมวิวเมืองเขาค้อที่สามารถชมได้กว้าง 360 องศา ในส่วนของพระตำหนักเขาค้อเป็นอาคารเชื่อมต่อกันลักษณะรูปวงแหวน 2 ชั้น บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยสวนหย่อมที่ปลูกไม้ดอกนานาชนิด มีอากาศที่เย็นสบายเหมาะสำหรับการพักผ่อน บริเวณใกล้ ๆ กันมีบ้านพักทหารม้าซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวพักค้างคืนได้
ที่อยู่ : ตำบลเขาค้อ อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์
7. วัดมหาธาตุ
วัดเก่าแก่ในจังหวัดเพชรบูรณ์ ตั้งอยู่บริเวณถนนนิกรบำรุง ตำบลในเมือง อำเภอเมือง สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 1926 ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของพระประธานในพระอุโบสถ มีพระนามว่า "หลวงพ่องาม" และพระประธานในพระวิหารนามว่า "หลวงพ่อเพชรมีชัย" มีพระพุทธรูปบูชา พระเครื่อง พระพิมพ์ต่าง ๆ ตลอดจนวัตถุโบราณอื่น ๆ นอกจากนี้มีพระเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์แบบสุโขทัย ที่สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงสันนิษฐานว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่เปิดให้ประชาชน และนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปกราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคลได้อีกด้วย
ที่อยู่ : ถนนนิกรบำรุง ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์
เบอร์โทรศัพท์ : 056 713 174
เฟซบุ๊ก : วัดมหาธาตุ พระอารามหลวง จังหวัดเพชรบูรณ์
8. วัดไตรภูมิ
ตั้งอยู่บนถนนเพชรรัตน์ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง วัดโบราณที่ประดิษฐาน "พระพุทธมหาธรรมราชา" พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิสมัยลพบุรี หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ หน้าตักกว้าง 13 นิ้ว สูง 18 นิ้ว ไม่มีฐาน พระพักตร์กว้าง มีลักษณะเป็นเหลี่ยม พระโอษฐ์แบะ ประดิษฐานบนโต๊ะบูชาในศาลาไม้ ซึ่งถูกพบครั้งแรกที่แม่น้ำป่าสัก มีจำนวนสององค์ องค์จริงคือองค์บนสุด ส่วนองค์ที่อยู่ด้านล่างหล่อจำลองขึ้นใหม่เพื่อใช้ประกอบพิธีอุ้มพระดำน้ำในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 เป็นประจำทุกปี
ที่อยู่ : ซอยเพชรรัตน์แสงสันต์ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์
9. วัดช้างเผือก
วัดเก่าแก่อายุกว่า 300 ปี ตั้งอยู่ที่ตำบลวังชมภู อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ ภายในวัดโดดเด่นด้วยรูปปั้นช้างเผือกเป็นสัญลักษณ์ ภายในวัดมีจิตรกรรมฝาผนังเรื่องพระเวสสันดรชาดก และเป็นที่เก็บรักษาสรีระที่ไม่เน่าเปื่อยของพระครูวิชิตพัชราจารย์ หรือ "หลวงพ่อทบ" พระศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นที่เคารพของชาวจังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้มีชื่อเสียง บรรจุอยู่ในโลงแก้วภายในมณฑป พร้อมเปิดให้ชาวจังหวัดเพชรบูรณ์และนักท่องเที่ยวได้สักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล
ที่อยู่ : บ้านยางหัวลม ตำบลวังชมภู อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์
10. วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว
ตั้งอยู่บนเนินเขาในหมู่บ้านทางแดง ตำบลแคมป์สน ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2547 เพื่อเป็นที่สอนปฏิบัติการเจริญสติปัฏฐาน 4 ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงามและเงียบสงบ มีภูเขาที่สูงใหญ่ซ้อนกันเป็นทิวเขาเรียงรายโอบรอบบริเวณศาลาปฏิบัติธรรม และบนยอดเขาสูงตระหง่านนั้นมีถ้ำอยู่บนปลายยอดเขา ซึ่งมีชาวบ้านทางแดงหลายคนได้เห็นลูกแก้วลอยเหนือฟากฟ้า และลับหายเข้าไปในถ้ำบนยอดผา ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุเสด็จมา และต่างถือว่าเป็นสถานที่มงคล มีความศักดิ์สิทธิ์และเรียกตาม ๆ กันว่า "ผาซ่อนแก้ว"
ที่อยู่ : หมู่ 7 บ้านทางแดง ตำบลแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์
เฟซบุ๊ก : วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว
เว็บไซต์ : phasornkaew.org
11. อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง (หนองแม่นา)
ที่เที่ยวเพชรบูรณ์
อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง (หนองแม่นา) หรือ "ทุ่งหญ้าสะวันนาแห่งเมืองไทย" สถานที่ท่องเที่ยวขนาดใหญ่ที่ครอบคลุม 2 จังหวัด คือ จังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดเพชรบูรณ์ มีหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ สล.8 (หนองแม่นา) ตำบลหนองแม่นา อำเภอเขาค้อ และอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานด้านจังหวัดพิษณุโลกประมาณ 60 กิโลเมตร ซึ่งจุดท่องเที่ยวด้านจังหวัดเพชรบูรณ์ส่วนใหญ่เป็นป่าสนธรรมชาติและทุ่งหญ้าสะวันนา ที่มีทิวทัศน์และพรรณไม้ดอกที่สวยงามโดยเฉพาะช่วงปลายฤดูฝน-ฤดูหนาว เหมาะแก่กิจกรรมเดินป่า กางเต็นท์พักแรม และปั่นจักรยานเสือภูเขา
ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของที่นี่ ได้แก่ ทุ่งนางพญา ป่าสนสองใบสลับกับป่าดิบแล้งและป่าเต็งรัง ซึ่งตามกิ่งสนจะพบกล้วยไม้ป่าที่สวยงาม เช่น เอื้องชะนีและเอื้องคำปากไก่, แก่งวังน้ำเย็น เป็นแก่งหินขนาดใหญ่ยาวหลายร้อยเมตร ในระหว่างแก่งแต่ละแก่งเป็นวังน้ำลึกขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นสถานที่ค้นพบแมงกะพรุนน้ำจืด และเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ผีเสื้อบริเวณริมลำธารหลายชนิด เป็นต้น
ที่อยู่ : ตำบลหนองแม่นา อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์
เบอร์โทรศัพท์ : 088 756 4940
12. ทุ่งทานตะวันที่บึงสามพัน
ตั้งอยู่บริเวณบ้านเขาพลวง บ้านป่ายาง ตำบลสระแก้ว อำเภอบึงสามพัน มีการปลูกทานตะวันครอบคลุมเต็มไปทั้งพื้นที่กว่าหมื่นไร่ ซึ่งจะบานสะพรั่งต้อนรับสายลมหนาวในช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนมกราคม ของทุกปี นอกจากจะได้มาท่องเที่ยวถ่ายรูปสวย ๆ แล้วที่นี่ยังจัดงาน "ตะวันบานบนภูที่บึงสามพัน" ซึ่งภายในงานก็จัดให้มีกิจกรรมหลาย ๆ อย่าง เช่น การจัดประกวดดอกทานตะวันที่ใหญ่ที่สุด การประกวดธิดาตะวัน การแปรรูปเมล็ดทานตะวัน และการจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถชมและซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านได้อีกด้วย
ที่อยู่ : ตำบลสระแก้ว อำเภอบึงสามพัน จังหวัดเพชรบูรณ์
13. เนินมหัศจรรย์
เรียกได้ว่าที่นี่ยังคงรอคอยให้นักท่องเที่ยวไปท้าพิสูจน์กันอยู่เสมอเลยก็ว่าได้ สำหรับเนินมหัศจรรย์ที่ตั้งอยู่บริเวณจุดผ่านเล็ก ๆ อยู่กิโลเมตรที่ 17-18 ของทางหลวงหมายเลข 2258 (นางั่ว-สะเดาะพง) ตำบลริมสีม่วง อำเภอเขาค้อ ความมหัศจรรย์ของเนินมหัศจรรย์ที่นิยมทดลองกันมากที่สุด คือจอดรถดับเครื่องและปล่อยเกียร์ว่าง รถจะไหลขึ้นเนินสูงได้เองไกลประมาณ 10 เมตร โดยมีการพิสูจน์ปรากฏการณ์ดังกล่าวมาแล้วพบว่าเกิดจากภาพลวงตา เนื่องจากวัดระดับความสูงของเนินจะมีระดับต่ำกว่าช่วงที่เป็นทางขึ้นเนิน ดังนั้นรถจึงถอยหลังตามแรงโน้มถ่วงของโลก
ที่อยู่ : ตำบลริมสีม่วง อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์
14. อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ
ที่เที่ยวเพชรบูรณ์
แหล่งโบราณสถานที่สำคัญอายุกว่า 1,000 ปี ลักษณะเป็นเมืองโบราณที่มีคูน้ำและคันดินล้อมรอบ พื้นที่ทั้งหมดประมาณ 2,899 ไร่ แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ เมืองส่วนใน บนพื้นที่ 1,300 ไร่ มีลักษณะเป็นรูปเกือบกลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1.5 กิโลเมตร มีช่องทางเข้า-ออก 6 ช่องทาง พื้นที่ภายในเป็นที่ราบลอนคลื่น มีสระน้ำ หนองน้ำกระจายอยู่ทั่วไป พบซากโบราณสถานกว่า 70 แห่ง บางแห่งได้รับการขุดแต่งบูรณะแล้ว และเมืองส่วนนอก บนพื้นที่ 1,589 ไร่ มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าต่อกับเมืองส่วนใน ขนาดเป็น 2 เท่าของเมืองส่วนใน มีช่องทางเข้า-ออก 6 ช่องทาง มีสระน้ำกระจายอยู่ทั่วไป
ที่อยู่ : ตำบลศรีเทพ อำเภอศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์
เบอร์โทรศัพท์ : 088 858 1290
เฟซบุ๊ก : อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ
15. ถนนคนเดินไทหล่ม
ถนนคนเดินไทหล่ม ตั้งอยู่ที่ถนนรณกิจ อำเภอหล่มสัก ตลอดสองฟากฝั่งถนนสายรณกิจนี้ยังคงเป็นบ้านเรือนไม้โบราณ 2 ชั้น ตั้งเรียงราย ซึ่งถือว่าเป็นถนนสายเก่าแก่ของอำเภอหล่มสัก เปิดทุกเย็นวันเสาร์ เวลา 17.00-22.00 น. พ่อค้าแม่ค้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวอำเภอหล่มสักจะมาตั้งร้านค้าเรียงรายตลอด ถนนเส้นนี้จำหน่ายอาหารพื้นเมืองที่หารับประทานยาก เช่น ขนมจีนไทหล่ม ปิ้งไก่ข้าวเบือ ข้าวหลามพญาลืมแกง ฯลฯ สินค้าพื้นเมือง เสื้อผ้า เครื่องประดับ สินค้าทำมือของชาวบ้านที่สามารถซื้อเป็นของฝาก ของที่ระลึก
ที่อยู่ : ถนนรณกิจ ตำบลตาลเดี่ยว อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์
เบอร์โทรศัพท์ : 056 701 060
เฟซบุ๊ก : ถนนคนเดินไทหล่ม
16. เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าผาแดง
ตั้งอยู่ในอำเภอหล่มสัก อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวน่าไปที่หลายคนอาจจะไม่รู้จักมากนัก แต่ที่นี่กลับแอบซ่อนจุดชมวิวที่สวยงามเอาไว้ นั่นก็คือ "ผาแดง" มีลักษณะที่โดดเด่นด้วยชะง่อนผาที่ยื่นออกไปกลางอากาศ และเมื่อไปยืนอยู่บริเวณใกล้ ๆ ชะง่อนผาก็จะสามารถมองเห็นวิวความสวยงามของใบไม้เปลี่ยนสีบริเวณป่าแดง รวมทั้งยังสามารถชมพระอาทิตย์ตกในยามเย็นได้อย่างโรแมนติกอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีพื้นที่สำหรับตั้งแคมปิ้ง (แต่ต้องเตรียมเสบียงมาเอง) ให้นักท่องเที่ยวได้พักค้างคืนเพื่อสัมผัสธรรมชาติได้อีกด้วย
ที่อยู่ : ตำบลปากช่อง อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์
17. เขาตะเคียนโง๊ะ
ที่เที่ยวเพชรบูรณ์
จุดชมวิวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของเขาค้อ สามารถมองเห็นทะเลหมอกได้แบบรอบทิศ และมาพร้อมกับบรรยากาศความสวยงามของพระอาทิตย์ขึ้นและตกดิน จากจุดชมวิวคุณจะมองเห็นวิวของเทือกเขาสวยอยู่เบื้องหน้า รวมถึงฝืนป่าและถนนที่ทอดตัวยาว ได้นอนดูดาวยามค่ำคืน ตื่นเช้ามารอดูพระอาทิตย์ขึ้น พร้อมกับทะเลหมอกแบบ 360 องศา เป็นทัศนียภาพของธรรมชาติที่สวยงามราวกับสวรรค์เลยทีเดียวเชียว
ที่อยู่ : ตำบลหนองแม่นา อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์
18. ทุ่งกังหันลม เขาค้อ
ที่เที่ยวเพชรบูรณ์
ที่เที่ยวเพชรบูรณ์
ใครอยากมีรูปถ่ายชิค ๆ คู่กับกังหันลมบรรยากาศเหมือนอยู่เมืองนอก ต้องไม่พลาดไปเดินถ่ายรูปเล่นกันที่ทุ่งกังหันลม บ้านเพชรดำ หรือที่เรียกกันว่า ทุ่งกังหันลมเขาค้อ ซึ่งมีกังหันลมสีขาวสูงกว่า 100 เมตร จำนวน 24 ต้น ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขา รอบข้างเป็นทุ่งหญ้ากว้าง ๆ สามารถเดินถ่ายรูปได้อย่างจุใจ อากาศเย็นสบายเพราะตั้งอยู่บนเนินเขา สามารถเข้าเที่ยวชมได้ทุกวัน
ที่อยู่ : ตำบลเขาค้อ อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์
19. แก่งบางระจัน
แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ มีกิจกรรมต่าง ๆ มากมายให้นักท่องเที่ยวได้ทำ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงนิเวศของหมู่บ้านหนองแม่นา ที่จะพานักท่องเที่ยวชมธรรมชาติลำน้ำเข็กอันเงียบสงบในช่วงหน้าแล้ง ราวเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม ทุกปี โดยมีกลุ่มชุมชนท้องถิ่นเป็นผู้บริหารจัดการกิจกรรมท่องเที่ยวในบริเวณนี้ กิจกรรมการท่องเที่ยวมีให้เลือกหลายแบบ ทั้งแบบค้างแรมในป่า 2 วัน 1 คืน หรือแบบเช้าไปเย็น-กลับ นอกจากนี้ ยังสามารถทำกิจกรรมระยะสั้น โดยนั่งเรือเรือแจวจากแก่งบางระจันไปยังแก่งสอง ไป-กลับใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสความสวยงามเงียบสงบของป่าต้นน้ำเข็ก ซึ่งอยู่ระหว่างพื้นที่รอยต่อจังหวัดพิษณุโลกและเพชรบูรณ์ สวยงามและน่าประทับใจ
ที่อยู่ : แก่งบางระจัน ตำบลหนองแม่นา อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์
20. แกรนด์แคนยอนหล่มสัก
อีกหนึ่งที่เที่ยวสุดอันซีนของเพชรบูรณ์ที่ยังไม่ค่อยมีคนรู้จักมากเท่าไร ความสวยงามของสถานที่แห่งนี้อยู่ที่...ชั้นดินที่ยกตัวขึ้นสูงเองตามธรรมชาติ ซึ่งใช้เวลาเป็นหลายร้อยปี ภาพที่เราเห็นเบื้องหน้าจึงเป็นภูมิทัศน์ที่ทั้งสวยงามและแปลกตา มองดูแล้วเหมือนแกรนด์แคนยอนที่อมเริกาเลยทีเดียว เผลอ ๆ อาจได้รูปสวย ๆ ติดมือกลับบ้านไปอีกด้วยนะคะ ใครอยากเที่ยวเพชรบูรณ์ในมุมที่ต่างออกไปจากเดิม ลองมาเช็กอินที่นี่กันได้ค่ะ
ที่อยู่ : บ้านติ้ว อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์
เรียกได้ว่าเป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวแนะนำสำหรับเพื่อน ๆ ที่กำลังวางแผนไปเที่ยวจังหวัดเพชรบูรณ์ ดินแดนที่เต็มไปด้วยความสวยงามของธรรมชาติ ว่าแล้วหน้าฝนนี้ลองแวะไปเที่ยวให้ชุ่มฉ่ำกันที่เพชรบูรณ์กันดีกว่าค่ะ
ตั๊กออแกไนท์เพชรบูรณ์ รับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคเพชรบูรณ์
นางรำเพชรบูรณ์เพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคเพชรบูรณ์
เพชรบูรณ์รําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคเพชรบูรณ์
รําบวงสรวงพญานาคเพชรบูรณ์
ฟ้อนบูชาพญานาคเพชรบูรณ์
รําบวงสรวงพญานาคเพชรบูรณ์
ติดต่อสอบถามเรา
280
« เมื่อ: สิงหาคม 31, 2021, 08:49:38 AM »
สถานที่ท่องเที่ยวพิษณุโลก ครบรสความสนุก เช็กอินแบบจุใจ
สถานที่ท่องเที่ยวพิษณุโลก มากมายด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ให้นักท่องเที่ยวเดินทางตามมาเช็กอินแบบจุใจ เที่ยวจังหวัดนี้จังหวัดเดียวมีแต่คุ้มกับคุ้ม
พิษณุโลก หนึ่งในจังหวัดที่ขึ้นชื่อในเรื่องความสวยงามของธรรมชาติ เป็นดินแดนที่โรแมนติกน่าหลงใหล และเที่ยวพักผ่อนได้ตลอดทั้งปี ที่สำคัญยังครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งอาหารและที่พัก จนทำให้ใครที่มาเยือนต้องประทับใจและกลับมาเที่ยวอีกหลายครั้ง สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนเริ่มชักอยากรู้แล้วว่ามีที่เที่ยวพิษณุโลกที่ไหนให้เราได้ไปเที่ยวบ้าง ในครั้งนี้เรามีที่เที่ยวทั้งเด็ดและสวยมาแนะนำกัน
1. อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า
ตั้งอยู่บนรอยต่อของสามจังหวัด คือ อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก และ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ในอดีตพื้นที่แห่งนี้ถูกใช้เป็นฐานที่มั่นของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ทางภาคเหนือ ปัจจุบัน กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติและประวัติศาสตร์ มีแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์สำคัญ เช่น พิพิธภัณฑ์การสู้รบ, โรงเรียนการเมืองการทหาร, กังหันน้ำ, โรงพยาบาลรัฐ, ลานอเนกประสงค์, สุสาน ท.ป.ท., หมู่บ้านมวลชน เป็นต้น และแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ เช่น ลานหินแตก, ลานหินปุ่ม, ผาชูธง, น้ำตกร่มเกล้า-ภราดร, น้ำตกศรีพัชรินทร์, น้ำตกตาดฟ้า และน้ำตกผาลาด เป็นต้น
ที่อยู่ : ครอบคลุมพื้นที่อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก และ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์
เบอร์โทรศํพท์ : 055 356 607, 081 596 5977
เฟซบุ๊ก : ภูหินร่องกล้า ดินแดนประวัติศาสตร์ มหัศจรรย์ธรรมชาติ
ที่เที่ยวพิษณุโลก
2. อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว
อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าน้ำปาด ท้องที่ตำบลม่วงเจ็ดต้น ตำบลนาขุม ตำบลบ้านโคก อำเภอบ้านโคก ตำบลห้วยมุ่น อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ ตำบลบ่อภาค อำเภอชาติตระการจังหวัดพิษณุโลก ด้วยลักษณะที่เป็นเทือกเขาสูง เป็นป่าดิบเขาสลับทุ่งหญ้าและป่าสน จึงทำให้พื้นที่ป่าที่นี่ค่อนข้างมีความสมบูรณ์เป็นอย่างมาก โดยไฮไลต์สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ นั่นคือ "ภูสอยดาว" ซึ่งสามารถมาท่องเที่ยวได้ทั้งปี แต่ถ้าหากอยากดูดอกไม้สีสวย ๆ ที่มักจะขึ้นเพื่อรับความชุ่มชื้นในช่วงหน้าฝน ควรจะมาในช่วงปลายฝนต้นหนาว ทั้งนี้บนลานสนภูสอยดาว นักท่องเที่ยวสามารถนอนกางเต็นท์เพื่อสัมผัสธรรมชาติได้อย่างใกล้ชิด ซึ่งนักท่องเที่ยวจะนำเต็นท์มาเองหรือจะเช่าเต็นท์จากทางอุทยานก็ได้
ที่อยู่ : ครอบคลุมพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าน้ำปาด ท้องที่ตำบลม่วงเจ็ดต้น ตำบลนาขุม ตำบลบ้านโคก อำเภอบ้านโคก ตำบลห้วยมุ่น อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ ตำบลบ่อภาค อำเภอชาติตระการจังหวัดพิษณุโลก
เบอร์โทรศํพท์ : 055 436 793
เฟซบุ๊ก : อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว - Phu soi dao National Park
ที่เที่ยวพิษณุโลก
3. อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง
สถานที่ท่องเที่ยวขนาดใหญ่ที่ครอบคลุม 2 จังหวัด คือ อำเภอวังทอง อำเภอนครไทย อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก และในอำเภอเขาค้อ อำเภอวังโป่ง จังหวัดเพชรบูรณ์ มีลักษณะทางธรรมชาติที่สวยงาม อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพันธุ์ไม้สัตว์ป่านานาชนิดซึ่งเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การไปท่องเที่ยว ซึ่งจุดท่องเที่ยวด้านจังหวัดเพชรบูรณ์เป็นป่าสนธรรมชาติและทุ่งหญ้าสะวันนา มีทิวทัศน์และพรรณไม้ดอกที่สวยงาม และยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอื่น ๆ ได้แก่ ทุ่งนางพญา ป่าสนสองใบสลับกับป่าดิบแล้ง และป่าเต็งรัง ซึ่งตามกิ่งสนจะพบกล้วยไม้ป่าที่สวยงาม เช่น เอื้องชะนีและเอื้องคำปากไก่, แก่งวังน้ำเย็นเป็นแก่งหินขนาดใหญ่ยาวหลายร้อยเมตร ในระหว่างแก่งแต่ละแก่งเป็นวังน้ำลึกขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นสถานที่ค้นพบแมงกะพรุนน้ำจืด และเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ผีเสื้อบริเวณริมลำธารหลายชนิด เป็นต้น
ที่อยู่ : ครอบคลุมพื้นที่อำเภอวังทอง อำเภอนครไทย อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก และในอำเภอเขาค้อ อำเภอวังโป่ง จังหวัดเพชรบูรณ์
เบอร์โทรศัพท์ : 088 756 4940
ที่เที่ยวพิษณุโลก
4. วัดนางพญา
ตั้งอยู่ถนนจ่าการบุญ วัดสำคัญที่บรรดาเกจิพระเครื่องรู้จักกันดี เพราะมีสุดยอดพระเป็นหนึ่งในชุดเบญจภาคี ที่เรียกกันว่า "พระนางพญา" เป็นที่เลื่องลือถึงความศักดิ์สิทธิ์และมีชื่อเสียงในด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อกันว่าหากผู้ใดมีพระนางพญาไว้ในครอบครอง จะทำให้ผู้ใต้ปกครองนั้นรู้สึกยำเกรงประดุจนางพญา ปัจจุบันจัดเป็นพระเครื่องที่หายากมากแล้ว สำหรับสถาปัตยกรรมของวัดนางพญานั้นน่าจะเป็น สมัยเดียวกับวัดราชบูรณะ แต่ต่างกันตรงที่วัดนางพญาไม่มีพระอุโบสถ มีแต่วิหารเท่านั้น
ที่อยู่ : ถนนจ่าการบุญ อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก
5. ล่องแพแก่งไฮ
ตั้งอยู่ที่อ่างเก็บน้ำแก่งไฮ อำเภอนครไทย เป็นแหล่งท่องเที่ยวชิล ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้เดินทางไปพักผ่อนชมความสวยงามของธรรมชาติ รวมถึงนักท่องเที่ยวยังสนุกไปกับการล่องแพไม้ไผ่ โดยมีเรือยนต์ลาก พร้อมกับได้นั่งกินอาหารอร่อย ๆ ดื่มด่ำวิวที่ล้อมรอบด้วยขุนเขา ดูแล้วสบายตา เหมาะกับเป็นที่เที่ยววันหยุดพักผ่อนของทุกคน แนะนำว่าถ้าใครอยากล่องแพ ให้โทรศัพท์จองก่อนล่วงหน้าจะดีที่สุด
ที่อยู่ : ตำบลหนองกะท้าว อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก
เฟซบุ๊ก : ล่องแพ แก่งไฮ ผู้ใหญ่ฮิปปี้
ที่เที่ยวพิษณุโลก
6. น้ำตกชาติตระการ
ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติน้ำตกชาติตระการ มีทั้งหมดด้วยกัน 7 ชั้น แต่ละชั้นมีความสวยงามตามธรรมชาติที่แตกต่างกันออกไป ประกอบด้วย มะลิวัลย์, กรรณิการ์, การะเกด, ยี่สุ่นเทศ, เกศเมือง, เรืองยศ และรจนา นอกจากนี้ภายในอุทยานยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอื่นๆ อีกด้วย เช่น ผาแดง น้ำตกนาจาน ผากระดาน ถ้ำน้ำมุด และถ้ำกา นอกจากนั้นอุทยานฯ ยังมีที่พักสำหรับบริการนักท่องเที่ยวที่ต้องการค้างแรมอีกด้วย
ที่อยู่ : ตำบลชาติตระการ อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก
เบอร์โทรศัพท์ : 055 906 522
เฟซบุ๊ก : อุทยานแห่งชาติน้ำตกชาติตระการ Namtok Chat Trakan
ที่เที่ยวพิษณุโลก
7. น้ำตกแก่งซอง
ตั้งอยู่ในอำเภอวังทอง นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมมาเที่ยวช่วงฤดูหนาว-ฤดูร้อน เพราะจะได้เห็นสายน้ำของน้ำตกแก่งซองไหลเอื่อยสบาย ๆ แต่ในช่วงฤดูฝนอาจไม่ค่อยเหมาะสำหรับการลงเล่นน้ำสักเท่าไร เพราะกระแสน้ำไหลค่อนข้างแรง คุณจะได้เพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์ของ บ้านเรือนต่าง ๆ ที่ตั้งอยู่ริมน้ำตก ซึ่งมาพร้อมกับสะพานแขวนไว้เดินชมแม่น้ำเข็ก รวมทั้งสามารถข้ามไปยัง หมู่บ้านฝั่งตรงข้ามได้นอกจากนี้ไม่ไกลจากน้ำตกแก่งซองอีกด้วยค่ะ
ที่อยู่ : ตำบลแก่งโสภา อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก
ที่เที่ยวพิษณุโลก
8. น้ำตกปอย
ตั้งอยู่บริเวณสวนป่ากระยาง เป็นน้ำตกที่มีลานกว้าง มีชั้นเดียว เวลาสายน้ำตกไหล จะเห็นเป็นลักษณะคล้ายม่านน้ำตก ตกลงมาอย่างสวยงาม บริเวณโดยรอบเป็นสวนป่าเขากระยาง ปลูกไม้ดอกไม้ประดับตกแต่ง มีศาลาพักผ่อน โดยนักท่องเที่ยวสามารถพักเลือกค้างแรม ณ สวนป่ากระยาง แล้วเดินตามเส้นทางดังกล่าวไปจนถึงน้ำตกปอยได้ไม่ลำบาก เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวเอาไว้พักผ่อนหย่อนใจช่วงวันหยุดได้ชิล ๆ
ที่อยู่ : ตำบลแก่งโสภา อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก
ที่เที่ยวพิษณุโลก
9. ล่องแก่งลำน้ำเข็ก
หนึ่งในสถานที่ล่องแก่งที่ได้ชื่อว่าสนุกสนานที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย โดยระดับความยากของการล่องแก่งลำน้ำเข็กจะอยู่ที่ระดับ 1-5 ซึ่งระดับ 5 จะเป็นระดับที่ยากที่สุด โดยในลำน้ำเข็กจะมีระดับ 5 อยู่ประมาณ 3-4 จุด คือ แก่งซาง, แก่งยาว, แก่งโสภาราม และแก่งนางคอย ทั้งนี้กิจกรรมการล่องแก่งลำน้ำเข็ก จะมีขึ้นในช่วงหน้าฝนของทุกปี (บางปีที่น้ำน้อยก็ล่องไม่ได้) ใครที่สนใจอยากจะล่องแก่ง จะต้องโทรศัพท์สอบถามเจ้าหน้าที่อย่างใกล้ชิด เพราะปริมาณน้ำของลำน้ำเข็กนั้นขึ้น-ลงเร็ว หากมีฝนตกหนัก ก็ไม่เหมาะแก่การล่องแก่ง
ที่อยู่ : ตำบลแก่งโสภา อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก
10. พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจ่าทวี
ตั้งอยู่ที่ถนนวิสุทธิกษัตริย์ ในตัวเมืองพิษณุโลก ก่อตั้งโดยจ่าสิบเอกทวี บูรณเขตต์ ซึ่งมีความรักและผูกพันกับข้าวของเครื่องใช้พื้นบ้านเมือง จึงตั้งใจที่จะรักษาไว้ให้เป็นคลังความรู้ที่ให้คนไทยทุกคนได้รู้จัก ที่นี่จึงเป็นแหล่งเรียนรู้มรดกทางวัฒนธรรม เปิดให้เราได้เรียนรู้เรื่องราววิถีชีวิต ประวัติศาสตร์ และภูมิปัญญาไทย ของชาวพิษณุโลกเอาไว้อย่างครบถ้วน และพลาดไม่ได้กับการชม "ควายไม้" สัญลักษณ์ของพิพิธภัณฑ์ที่ไม่ว่าใครต้องมาถ่ายรูปด้วยกันทุกคน
ที่อยู่ : ถนนวิสุทธิ์กษัตริย์ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก
เบอร์โทรศัพท์ : 055 212 749
เฟซบุ๊ก : พิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน จ่าทวี พิษณุโลก
11. วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร
ตั้งอยู่ที่ถนนพุทธบูชา ตรงข้ามกับศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก และเป็นสถานที่ประดิษฐานพระพุทธชินราช พระพุทธรูปที่ได้รับการยกย่องว่าสวยงามที่สุดในประเทศไทย งดงามด้วยสถาปัตยกรรม ศิลปกรรม และประติมากรรม ที่ถือได้ว่าเป็นมรดกทางศิลปวัฒนธรรมอันล้ำค่าของเมืองพิษณุโลก นอกจากนี้ยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ ให้เคารพบูชา เช่น พระพุทธธูปเข้านิพพาน พระเหลือ พระศรีศาสดา เป็นต้น
ที่อยู่ : ถนนพุทธบูชา อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก
12. วัดจุฬามณี
วัดสำคัญเก่าแก่ของจังหวัดพิษณุโลก สันนิษฐานว่ามีมาก่อนสมัยสุโขทัย และยังเป็นที่ตั้งของเมืองสองแควโบราณก่อนจะมาเป็นเมืองพิษณุโลกในปัจจุบัน ภายในวัดยังคงพบโบราณสถานและโบราณวัตถุที่สำคัญทางพุทธศาสนา คือ "พระพุทธบาทจำลอง" ประดิษฐานอยู่ภายในปรางค์ขอมโบราณ ก่อด้วยศิลาแลง และ "ศิลาจารึก" ที่ฝังอยู่ภายในกำแพงมณฑป และมีพระพุทธรูปสำคัญอีกหลายองค์ เช่น หลวงพ่อขาว, หลวงพ่อคง, หลวงพ่อดำ และหลวงพ่อเพชร เป็นต้น
ที่อยู่ : หมู่ 2 ริมน้ำ ตำบลท่าทอง อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก
ที่เที่ยวพิษณุโลก
13. พระราชวังจันทน์
พระราชวังโบราณ โดยกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนโบราณสถานพร้อมทั้งประกาศขอบเขตที่ดินโบราณสถาน เมื่อ พ.ศ.2537 ภายในมีสถานที่สำคัญต่าง ๆ ได้แก่ ศูนย์ประวัติศาสตร์พระราชวังจันทน์ เป็นอาคารจัดแสดงเนื้อหาที่เกี่ยวกับพระราชวังจันทน์ เมืองพิษณุโลก และพระราชประวัติของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช, วัดวิหารทอง สันนิษฐานว่าเคยเป็นที่ประดิษฐานพระอัฏฐารส ซึ่งปัจจุบันประดิษฐานในอุโบสถวัดสระเกศ, วัดศรีสุคต สันนิษฐานว่าวัดศรีสุคตน่าจะเป็นวัดที่มีอยู่ก่อนการสร้างพระราชวังจันทน์ และวัดโพธิ์ทอง ประกอบด้วยเจดีย์ประธาน ที่เหลือเพียงส่วนฐานเขียง มีเจดีย์รายประจำมุมทั้งสี่มุม เป็นต้น
ที่อยู่ : ตำบลบ้านคลอง อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก
14. เนินมะปราง
ความโดดเด่นของอำเภอเนินมะปราง นั่นคือธรรมชาติที่สวยงามของภูเขาหินปูนรูปร่างสวยงามแปลกตา และท้องทุ่งนาสุดกว้างใหญ่ เต็มไปด้วยป่าเขาสีเขียวขจีสุดอุดมสมบูรณ์ แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของที่นี่ ได้แก่ จุดชมวิวบ้านเผ่าไทย, จุดชมวิวและโฮมสเตย์บ้านรักไทย, ภูเขาหินปูนบ้านมุง, ทุ่งทานตะวันบ้านไร่ภูตะวัน, ชมค้างคาวยามเย็นที่บ้านมุง และน้ำตกถ้ำหมี เป็นต้น นักท่องเที่ยวคนไหนที่ชื่นชอบการเที่ยวในบรรยากาศที่สงบ จะพลาดที่นี่ไม่ได้เด็ดขาด
ที่อยู่ : อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก
15. ผาโปกโล้น
ตั้งอยู่ที่ตำบลนครชุม อำเภอนครไทย โดยนักท่องเที่ยวจะต้องเดินเท้าขึ้นไปอีกประมาณ 1-2 กิโลเมตร เพื่อชมความงดงามของทะเลหมอกสุดอลังการในยามเช้า ท่ามกลางอากาศที่เย็นสบายและบรรยากาศเงียบสงบ โดยที่หมู่บ้านในตำบลนครชุมก็มีโฮมสเตย์ไว้รองรับนักท่องเที่ยว
ที่อยู่ : ตำบลนครชุม อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก
เบอร์โทรศัพท์ : 055 009 808
เฟซบุ๊ก : เขาโปกโล้น
เป็นยังไงบ้างคะ แต่ละที่เที่ยวพิษณุโลกที่เราเอามาให้ดูกัน แต่ละที่บอกเลยว่าน่าเที่ยวทั้งนั้น แถมยังมีที่เที่ยวหลากหลาย เช็กอินกันได้อย่างจุใจ ใครกำลังคิดไม่ไม่ออกว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดี มาเที่ยวที่พิษณุโลกกันนะคะ ^ ^
ตั๊กออแกไนท์พิษณุโลกรับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคพิษณุโลก
นางรำพิษณุโลกเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคพิษณุโลก
พิษณุโลกรําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคพิษณุโลก
รําบวงสรวงพญานาคพิษณุโลก
ฟ้อนบูชาพญานาคพิษณุโลก
รําบวงสรวงพญานาคพิษณุโลก
ติดต่อสอบถามเรา
282
« เมื่อ: สิงหาคม 31, 2021, 08:28:08 AM »
14 ที่เที่ยวนครสวรรค์ ไปเที่ยวเมื่อไรต้องขอแวะเช็กอิน
ที่เที่ยวนครสวรรค์สุดฮิต ไปเที่ยวนครสวรรค์เมื่อไรต้องไม่พลาดไปเช็กอิน เที่ยวได้ทั้ง เด็ก ผู้ใหญ่ จะไปกับเพื่อน คนรัก หรือครอบครัว ก็เที่ยวนครสวรรค์ได้แบบสบาย ๆ
ถ้าพูดถึง "จังหวัดนครสวรรค์" หลายคนอาจจะนึกถึงขนมสุดอร่อยอย่างโมจิหรือไดฟุกุ แต่นอกเหนือจากของฝากเหล่านี้แล้ว เมืองนครสวรรค์ยังน่าท่องเที่ยวอีกด้วย ซึ่งถือได้ว่าเป็นเมืองพักผ่อนระหว่างทางของผู้ที่ต้องสัญจรไปมาระหว่างกรุงเทพฯ และภาคเหนือ สามารถที่จะแวะพักเที่ยวชมได้อย่างดีเลยทีเดียว เมืองปากน้ำโพแห่งนี้จะมีอะไรน่าท่องเที่ยวบ้าง ตามไปเก็บข้อมูลกันเลย
1. บึงบอระเพ็ด นครสวรรค์
บึงน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย มีเนื้อที่ประมาณ 132,737 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองนครสวรรค์ อำเภอท่าตะโก และอำเภอชุมแสง ซึ่งนอกจากจะเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำมากกว่า 148 ชนิด พืชกว่า 44 ชนิดแล้ว ที่นี่ยังมีทัศนียภาพที่สวยงาม กลายเป็นที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวและเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวนครสวรรค์
เที่ยวนครสวรรค์
สิ่งที่น่าสนใจของบึงบอระเพ็ด ก็คือ "นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร" และ "ปลาเสือตอ" ซึ่งเป็นสัตว์ที่พบเห็นได้ยาก แต่สามารถพบเห็นได้บริเวณบึงบอระเพ็ด นอกจากนี้ยังมีทะเลบัวสีชมพูสดใสให้ได้เที่ยวชมกันอีกด้วย นักท่องเที่ยวสามารถที่จะนั่งเรือชมวิวไปรอบ ๆ บึง หรือจะเที่ยวชมการจัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำภายในอาคารแสดงพันธุ์สัตว์น้ำบึงบอระเพ็ดเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ก็ได้เช่นกัน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ buengboraphet.com
2. อุทยานแห่งชาติแม่วงก์
อุทยานแห่งชาติที่มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 558,750 ไร่ หรือ 894 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ทั้งในอำเภอปางศิลาทอง จังหวัดกำแพงเพชร และอำเภอแม่วงก์ และกิ่งอำเภอแม่เปิน จังหวัดนครสวรรค์ โดยมียอดเขาที่สำคัญคือยอดเขาโมโกจู ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในอุทยานแห่งชาติแม่วงศก์
ภายในอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ มีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นแหล่งกำเนิดต้นน้ำลำธาร ทั้งยังเป็นต้นกำเนิดของลำน้ำแม่วงก์ที่สำคัญของจังหวัดนครสวรรค์อีกด้วย โดยสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะอยู่ทางฝั่งจังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งไม่ไกลจากตัวเมืองนครสวรรค์ โดยจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจ อาทิ จุดชมวิวกิ่วกระทิง, จุดชมวิวช่องเย็น, น้ำตกแม่กระสา, ยอดเขาโมโกจู, แก่งผาคอยนาง เป็นต้น
3. อุทยานสวรรค์
หรือหนองสมบุญ เป็นสวนสาธารณะที่มีความสวยงามและน่าสนใจมาก ๆ ด้วยภายในสวนแห่งนี้นอกจากจะมีต้นไม้นานาพรรณแล้ว ยังมีการจัดแบ่งสัดส่วนและตกแต่งอย่างสวยงาม มีเนื้อที่ประมาณ 314 ไร่ ประกอบไปด้วย หนองน้ำขนาดใหญ่ สนามหญ้า น้ำพุ สถานที่สำหรับออกกำลังกาย สนามเด็กเล่น สนามกีฬา เวทีกลางแจ้ง น้ำตก สวนหย่อม ฯลฯ ที่นี่จึงเป็นสวนสุขภาพและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจชั้นเยี่ยมของชาวนครสวรรค์ โดยในช่วงเช้าและช่วงเย็นจะมีทัศนียภาพที่สวยงาม เหมาะแก่การเที่ยวชม
เที่ยวนครสวรรค์
4. วัดคีรีวงศ์
มาถึงเมืองนครสวรรค์ก็ต้องไปไหว้ขอพรเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันสักนิด ซึ่งสถานที่ที่ชาวนครสวรรค์ให้ความเคารพนับถืออย่างมากก็คือ วัดคีรีวงศ์ ซึ่งตั้งอยู่บนเขาดาวดึงส์ อำเภอเมืองนครสวรรค์ สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของวัดคีรีวงศ์ ก็คือองค์มหาเจดีย์พระจุฬามณีเจดีย์ ซึ่งเป็นเจดีย์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนยอดเขา มี 4 ชั้น โดยบริเวณฐานขององค์มหาเจดีย์จะสามารถมองเห็นภูมิทัศน์ที่สวยงามของเมืองนครสวรรค์ได้แบบไกลสุดลูกหูลูกตา มองเห็นทั้งบ้านเรือนของชาวบ้าน บึงบอระเพ็ด ตลาดปากน้ำโพ อุทยานสวรรค์ เขาจอมคีรีนาคพรต และภูเขาน้อยใหญ่มากมาย ยามเย็นจะมีบรรยากาศเย็นสบาย เป็นที่ชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดนครสวรรค์
เที่ยวนครสวรรค์
ภายในพระจุฬามณีเจดีย์ ประกอบไปด้วยรูปหล่อเหมือนขนาดเท่าองค์จริงของพระชื่อดังหลายองค์ อาทิ รอยพระพุทธบาทจำลอง 12 ราศี, พระพุฒาจารย์โต วัดระฆัง, หลวงปู่ทวด วัดช้างไห้, หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปจำลองที่สำคัญของเมืองไทย อาทิ พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) พระพุทธชินราชจำลอง พระพุทธโสธรจำลอง ฯลฯ ไว้ให้ประชาชนได้กราบไหว้กันอีกด้วย
5. เมืองโบราณจันเสน
เมืองโบราณจันเสน ตั้งอยู่ที่ตำบลจันเสน มีลักษณะเป็นเมืองโบราณ โดยมีคูเมืองเป็นเนินดินโดยรอบเป็นลักษณะสี่เหลี่ยมเกือบเป็นวงกลม ปัจจุบันยังเป็นลุ่มน้ำขัง มีร่องรอยของคูเมืองให้เห็นชัดเจน ในบริเวณนี้มีการขุดค้นพบโบราณวัตถุหลายอย่าง อาทิ พระพิมพ์ต่าง ๆ, ตุ๊กตา, ตะเกียง, ฐานบัว, ธรรมจักร, ขวานหินขัดที่ทำด้วยโลหะ, มีตุ้มหูทำด้วยตะกั่วหรือดีบุก, ใบหอกที่ทำด้วยสำริด เป็นต้น โดยสิ่งของโบราณเหล่านี้มีการเก็บรักษาไว้อย่างดีที่พิพิธภัณฑ์จันเสน
6. วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์
อีกหนึ่งวัดที่สำคัญของจังหวัดนครสวรรค์ ด้วยเป็นวัดในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ตั้งอยู่บนยอดเขาโคกเผ่น อำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของวัดแห่งนี้คือเจดีย์ศรีพุทธคยา ซึ่งจำลองแบบมาจากเจดีย์พุทธคยา ประเทศอินเดีย มีการย่อส่วนให้เหมาะสมกับพื้นที่ ตัวเจดีย์สูง 28 เมตร มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมทรงกรวย ในส่วนยอดเจดีย์เป็นทรงระฆังคว่ำ รอบ ๆ ประดับด้วยลวดลายปูนปั้น ภายในองค์เจดีย์เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและการเดินทางได้ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานอุทัยธานี (รับผิดชอบพื้นที่จังหวัดอุทัยธานีและนครสวรรค์) โทรศัพท์ 0 5651 4651-2
7. ตลาดน้ำวัดบางประมุง
สัมผัสวิถีชีวิตสุดเรียบง่ายกับชุมชนริมฝั่งคลองบางประมุง โดยจะมีตลาดน้ำอยู่ทางด้านหลังวัดบางประมุง ตำบลนครสวรรค์ อำเภอเมืองนครสวรรค์ ตลาดน้ำจะมีลักษณะเป็นแพเรียงต่อ ๆ กัน ชาวบ้านจะนำสินค้าทางการเกษตร พืชผัก ผลไม้ อาหารพื้นเมือง และสินค้าพื้นเมืองมาจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยวในราคาย่อมเยา ซึ่งนอกจากนักท่องเที่ยวจะได้เดินเลือกซื้อสินค้ากันอย่างสนุกสนานแล้ว ยังจะได้เพลิดเพลินกับการให้อาหารปลา การนวดแผนโบราณ การล่องเรือชมวิวริมคลองบางประมุง เป็นต้น โดยตลาดน้ำบางประมุงเปิดให้เที่ยวชมในทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 07.00-16.00 น.
8. ทุ่งหินเทิน
ตั้งอยู่ที่ตำบลปางสวรรค์ อำเภอแม่วงก์ เป็นทุ่งหญ้ากว้างประมาณ 14 ไร่ ซึ่งมีกลุ่มก้อนหินขนาดใหญ่ตั้งวางซ้อนกันอยู่หลายแห่ง ลักษณะเหมือนมีคนจับตั้งวาง แต่เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ โดยก้อนหินเหล่านี้เป็นหินแกรนิตอายุมากกว่า 210 ล้านปี ขนาดหินก้อนมนใหญ่ สามารถเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยวจังหวัดนครสวรรค์ โทรศัพท์ 0 5622 1602, 0 5622 1034
9. หอชมเมืองนครสวรรค์
หอชมเมืองที่ตั้งอยู่ ณ ยอดเขาวัดคีรีวงศ์ อำเภอเมืองนครสวรรค์ เป็นอาคารหอคอยสูง 32 เมตร มีทั้งหมด 10 ชั้น ในส่วนของชั้นที่ 1 จะเป็นประชาสัมพันธ์และร้านจำหน่ายสินค้า OTOP ชั้นที่ 2 และชั้นที่ 3 จะเป็นร้านอาหาร เครื่องดื่ม ขนมหวาน และจากชั้นที่ 4-9 จะเป็นบันไดเวียนเพื่อขึ้นสู่ชั้นที่ 10 ซึ่งเป็นจุดชมวิวเมืองนครสวรรค์ สามารถชมทัศนียภาพโดยรอบได้แบบ 360 องศา มองเห็นธรรมชาติโดยรอบเมืองนครสวรรค์ได้ไกลกว่า 10 กิโลเมตร หอชมเมืองนครสวรรค์ เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวชมทุกวัน วันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 10.00-16.30 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น.
เที่ยวนครสวรรค์
10. ศาลเจ้าพ่อเทพารักษ์-เจ้าแม่ทับทิม
เมืองนครสวรรค์มีชาวไทยเชื้อสายจีนอาศัยอยู่จำนวนไม่น้อย เมืองนครสวรรค์จึงมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างศาลเจ้าอยู่หลายแห่งด้วยเช่นกัน ซึ่งศาลเจ้าพ่อเทพารักษ์-เจ้าแม่ทับทิมก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ชาวเมืองนครสวรรค์ให้ความเคารพนับถืออย่างมาก ตัวศาลเจ้าตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงข้ามกับตลาดปากน้ำโพ โดยในช่วงตรุษจีนของทุก ๆ ปีจะมีการจัดขบวนแห่องค์เทพเจ้าไปรอบ ๆ ตลาดปากน้ำโพอย่างยิ่งใหญ่ นักท่องเที่ยวจะได้ชมการแสดงต่าง ๆ ในขบวนแห่ แต่หากจะมีมาเที่ยวชมกราบไหว้ขอพรในวันธรรมดาก็ได้เช่นกัน ซึ่งจะเปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 05.00-19.00 น.
เที่ยวนครสวรรค์
11. สะพานไม้ไผ่หมายเลข 8
สะพานไม้ไผ่แห่งใหม่ของบ้านพนาสวรรค์ อำเภอแม่เปิน โดดเด่นไม่เหมือนใคร ด้วยลักษณะสะพานไม้ไผ่ที่สร้างขึ้นเป็นทางเดินหมายเลข 8 สะพานแห่งนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือ ของกลุ่มพัฒนาชุมชน กลุ่มชาวนา และกลุ่มชาวบ้าน ที่ต้องการสร้างแลนด์มาร์กแห่งนี้ขึ้นมา เอาไว้เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร อีกทั้งยังเป็นที่ที่ไว้สำหรับผ่อนคลายของชาวบ้านในพื้นที่ ได้ออกมาเดินเล่น นั่งเล่น และรับลมเย็นกันแบบชิล ๆ
12. เขาหน่อ - เขาแก้ว
จุดชมวิวสวย ๆ ของเมืองไทยที่ไม่ควรพลาด เป็นกลุ่มยอดเขาหินปูนรูปทรงสวยงามแปลกตา สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนบนถนนพหลโยธิน ช่วงนครสวรรค์ - กำแพงเพชร ซึ่งตั้งอยู่ในตำบลบ้านแดน อำเภอบรรพตพิสัย พื้นที่แห่งนี้ถือได้ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ เพราะครั้งหนึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เคยเสด็จประพาสเขาหน่อ โดยเสด็จฯ ภาคเหนือทางชลมารคผ่านแม่น้ำปิง เมื่อปี พ.ศ. 2449 ต่อมาในปี พ.ศ. 2452 ได้พระราชทานสิ่งของให้แก่หลวงพ่อแหยม วัดบ้านแดน อีกด้วย
เขาหน่อ เขาแก้ว
เขาหน่อ ถูกแยกออกจากเขาแก้วโดยถนนท้องถิ่น ในส่วนของเขาหน่อนั้นจะแยกออกเป็น 2 ส่วน คือ "เขานางพันธุรัต" เป็นภูเขาหินปูนลูกเล็ก สามารถเดินขึ้นไปชมวิวได้ ด้านบนมีถ้ำขนาดเล็ก มีพระพุทธรูปนอนองค์ใหญ่และพระพุทธรูปองค์เล็กอยู่ด้านหน้า และ "เขาพระพุทธบาท" เป็นภูเขาลูกใหญ่ ห่างจากเขานางพันธุรัตประมาณ 300 เมตร มีทางบันไดปูนประมาณ 700 ขั้น ให้เดินขึ้นไปชมวิวด้านบนเขา ซึ่งบางช่วงค่อนข้างสูงชัน ด้านบนเป็นจุดชมวิวสูง สามารถมองเห็นทุ่งนาและไร่สวนของชาวบ้านได้ไกลสุดลูกหูลูกตา รวมทั้งยอดเขาแก้วที่อยู่อีกฝั่งด้วย โดยรวม ๆ แล้วใช้เวลาเดินขึ้น-ลงประมาณ 1-1.30 ชั่วโมง แล้วแต่ความแข็งแรงของร่างกายแต่ละคน ควรเตรียมน้ำและยาดมติดตัวไปด้วย
เขาหน่อ - เขาแก้ว สามารถเที่ยวได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลาประมาณ 08.00-18.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เทศบาลตำบลบ้านแดน โทรศัพท์ 0 5627 9320
13. ตลาดเจ้าค่ะ
ตลาดริมแม่น้ำปิงหน้าวัดเขาดินใต้ ตำบลเขาดิน อำเภอเก้าเลี้ยว ใครที่เคยมาเที่ยวจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศความน่ารักและความเป็นกันเองของเหล่าบรรดาพ่อค้าแม่ขาย ที่พร้อมใจกันแต่งกายชุดไทย พร้อมส่งเสียงร้องเรียกลูกค้าลงท้ายว่า "เจ้าค่ะ" ทุกคำ กลายเป็นว่ายิ่งทำให้เราอยากจะซื้อของมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม พบกับหลากหลายความอร่อย ไมว่าจะเป็นอาหารท้องถิ่นน่ากิน พืช ผัก ผลไม้ และขนมโบราณหากินยาก หรือจะร่วมเรียนรู้และสนุกไปกับการทำขนมชนิดต่าง ๆ เรียกว่าสร้างสีสันให้กับการเที่ยวตลาดได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
ตลาดเจ้าค่ะ เปิดทุกวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 14.00-21.00 น. ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ตลาด "เจ้าค่ะ" ริมแม่น้ำปิงหน้าวัดเขาดินใต้
14. พาสาน
อาคารสัญลักษณ์ต้นแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีสถาปัตยกรรมสวยงามโดดเด่นและทันสมัย ตั้งอยู่บริเวณปลายเกาะยม จุดบรรจบของแม่น้ำปิงและแม่น้ำน่าน ต้นแม่น้ำเจ้าพระยา ในตำบลปากน้ำโพ อำเภอเมืองนครสรรค์ โดยได้แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์มาจากการศึกษาสภาพแวดล้อม วิถีชีวิต ขนบธรรมเนียม และประเพณีวัฒนธรรมของชาวปากน้ำโพ มีพื้นที่ใช้สอยภายนอก ลานประดิษฐานองค์เจ้าแม่กวนอิม ลานกิจกรรม สวนริมแม่น้ำ แพท่าน้ำ พื้นที่ภายใน อันประกอบไปด้วยส่วนแสดงนิทรรศการ ห้องประชุม สำนักงาน จุดชมทัศนียภาพ และอื่น ๆ
เที่ยวนครสวรรค์
ไม่เพียงแค่สถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้เท่านั้นที่มีความน่าสนใจและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวนครสวรรค์ยอดนิยม เพราะยังมีแหล่งท่องเที่ยวอีกมากมายในจังหวัดแห่งนี้ที่น่าสนใจและน่าไปสัมผัส หากใครไม่รู้ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดีในช่วงวันหยุดที่จะถึงนี้ ลองไปเที่ยวชมนครสวรรค์กันดูนะคะ นอกจากจะไม่ต้องไปเบียดเสียดกับผู้คนมากมายในแหล่งท่องเที่ยวฮอตฮิตของไทยแล้ว ยังจะได้พักผ่อนกับธรรมชาติและวิถีชีวิตของผู้คนที่เรียบง่ายอย่างเต็มที่อีกด้วย
ตั๊กออแกไนท์นครสวรรค์ รับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคนครสวรรค์
นางรำนครสวรรค์เพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคนครสวรรค์
นครสวรรค์รําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคนครสวรรค์
รําบวงสรวงพญานาคนครสวรรค์
ฟ้อนบูชาพญานาคนครสวรรค์
รําบวงสรวงพญานาคนครสวรรค์
ติดต่อสอบถามเรา
284
« เมื่อ: สิงหาคม 31, 2021, 07:55:53 AM »
26 ที่เที่ยวเชียงใหม่
ใกล้ชิดธรรมชาติช่วงหน้าหนาว
1. ชมดอกพญาเสือโคร่ง ณ ขุนช่างเคี่ยน
ชมดอกหญาเสือโคร่ง ณ ขุนช่างเคี่ยน
สถานที่ชมดอกนางพญาเสือโคร่ง สีชมพูสดใส มีอยู่หลายที่ด้วยกัน ขุนช่างเคี่ยน หรือสถานีวิจัยและศูนย์ฝึกอบรมเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยน เป็นสถานที่เที่ยวชมดอกนางพญาเสือโคร่งยอดฮิตของภาคเหนือ โดยจะบานสะพรั่งในช่วงเดือน ธ.ค.-ม.ค. ตั้งอยู่บนเส้นทางเดียวกับทางขึ้นวัดพระธาตุดอยสุเทพ พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ และดอยปุย ที่นี่มีที่พักคอยให้บริการ แต่ควรสอบถามล่วงหน้าก่อน ที่สถานีวิจัยและศูนย์ฝึกอบรมเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยน โทร 053-944053 หรือ 053-222014
อ่านเพิ่มเติม : 10 สถานที่ชมดอกนางพญาเสือโคร่ง รับลมหนาว
…
2. ดอยอ่างขาง
ชมนางพญาเสือโคร่ง ดอยอ่างขาง เชียงใหม่
สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง โครงการหลวงที่ได้รับความนิยม เลื่องชื่อเรื่องพืชพันธุ์ โดดเด่นด้วยนางพญาเสือโคร่ง เต็มเปี่ยมไปด้วยเรื่องราวและทัศนียภาพอันสวยงาม เป็นสถานีวิจัยแห่งแรกของโครงการหลวง ตั้งอยู่บนเทือกเขาตะนาวศรี ตำบลแม่งอน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ปัจจุบันมีพันธุ์ไม้ผลกว่า 12 ชนิด ผักเมืองหนาวกว่า 60 ชนิด และไม้ดอกเมืองหนาวมากกว่า 20 ชนิด สภาพอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี
เมื่อมาถึงก็สามารถชมแปลงสาธิต ผัก ผลไม้ ต้นนางพญาเสือโคร่งและไม้ดอกเมืองหนาวภายในศูนย์ฯ สามารถขับรถวนเป็นวงกลม ค่าเข้าชมคนละ 30 บาท ยานพาหนะคันละ 50 บาท หรือเยี่ยมหมู่บ้านหลวง สัมผัสชีวิตชาวจีนฮ่อ เยี่ยมหมู่บ้านนอแล สัมผัสวิถีชีวิตชาวปะหล่อง อดีตชนเผ่าดั้งเดิมของพม่า หรือ เดินป่าระยะสั้น ชมความงามธรรมชาติของผืนป่าปลูกทดแทน มีบริการให้ขี่ล่อ เป็นต้น
อ่านข้อมูลเพิ่มเติม : สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง กับการเดินทางสุดประทับใจ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : สำนักงานสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง โทร : 053-450107-9
ศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยวอ่างขาง โทร : 053-450077
…
3. สถานีวิจัยเกษตรที่สูงเชียงใหม่ (ขุนวาง)
สถานีวิจัยเกษตรที่สูงเชียงใหม่ (ขุนวาง)
โครงการหลวงแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ชมนางพญาเสือโคร่ง สภาพพื้นที่ของโครงการส่วนใหญ่ล้อมด้วยเทือกเขาสลับซับซ้อน มีแอ่งที่ราบระหว่างภูเขาเพียงเล็กน้อย มีแม่น้ำสายสำคัญที่ไหลผ่านคือ แม่น้ำขุนวาง ประชากรในพื้นที่เป็นชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงและม้ง รวมทั้งสิ้น 7 หมู่บ้าน ขึ้นอยู่กับตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่
มีสถานที่ท่องเที่ยว เช่น ชมแปลงสาธิตไม้ผลเมืองหนาว ชมแปลงปลูกผัก โรงเรือนเห็ดเมืองหนาว แปลงปลูกดอกเบญจมาศหลากสีสัน ชมวิถีชีวิตของชาวเผ่าม้ง และกะเหรี่ยง หรือท่องเที่ยวแบบ เส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติ (3 กิโลเมตร) ชมทุ่งกุหลาบพันปีสีแดง และ ชมดอกพญาเสือโคร่ง
การเดินทาง : ระยะทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ 106 กิโลเมตร ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 108 (เชียงใหม่-ฮอด) ก่อนถึงอำเภอจอมทอง มีทางแยกขวามือขึ้นดอยอินทนนท์ ตามทางหลวงหมายเลข 1009 ราว หลัก กม. ที่30-31 มีทางแยกทางขวามือผ่านบ้านขุนกลาง จุดกางเต็นท์ป่าสน ตรงไปอีก 16 กิโลเมตร จนถึงบ้านขุนวางสังเกตป้ายโครงการทางขวามือ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม : โทร. 053-939-102, 085-717-0399
อ่านรีวิวเพิ่มเติม : 10 โครงการหลวง น่าเที่ยว ต้อนรับฤดูหนาว
…
4. แม่กำปอง
หมู่บ้านเล็กๆ แสนอบอุ่น ในหุบเขา
แม่กำปอง หมู่บ้านเล็กๆ แสนอบอุ่น ในหุบเขา
ช่วงหลังมานี้ หมู่บ้านเล็กท่ามกลางหุบเขาอย่าง แม่กำปอง ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แบบโฮมสเตย์ และด้วยความที่มีธรรมชาติแสนงดงามแบบไม่ต้องปรุงแต่ง ความน่ารักจากผู้คนในหมู่บ้าน ได้สัมผัสวิถีชาวบ้าน ทำให้ที่แห่งนี้จึงเป็นจุดมุ่งหมายที่ใครหลายคนก็อยากมาสัมผัส ^^
บ้านแม่กําปอง เชียงใหม่ ตั้งอยู่ หมู่ที่ 3 ตำบลห้วยแก้ว กิ่งอำเภอแม่ออน มีพื้นที่หมู่บ้านทั้งหมดประมาณ 6.22 ตารางกิโลเมตร ระยะทางห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ 50 กิโลเมตร
อ่านรีวิวเพิ่มเติม :
บ้านแม่กําปอง เชียงใหม่ (Shutter&Travel)
เมืองน่ายล คนน่ารัก หลบกายพักที่ “แม่กำปอง” จ.เชียงใหม่
…
5. ไร่ชาวิวสวยในเมืองไทย
ไร่ชา จังหวัดเชียงใหม่
ขอบคุณภาพ คุณ MaCCa www.pixpros.net
อีกหนึ่งสถานที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ก็คงจะเป็น “ไร่ชา” ในเมืองไทยนั้นมีไร่ชาขึ้นชื่อหลายที่ และแต่ละที่นั้นนอกจากจะได้ถ่ายรูปไร่ชาทอดยาวตามขั้นบันไดแล้ว ก็สามารถชิมชากลิ่นหอมๆ ได้อีกด้วย ซึ่งไร่ชาในจังหวัดเชียงใหม่นั้นมีอยู่หลายที่ เช่น
ไร่ชาลุงเดช ตั้งอยู่ในอำเภอแม่แตง ปลูกชาพันธุ์ดี 2 สายพันธุ์คือ ชาเบอร์ 12 และพันธุ์ก้านอ่อน
ไร่ชาระมิงค์ แหล่งกำเนิดชาแรกของไทย ที่มีชื่อเสียงมานานกว่า 70 ปี ที่นี่ทำไร่ชา และผลิตใบชาในพื้นที่ภูเขาสูง 900-1200 เมตรจากระดับน้ำทะเล บนดอยเชียงดาว แหล่งต้นน้ำปิง อ. แม่แตง
ไร่ชา 2000 หุบเขาเล็กๆ แต่มากความสวยงาม ด้วยทัศนียภาพแห่งทะเลหมอก และไร่ชา ไร่สตรอเบอร์รี ขั้นบันไดตามเนินเขา เป็นภาพที่คุณจะต้องประทับใจ
อ่านเพิ่มเติม : พากันไปฟิน! 10 ไร่ชาวิวสวยในเมืองไทย หนาวนี้ไม่ไปไม่ได้แล้ว
…
6. อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง
อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง
อุทยานฯ แห่งนี้มีชื่อเสียงในการเป็นจุดชมวิวทะเลหมอกที่สวยติดอันดับต้นๆ ของประเทศเลยทีเดียว ที่นี่ครอบคลุมท้องที่อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยตั้งอยู่บนเทือกเขาถนนธงชัย ภูมิประเทศโดยทั่วไป เป็นเทือกเขาและภูเขาสูงสลับซับซ้อนที่ภูเขาที่สูงที่สุด คือ ดอยช้าง ซึ่งเป็นป่าต้นน้ำลำธารและมีลำห้วยน้อยใหญ่มากมาย
ไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้ คือ
จุดชมวิวบริเวณห้วยน้ำดัง (ดอยกิ่วลม) ตำบลกึ๊ดช้าง อำเภอแม่แตง อยู่บริเวณที่ทำการอุทยานฯ เป็นจุดชมวิวที่สวยงามและมีชื่อเสียงมาก มองเห็นดอยเชียงดาว ทั้งยังสามารถชมพระอาทิตย์ขึ้น พร้อมกับความงามอันน่ามหัศจรรย์ของทะเลหมอกในช่วงเช้าตรู่ได้ นอกจากนี้ ในช่วงปลายฤดูหนาวจะสะพรั่งไปด้วยดอกไม้ที่มีสีสันสวยงาม
ห้วยน้ำรู หรือ ดอยสามหมื่น ตำบลเมืองคอง อำเภอเชียงดาว ซึ่งมีหมู่บ้านชาวเขาเผ่าลีซอ ทัศนียภาพสวยงาม ชมการปลูกกาแฟอาราบิกาและไม้ผลเมืองหนาว
สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ เช่น น้ำตกห้วยน้ำดัง โป่งน้ำร้อนท่าปาย น้ำตกแม่เย็น เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ เอื้องเงิน เป็นต้น
ที่ตั้ง : ตำบลกึ๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่
ค่าเข้าอุทยานฯ : คนไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท และเด็ก 20 บาท และชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 300 บาท เด็ก 150 บาท อัตราค่าบริการ สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยลด 50 เปอร์เซ็นต์ วันจันทร์-วันศุกร์ ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์
...
7. ดอยแสนหวาน ซากุระเบ่งบาน ที่ ขุนแม่ยะ
ดอยแสนหวาน ซากุระเบ่งบาน ที่ ขุนแม่ยะ
ขอบคุณภาพขาก Fa The Pooh
หนึ่งใน ดินแดนแห่งดอกซากุระเมืองไทย ณ ดอยขุนแม่ยะ อยู่บนเส้นทางแม่มาลัย-ห้วยน้ำดัง-ปายกึ่งกลาง เป็นดอยสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,020 เมตร เป็นพื้นที่บริเวณหน่วยจัดการต้นน้ำขุนแม่ยะ โครงการในพระราชดำริของสมเด็จพระนางพระบรมราชินีนาถฯ ทางเข้าอยู่ตรงข้ามกับด่านตรวจสัตว์ของตำรวจ
…
8. อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์
อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์
ดอยอินทนนท์ ยอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย เพราะจะขึ้นเหนือทั้งทีต้องไปให้สุด ถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญในจังหวัดเชียงใหม่ นอกจากจะไปถ่ายกับป้ายสูงสุดแดนสยามแล้ว ยังมีจุดชมทะเลหมอกที่สวยงาม หรือจะเดินชมความเขียวขจีของผืนป่า ในเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน และอ่างกา ที่ชวงนี้เปิดให้เข้าไปเดินเล่นในทุ่งหญ้า สูดอากาศรับลมหนาวอย่างเต็มที่
และที่ดอยอินทนนท์ มีจะ พระมหาธาตุเจดีย์ ที่ตั้งคู่กันสององค์ ซึ่งเป็นพระมหาธาตุคู่พระบารมีของรัชกาลที่ 9 และพระราชินี ชื่อว่า พระมหาธาตุนภเมทนีดล และ พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ
อ่านเพิ่มเติม :
ดอยอินทนนท์ เสน่ห์ดึงดูดที่งดงามไม่เปลี่ยนแปลง
พระมหาธาตุนภเมทนีดล-นภพลภูมิสิริ พระมหาธาตุคู่พระบารมี รัชกาลที่ 9 และพระราชินี
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ โทร. 053 286 728 – 9
…
9. ผจญผืนป่าจูราสสิก
เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา ดอยอินทนนท์
เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา ดอยอินทนนท์
เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา หรือ อ่างกาหลวง ดอยดินทนนท์ จ.เชียงใหม่ แหล่งท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยพืชนานาพันธุ์ ภายในมีสะพานไม้ให้เดินระยะทางเกือบ 300 เมตร ถึงจะเป็นเส้นทางสั้น ๆ แต่ก็แฝงไปด้วยความสวยงามปนกับความพิศวง ให้อารมณ์ป่าฝน อากาศเย็นสบาย เหล่าบรรดามอส ไล่ขึ้นตามขอบและราวจับของสะพาน เป็นจุดถ่ายรูปที่น่าสนใจมากทีเดียว และหากมีฝนตกปรอย ๆ บอกเลยว่ายิ่งงดงามมาก
ที่ตั้ง : อ่างกา อยู่บริเวณยอดดอยอินทนนท์ ถ้าเริ่มต้นจากยอดดอยฯ ให้เดินมาทางป้ายสูงสุดแดนสยาม ผ่านสถูปเจ้าอินทวิชยานนท์ เดินมาจนถึงจุดวัดอุณหภูมิ ฝั่งตรงข้ามจะเป็นทางเข้าเส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา
อ่านเพิ่มเติม : เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา ดอยอินทนนท์
…
10. อำเภอแม่แจ่ม
อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่ ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเชียงใหม่ท่ามกลางป่าเขาเขียวขจี สามารถสัมผัสความงามของทะเลหมอกได้ที่ จุดชมวิวดอยม่อนหมาก โดยไม่ต้องง้อดอยสุดฮิตอื่นๆ
จุดเด่นของอำเภอแม่แจ่มนั้น อยู่ที่ ความสวยงามอลังการของนาขั้นบันได ที่ข้าวเริ่มจะออกรวงสีเหลืองทองในช่วงหน้าหนาว อีกทั้งชมบ้านป่าบงเปียง หมู่บ้านเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์วิถีชีวิตของคนท้องถิ่น ให้เราได้อิ่มเอิบ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : ททท. สำนักงานเชียงใหม่ โทร. 053 276 140 – 1
อ่านเพิ่มเติม : จ่าย 900 บาท กับ วิวธรรมชาติที่เห็นแล้วต้องอึ้ง! ณ โกวิทกระท่อมปลายนา
…
11. นาขั้นบันได
นาขั้นบันได เชียงใหม่
ขอบคุณภาพจาก Namee Be Bear (http://www.thetrippacker.com/th/nameebebear)
นาขั้นบันได นาข้าวที่ปลูกตามไหล่เขา เป็นอีกหนึ่งวิวสวยขั้นเทพ ไฮไลท์ของที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวให้มาชมความงามอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นหน้าฝนหรือหน้าหนาว การมาเที่ยวชมแนวสันเขาเต็มไปด้วยนาขั้นบันไดสวยงาม สามารถเที่ยวได้ 2 ช่วงด้วยกันคือ ช่วงหน้าฝน ตั้งแต่เดือน ก.ย. ก็จะได้เห็นความเขียวขจี และช่วงหน้าหนาว ตั้งแต่ปลายเดือน ต.ค. – พ.ย. ก็จะได้สัมผัสข้าวสีเหลืองทอง ออกรวง
นาขั้นบันไดในจังหวัดเชียงใหม่นั้น มีด้วยกันหลายที่ เช่น
นาข้าวขั้นบันไดบ้านป่าบงเปียง อ.แม่แจ่ม
นาข้าวขั้นบันไดบ้าน กองกาน อ.แม่แจ่ม
นาข้าวขั้นบันได แม่ปาน อ.แม่แจ่ม
นาข้าวขั้นบันได บ้านตีนผา อ. แม่แจ่ม
นาข้าวขั้นบันได แม่กลางหลวง อ.จอมทอง
นาข้าวขั้นบันได บ้านผาหมอน
นาข้าวขั้นบันได โครงการหลวงขุนแปะ อ.จอมทอง
นาข้าวขั้นบันได บ้านแม่ระมีดน้อย อ.อมก๋อย
อ่านรีวิวเพิ่มเติม : ชมวิวขั้นเทพ กับ 10 ที่เที่ยวนาขั้นบันได ในเมืองไทย
…
12. พระธาตุดอยสุเทพ
pic22
เป็นหนึ่งในวัดที่มีความสำคัญมากที่สุดของจังหวัดเชียงใหม่ ก่อสร้างตามแบบศิลปะล้านนา มีเจดีย์ทรงเชียงแสน ฐานสูงย่อมุมระฆังทรงแปดเหลี่ยมปิดด้วยทองจังโก 2 ชั้น ลานเจดีย์เป็นจุดชมทิวทัศน์เมืองเชียงใหม่ ทางขึ้นเป็นบันไดนาคเจ็ดเศียรก่อปูน
…
13. ดอยม่อนจอง
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย
http://thai.tourismthailand.org/ ดอยม่อนจอง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่
http://thai.tourismthailand.org/
ดอยม่อนจอง ตั้งอยู่ในเขตลึกของป่าอมก๋อย ทิศตะวันออกจรดเขื่อนภูมิพล ทิศตะวันตกติดกับถนนสายอมก๋อย-บ้านแม่ตื่น ทิศเหนือจรดกับพื้นที่อำเภอดอยเต่า ทิศใต้จรดกับลำห้วยแม่ตื่นที่ไหลลงสู่เขื่อนภูมิพล สูงติดอันดับ 1 ใน 10 ของยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทย จุดสูงสุดของ ดอยม่อนจอง เรียกว่า หัวสิงห์ เพราะมีลักษณะคล้ายหัวสิงโต
ยิ่งในช่วงฤดูหนาว ต้นกุหลาบพันปีจะออกดอกสีแดงสะพรั่งดึงดูดนกสวยงามนานาชนิดให้มาลิ้มรสน้ำหวาน กลายเป็นของแถมให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดตาเพลินใจไม่น้อย
อ่านรีวิวเพิ่มเติม : เพลินลมหนาว หาวเป็นไอ ดอยม่อนจอง จังหวัดเชียงใหม่
…
14. ดอยหลวงเชียงดาว
ทัศนียภาพ 360 องศา ที่ต้องสัมผัส
ดอยหลวงเชียงดาว ทัศนียภาพ 360 องศา ที่ต้องสัมผัส
ขอบคุณรูปภาพจากคุณ Popumon Papulop (facebook.com/thaipapulop)
ดอยเชียงดาว อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยเชียงดาว อำเภอเชียงดาว มีลักษณะเป็นเทือกเขา ภูเขาหินปูน ประกอบไปด้วยยอดเขาสูงหลายยอด ยอดเขาที่สูงที่สุดคือ “ดอยหลวงเชียงดาว” สูงสุดเป็นอันดับ 3 ของบ้านเรา สูงพอจะทำให้ “น้ำ” ท้อใจ ด้วยความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 2,225 เมตร รองจากดอยอินทนนท์ และดอยผ้าห่มปก
เป็นที่ตั้งของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว อุณหภูมิตามปกติจะถูกปกคลุมด้วยเมฆหมอกตลอดปีโดยเฉพาะในฤดูหนาวและฤดูฝน อากาศหนาวเย็นตลอดฤดูหนาวและฤดูฝนอากาศชุ่มชื้นมาก เป็นแหล่งที่มีพืชพรรณหลากหลายและมีหลายชนิดที่เป็นพืชถิ่นเดียวไม่พบในส่วนอื่น ๆ ของประเทศไทย มีทั้งพืชเขตร้อน, กึ่งเขตร้อนและพืชเขตอบอุ่น จึงเป็นสถานที่ ๆ พบความหลากหลายทางชีวภาพมาก เป็นแหล่งนิยมสำหรับการดูนก มีนกอาศัยอยู่ที่นี่มากกว่า 300 ชนิด รวมถึงสัตว์ป่าชนิดอื่นที่หายาก เช่น ผีเสื้อสมิงเชียงดาว, ไก่ฟ้าหางลายขวาง, กวางผา รวมถึงเลียงผา ซึ่งเป็นสัตว์ป่าสงวน เป็นต้น
อ่านและดูภาพเพิ่มเติม : งามเกินห้ามใจ! ดอยหลวงเชียงดาว พร่างพราวดั่งสรวงสวรรค์
…
15. อุทยานหลวงราชพฤกษ์
การได้ไปเที่ยวชมความงามของธรรมชาติและดอกไม้งามๆ หลากหลายสายพันธุ์ ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จ.เชียงใหม่ นั้นบอกเลยว่า ไปครั้งเดียวก็ไม่พอ ไปครั้งเดียวก็เที่ยวไม่หมด! ตั้งอยู่ ณ ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมือง เคยใช้เป็นสถานที่ที่ใช้จัดงาน มหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2549 และ มหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2554 ที่มีดอกไม้งามหลากหลายสายพันธุ์ ชูช่อ เบ่งบานนับแสนนับล้านดอก
มีการจัดแสดงพันธุ์ไม้หลากหลายชนิด การจัดแสดงนิทรรศการด้านการเกษตรและอื่น ๆ เพื่อการเรียนรู้สำหรับเยาวชนและประชาชนทั่วไป เพื่อการศึกษางานวิจัย และเป็นแหล่งพบปะกันในกลุ่มเกษตรกร ภายในพื้นที่มีการจัดภูมิสถาปัตย์อย่างสวยงาม
ไฮไลท์ที่ห้ามพลาด! คือ
หอคำหลวง
สวนองค์กรเฉลิมพระเกียรติ
สวนนานาชาติ
สวนไทย
อาคารโลกแมลง (Bug World) เป็นต้น
อ่านรีวิวเพิ่มเติม : เที่ยว “อุทยานหลวงราชพฤกษ์” เชียงใหม่ ชมดอกไม้บาน ต้อนรับลมหนาว
…
16. กิ่วแม่ปาน
กิ่วแม่ปาน
ขอบคุณภาพจาก emaginfo.com
เส้นทางศึกษาธรรมชาติ กิ่วแม่ปาน เป็นหนึ่งในมุมชมวิวทิวทัศน์บนขุนเขาของเชียงใหม่ ที่ยังคงสมบูรณ์และหาดูได้ยากในประเทศไทย แม้กิ่วแม่ปานจะไม่มีอะไรมาก แต่ที่นี่ก็คือจุดรอชมพระอาทิตย์ขึ้นที่มาแรงเช่นกัน
เส้นทางสู่กิ่วแม่ปาน คือเส้นทางของถนนจอมทอง ที่มุ่งสู่ดอยอินทนนท์ เพียงแต่อยู่ตรงกิโลเมตรที่ 42 ณ จุดนี้ เรากำลังจะเริ่มต้นเดินเท้าเข้าไปใน “เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน-ดอยอินทนนท์” ทางเข้าเส้นทางศึกษาธรรมชาติจะอยู่ริมถนนพอดี เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน มีระยะทางการเดิน 3 กิโลเมตร มีทั้งเดินในป่าและสันดอย
อ่านข้อมูลเพิ่มเติม : กิ่วแม่ปาน สำหรับนักเดินป่ามือใหม่
…
17. หน้าผาจูบกัน อุทยานแห่งชาติออบหลวง
หน้าผาจูบกัน อุทยานแห่งชาติออบหลวง
ก็เป็นอีกแห่งที่น่าสนใจ และยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากนัก เต็มไปด้วยความสมบูรณ์ของธรรมชาติ คุณจะได้เห็นทัศนียภาพอันแปลกตา ของภูผา ป่าไม้ สายน้ำ และร่องรอยทางประวัติศาสตร์ในที่เดียวกัน
ออบหลวง เป็นสถานที่น่าเที่ยวที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ความสวยงามและน่าเกรงขามไว้ในที่เดียวกัน เป็นเพราะว่าลักษณะทางภูมิศาสตร์ของออบหลวงที่เบื้องล่างเป็นแม่น้ำที่ไหลคดเคี้ยวผ่านช่องเขาขาด ซึ่งช่องเขานี้มีลักษณะเป็นผาสูงชัน และแคบมาก บีบทางน้ำไหลให้แคบเข้า ดังนั้นแม่น้ำตรงนี้จึงเชี่ยวจัด เกิดเสียงน้ำกระทบหน้าผาดังสนั่นโดยรอบ นอกจากนี้ยังมีสะพานเชื่อมช่องเขาขาดสำหรับนักท่องเที่ยวเพื่อชมทัศนียภาพอันงดงามของออบหลวง อีกทั้งมีบริการบ้านพัก สถานที่กางเต็นท์ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
อ่านรีวิวเพิ่มเติม : หน้าผาจูบกัน อุทยานแห่งชาติออบหลวง จ.เชียงใหม่
ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานแห่งชาติออบหลวง : คนไทย ผู้ใหญ่จะอยู่ที่ 40 บาท และเด็กจะอยู่ที่ 20 บาท ส่วนชาวต่างชาติผู้ใหญ่จะอยู่ที่ 200 บาท เด็ก 100 บาท
สอบถามเพิ่มเติมที่อุทยานแห่งชาติออบหลวง โทร. 0 5-322-9272 หรือสำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช โทร. 0 2-562-0760 หรือสำรองที่พักด้วยตนเองที่เว็ปไซต์ www.dnp.go.th
…
18. เที่ยวป่าสนสลับสี โครงการหลวงวัดจันทร์
เที่ยวป่าสนสลับสี โครงการหลวงวัดจันทร์
เมื่อลมหนาวเดินทางมาถึง ป่าสนของ อ.กัลยาณิวัฒนา อำเภอลำดับ 878 ของประเทศไทย จะเริ่มผลัดใบรับฤดูหนาวเปลี่ยนสีเขียวของป่าที่ได้รับน้ำตลอดฤดูฝนให้เป็นสีสันตระการตา ไล่สีตั้งแต่เหลืองและน้ำตาลของต้นสนแดงและส้มของต้นเมเปิล ภาพที่เห็นคล้ายผืนผ้าใบไร้ขอบเขต ที่ถูกละเลงสีด้วยพู่กันธรรมชาติ และความที่แต่ละต้นมีการไล่ลำดับสีแตกต่างกัน ยิ่งทำให้ความสวยงามของเฉดสียิ่งมากขึ้นเป็นทวีคูณ สนสองใบและสนสามใบของที่นี่เป็นป่าสนธรรมชาติผืนใหญ่ที่สุดของประเทศไทย
จากหมู่บ้านที่ต้องเผชิญความลำบากก่อน ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงโปรดเกล้าให้พัฒนาจนกลายเป็น “โครงการหลวงหมู่บ้านวัดจันทร์” เพื่อสร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของราษฏรกระทั่งกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดโรแมนติกในปัจจุบัน
ไฮไลท์อยู่ที่ สัมผัสความอลังการของป่าสนใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเพลิดเพลินกับหลากสีสันของใบไม้งามตามธรรมชาติ เช่น ใบเมเปิ้ลสีแดงส้ม ที่พร้อมใจผลัดใบในช่วงเดือนมกราคม –กุมภาพันธ์ของทุกปี ใกล้กันมีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่หากมาเยือนในยามเช้าจะได้ยลสายหมอกแห่งความหนาวจับกลุ่มลอยฟุ้งเหนือผิวน้ำ ปกคลุมทิวสนจนกลายเป็นวิวสุดงดงามและยังมีจักรยานให้ปั่นดื่มด่ำอากาศบริสุทธิ์, เดินศึกษาป่าสนหรือคลุกคลีไมตรีจิตจากชาวบ้านปากะญอได้ตามอัธยาศัย หรือ ปั่นจักรยานชมเส้นทางธรรมชาต ที่สวยมากใครมียกใส่รถไปได้เลย
การเดินทาง : จากเชียงใหม่มุ่งหน้าสู่อ.แม่ริม เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1095 ที่มุ่งหน้าสู่อ.ปายก่อนเข้าอ.ปายประมาณ 13 กิโลเมตรจะมีทางแยกซ้ายเข้าถนนหมายเลข 1265 ไปอีกประมาณ 40กิโลเมตรทางค่อนข้างคดเคี้ยวแต่เป็นถนนลาดยางตลอดทางมีรถโดยสารสองแถวสีเหลือง(เชียงใหม่–สะเมิง–วัดจันทร์) ทุกวันจากสถานีขนส่งช้างเผือกอ.เมืองเชียงใหม่หรือสามารถเลือกต่อรถจากอ.ปายจ.แม่ฮ่องสอนแต่ควรตรวจสอบเวลารถก่อนเดินทาง
…
19. ดอยผ้าห่มปก หรือ อุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปก
ดอยผ้าห่มปก หรือ อุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปก
อุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปก หรือชื่อเดิมคือ ดอยผ้าห่มปก ภูมิประเทศเป็นภูเขาสลับซับซ้อนของทิวเขาผีปันน้ำ สภาพป่าส่วนใหญ่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ เชิงเขาเป็นป่าเต็งรังและป่าเบญจพรรณ ริมลำธารเป็นป่าดิบแล้ง ส่วนบนยอดเขาสูงจะเป็นป่าสน เป็นต้นน้ำของแม่น้ำฝาง มีความสูงตั้งแต่ 400 – 2,285 เมตร จากระดับน้ำทะเล มีหมอกปกคลุมจัดและมีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี
มีดอยสำคัญได้แก่ ดอยฟ้าห่มปก ดอยปู่หมื่น ดอยแหลม และดอยอ่างขาง สภาพป่าทั่วไปมีความอุดมสมบูรณ์และเป็นป่าต้นน้ำแห่งแม่น้ำฝาง สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากตั้งแค้มป์พักแรม ต้องไปที่ กิ่วลม เท่านั้น เนื่องจากทางอุทยานฯไม่อนุญาตให้พักแรมบนยอด ดอยฟ้าห่มปก เพราะเป็นหน้าผาสูงชัน อาจเกิดอันตรายได้ง่าย
สถานที่น่าสนใจ :
โป่งน้ำร้อนฝาง มีน้ำแร่ทั้งปี เปิดให้บริการตั้งแต่ 08.00-20.00 น.
น้ำตกโป่งน้ำดัง น้ำตกหินปูนขนาดเล็ก แต่มีเสน่ห์ไม่แพ้น้ำตกขนาดใหญ่ มีถ้ำเล็กๆ ให้เข้าไปรับความชุ่มฉ่ำ
ถ้ำห้วยบอน เป็นถ้ำขนาดใหญ่ ลึกประมาณ 300 เมตร เมื่อเข้าไปกลางถ้ำจะพบโถงถ้ำใหญ่ ซึ่งจุคนได้ประมาณ 40-50 คน สภาพแวดล้อมภายในเต็มไปด้วยเสาหินและหินงอกหินย้อยขนาดต่างๆ ให้ความตื่นตาไม่น้อย
การเดินทาง : จากเมืองเชียงใหม่ใช้ทางหลวงหมายเลข 107 ถึงตัวเมืองฝางตรงไปจนพบสามแยกไฟแดงให้เลี้ยวซ้ายไป 9 กิโลเมตร มีป้ายบอกทางชัดเจนตลอดทาง เป็นถนนลาดยาง จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติฯ จะมีรถรับจ้างคอยบริการรับส่งสู่ที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปก อีกประมาณ 10 กม.
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : อุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปก โทร. 053 453 517-8 ต่อ 104หรือติดต่อกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช โทร. 0 2562 0760 หรือสำรองที่พักด้วยตนเองที่ www.dnp.go.th
…
20. อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า ทะเลเชียงใหม่
อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า ทะเลเชียงใหม่
ขึ้นเหนือก็เที่ยวทะเลได้! ห้วยตึงเฒ่า เป็นทะเลสาบน้ำจืด เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง เป็นโครงการหมู่บ้านตัวอย่างตามพระราชดำริ และได้พัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ในพื้นที่เขตทหาร โดยอ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่าแห่งนี้ก่อสร้างขึ้นตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำที่ใช้ในศูนย์เกษตรกรรมทหารฯ และราษฎรบริเวณใกล้เคียง
จุดเด่นของที่นี่ คือ ทิวทัศน์อันงดงามของอ่างเก็บน้ำกว้างใหญ่ และบริเวณอ่างเก็บน้ำยังมีหาดทรายคล้ายชายทะเล ที่ทุกคนสามารถเล่นน้ำได้ ทั้งยังมีบริการห่วงยาง เรือพาย จักรยานน้ำให้เช่าในราคาย่อมเยา ส่วนใครที่ชอบตกปลา ก็มีซุ้มแพสำหรับตกปลาบริเวณสันเขื่อน ขณะเดียวกันหลายคนยังจะได้สนุกกับกิจกรรมกลางแจ้งหลากหลายรูปแบบ ได้แก่ กิจกรรมกระโดดหอ เกมโซน เพ้นท์บอล รถเอทีวี และเครื่องเล่นต่างๆ ภายในบริเวณอ่างเก็บน้ำอีกด้วย
ที่ตั้ง : ตั้งอยู่ที่ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ การเดินทางโดยจากตัวเมือง เริ่มต้นจากสนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี เลียบคลองชลประทานผ่านโรงเรียนนวมินทร์ ฯ – มูลนิธิขาเทียม – กรมทางหลวง – ททบ.5 – สถานีพัฒนาที่ดินเชียงใหม่ และเลี้ยวซ้ายข้ามสะพานคลองชลประทาน เข้าสู่อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า
ค่าธรรมเนียมเข้าอ่างเก็บน้ำ : คนละ 20 บาท
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ : สำนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยว อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า มณฑลทหารบกที่ 33 โทร.0 5312 1119 หรือเว็บไซต์ www.rta.mi.th/hueytuengtao
วันเปิดทำการ :
วันจันทร์ – วันอาทิตย์
เวลาเปิดทำการ :
09.00 – 17.00
…
21. สวนสนบ่อแก้ว
นามิเมืองไทย ไม่ต้องบินไปถึงเกาหลี
สวนสนบ่อแก้ว นามิเมืองไทย ไม่ต้องบินไปถึงเกาหลี
แหล่งท่องเที่ยวที่ยังมีความเป็นอันซีนของจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอฮอด จ.เชียงใหม่ บนเส้นทางสายฮอด-แม่สะเรียง กม.ที่ 36 อยู่เลยอุทยานแห่งชาติออบหลวงไปประมาณ 22 กม. เป็นพื้นที่ทดลองปลูกสนภูเขาชนิดต่าง ๆ ที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ นำพันธุ์มาจากต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลีย แอฟริกาใต้ และไต้หวัน เพื่อทดลองหาพันธุ์ที่เหมาะสมมาเป็นไม้เบิกนำ เพื่อปลูกบนป่าเสื่อมโทรมบนดอยทางภาคเหนือ ต้นสนที่นำมาปลูกมีอายุกว่า 40 ปี เพราะปลูกในช่วงปี พ.ศ.2509-2510 จำนวนหลายพันต้น เรียงรายเป็นระเบียบบนลานโล่งเตียนด้านหน้า
ทั้งนี้ สวนสน ยังเป็นส่วนหนึ่งของโครงการสำรวจวัตถุดิบเพื่อทำเยื่อกระดาษและเป็นแปลงทดลองปลูกพืชจำนวนสนสามใบ และยูคาลิปตัส ในเนื้อที่ทั้งหมด 2,072 ไร่ อากาศของที่นี่ชื้นและเย็นตลอดปี
วันเปิดทำการ : วันจันทร์ – วันอาทิตย์ เวลา 08.00 น. – 17.00 น.
ติดต่อสอบถาม : โทร. 0 5324 8604 , 0 5324 8607
…
22. ดอยค้ำฟ้า
ดอยค้ำฟ้า
ดอยค้ำฟ้า หรือ กิ่วใจหาย แหล่งท่องเที่ยวอันซีนเชิงอนุรักษ์ ที่มีผืนป่าอุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย ตั้งอยู่ที่หน่วยจัดการต้นน้ำแม่งาย ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.ทุ่งข้าวพวง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,834 เมตร ไฮไลท์สำคัญคือการชมทะเลหมอก ที่เบื้องหลังคือยอดดอยหลวงเชียงดาว มันช่างงดงามยิ่งนัก
เหมาะสำหรับผู้มีใจรักธรรมชาติ พักแรมแบบกางเต็นท์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแบบปิด ก่อนขึ้นไปต้องโทรแจ้ง หัวหน้าหน่วยจัดการต้นน้ำแม่งายก่อน เนื่องจากถนนเป็นเส้นทางลำลอง หน้าฝนต้องใช้ 4×4 หน้าหนาว 4×2 ผ่านได้
อ่านข้อมูลเพิ่มเติม : ดอยค้ำฟ้า ฟ้าอยู่ค้ำคน คนไม่อยู่ค้ำฟ้า
การเดินทาง
จากเชียงใหม่-เชียงดาว และใช้เส้นทาง เชียงดาว-เวียงแหง ขับไปจนถึง สะพานข้าม ห้วยน้ำกัด ขวามือจะมีป้ายดอยค้ำฟ้า บอกชัดเจนประมาณหลัก ก.ม ที่ 26-27 ดอยค้ำฟ้าจะอยู่ก่อนหน่วยจัดการต้นน้ำขุนคอง ถ้าถึงหน่วยจัดการต้นน้ำขุนคอง ถือว่าเลยไปแล้ว ให้กลับรถ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : หน่วยจัดการต้นน้ำแม่งาย โทร. 081 992 7346
…
23. อุทยานผาช่อ
เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวธรรมชาติสุด UNSEEN ของเชียงใหม่ ผาช่อ เป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติที่เกิดจากการกัดเซาะของลมฝน จนทำให้แผ่นดินที่เชื่อกันว่าเมื่อหลายร้อยปี หรือพันปีก่อนบริเวณแห่งนี้ เคยเป็นทางเดินของแม่น้ำปิง ตะกอนแม่น้ำปิงก่อตัวทับถมกันเป็นชั้นๆ ผ่านกลายเวลาและถูกกัดเซาะจนกลายเป็นหน้าผาและเสาดินที่มีรูปร่างแปลกตา คล้ายกับที่แพะเมืองผีในจังหวัดแพร่ หรือฝั่งต้าในจังหวัดพะเยา มีลวดลายที่สวยงามและมีขนาดใหญ่มีความสูงราว 30 เมตร สูง เทียบเรือนยอดไม้ ครอบคลุมพื้นที่อาณาบริเวณกว้าง
การเดินทาง : ตำบลยางคราม อำเภอดอยหล่อ ซึ่งเป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ จากนั้นติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยานเป็นไกด์นำทางพาเดินเข้าไปชมผาช่อ ใช้เวลาเดินประมาณ 1 ชั่วโมง ก็เที่ยวได้ครบ
…
24. น้ำตกรักจัง หรือ น้ำตกผาดอกเสี้ยว
ดอยอินทนนท์
น้ำตกรักจัง หรือ น้ำตกผาดอกเสี้ยว ดอยอินทนนท์
น้ำตกผาดอกเสี้ยว หรือน้ำตกรักจัง ตั้งอยู่บ้านแม่กลางหลวง ในเขตของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์น้ำตกผาดอกเสี้ยวนั้นมีทั้งหมด 10 ชั้น แต่ไฮไลท์ที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องไปเยือนคือชั้นที่ 7 เพราะสายน้ำจากน้ำตกชั้นบนไหลตกลงมากระทบชั้นล่าง มีความสูงราว 20 เมตร สวยงามตระการตา ส่วนที่มาของชื่อน้ำตกผาดอกเสี้ยวก็มาจากชื่อต้นเสี้ยวซึ่งเป็นไม้เด่นบริเวณน้ำตกนั้นเอง
การเดินทาง : เริ่มต้นที่การเดินทางมายัง บ้านแม่กลางหลวง ตั้งอยู่ซ้ายมือบริเวณกิโลเมตรที่ 26 ของเส้นทางขึ้นดอยอินทนนท์ จากนั้นให้เข้าไปที่ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เพื่อติดต่อมัคคุเทศก์นำทาง เป็นชาวบ้านท้องถิ่นที่จะพาเราลัดเลาะไปตามลำธารและป่าดง เส้นทางเดินป่ามีทั้งทางราบและทางชัน ที่จะทำให้คนไม่ค่อยออกกำลังกายได้ขาสั่น ด้วยระยะทาง 3 กิโลเมตร เป้าหมายอยู่ที่น้ำตกชั้นที่ 7 ซึ่งเป็นชั้นที่สวยที่สุด และเป็นชั้นที่ปรากฏอยู่ในภาพยนตร์รักจังนั่นเอง
อ่านและดูภาพเพิ่มเติม : ฟังเสียงลำธาร วิมานแห่งความสุข ต้อง… น้ำตกรักจัง
…
25. สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์%e0%b9%87%e0%b8%88%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0
เดิมทีมีชื่อว่า “สวนพฤกษศาสตร์แม่สา” ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อให้เป็นสวนพฤกษศาสตร์ประจำภาคเหนือของประเทศไทย ต่อมาองค์การสวนพฤกษศาสตร์ได้รับพระราชทานพระราชานุญาต จากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ให้ใช้ชื่อสวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้ว่า “สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์” ที่นี่มีสภาพโดยทั่วไปเป็นที่ราบและที่สูงสลับกันเป็นชั้นๆ ในระดับ 300-970 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ลักษณะการจัดสวนจะแบ่งพันธุ์ไม้ตามวงศ์และความเหมาะสมของสภาพพื้นที่ รวบรวมพันธุ์ไม้ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาเกี่ยวกับพันธุ์ไม้นานาชนิดได้เข้าไป ศึกษาหาความรู้
ไฮไลท์ : อาคารเรือนกระจกขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนลานเนินเขาที่สวยงาม, เรือนกล้วยไม้ไทย, เส้นทางศึกษาธรรมชาติ 4 เส้นทาง (เส้นทางน้ำตกแม่สาน้อย-สวนหิน-เรือนรวมพันธุ์กล้วยไม้ไทย (Waterfall Trail) ระยะทาง 300 เมตร, เส้นทางสวนรุกชาติ (Arboretum Trail) ระยะทาง 600 เมตร, เส้นทางวลัยชาติ (Climber Trail) ระยะทาง 2 กิโลเมตร, เส้นทางพันธุ์ไม้ประจำจังหวัด ระยะทาง 800 เมตร)
ที่ตั้ง : ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ บริเวณชายเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ทางเข้าอยู่ด้านซ้ายมือบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 12 สายแม่ริม-สะเมิง
เปิดให้เข้าชม : ทุกวัน เวลา 8.30-17.00 น.
ค่าธรร
หน้า: 1 ... 17 18 [19] 20 21 ... 29