สวัสดี

ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - admin

หน้า: 1 ... 16 17 [18] 19 20 ... 29
256
10 ที่เที่ยวประจวบคีรีขันธ์ แหล่งท่องเที่ยวสังสรรค์สุดสัปดาห์

1. อุทยานราชภักดิ์


          แหล่งท่องเที่ยวที่มีความสำคัญในแง่ประวัติศาสตร์ ที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าชมและสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระมหากษัตริย์แห่งสยาม ทั้ง 7 พระองค์ ได้แก่

          - พ่อขุนรามคำแหงมหาราช (สมัยกรุงสุโขทัย)
          - สมเด็จพระนเรศวรมหาราช (สมัยกรุงศรีอยุธยา)
          - สมเด็จพระนารายณ์มหาราช (สมัยกรุงศรีอยุธยา)
          - สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (สมัยกรุงธนบุรี)
          - พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์)
          - พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์)
          - พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์)

          อันเป็นอุทยานที่สร้างขึ้นด้วยความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ โดยจัดสร้างขึ้นเพื่อเทิดทูนและประกาศเกียรติคุณสมเด็จพระมหากษัตริย์แห่งสยาม สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก อุทยานราชภักดิ์ หรือโทรศัพท์ 032 900 607

2. ถ้ำพระยานคร


          ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด ความสวยงามของสถานที่แห่งนี้อยู่ที่ เพดานของถ้ำมีลักษณะเป็นโพรงที่แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาได้ ภายในถ้ำจะมีบ่อน้ำที่เรียกว่า "บ่อพระยานคร" นอกจากนี้ยังมี "พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์" สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งเจ้าพระยานครเป็นผู้ค้นพบคราร่วมเสด็จประพาสในรัชกาลที่ 5 และต่อมาพระมหากษัตริย์อีกหลายพระองค์ ก็ทรงเสด็จพระราชดำเนินมายังที่แห่งนี้ด้วยเช่นกัน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด โทรศัพท์ 032 821568

3. อุทยานแห่งชาติกุยบุรี


          ตั้งอยู่ในพื้นที่ 3 อำเภอของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้แก่ อำเภอเมือง อำเภอปราณบุรี และอำเภอสามร้อยยอด เป็นพื้นที่แหล่งต้นน้ำที่เต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่มีคุณค่าและสวยงาม พื้นที่ส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน ซึ่งเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติก็มีหลายเส้นทาง แต่ไม่สูงชันมากนัก เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่รักและชื่นชอบธรรมชาติเป็นอย่างยิ่ง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติกุยบุรี โทรศัพท์ 032 646 292

4. เขาช่องกระจก


          มีลักษณะเป็นภูเขาสูง ตั้งอยู่บริเวณริมอ่าวประจวบฯ ในบริเวณวัดธรรมิการามวรวิหาร ยอดเขามีช่องทะลุโปร่งคล้ายกรอบกระจก ทั้งนี้บนยอดเขาเป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลองและพระเจดีย์ และบนลานยอดเขานี่เอง จะเป็นบริเวณที่คุณมองเห็นทิวทัศน์เขาตะนาวศรี อ่าวประจวบฯ เขาตาม่องล่าย เขาล้อมหมวก และตัวเมืองประจวบฯ ได้โดยรอบอีกด้วย

5. อุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยยาง


          เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีความโดดเด่นอยู่ที่สายน้ำตกสวย เหมาะสำหรับเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และมีกิจกรรมมากมายให้นักท่องเที่ยวได้สนุกสนาน เช่น "น้ำตกห้วยยาง" น้ำตกขนาดเล็กแต่มีถึง 9 ชั้น โดยชั้นที่สวยที่สุดคือชั้นที่ 4 ที่มีจุดชมวิวรับแสงตะวันยามเช้า, "น้ำตกเขาล้าน" เป็นน้ำตกที่ไหลลงจากหน้าผาสูง, "น้ำตกห้วยหินดาษ"เป็นน้ำตกขนาด 5 ชั้น ตั้งอยู่ในซอกเขาที่ค่อนข้างสูงชัน และ "น้ำตกขาอ่อน (ทับมอญ)" น้ำตกขนาด 9 ชั้นและสามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี เป็นต้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยยาง โทรศัพท์ 084 701 2795, 081 898 4758

6. พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ


          ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงภายในวัดทางสาย ใกล้กับหาดบ้านกรูด ตำบลธงชัย อำเภอบางสะพาน เป็นพระมหาธาตุเจดีย์ที่คณะสงฆ์วัดทางสาย คณะกรรมการเทิดพระเกียรติประชาชนชาวไทยทั้งในและต่างประเทศ ร่วมกันสร้างน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศล เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในโอกาสที่พระองค์ทรงครองราชย์ครบ 50 ปี งดงามด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงามวิจิตรตระการตา การออกแบบทั้งภายในและภายนอกมีความละเอียดและวิจิตรบรรจง

7. เกาะทะลุ


          ตั้งอยู่ในฝั่งอ่าวไทย ในเขตตำบลทรายทอง อำเภอบางสะพานน้อย เป็นแหล่งดำน้ำดูปะการังและสัตว์น้ำชนิดต่าง ๆ มีจุดดำน้ำเลื่องชื่ออยู่ด้วยกัน 2 จุด คืออ่าวกรวดและอ่าวเทียน นักท่องเที่ยวจะตื่นตาตื่นใจไปกับปลาสีสันแปลก ๆ ปะการังหลากชนิด ทั้งปะการังโขด ปะการังเขากวาง ไม่แน่ว่าอาจได้เห็นหอยมือเสือตัวใหญ่ ที่ทำเอาคุณต้องอึ้งและทึ้งไปเลยทีเดียว

8. หาดผาแดง

          แหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ มีลักษณะเป็นแนวผาสีแดงลวดลายสวยงาม ตั้งตระหง่านท้าคลื่นลม เหล่านี้เป็นร่องรอยของการกัดเซาะคลื่นและลมทะเลจากธรรมชาติล้วน ๆ เสน่ห์ของสถานที่แห่งนี้อยู่ที่ นักท่องเที่ยวจะยังคงได้สัมผัสกับวิถีประมงแบบท้องถิ่น เห็นเรือประมงลำเล็ก ที่รอคอยการออกจากฝั่ง เด็ก ๆ ชาวทะเลตามพ่อแม่มาที่หาด หรือแม้กระทั่งการแกะหอยตามก้อนหิน เหล่านี้เป็นภาพวิถีชุมชนที่เราไม่ได้พบเห็นกันบ่อยนัก

9. วัดห้วยมงคล


          หนึ่งในวัดสำคัญของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นที่ประดิษฐานรูปเหมือนของหลวงพ่อทวด องค์ใหญ่ที่สุดในโลก อีกทั้งยังเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิกชนและนักท่องเที่ยว ที่ไม่ว่าใครเดินทางมาเที่ยวประจวบคีรีขันธ์ ต้องแวะมาสักการะด้วยกันทั้งนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวันหยุด คนจะเยอะเป็นพิเศษ และอาจหาที่จอดรถยากอยู่เสียหน่อย แต่นั่นไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อความศรัทธาของพุทธศาสนิกชนทั้งหลายได้เลย

10. จุดชมวิวหินเหล็กไฟ

          มีชื่อเรียกอีกหนึ่งอย่างว่า "เขาเรดาร์" ที่นี่เป็นจุดชมวิวและชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงาม สามารถมองเห็นวิวได้รอบทั้ง 4 ทิศ บริเวณด้านบนเขา จะเป็นที่ประดิษฐานพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) โดยชาวหัวหินได้ร่วมกันสร้างไว้ เพื่อเป็นที่รำลึกนึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ที่ได้นำความเจริญมาสู่เมืองหัวหิน

ตั๊กออแกไนท์ประจวบคีรีขันธ์รับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ 
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคประจวบคีรีขันธ์
นางรำประจวบคีรีขันธ์เพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคประจวบคีรีขันธ์
ประจวบคีรีขันธ์รําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคประจวบคีรีขันธ์
รําบวงสรวงพญานาคประจวบคีรีขันธ์
ฟ้อนบูชาพญานาคประจวบคีรีขันธ์
รําบวงสรวงพญานาคประจวบคีรีขันธ์



  ติดต่อสอบถามเรา        
            


257
10 ที่เที่ยวกาญจนบุรี จุดเช็กอินยอดฮิต น่าไปเก็บให้ครบในปีนี้

1. สะพานข้ามแม่น้ำแคว

          มาถึงกาญจนบุรีแล้วถ้าไม่ได้มาเช็กอินที่สะพานข้ามแม่น้ำแควก็เหมือนมาไม่ถึง เพราะที่นี่เป็นเหมือนดั่งสัญลักษณ์ของจังหวัดกาญจนบุรี มีประวัติศาสตร์ยาวนาน สร้างมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยแรงงานของเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตร ตัวสะพานสร้างด้วยเหล็กแทนของเดิมที่เป็นสะพานไม้ ใช้สำหรับเป็นเส้นทางเดินของรถไฟที่จะมุ่งหน้าไปยังสถานีน้ำตกไทรโยค ไฮไลต์ของการเที่ยวชมที่นี่จะอยู่ในช่วงที่รถไฟวิ่งผ่าน ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถที่จะซื้อตั๋วรถไฟนั่งข้ามสะพานได้ด้วย และในช่วงที่ไม่มีรถไฟวิ่งผ่านก็สามารถเดินขึ้นไปเที่ยวชมและถ่ายรูปบนสะพานได้เช่นกัน แนะนำว่าให้ลองมานั่งกินข้าวที่ร้านอาหารริมแม่น้ำใกล้ ๆ กับสะพานข้ามแม่น้ำแคว เพื่อชมวิวยามเย็น บรรยากาศสบาย ๆ ชิลไปอีกแบบ

          ที่ตั้ง : ถนนแม่น้ำแคว ตำบลท่ามะขาม อำเภอเมืองกาญจนบุรี

2. วัดถ้ำเสือ

          แลนด์มาร์กที่สำคัญอีกแห่งของจังหวัดกาญจนบุรี ด้วยมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามแปลกตา มีพระพุทธรูปปางประทานพรขนาดใหญ่ พร้อมด้วยวิหารรูปทรงผสมผสานระหว่างสไตล์ไทย-จีน อยู่บนยอดเขา นักท่องเที่ยวสามารถที่จะเดินขึ้นบันได 157 ขั้น ขึ้นไปด้านบน หรือจะใช้บริการรถรางไฟฟ้าก็ได้ นอกจากพระพุทธรูปปางประทานพรแล้ว ก็ยังมีพระบรมสารีริกธาตุอยู่บนยอดปราสาทเจดีย์เกษแก้วมหาปราสาทด้วย และจากบริเวณวัดก็สามารถมองเห็นวิวมุมสูงบริเวณรอบ ๆ ได้อย่างสวยงามมาก ๆ ถ้ามาช่วงเย็นก็จะได้เห็นพระอาทิตย์ตกดินท่ามกลางบรรยากาศของท้องทุ่งนาและป่าเขา เรียกได้ว่าอิ่มทั้งบุญและใจกันเลยทีเดียว

          ที่ตั้ง : ตำบลม่วงชุม อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี
          เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น.

3. ต้นจามจุรียักษ์

          ต้นไม้ที่มีอายุมากกว่า 100 ปี มีขนาดใหญ่มาก รัศมีทรงพุ่มของต้นประมาณ 25.87 เมตร มีเส้นผ่านศูนย์กลางของร่มเงายาวประมาณ 51.75 เมตร สูงประมาณ 20 เมตร แผ่กิ่งก้านสาขาออกไปเป็นพื้นที่กว้าง บรรยากาศร่มรื่น ใกล้ ๆ กันนั้นเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าแม่จามจุรี สามารถมากราบไหว้ขอพรกันได้ทุกวัน

          ค่าเข้าชม : ฟรี
          ที่ตั้ง : ตำบลเกาะสำโรง อำเภอเมืองกาญจนบุรี

4. น้ำตกไทรโยคน้อย และน้ำตกไทรโยคใหญ่

          น้ำตกไทรโยคน้อย และน้ำตกไทรโยคใหญ่ เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงของกาญจนบุรีมาตั้งแต่อดีต ด้วยมีความสวยงามและสามารถเข้าเที่ยวชมได้ง่าย สำหรับน้ำตกไทรโยคน้อย ตั้งอยู่บริเวณริมถนนแสงชูโต ใกล้กับสถานีรถไฟน้ำตก มีลักษณะเป็นน้ำตกหินปูน สูงประมาณ 15 เมตร ในช่วงที่มีน้ำเยอะ ๆ สายน้ำตกจะไหลลงมาจากด้านบนอย่างสวยงาม มีแอ่งน้ำด้านล่าง สามารถเล่นน้ำได้ ส่วนน้ำตกไทรโยคใหญ่ ตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำแควน้อย จะต้องนั่งเรือจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติไทรโยคเข้าไปเที่ยวชม ที่นี่มีลักษณะเป็นน้ำตกหินปูนเช่นกัน สูงประมาณ 10 เมตร แผ่กว้างไปตามหน้าผาของภูเขา สายน้ำมากมายจะไหลลงสู่แม่น้ำแควน้อย เป็นน้ำตกที่สวยงามแปลกตาไม่เหมือนที่ไหน

          ที่ตั้ง : อุทยานแห่งชาติไทรโยค ตำบลไทรโยค อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี
          เวลาเปิด-ปิด : 08.30-16.00 น.
          โทรศัพท์ : 0 3468 6024, 08 9028 1958 (อุทยานแห่งชาติไทรโยค)

5. เมืองมัลลิกา ร.ศ. ๑๒๔

          สถานที่ท่องเที่ยวแบบย้อนยุค มีการตกแต่งสถานที่ต่าง ๆ ให้มีบรรยากาศที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตของคนไทยบริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 มีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย เหมาะแก่การแต่งชุดไทยสวย ๆ ไปเที่ยวถ่ายรูปคู่กับอาคารต่าง ๆ จุดที่น่าสนใจ เช่น สะพานหัน, ย่านการค้า, หอชมเมือง, เรือนเดี่ยว, เรือนคหบดี, โรงครัว, เรือนหมู่, เรือนแพ, ลานมะลิ, เรือนไทยหมู่ เป็นต้น ช่วงกลางวันก็มาเดินเที่ยวถ่ายรูป พอตกเย็นก็รับประทานมื้อค่ำแบบไทยแท้บนเรือนไทยหมู่ เป็นอีกบรรยากาศที่ไม่ควรพลาด ทั้งนี้ เมืองมัลลิกา ร.ศ. ๑๒๔ เปิดเมืองเต็มรูปแบบเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือวิถีใหม่ในวันที่ 5 มิถุนายน 2563

          ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 250 บาท เด็ก 120 บาท (หากเช่าชุดไทยด้วย ผู้ใหญ่ 400 บาท เด็ก 300 บาท)
          ที่ตั้ง : 168 หมู่ 5 ตำบลสิงห์ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี
          เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-20.00 น.
          โทรศัพท์ :  0 3454 0884-86
          เว็บไซต์ : mallika124.com
          เฟซบุ๊ก : เมืองมัลลิกา ร.ศ.124

6. มีนา คาเฟ่

          จุดเช็กอินสุดฮิตอีกแห่งของอำเภอท่าม่วง เป็นร้านกาแฟที่ตั้งอยู่ท่ามกลางทุ่งนากว้างใหญ่ ในช่วงหน้าทำนารอบ ๆ ร้านก็จะกลายเป็นท้องนาสีเขียวขจี บรรยากาศดีต่อใจสุด ๆ ซึ่งทางร้านก็ได้ออกแบบให้มีที่นั่งที่สามารถมองเห็นวิวด้านนอกได้แบบชัดเจน พร้อมทั้งที่นั่งบริเวณริมระเบียงนอกร้านติดกับนาข้าว ซึ่งนอกจากวิวของธรรมชาติรอบด้านแล้วก็ยังสามารถมองเห็นวิวของวัดถ้ำเสืออีกด้วย ไฮไลต์ของที่นี่อยู่ตรงที่สะพานไม้ที่ทอดยาวเข้าไปในท้องนา เป็นมุมถ่ายรูปชิค ๆ ที่ไม่ว่าใครได้มาเป็นต้องมาแชะภาพสวย ๆ เก็บไว้ นอกจากนี้ก็ยังมีมุมสวย ๆ ให้เลือกถ่ายรูปอีกเพียบ

          ที่ตั้ง : 75/18 หมู่ 3 ตำบลม่วงชุม อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี
          เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-19.00 น.
          เฟซบุ๊ก : มีนา cafe' , Kanchanaburi

7. รักษ์คันนา

          ร้านกาแฟและร้านก๋วยเตี๋ยวบรรยากาศดีของจังหวัดกาญจนบุรี ที่นักท่องเที่ยวต่างหลงรัก เพราะตั้งอยู่ท่ามกลางท้องทุ่งนากว้างใหญ่เช่นกัน อยู่ไม่ไกลจากวัดถ้ำเสือ จากตัวร้านก็สามารถมองเห็นวิวของวัดถ้ำเสือได้ด้วย และด้วยความที่ร้านสร้างจากวัสดุธรรมชาติ จึงกลมกลืนไปกับธรรมชาติรอบด้าน มีสะพานทางเดินทอดยาวไปกลางทุ่งนาเช่นกัน จึงถือว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่พักผ่อนระหว่างวันของทริปเที่ยวกาญจนบุรีที่ดีเลยทีเดียว

          ที่ตั้ง : 88 หมู่ 5 ตำบลม่วงชุม อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี
          เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-19.00 น.
          เฟซบุ๊ก : รักษ์คันนา กาญจนบุรี

8. ถนนคนเดินปากแพรก

          ถนนคนเดินที่จัดขึ้นบริเวณเมืองเก่าของอำเภอเมืองกาญจนบุรี เป็นย่านเก่าแก่ที่มีเสน่ห์ล้นเหลือ บ้านเรือนต่าง ๆ เป็นรูปทรงโคโลเนียลผสมผสานกับบ้านตึกแถวไม้และปูน ทอดขนานไปกับแม่น้ำแควใหญ่ ในทุกวันเสาร์จะมีการจัดถนนคนเดิน ชาวบ้านในพื้นที่จะนำสินค้าดีเด่นมาจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยวในราคาย่อมเยา มีทั้งอาหารพื้นเมืองและสินค้าแฮนด์เมด ราคาย่อมเยา เดินกิน เที่ยว ถ่ายรูปกันได้ยาว ๆ ตลอดคืน แต่ถ้าไม่ได้มาตรงกับช่วงที่มีถนนคนเดิน ก็สามารถแวะมาถ่ายรูปชิค ๆ กับบ้านเรือนเก่าได้เช่นกัน 

          ที่ตั้ง : ถนนปากแพรก ตำบลปากแพรก อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี
          เวลาเปิด-ปิด : วันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 15.00-21.00 น.
          เฟซบุ๊ก : ถนนคนเดินปากแพรก

9. ล่องแพแม่น้ำแคว

          แม่น้ำแควน้อยและแม่น้ำแควใหญ่ เป็นแม่น้ำสายสำคัญของจังหวัดกาญจนบุรีที่มีทัศนียภาพงดงาม สองฟากฝั่งเต็มไปด้วยวิวสวย ๆ บางช่วงก็เป็นป่าไม้อุดมสมบูรณ์ บางช่วงก็เป็นแนวภูเขาสูงใหญ่ บางช่วงก็เป็นไร่สวนของชาวบ้าน การได้นั่งเรือชมวิว จึงเป็นเหมือนการชาร์จพลังกับธรรมชาติที่ดีมาก ๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีโรงแรม รีสอร์ตต่าง ๆ ที่สร้างขึ้นอยู่เหนือแม่น้ำแควด้วย ใครที่อยากพักผ่อนกับสายน้ำบอกเลยว่าไม่ควรพลาด และที่เด็ดสุด ๆ ก็คือ การล่องแพไม้ไผ่ นักท่องเที่ยวจะได้กระโดดเล่นน้ำกันอย่างชุ่มฉ่ำใจ สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี

10. น้ำพุร้อนหินดาด
 
          บ่อน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของกาญจนบุรี ถูกค้นพบโดยทหารชาวญี่ปุ่นตั้งแต่ช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ปัจจุบันได้มีการปรับปรุงภูมิทัศน์และบริเวณโดยรอบให้เหมาะสมแก่การให้บริการแช่น้ำพุร้อนของประชาชน มีการทำเป็นบ่อปูนซีเมนต์หลาย ๆ บ่อ หลากหลายความลึก เพื่อให้บริการประชาชนได้อย่างทั่วถึงทุกเพศทุกวัย การแช่น้ำพุร้อนเป็นการช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย และช่วยดูแลผิวหนัง ระบบไหลเวียนของเลือด นักท่องเที่ยวจึงนิยมมาใช้บริการที่นี่กันตลอดทั้งปี

ตั๊กออแกไนท์กาญจนบุรีรับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ 
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคกาญจนบุรี
นางรำอเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคกาญจนบุรี
กาญจนบุรีรําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคกาญจนบุรี
รําบวงสรวงพญานาคกาญจนบุรี
ฟ้อนบูชาพญานาคกาญจนบุรี
รําบวงสรวงพญานาคกาญจนบุรี

  ติดต่อสอบถามเรา        
            


258
10 ที่เที่ยวกาญจนบุรี จุดเช็กอินยอดฮิต น่าไปเก็บให้ครบในปีนี้

1. สะพานข้ามแม่น้ำแคว

          มาถึงกาญจนบุรีแล้วถ้าไม่ได้มาเช็กอินที่สะพานข้ามแม่น้ำแควก็เหมือนมาไม่ถึง เพราะที่นี่เป็นเหมือนดั่งสัญลักษณ์ของจังหวัดกาญจนบุรี มีประวัติศาสตร์ยาวนาน สร้างมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยแรงงานของเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตร ตัวสะพานสร้างด้วยเหล็กแทนของเดิมที่เป็นสะพานไม้ ใช้สำหรับเป็นเส้นทางเดินของรถไฟที่จะมุ่งหน้าไปยังสถานีน้ำตกไทรโยค ไฮไลต์ของการเที่ยวชมที่นี่จะอยู่ในช่วงที่รถไฟวิ่งผ่าน ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถที่จะซื้อตั๋วรถไฟนั่งข้ามสะพานได้ด้วย และในช่วงที่ไม่มีรถไฟวิ่งผ่านก็สามารถเดินขึ้นไปเที่ยวชมและถ่ายรูปบนสะพานได้เช่นกัน แนะนำว่าให้ลองมานั่งกินข้าวที่ร้านอาหารริมแม่น้ำใกล้ ๆ กับสะพานข้ามแม่น้ำแคว เพื่อชมวิวยามเย็น บรรยากาศสบาย ๆ ชิลไปอีกแบบ

          ที่ตั้ง : ถนนแม่น้ำแคว ตำบลท่ามะขาม อำเภอเมืองกาญจนบุรี

2. วัดถ้ำเสือ

          แลนด์มาร์กที่สำคัญอีกแห่งของจังหวัดกาญจนบุรี ด้วยมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามแปลกตา มีพระพุทธรูปปางประทานพรขนาดใหญ่ พร้อมด้วยวิหารรูปทรงผสมผสานระหว่างสไตล์ไทย-จีน อยู่บนยอดเขา นักท่องเที่ยวสามารถที่จะเดินขึ้นบันได 157 ขั้น ขึ้นไปด้านบน หรือจะใช้บริการรถรางไฟฟ้าก็ได้ นอกจากพระพุทธรูปปางประทานพรแล้ว ก็ยังมีพระบรมสารีริกธาตุอยู่บนยอดปราสาทเจดีย์เกษแก้วมหาปราสาทด้วย และจากบริเวณวัดก็สามารถมองเห็นวิวมุมสูงบริเวณรอบ ๆ ได้อย่างสวยงามมาก ๆ ถ้ามาช่วงเย็นก็จะได้เห็นพระอาทิตย์ตกดินท่ามกลางบรรยากาศของท้องทุ่งนาและป่าเขา เรียกได้ว่าอิ่มทั้งบุญและใจกันเลยทีเดียว

          ที่ตั้ง : ตำบลม่วงชุม อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี
          เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น.

3. ต้นจามจุรียักษ์

          ต้นไม้ที่มีอายุมากกว่า 100 ปี มีขนาดใหญ่มาก รัศมีทรงพุ่มของต้นประมาณ 25.87 เมตร มีเส้นผ่านศูนย์กลางของร่มเงายาวประมาณ 51.75 เมตร สูงประมาณ 20 เมตร แผ่กิ่งก้านสาขาออกไปเป็นพื้นที่กว้าง บรรยากาศร่มรื่น ใกล้ ๆ กันนั้นเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าแม่จามจุรี สามารถมากราบไหว้ขอพรกันได้ทุกวัน

          ค่าเข้าชม : ฟรี
          ที่ตั้ง : ตำบลเกาะสำโรง อำเภอเมืองกาญจนบุรี

4. น้ำตกไทรโยคน้อย และน้ำตกไทรโยคใหญ่

          น้ำตกไทรโยคน้อย และน้ำตกไทรโยคใหญ่ เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงของกาญจนบุรีมาตั้งแต่อดีต ด้วยมีความสวยงามและสามารถเข้าเที่ยวชมได้ง่าย สำหรับน้ำตกไทรโยคน้อย ตั้งอยู่บริเวณริมถนนแสงชูโต ใกล้กับสถานีรถไฟน้ำตก มีลักษณะเป็นน้ำตกหินปูน สูงประมาณ 15 เมตร ในช่วงที่มีน้ำเยอะ ๆ สายน้ำตกจะไหลลงมาจากด้านบนอย่างสวยงาม มีแอ่งน้ำด้านล่าง สามารถเล่นน้ำได้ ส่วนน้ำตกไทรโยคใหญ่ ตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำแควน้อย จะต้องนั่งเรือจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติไทรโยคเข้าไปเที่ยวชม ที่นี่มีลักษณะเป็นน้ำตกหินปูนเช่นกัน สูงประมาณ 10 เมตร แผ่กว้างไปตามหน้าผาของภูเขา สายน้ำมากมายจะไหลลงสู่แม่น้ำแควน้อย เป็นน้ำตกที่สวยงามแปลกตาไม่เหมือนที่ไหน

          ที่ตั้ง : อุทยานแห่งชาติไทรโยค ตำบลไทรโยค อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี
          เวลาเปิด-ปิด : 08.30-16.00 น.
          โทรศัพท์ : 0 3468 6024, 08 9028 1958 (อุทยานแห่งชาติไทรโยค)

5. เมืองมัลลิกา ร.ศ. ๑๒๔

          สถานที่ท่องเที่ยวแบบย้อนยุค มีการตกแต่งสถานที่ต่าง ๆ ให้มีบรรยากาศที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตของคนไทยบริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 มีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย เหมาะแก่การแต่งชุดไทยสวย ๆ ไปเที่ยวถ่ายรูปคู่กับอาคารต่าง ๆ จุดที่น่าสนใจ เช่น สะพานหัน, ย่านการค้า, หอชมเมือง, เรือนเดี่ยว, เรือนคหบดี, โรงครัว, เรือนหมู่, เรือนแพ, ลานมะลิ, เรือนไทยหมู่ เป็นต้น ช่วงกลางวันก็มาเดินเที่ยวถ่ายรูป พอตกเย็นก็รับประทานมื้อค่ำแบบไทยแท้บนเรือนไทยหมู่ เป็นอีกบรรยากาศที่ไม่ควรพลาด ทั้งนี้ เมืองมัลลิกา ร.ศ. ๑๒๔ เปิดเมืองเต็มรูปแบบเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือวิถีใหม่ในวันที่ 5 มิถุนายน 2563

          ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 250 บาท เด็ก 120 บาท (หากเช่าชุดไทยด้วย ผู้ใหญ่ 400 บาท เด็ก 300 บาท)
          ที่ตั้ง : 168 หมู่ 5 ตำบลสิงห์ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี
          เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-20.00 น.
          โทรศัพท์ :  0 3454 0884-86
          เว็บไซต์ : mallika124.com
          เฟซบุ๊ก : เมืองมัลลิกา ร.ศ.124

6. มีนา คาเฟ่

          จุดเช็กอินสุดฮิตอีกแห่งของอำเภอท่าม่วง เป็นร้านกาแฟที่ตั้งอยู่ท่ามกลางทุ่งนากว้างใหญ่ ในช่วงหน้าทำนารอบ ๆ ร้านก็จะกลายเป็นท้องนาสีเขียวขจี บรรยากาศดีต่อใจสุด ๆ ซึ่งทางร้านก็ได้ออกแบบให้มีที่นั่งที่สามารถมองเห็นวิวด้านนอกได้แบบชัดเจน พร้อมทั้งที่นั่งบริเวณริมระเบียงนอกร้านติดกับนาข้าว ซึ่งนอกจากวิวของธรรมชาติรอบด้านแล้วก็ยังสามารถมองเห็นวิวของวัดถ้ำเสืออีกด้วย ไฮไลต์ของที่นี่อยู่ตรงที่สะพานไม้ที่ทอดยาวเข้าไปในท้องนา เป็นมุมถ่ายรูปชิค ๆ ที่ไม่ว่าใครได้มาเป็นต้องมาแชะภาพสวย ๆ เก็บไว้ นอกจากนี้ก็ยังมีมุมสวย ๆ ให้เลือกถ่ายรูปอีกเพียบ

          ที่ตั้ง : 75/18 หมู่ 3 ตำบลม่วงชุม อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี
          เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-19.00 น.
          เฟซบุ๊ก : มีนา cafe' , Kanchanaburi

7. รักษ์คันนา

          ร้านกาแฟและร้านก๋วยเตี๋ยวบรรยากาศดีของจังหวัดกาญจนบุรี ที่นักท่องเที่ยวต่างหลงรัก เพราะตั้งอยู่ท่ามกลางท้องทุ่งนากว้างใหญ่เช่นกัน อยู่ไม่ไกลจากวัดถ้ำเสือ จากตัวร้านก็สามารถมองเห็นวิวของวัดถ้ำเสือได้ด้วย และด้วยความที่ร้านสร้างจากวัสดุธรรมชาติ จึงกลมกลืนไปกับธรรมชาติรอบด้าน มีสะพานทางเดินทอดยาวไปกลางทุ่งนาเช่นกัน จึงถือว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่พักผ่อนระหว่างวันของทริปเที่ยวกาญจนบุรีที่ดีเลยทีเดียว

          ที่ตั้ง : 88 หมู่ 5 ตำบลม่วงชุม อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี
          เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-19.00 น.
          เฟซบุ๊ก : รักษ์คันนา กาญจนบุรี

8. ถนนคนเดินปากแพรก

          ถนนคนเดินที่จัดขึ้นบริเวณเมืองเก่าของอำเภอเมืองกาญจนบุรี เป็นย่านเก่าแก่ที่มีเสน่ห์ล้นเหลือ บ้านเรือนต่าง ๆ เป็นรูปทรงโคโลเนียลผสมผสานกับบ้านตึกแถวไม้และปูน ทอดขนานไปกับแม่น้ำแควใหญ่ ในทุกวันเสาร์จะมีการจัดถนนคนเดิน ชาวบ้านในพื้นที่จะนำสินค้าดีเด่นมาจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยวในราคาย่อมเยา มีทั้งอาหารพื้นเมืองและสินค้าแฮนด์เมด ราคาย่อมเยา เดินกิน เที่ยว ถ่ายรูปกันได้ยาว ๆ ตลอดคืน แต่ถ้าไม่ได้มาตรงกับช่วงที่มีถนนคนเดิน ก็สามารถแวะมาถ่ายรูปชิค ๆ กับบ้านเรือนเก่าได้เช่นกัน 

          ที่ตั้ง : ถนนปากแพรก ตำบลปากแพรก อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี
          เวลาเปิด-ปิด : วันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 15.00-21.00 น.
          เฟซบุ๊ก : ถนนคนเดินปากแพรก

9. ล่องแพแม่น้ำแคว

          แม่น้ำแควน้อยและแม่น้ำแควใหญ่ เป็นแม่น้ำสายสำคัญของจังหวัดกาญจนบุรีที่มีทัศนียภาพงดงาม สองฟากฝั่งเต็มไปด้วยวิวสวย ๆ บางช่วงก็เป็นป่าไม้อุดมสมบูรณ์ บางช่วงก็เป็นแนวภูเขาสูงใหญ่ บางช่วงก็เป็นไร่สวนของชาวบ้าน การได้นั่งเรือชมวิว จึงเป็นเหมือนการชาร์จพลังกับธรรมชาติที่ดีมาก ๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีโรงแรม รีสอร์ตต่าง ๆ ที่สร้างขึ้นอยู่เหนือแม่น้ำแควด้วย ใครที่อยากพักผ่อนกับสายน้ำบอกเลยว่าไม่ควรพลาด และที่เด็ดสุด ๆ ก็คือ การล่องแพไม้ไผ่ นักท่องเที่ยวจะได้กระโดดเล่นน้ำกันอย่างชุ่มฉ่ำใจ สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี

10. น้ำพุร้อนหินดาด
 
          บ่อน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของกาญจนบุรี ถูกค้นพบโดยทหารชาวญี่ปุ่นตั้งแต่ช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ปัจจุบันได้มีการปรับปรุงภูมิทัศน์และบริเวณโดยรอบให้เหมาะสมแก่การให้บริการแช่น้ำพุร้อนของประชาชน มีการทำเป็นบ่อปูนซีเมนต์หลาย ๆ บ่อ หลากหลายความลึก เพื่อให้บริการประชาชนได้อย่างทั่วถึงทุกเพศทุกวัย การแช่น้ำพุร้อนเป็นการช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย และช่วยดูแลผิวหนัง ระบบไหลเวียนของเลือด นักท่องเที่ยวจึงนิยมมาใช้บริการที่นี่กันตลอดทั้งปี

ตั๊กออแกไนท์กาญจนบุรี รับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ 
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคกาญจนบุรี
นางรำกาญจนบุรีเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคกาญจนบุรี
กาญจนบุรีรําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคกาญจนบุรี
รําบวงสรวงพญานาคกาญจนบุรี
ฟ้อนบูชาพญานาคกาญจนบุรี
รําบวงสรวงพญานาคกาญจนบุรี


  ติดต่อสอบถามเรา        
            


259
20 สถานที่ท่องเที่ยวสระแก้ว เมืองชายแดนที่มีของดีซ่อนไว้เพียบ

1. ศาลหลักเมือง

          จังหวัดสระแก้วได้รับการฟหม่ลำดับที่ 74 ของประเทศไทย เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2536 เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชน จึงมีมติให้สร้างศาลหลักเมืองแบบปรางค์ในปริมณฑลสวนกาญจนาภิเษก ตำบลท่าเกษม อำเภอเมือง พร้อมทั้งจัดทำเสาหลักเมืองจากต้นชัยพฤกษ์ที่มีคุณลักษณะต้องตามโบราณประเพณี มีขนาดเส้นรอบวง ที่โคนต้น 120 นิ้ว สูง 229 นิ้ว ภายในติดแผ่นทองดวงเมืองสระแก้ว ที่นี่จึงเป็นดั่งศูนย์รวมจิตใจของชาวสระแก้ว

2. พระสยามเทวาธิราชจำลอง

          รูปจำลองพระสยามเทวาธิราช ตั้งอยู่ที่ถนนมหาดไทย อำเภออรัญประเทศ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2518 เป็นการจำลองรูปพระสยามเทวาธิราชในประวัติศาสตร์ครั้งแรกโดยพระอุทัย ธรรมธารี (พระอาจารย์เส็ง) วัดป่ามะไฟ ได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตสร้างเหรียญจำลองใน พ.ศ. 2508 และได้หล่อพระสยามเทวาธิราชจำลอง ขนาดสูงประมาณ 1.29 เมตร และเมื่อเกิดเหตุการณ์ชายแดนด้านอรัญประเทศ-กัมพูชา ได้อัญเชิญมาประดิษฐาน ณ ชายแดนเพื่อความเป็นสิริมงคลและเป็นขวัญกำลังใจแก่พี่น้องประชาชน

3. วัดนครธรรม

          ตั้งอยู่ที่ตำบลวัฒนานคร อำเภอวัฒนานคร สิ่งที่น่าสนใจของวัดนครธรรมแห่งนี้ คือ "หลวงพ่อขาว" หรือ "หลวงพ่อปูน" พระพุทธรูปโบราณปางสมาธิ สร้างด้วยปูน ลักษณะกำลังนั่งขัดสมาธิ หน้าตักกว้าง 130.9 เซนติเมตร และสูง 199 เซนติเมตร ถูกค้นพบเมื่อประมาณ พ.ศ. 2468 ไม่มีข้อมูลว่าใครเป็นผู้สร้างและสร้างเมื่อใด เพียงแต่มีคำบอกเล่าสืบกันมาว่า เมื่อครั้งที่ได้อัญเชิญหลวงพ่อขาวมาจากวัดร้างบ้านจิก ในปี พ.ศ. 2468 ขณะที่อัญเชิญมาได้มีภิกษุเห็นน้ำพระเนตรของหลวงพ่อไหลออกมา พร้อมกันนั้นได้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก นอกจากนี้ภายในวิหารหลวงพ่อขาวยังประดิษฐานพระพุทธบาทจำลองและพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากวัดปมะดุลลาราชะมหาวิหาร เมืองรัตนปุระ ประเทศศรีลังกา

4. วัดสระแก้ว

          อีกหนึ่งวัดที่แนะนำให้เยือน สำหรับ "วัดสระแก้ว" ตั้งอยู่ที่บ้านท่ามะเดื่อ ตำบลสระแก้ว อำเภอเมือง เพื่อสักการะรูปหล่อ "หลวงพ่อทอง" หรือ "พระครูรัตนสราธิคุณ" อดีตเจ้าอาวาสวัดสระแก้ว เป็นพระภิกษุที่มีความเมตตาสูง เป็นที่เคารพรักของประชาชนทั่วไปอบรมเผยแพร่หลักธรรมของพระพุทธศาสนา และมีความรู้ความสามารถด้านวิชาแพทย์แผนโบราณ ช่วยเหลือบำบัดรักษาผู้ป่วยโดยไม่เลือกชั้นวรรณะ นอกจากนี้ยังเป็นพระภิกษุผู้ทรงวิทยาคุณด้านไสยศาสตร์ เป็นที่เลื่อมใสของประชาชนในท้องถิ่นและประชาชนทั่วไป

5. พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช

          ตั้งอยู่ริมถนนสายสระแก้ว-อรัญประเทศ ก่อนถึงตัวที่ว่าการอำเภอวัฒนานครเล็กน้อย สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงมีพระปรีชาสามารถในการทำศึกสงครามเพื่อปกป้องราชอาณาจักร ตั้งแต่ครั้งยังดำรงตำแหน่งพระยศเป็นสมเด็จพระมหาอุปราช ในการปกป้องพระราชอาณาจักรทางด้านตะวันออก พระองค์ได้ยกทัพมาปราบปรามอริราชศัตรู ซึ่งลักลอบเข้ามาโจมตีกวาดต้อนผู้คนบริเวณชายแดนอยู่เนือง ๆ โดยในปี พ.ศ. 2124 ได้ทรงยกทัพมาปราบปรามครั้งแรก ต่อมาในปี 2125 จึงได้โปรดให้ตั้งค่ายคูเมือง ปลูกยุ้งฉางข้าวลำเลียงไว้ที่ค่ายพระทำนบ (บริเวณ อ.วัฒนานคร ในปัจจุบัน)  และได้ยกทัพมาปราบปรามอริราชศัตรูอย่างราบคาบในปีนั้น

6. ปราสาทสด๊กก๊อกธม

          โบราณสถานที่ใหญ่และสำคัญของจังหวัดสระแก้ว อีกทั้งยังเป็นโบราณสถานขอมที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกแห่งนี้ตั้งอยู่ที่บ้านหนองเสม็ด ตำบลโคกสูง อำเภอตาพระยา สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 14เพื่อใช้ประดิษฐานรูปเคารพและใช้ประกอบพิธีกรรมตามคติความเชื่อในลัทธิศาสนาฮินดู โบราณสถานประกอบด้วยองค์ปราสาท 3 หลัง หันหน้าไปทางทิศตะวันออกมีคูน้ำล้อมรอบ 4 ด้าน มีกำแพงแก้ว 2 ชั้น ชั้นนอกทำด้วยศิลาแลง ชั้นในทำด้วยหินทราย ตัวปราสาทก่อด้วยหินทราย

          นอกจากนี้สิ่งที่ถือว่าเป็นการค้นพบครั้งสำคัญ คือ การค้นพบศิลาจารึก 2 หลัง ที่จารึกด้วยอักษรขอมโบราณ ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่บ่งบอกถึงอายุการสร้างปราสาทสด๊กก๊อกธมแห่งนี้ ทั้งยังบอกถึงวัตถุประสงค์ของการสร้างจารึกหลักที่ 2 โดยปัจจุบันจารึกทั้ง 2 ถูกเก็บรักษาไว้ที่หอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร

7. ปราสาทเขาน้อยสีชมพู


          ตั้งอยู่ที่ตำบลคลองน้ำใส อำเภออรัญประเทศ ตั้งอยู่บนเขาน้อย ต้องเดินบันไดขึ้นไปถึง 254 ขั้น สร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 12 และได้รับการบูรณะในพุทธศตวรรษที่ 15 และยังคงความสำคัญเรื่อยมาจนถึงพุทธศตวรรษที่ 16 และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งชาติจากกรมศิลปากร ในปี พ.ศ.2478 โดยเชื่อว่าสถานที่แห่งนี้เป็นศาสนถานในศาสนาฮินดู ที่ประกอบด้วยปรางค์ 3 หลัง ได้แก่ ปรางค์ทิศเหนือ ปรางค์องค์กลาง และปรางค์ทิศใต้

8. ปราสาทเขาโล้น

          มรดกอารยธรรม "อังควร์พนม" ที่หลงเหลืออยู่ในจังหวัดสระแก้ว ตั้งอยู่ที่บ้านเจริญสุข ตำบลทัพราช อำเภอตาพระยา ปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นปราสาทประจำเมืองซึ่ งมีลักษณะคล้ายกับปราสาทเขาน้อย สันนิษฐานว่าเดิมทีเดียวมีปรางค์ทั้งหมด 4 หลัง แต่ปัจจุบันเหลือเพียงปรางค์องค์กลาง ส่วนปราสาทด้านหน้า 2 หลัง และด้านหลัง 1 หลัง เหลือเพียงซากปรักหักพังไว้เท่านั้น

9. ละลุ


          ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติทางธรณีที่เกิดจากการยุบตัวหรือพังทลายของดิน ทั้งสายฝน กระแสลมพัดกระหน่ำ ผ่านช่วงเวลาอันยาวนาน ดินที่แข็งจะคงอยู่ในขณะที่ดินอ่อนก็จะพังทลายและถูกกัดกร่อนลงไปเกิดเป็นแท่งหินเป็นรูปร่างลักษณะแตกต่างกัน มองคล้ายกำแพงเมืองหรือเสาหิน เหมือนกันกับ "แพะเมืองผี"ที่จังหวัดแพร่ จึงเป็นที่มาของชื่อ "ละลุ" ที่แปลมาจากภาษาเขมรแปลว่า "ทะล"

10. เขาฉกรรจ์


          ภูเขาหินปูนสามลูกต่อเนื่องกันตั้งอยู่ภายในวัดถ้ำเขาฉกรรจ์ ตำบลเขาฉกรรจ์ อำเภอเขาฉกรรจ์ มีหน้าผาสูงชันทำมุมเกือบตั้งฉากกับพื้นดิน มีจุดสูงสุดของยอดเขาสูงประมาณ 324 เมตรจากระดับน้ำทะเล ภายในถ้ำมีถ้ำเล็กถ้ำน้อยอยู่ถึง 12 แห่ง อาทิ ถ้ำหนุมาน ถ้ำมหาสิงห์ถ้ำน้ำทิพย์ ถ้ำแก้วพลายชุมพล ซึ่งในถ้ำต่าง ๆ เหล่านี้เป็นที่อาศัยของฝูงค้างคาวจำนวนมากที่พร้อมใจกันบินออกหากินในตอนเวลาพลบค่ำ


11. อุทยานแห่งชาติปางสีดา


          อุทยานแห่งชาติแห่งที่ 41 ของประเทศไทย ครอบคลุมท้องที่อำเภอตาพระยา อำเภอวัฒนานคร อำเภอเมืองจังหวัดสระแก้ว และอำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี มีสภาพป่าอุดมสมบูรณ์ประกอบด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญและมีค่า มีสภาพธรรมชาติและเอกลักษณ์ทางธรรมชาติที่สวยงามหลายแห่ง จุดเด่นที่น่าสนใจ ได้แก่ น้ำตกปางสีดา น้ำตกผาตะเคียน กลุ่มน้ำตกแควมะค่า กลุ่มน้ำตกถ้ำค้างคาว ภูเขาเจดีย์ ฟอสซิลไดโนเสาร์ แหล่งดูนกน้ำอ่างเก็บน้ำพระปรง แหล่งดูผีเสื้อ จนได้รับการยอมรับว่าเป็นแหล่งดูผีเสื้อแห่งภาคตะวันออก ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ park.dnp.go.th

12. น้ำตกแก่งสะเดา

          น้ำตกแก่งสะเดา ตั้งอยู่ที่บ้านแก่งสะเดา ซอย 6 ตำบลทุ่งมหาเจริญ อำเภอวังน้ำเย็น จังหวัดสระแก้ว ซึ่งอยู่ในพื้นที่ที่ดินของ นายเฉลิมศักดิ์ โสดสุภาพ ผู้ใหญ่บ้าน มีลักษณะเป็นแก่งหินที่ขวางอยู่กลางลำน้ำสาขาของคลองพระสะทึง รวมทั้งมีฝายที่ทางผู้ใหญ่บ้านได้สร้างขึ้นเองเพื่อนำน้ำมาใช้ในการทำเกษตรกรรมในที่ดินของตน จึงทำให้มีพื้นที่ที่เหมาะแก่การลงเล่นน้ำ สิ่งที่โดดเด่นของที่นี่ก็คือระหัดวิดน้ำ มีลักษณะเป็นกังหันไม้ไผ่ ซึ่งทางผู้ใหญ่ได้สร้างขึ้นเองเพื่อวิดน้ำในการใช้ทำเกษตรกรรม นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมน่าเที่ยวอย่างการล่องแก่งคลองพระสะทึงให้ได้ไปสนุกสนานกันด้วย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก น้ำตกบ้านแก่งสะเดา

13. อ่างเก็บน้ำพระปรง

          อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ของจังหวัดสระแก้ว มีความจุถึง 97 ล้านลูกบาศก์เมตร จนเกือบจะเรียกว่า "เขื่อน" เป็นหนึ่งในโครงการพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สร้างกั้นต้นน้ำห้วยพระปรงซึ่งเป็นลำน้ำที่ไหลลงมาจากอุทยานแห่งชาติปางสีดา จากสภาพป่าที่สมบูรณ์กลายเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยพันธุ์ปลานานาชนิด ทำให้ชาวบ้านแถวนี้หลังจากว่างเว้นจากการทำไร่ ทำนาจึงหารายได้เสริมด้วยการจับปลาขาย

14. ตลาดโรงเกลือ


          ตลาดการค้าชายแดนขนาดใหญ่ที่คนทั่วไปรู้จักดี ตั้งอยู่ตำบลป่าไร่ อำเภออรัญประเทศ เป็นตลาดใหญ่ที่ประกอบด้วยตลาดย่อย ๆ อีก 5 ตลาด ได้แก่ตลาดโรงเกลือเก่า ตลาดเทศบาล 2 ตลาดโกลเด้นเกต ตลาดเดชไทยและตลาดเบ็ญจวรรณ มีร้านค้ารวมทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 3,000 ห้อง

15. สหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น

          "สหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น" ตั้งอยู่ที่หมู่ 1 ถนนจันทบุรี-สระแก้ว ตำบลวังใหม่ อำเภอวังสมบูรณ์ เกิดจากการรวมตัวกันของเกษตรกรเพื่อประสบปัญหาพืชไร่ราคาตกต่ำ จึงตัดสินใจเปลี่ยนอาชีพมาเลี้ยงโคนมแทนการปลูกพืชไร่ จนทุกวันนี้มีโคนมนับหมื่นตัวมีปริมาณนมวันละหลายสิบตันเป็นแหล่งผลิตน้ำนมใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ มีโรงผลิตนมภายใต้แบรนด์ "นมวังน้ำเย็น" ทั้งนมพาสเจอร์ไรด์ นมเปรี้ยวส่งไปจำหน่ายตามโครงการนมโรงเรียนในหลายจังหวัด นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมกระบวนการผลิตพร้อมกับเลือกซื้อผลิตภัณฑ์นมยูเอชทีในบริเวณร้านค้า ด้านหน้าสหกรณ์เป็นของฝากเพื่อสุขภาพ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.wangnamyendairy.com

16. น้ำตกเขาตะกรุบ


          น้ำตกขนาดใหญ่กลางป่าสูง 50 เมตร มีน้ำมากในช่วงฤดูฝน สายน้ำจะไหลจากหน้าผาที่สูงชันเกือบ 90 องศา ลงสู่เบื้องล่างก่อนจะไหลลงสู่น้ำตกเล็กอีกชั้นหนึ่ง ช่วงเดือนสิงหาคมถึงตุลาคมน้ำตกจะสวยมากเป็นพิเศษ บริเวณทางขึ้นน้ำตกเป็นป่าดิบชื้นที่สมบูรณ์ มีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมหนาแน่นและเฟิร์นหลายชนิดแทรกขึ้นตามหลืบหิน เส้นทางก่อนถึงลานไทรอาจพบร่องรอยของช้างป่าที่มีชุกชุมในป่าแถบนี้ โดยเฉพาะช่วงเวลาเย็น และเส้นทางเดียวกันนี้เหมาะสำหรับการเดินดูนกและดูผีเสื้อ

17. ถ้ำเขาศิวะ

          ตั้งอยู่ที่ตำบลคลองไก่เถื่อน อำเภอคลองหาด ถ้ำแห่งนี้มีชื่อเรียกอีกนามหนึ่งว่า “ถ้ำน้ำ” เหตุเพราะไม่เพียงเป็นถ้ำลึก 500 เมตรเท่านั้น หากยังมีระดับน้ำสูงตั้งแต่ 10-220 เซนติเมตร หลากไหลอยู่ภายในถ้ำ ก่อเกิดหินงอกหินย้อยตระการตาสวยงามกระจายทั่วบริเวณ ที่บางจุดมีลักษณะคล้ายม่านซึ่งมีสายน้ำไหลลงมาราวกับน้ำตกขนาดเล็ก อากาศภายในถ้ำเขาศิวะแห่งนี้ไหลเวียนตลอด ทำให้นักท่องเที่ยว ที่เดินชมถ้ำรู้สึกสบาย ไม่อึดอัดแต่อย่างใด

          ทั้งนี้การไปเที่ยวถ้ำเขาศิวะควรมีผู้นำทาง โดยติดต่อได้ที่องค์การบริหารส่วนตำบลคลองไก่เถื่อน และต้องเตรียมตัวให้พร้อม โดยควรมีอุปกรณ์ที่จำเป็นติดตัวไปด้วย เช่น ไฟฉายกันน้ำ ไฟแช็ก และควรสวมเสื้อผ้าที่มีเนื้อผ้าสบาย ๆ ไม่อุ้มน้ำ

18. ถ้ำเพชรโพธิ์ทอง

          ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาเลื่อม ตำบลคลองหาด อำเภอคลองหาด และต้องเดินขึ้นไปยังถ้ำระยะทางราว 700 เมตร ร่มรื่นด้วยป่าและต้นจันผาที่ชุมชนช่วยกันอนุรักษ์และปลูกเพิ่มจากเดิมที่กำลังจะสูญพันธุ์ เป็นถ้ำขนาดกลางที่อยู่ในภูเขาที่ทอดยาวขนานไปกับพื้นดิน ที่ปากถ้ำมีลมเย็นพัดผ่านช่องเขาเข้าไปในถ้ำทำให้มีอากาศถ่ายเทตลอดเวลา ส่งผลให้ภายในถ้ำเย็นสบายตลอดทั้งปี

          ภายในถ้ำจัดแบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 ส่วน ได้แก่

          จุดที่ 1 : ลานกว้างรูปไข่ที่มีหินสีขาวนวลวางเรียงกันราวธรรมชาติบรรจงจัดวาง

          จุดที่ 2 : อุโมงค์ขนาดใหญ่ที่มีอากาศถ่ายเทตลอดเวลา

          จุดที่ 3 : ห้องมุขประดับเพชร ภายในละลานตาด้วยหินงอกหินย้อยเป็นมุขทรงเจดีย์ หรือทรงรูปไข่สีขาวที่ระยิบระยับด้วยเกล็ดทรายในยามต้องแสงไฟ

          จุดที่ 4 : ประตูปราสาทถ้ำเพชรโพธิ์ทอง ซึ่งมีหินปากประตูนวลสีขาวเรียบเนียน และมีหินงอกหินย้อยดูคล้ายพระพุทธรูป จุดนี้คือไฮไลต์ของถ้ำเพชรโพธิ์ทองที่ทุกคนต้องเข้ามาชมความงดงาม

19. สวนน้ำสาธารณะเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์พระบรมราชินีนาถ

          สวนน้ำแห่งนี้ตำบลคลองหาด อำเภอคลองหาด สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 และด้วยทัศนียภาพที่สวยงามในยามเย็นของอ่างเก็บน้ำชลประทานขนาดใหญ่ ที่นี่จึงเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวสระแก้ว ว่ากันว่าภาพพระอาทิตย์อัสดงเหนือทะเลสาบน้ำจืดแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาดี ๆ ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด

20. โรงเรียนกาสรกสิวิทย์

          โรงเรียนที่ฝึกสอนกระบือหรือควายให้สามารถทำการเกษตรได้ ก่อเกิดจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานวโรกาสให้ นายสมจิตต์ และ นางมณี อิ่มเอย น้อมเกล้าฯ ถวายที่ดินตำบลศาลาลำดวน อำเภอเมือง และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มูลนิธิชัยพัฒนา ดำเนินการจัดตั้งโรงเรียนนี้ขึ้นเพื่อฝึกกระบือให้ทำการเกษตร และเป็นแหล่งเรียนรู้ให้ผู้ที่สนใจได้มาเรียนรู้วัฒนธรรมการเกษตรท้องถิ่นและภูมิปัญญาชาวบ้าน ที่นี่นักท่องเที่ยวจะได้เดินเที่ยวชมนาข้าวอันกว้างใหญ่ ชมบ้านดินที่แสนเย็นฉ่ำ ชมการสาธิตการทำนาและการฝึกกระบือ รวมทั้งเรียนรู้วิถีชีวิตพอเพียง นอกจากนี้ก็มีร้านอาหาร ร้านกาแฟไว้บริการด้วย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ kasorn.com

ตั๊กออแกไนท์สระแก้ว รับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ 
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคสระแก้ว
นางรำสระแก้วเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคสระแก้ว
สระแก้วรําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคสระแก้ว
รําบวงสรวงพญานาคสระแก้ว
ฟ้อนบูชาพญานาคสระแก้ว
รําบวงสรวงพญานาคสระแก้ว

  ติดต่อสอบถามเรา        
            


260
เที่ยวปราจีนบุรีทั้งที อย่าพลาด 12 ที่เที่ยวยอดนิยม

      "ปราจีนบุรี" จังหวัดใกล้กรุงเทพฯ ที่รุ่มรวยทรัพยากรด้านการท่องเที่ยวเหลือเฟือและหลากหลายรูปแบบ ทั้งทางธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ งานเทศกาล วัฒนธรรมประเพณี รวมถึงโบราณสถาน โบราณวัตถุต่าง ๆ เหล่านี้ยังส่งเสริมให้จังหวัดปราจีนบุรีเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีเสน่ห์และน่าหลงใหล หากใครได้ลองไปเที่ยวดูสักครั้งหนึ่ง เป็นต้องติดใจอยากที่จะกลับไปที่นั่นอีกครั้งอย่างแน่นอน ลองไปดูสิว่าจังหวัดปราจีนบุรีมีอะไรที่ทำให้เราน่าหลงใหลได้บ้างกัน
 
1. ต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ
 

           ตั้งอยู่ในเขตวัดต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ ตำบลโคกปีบ เป็นต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย เชื่อกันว่าต้นโพธิ์ต้นนี้เป็นหน่อจากต้นพระศรีมหาโพธิ์ สถานที่ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้จากพุทธคยา ประเทศอินเดีย มีอายุมากกว่า 2,000 ปี มีตำนานเล่าขานกันมาว่า พระเจ้าทวานัมปะยะดิษฐ์ เจ้าครองเมืองศรีมโหสถ ทรงมีความเลื่อมใสในพุทธศาสนา จึงได้ส่งคณะทูตเดินทางไปขอกิ่งต้นโพธิ์ที่พระพุทธเจ้าประทับเมื่อคราวตรัสรู้ แล้วนำกิ่งโพธิ์ที่ว่ามาปลูกที่วัดแห่งนี้ ปัจจุบันต้นโพธิ์ต้นนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดปราจีนบุรี เมื่อถึงวันวิสาขบูชาในแต่ละปี จะมีงานนมัสการต้นพระศรีมหาโพธิ ปัจจุบันใต้ต้นโพธิ์ประดิษฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ไว้ให้ผู้คนได้กราบไหว้บูชา รวมถึงระเบียงคตรอบต้นโพธิ์ ที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางต่าง ๆ ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ประจำวัดที่ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก

2. วัดแก้วพิจิตร

           วัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โดยเศรษฐีชาวปราจีนบุรี ต่อมาเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้สร้างและบูรณะวัดแห่งนี้ สร้างพระอุโบสถหลังใหม่ด้วยการก่ออิฐถือปูน โดดเด่นด้วยความงดงามของสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมของพระอุโบสถ ภายในประดิษฐานพระประธานปางอภัย ภายในถ่ายทอดเรื่องราวของเส้นสายลายศิลป์ระหว่างศิลปะไทย จีน ยุโรป และเขมร กำเนิดเกิดเป็นเรื่องราวต่าง ๆ ทั้งรามเกียรติ์ ภาพพุทธประวัติทศชาติชาดก ตลอดจนลวดลายอันอ่อนช้อยงดงามที่ประดับอยู่บริเวณเชิงบันไดขึ้นพระอุโบสถ ด้านหน้าพระอุโบสถ มีอาคารคอนกรีตที่สร้างตามสถาปัตยกรรมแบบยุโรป เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวบเอาสิ่งของต่าง ๆ ทั้งของเก่า เครื่องใช้ไม้สอยต่าง ๆ ให้ผู้คนทั่วไปได้ศึกษา
 
3. ดาษดาแกลเลอรี่
 
 
          หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวโดดเด่นของจังหวัดปราจีนบุรี ที่จะทำให้นักท่องเที่ยวประทับใจกับความสุขสดชื่น ความสวยงาม สำหรับผู้ที่รักและชื่นชอบดอกไม้ บนพื้นที่กว่า 750 ไร่ ภายในจัดแสดงสวนดอกไม้ในเรือนกระจกขนาดใหญ่ ทุก ๆ โอกาสพิเศษหรือเทศกาลสำคัญในรอบปี เช่น งานปีใหม่ วันวาเลนไทน์ ทางดาษดาแกลอรี่จะมีการจัดนิทรรศการดอกไม้ ซึ่งในแต่ละปีจะมีการจัดธีมงานที่ไม่ซ้ำแบบกันเลยทีเดียว นอกจากสวนดอกไม้สวย ๆ ที่ต่างหมุนเวียนสับเปลี่ยนกันมาให้ชมแล้วนั้น ภายในยังมี Dasada Gallery Shop ร้านจำหน่ายดอกไม้ของของชำร่วย ที่ตกแต่งด้วยชิงช้าน้องหมีคู่สุดน่ารัก และ "ร้านกาแฟและไอศกรีม ลา ลันลา" ขายเบเกอรี่ กาแฟ และไอศกรีมจากดอกไม้หลากหลายรสชาติ ที่รอพร้อมเสิร์ฟจากพนักงานในร้านที่ส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจมากให้ตลอดเวลา ทั้งนี้ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก dasadaflower หรือโทรศัพท์ 061 404 5000
 
4. เขาทุ่ง
 
 
           ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ด้านอำเภอนาดี ได้รับฉายาว่าเป็นภูกระดึงแห่งภาคตะวันออก โดยรอบบริเวณบนเขาทุ่งมีลักษณะเป็นที่ราบทุ่งหญ้า เมื่อขึ้นไปยังบริเวณดังกล่าวจะสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ความสวยงามของที่นี่จะทำให้นักท่องเที่ยวรีบหยิบกล้องขึ้นมากดชัตเตอร์กันแทบไม่ทัน นอกจากวิวที่สวยแล้วธรรมชาติโดยรอบบริเวณของที่นี่ยังสวยงามไม่แพ้กัน ตลอดเส้นทางเราจะเห็นต้นไม้น้อยใหญ่นานาชนิด เหล่าบรรดาดอกไม้ที่ชูช่อให้เห็นเป็นระยะ ๆ ที่สร้างสร้างสีสันทำให้การเดินทางไม่น่าเบื่อจนเกินไปนัก ซึ่งช่วยบรรเทาความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า อีกทั้งมีแหล่งศึกษาธรรมชาติ และเดินป่าผจญภัยอีกด้วย ทั้งนี้ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก prachindaily
 
5. The Verona at Tublan
 

           แหล่งท่องเที่ยวสไตล์อิตาลี ที่เป็นทั้งแหล่งช้อปปิ้งและพักผ่อนแห่งใหม่ในจังหวัดปราจีนบุรี ตั้งยู่ท่ามกลางขุนเขา โดยการออกแบบและการตกแต่งได้รับแรงบันดาลใจจากเมืองเวโรน่า (Verona) เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในแคว้นเวเนโต้ของประเทศอิตาลี ภายในประกอบด้วยร้านค้ามากมายกว่า 100 ร้านค้า ด้วยเพราะการตกแต่งที่สวยงามทำให้ที่นี่มีมุมถ่ายรูปสวย ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการจำลองสะพาน ทะเลสาบ และแบบทรงอาคารที่ตกแต่งสีสันอย่างสวยงามลงตัว แถมยังมีกิจกรรมต่าง ๆ เช่น นั่งเรือกอนโดลา นั่งรถม้า ให้อาหารสัตว์ เล่นเครื่องเล่นสนุก ๆ เป็นต้น เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับพาครอบครัว เพื่อน คนรัก มาเดินซื้อของ และแวะทานอาหารอร่อย ๆ แถมช่วงเย็นยังมีดนตรีสดให้ได้ฟังกันอย่างเพลิดเพลิน ทั้งนี้ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก veronaattublan หรือ โทรศัพท์ 096 324 4423


6. พิพิธภัณฑ์เจ้าพระยาอภัยภูเบศร
 
          อาคารสีเหลืองสไตล์บารอคริมแม่น้ำปราจีนบุรี ด้วยความสวยงามของตัวอาคารทำให้ที่นี่มีเสน่ห์ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยือนอยู่เสมอ จากเดิมที่ความตั้งใจของเจ้าพระยาอภัยภูเบศรใช้ทรัพย์สินส่วนตัวสร้างตึกหลังนี้ เพื่อเป็นที่ประทับรับเสด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่ทรงสวรรคตไปเสียก่อน ต่อมาจึงใช้เพื่อรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวและเชื้อพระวงศ์อีกหลายพระองค์ จนถึงปี พ.ศ. 2482 อาคารหลังนี้ก็ได้ถูกมอบให้ทางราชการใช้เป็นอาคารพักผู้ป่วย และได้รับการบูรณะปรับเปลี่ยนการใช้งานอาคารมาเรื่อย ๆ จน "ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร" หลังนี้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร ที่คอยให้คำแนะนำการใช้ยาสมุนไพร โดยมีแพทย์เฉพาะทางดูแลอย่างใกล้ชิด เรียกได้ว่าถ้าใครมีอาการเจ็บป่วยตรงไหนอย่างไร ก็สามารถมาสอบถามกันได้โดยตรงจากที่นี่ ทั้งนี้ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ abhaiherb.com หรือโทศัพท์ 037 213 610, 037 211 289
 
7. พิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุวรรณ์
 
          พิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุวรรณ์ หรือพิพิธภัณฑ์ตะเกียง เป็นแหล่งรวบรวมข้าวของเครื่องใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ตะเกียง" ประเภทต่าง ๆ เป็นจำนวนมากกว่า 10,000 ดวง ซึ่งแขวนอยู่ทั่วบริเวณพิพิธภัณฑ์ ทั้งลานจอดรถ ห้องน้ำ ตลอดจนตามอาคารต่าง ๆ โดยมีจุดเริ่มต้นจากการที่เจ้าของพิพิธภัณฑ์รับซื้อของเก่าพวกเหล็ก เศษโลหะ หนึ่งในเศษเหล็กเหล่านั้นดันมีตะเกียงเจ้าพายุติดมาด้วย จนมีผู้สนใจเริ่มมาสอบถามและให้ราคาที่ค่อนข้างสูง หลังจากนั้นจึงได้เก็บสะสมและรวบรวมเพื่อจัดแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์ โดยแบ่งเป็น 4 อาคารหลัก ๆ ได้แก่ อาคารราชาวดี อาคารลีลาวดี อาคารชวนชม และอาคารเจ้าพายุ ซึ่งในแต่ละตัวอาคารจะจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้โบราณต่าง ๆ แต่เมื่อแหงนหน้ามองขึ้นไปยังเพดาน พื้นที่แทบทุกตารางนิ้วถูกจับจองด้วยตะเกียงเจ้าพายุ ที่ผลิตจากทั่วทุกมุมโลก และรวบรวมไว้ให้เราได้ชมที่นี่ที่เดียว ทั้งนี้ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก พิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุวรรณ์-พิพิธภัณฑ์ตะเกียง หรือโทรศัพท์ 037 218 511, 037 218 512, 081 295 8218, 081 864 8218
 
8. แก่งหินเพิง
 
 
          สถานที่ล่องแก่งยอดนิยมอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย อยู่ภายในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ในแต่ละปีจังหวัดปราจีนบุรีจะมีการจัด "เทศกาลล่องแก่งหินเพิง" ตลอดทุกช่วงฤดูฝน ยิ่งทำให้ชื่อเสียงการเล่นล่องแก่งที่ "แก่งหินเพิง" เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น โดยแก่งหินเพิงมีลักษณะเป็นลำน้ำใสใหญ่ ต้นธารน้ำมีต้นกำเนิดจากยอดเขาใหญ่แล้วไหลเรื่อยมาจนถึงบริเวณแก่งหินเป็นระยะทางกว่า 80 กิโลเมตร แต่ส่วนที่นักท่องเที่ยวสามารถใช้เป็นกิจกรรมล่องแก่งได้เป็นระยะทางสั้น ๆ เพียงแค่ 3-4 กิโลเมตร ตรงบริเวณส่วนปลายของลำน้ำ โดยส่วนใหญ่แล้วเจ้าหน้าที่จะพายเรือยางของเราผ่านแก่งสำคัญ ๆ ได้แก่ แก่งหินเพิง, แก่งผักหนามล้อม, แก่งวังบอน, แก่งลูกเสือ, แก่งวังยาว, แก่งวังไทร และแก่งงูเห่า เป็นต้น ทั้งนี้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคกลางเขต 8 กลุ่มจังหวัดเบญจบูรพาสุวรรณภูมิ โทรศัพท์ 037 312 282, 037 312 284
 
9. อุทยานแห่งชาติทับลาน
 
 
อุทยานแห่งชาติทับลาน
ภาพจาก เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติทับลาน
 
          ด้วยลักษณะภูมิประเทศของอุทยานแห่งชาติทับลานที่ประกอบด้วยภูเขาน้อยใหญ่สลับต่อเนื่องเป็นบริเวณกว้าง ทำให้ภูมิทัศน์ของอุทยานแห่งนี้มีความสวยงาม และเขียวชอุ่มไปด้วยต้นไม้นานาชนิด ทั้งยังเป็นแหล่งกำเนิดของต้นน้ำหลาย ทั้งนี้ภายในอุทยานมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย เช่น "เขามะค่า" ชมทัศนียภาพทิวทัศน์บนภูเขาที่สวยงาม, "เขื่อนลำปลายมาศ" มีกิจกรรมล่องเรือ ล่องแพ และสามารถลงเล่นน้ำได้, "น้ำตกบ่อทอง" เป็นน้ำตกที่สวยงามมากหากได้มาในช่วงฤดูฝน แวะชม "ป่าลาน" ป่าลานผืนใหญ่แห่งสุดท้ายของประเทศไทย มีต้นลานเป็นพันธุ์ไม้ดึกดำบรรพ์ในวงศ์ปาล์ม มีใบใหญ่เป็นรูปพัดคล้ายใบตาล และ "ผาเก็บตะวัน" ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถชมพระอาทิตย์ตกยามเย็น ทั้งยังเป็นที่ตั้งของหลักแบ่งเขตระหว่างจังหวัดปราจีนบุรีและจังหวัดนครราชสีมา เป็นต้น ทั้งนี้ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ tourismthailand.org หรือโทรศัพท์ 037 486 771, 037 219 408

10. น้ำตกเขาอีโต้
 
          ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านพระ ลักษณะน้ำตกเป็นลำธารน้ำที่ไหลผ่านโขดหินน้อยใหญ่ลดหลั่นเป็นชั้น ๆ สภาพทั่วไปเป็นป่าโปร่ง จุดเด่นของน้ำตกเขาอีโต้นั่นคือนักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปนั่งพักผ่อนตามแนวโขดหินของตัวน้ำตก เพื่อสัมผัสกับสายน้ำที่ไหลผ่านตลอดแนวหิน อีกทั้งภายในตัวน้ำตกมีต้นไม้ขนาดใหญ่ที่คอยทำหน้าที่ให้ร่มเงา นักท่องเที่ยวจึงสามารถเลือกมุมสำหรับนั่งพักผ่อนได้ตามใจชอบ ที่นี่ยังมีจุดชมวิวผาหินซ้อน มีลักษณะเป็นหน้าสูง สามารถเดินขึ้นไปเพื่อชมทัศนียภาพเมืองปราจีนบุรี และชมความสวยงามของพระอาทิตย์ขึ้นและตกดิน มีสายลมเย็น ๆ ที่โบกมาทักทาย ช่วยให้การพักผ่อนของเราผ่อนคลายได้มากขึ้นเลยทีเดียว

11. โบราณสถานเมืองศรีมโหสถ
 
          เมืองโบราณสมัยทราวดีขนาดใหญ่ มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้ามุมมน ภายในเมืองมีโบราณสถาน เนินดิน สระน้ำ บ่อน้ำกระจัดกระจายกว่า 100 แห่ง โบราณสถานที่สำคัญในเมืองศรีมโหสถประกอบด้วยกลุ่มโบราณสถานกลางเมือง เป็นหมู่เทวาลัย ฐานก่อด้วยศิลาแลง ด้านบนก่อด้วยอิฐ ด้านหลังมีบ่อน้ำก่อด้วยศิลาแลง โบราณวัตถุที่ขุดพบ ได้แก่ เทวรูปต่าง ๆ และเศษเครื่องปั้นดินเผา สมัยลพบุรี สุโขทัย อยุธยา และรัตนโกสินทร์ และโบราณสถานสระแก้ว เป็นโบราณสถานที่เป็นสระน้ำโบราณ สระน้ำขุดลงไปในชั้นของศิลาแลงธรรมชาติ ตัวสระเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีทางลงทำเป็นขั้นบันได ผนังขอบสระทุกด้านมีการแกะสลักภาพนูนต่ำเป็นรูปสัตว์ต่างๆ เช่น รูปช้าง สิงห์ หมู กินรี งูพันเสา สัตว์เหล่านี้เป็นสัตว์ชั้นสูง สถานแห่งนี้เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีความสนใจในโบราณสถาน เป็นตำราความรู้นอกห้องเรียนที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง
 
12. อ่างเก็บน้ำจักรพงษ์
 
          อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่อยู่บริเวณเชิงเขาอีโต้ ซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ท่ามกลางความเป็นธรรมชาติ จากปากทางเข้าอ่างเก็บน้ำให้เลี้ยวซ้ายจะมีถนนขึ้นไปจนถึงยอดเขาเพื่อชมทัศนียภาพโดยรอบ ระยะทางประมาณ 11 กิโลเมตร และช่วงกิโลเมตรที่ 6 จะเป็น "เนินพิศวง" หรือ "เนินมหัศจรรย์" ยาวประมาณ 150 เมตร หากจอดรถแล้วปล่อยเกียร์ว่างไว้รถจะไหลขึ้นเนินได้ ซึ่งเกิดจากภาพลวงตาจากภูมิประเทศโดยรอบ

          สำหรับเส้นทางท่องเที่ยวบนอ่างเก็บน้ำจักรพงษ์ นักท่องเที่ยวสามารถขับรถ เดิน หรือปั่นจักรยานไปตามแนวสันเขื่อน ถ้าจะให้ดีขอแนะนำว่าให้มาในช่วงเช้า ๆ ที่อากาศยังไม่ร้อนมาก และยิ่งถ้าเป็นช่วงหน้าหนาว อากาศกำลังเย็นสบาย รับรองว่าคุณจะได้สูดอากาศสดชื่นอย่างเต็มปอด ทั้งยังได้ชมความสวยงามของพระอาทิตย์ที่ค่อย ๆ ส่องแสงเรืองรองบนท้องฟ้า หรือถ้าเกิดว่ามาในช่วงเช้าไม่ทัน ก็สามารถมานั่งรับประทานอาหารกลางวันพร้อมกับชมวิวธรรมชาติที่ร้านอาหารอร่อย ๆ ตามบริเวณริมอ่างเก็บน้ำได้เช่นกัน

          ไม่น่าเชื่อว่า "ปราจีนบุรี" จังหวัดเล็ก ๆ แห่งนี้จะมีที่เที่ยวเยอะแยะมากมายขนาดนี้ นี่อาจเป็นแค่ส่วนหนึ่งของที่ท่องเที่ยวทั้งหมดเท่านั้นนะคะ ยังมีของดีของเด็ดที่แอบซ่อนอยู่เพียบ ของอย่างนี้มันต้องลองไปพิสูจน์ให้เห็นด้วยตาตัวเอง แล้วคุณจะพบกับความสุขกับการเดินทางไปยังจังหวัดปราจีนบุรีเที่ยวนี้อย่างแน่นอน

ตั๊กออแกไนท์ปราจีนบุรี รับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ 
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคปราจีนบุรี
นางรำปราจีนบุรีเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคปราจีนบุรี
ปราจีนบุรีรําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคปราจีนบุรี
รําบวงสรวงพญานาคปราจีนบุรี
ฟ้อนบูชาพญานาคปราจีนบุรี
รําบวงสรวงพญานาคปราจีนบุรี

  ติดต่อสอบถามเรา        
            


261
10 ที่เที่ยวตราด จังหวัดมากเสน่ห์ที่ต้องไปเยือนสักครั้ง
1. ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง
          ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองตราด ตั้งอยู่ในบริเวณอำเภอเมืองตราด เป็นศาลหลักเมืองที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น แตกต่างจากที่อื่นตรงที่มีสถาปัตยกรรมแบบเก๋งจีน มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คือเสาหลักเมือง ซึ่งเป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านมาก สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นพร้อมกับวัดโยธานิมิต เมื่อครั้งที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชยังเป็นพระยาวชิรปราการ เดินทางมารวบรวมไพร่พลเพื่อกู้ชาติที่เมืองตราด อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญของที่นี่คือศิวลึงค์ศิลา พบที่บ้านห้วยแร้ง อำเภอเมืองตราด และในวันขึ้น 6 ค่ำ เดือน 6 ของทุกปี จะมีการจัดงาน "วันงานพลีเมือง" ที่ชาวจีน เรียกกันว่า "วันเซี่ยกงแซยิด" ซึ่งหมายถึงวันเกิดของเจ้าพ่อหลักเมืองนั่นเอง
ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง
2. ศาลเจ้าแม่ทับทิม
          ตั้งอยู่ที่อำเภอคลองใหญ่ สร้างขึ้นในช่วง พ.ศ. 2472-2474 และมีการจัดงานเทศกาลประจำปีมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2507 จนถึงปัจจุบัน และเนื่องจากมีประชาชนมากราบไหว้เป็นจำนวนมาก ทำให้สถานที่คับแคบ คณะกรรมการบริหารศาลเจ้าแม่ทับทิมจึงมีมติให้ก่อสร้างศาลหลังใหม่ขึ้น จัดพิธีวางศิลาฤกษ์เมื่อวันจันทร์ที่ 14 มกราคม 2545 เวลา 11.49 น. ส่วนศาลหลังเก่านั้นยังคงอนุรักษ์ไว้
3. วัดไผ่ล้อม
          วัดที่มีความสำคัญที่สุดต่อการศึกษาของจังหวัดตราด ตั้งอยู่ที่ถนนหลักเมือง ตำบลบางพระ อำเภอเมือง ด้วยเป็นที่พำนักของท่านเจ้าคุณพระวิมลเมธาจารย์ วรญาณนุรักษ์ สังฆปราโมก บิดาแห่งการศึกษาจังหวัดตราดนั่นเอง นอกจากนี้ผู้มาเยือนยังจะได้ชมสวนพุทธธรรมที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปได้ใช้เป็นที่ปฏิบัติธรรม และเจดีย์พิพิธภัณฑ์สามท่านเจ้าคุณ ปูชนียบุคคลผู้เป็นที่เคารพบูชาของชาวตราดยิ่งนัก
วัดไผ่ล้อม
4. วัดโยธานิมิต หรือวัดโบสถ์
          เป็นวัดหลวงเพียงแห่งเดียวในจังหวัดตราด สร้างขึ้นเมื่อครั้งสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชรวบรวมไพร่พลที่เมืองตราด แต่เสร็จสมบูรณ์ในสมัยรัชกาลที่ 3 วัดแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ทำพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาของบรรดาข้าราชการตั้งแต่สมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 จึงได้เปลี่ยนมาทำพิธีที่วัดไผ่ล้อม ภายในวัดมีพระอุโบสถศิลปะแบบอยุธยา มีภาพจิตรกรรมฝาผนังเล่าเรื่องพระเวสสันดรชาดก ปัจจุบันกลายเป็นพระวิหาร เรียกว่า วิหารโยธานิมิต และเป็นที่เก็บโบราณวัตถุ เช่น หนังสือใบลาน คัมภีร์เทศน์และรอยพระพุทธบาท
5. วัดบุปผาราม (วัดปลายคลอง)
          วัดเก่าแก่ที่สุดของจังหวัดตราด ตั้งอยู่ที่บ้านปลายคลอง ตำบลวังกระแจะ อำเภอเมือง โดยชาวบ้านเรียกกันว่า "วัดปลายคลอง" สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ในราวรัชสมัยพระเจ้าปราสาททอง (พ.ศ. 2191) ต่อมาภายหลังท่านพระครูคุณสารพิสุทธิ์ (หลวงพ่อโห) อดีตเจ้าอาวาสในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้บูรณปฏิสังขรณ์เสนาสนะถาวรวัตถุในวัด จนมาถึงสมัยปัจจุบัน

          ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจ เช่น พิพิธภัณฑ์วัดบุปผาราม แหล่งรวบรวมโบราณวัตถุอันทรงคุณค่า โดยเฉพาะพระบรมสารีริกธาตุ นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปทองบุเงิน พระพุทธรูปปางต่าง ๆ รวมทั้งเครื่องถ้วยจีน เครื่องถ้วยยุโรป กลองมโหระทึก, ภาพจิตรกรรมฝาผนังเก่าแก่ภายในพระอุโบสถและวิหารพระพุทธไสยาสน์ ซึ่งเป็นภาพที่เขียนขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์โดยฝีมือช่างท้องถิ่น มีการผสมผสานศิลปะจีนและวรรณคดีจีน แสดงให้เห็นว่าวัดแห่งนี้อาจได้รับการอุปถัมภ์จากชาวจีนที่มาค้าขายแถบชายฝั่งทะเลตะวันออกในสมัยนั้น ฯลฯ

6. วัดคีรีวิหาร
          ตั้งอยู่ที่บ้านท่าเลื่อน อำเภอเมือง เป็นวัดเก่าแก่อายุกว่าร้อยปี เดิมชื่อว่า วัดท่าเลื่อน หรือ วัดภูเขายวน ตั้งอยู่ในทำเลซึ่งมองเห็นวิวทิวทัศน์ของป่าเขาและท้องทะเลได้อย่างชัดเจน อาณาบริเวณวัดมีความสงบ ร่มรื่นด้วยสวนป่าสักที่ปลูกเรียงรายเป็นระเบียบ นักท่องเที่ยวที่มาเยือน จะได้ชมความงดงามของสถาปัตยกรรมร่วมสมัยที่น่าสนใจภายในวัดนี้ ไม่ว่าจะเป็นพระอุโบสถหลังใหญ่ พระเจดีย์ เรือนรับรองสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี กุฏิธรรมสารอุทิศและกุฏินิรมิตสามัคคี ศาลาการเปรียญ วิหารจีนอันเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธอุดมสมบูรณ์ พระอวโลกิเตศวร และพระสังกัจจายน์ ที่ผู้คนนิยมเข้ามาสักการบูชาอยู่เสมอ
7. เกาะช้าง
          เกาะที่เปรียบเสมือนเป็นอัญมณีของท้องทะเลตราด อุดมด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ใครที่อยากสัมผัสเกาะช้างในบรรยากาศที่เงียบสงบ แนะนำให้มาบริเวณหาดทางตอนใต้ หรือใครที่อยากสัมผัสสีสันความสนุกคึกคัก แนะนำว่าให้มาบริเวณชายฝั่งตะวันตกของเกาะ ชายหาดที่มีชื่อเสียงของเกาะช้าง ได้แก่ หาดคลองสน, หาดทรายขาว, หาดคลองพร้าว และหาดไก่แบ้ เป็นต้น โดยแต่ละหาดจะเชื่อมยาวถึงกัน แถมบริเวณรอบ ๆ เกาะช้าง ก็ยังมีเกาะน้อยใหญ่สวย ๆ อีกมากมายที่สวยงามไม่แพ้กัน เช่น เกาะช้างน้อย, เกาะเหลายา, เกาะคลุ้ม, เกาะง่าม และเกาะหมาก เป็นต้น บอกเลยว่าธรรมชาติแต่ละเกาะ สวยงามประทับใจคนไปเที่ยวแน่นอน
8. พิพิธภัณฑสถานเมืองตราด
          พิพิธภัณฑสถานเมืองตราด ตั้งอยู่บริเวณถนนสันติสุข ใกล้กับศาลากลางจังหวัดตราด และอนุสาวรีย์เสด็จพ่อ ร.5 โดดเด่นด้วยอาคารไม้เก่าแก่ มีลักษณะเป็นเรือนไม้เสาปูน ยกพื้น ใต้ถุนสูง หลังคาทรงปั้นหยา ภายในจัดแสดงถึงประวัติของเมืองตราด เรื่องราวสำคัญต่าง ๆ ในประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นในจังหวัดตราด พร้อมทั้งวัฒนธรรมประเพณีของคนตราด อีกทั้งยังแนะนำถึงสถานที่ท่องเที่ยวเด่น ๆ ห้ามพลาดของจังหวัดตราด เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรก ๆ ที่อยากให้มาเยือนเมื่อมาเที่ยวตราด

9. พระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 5
          พระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าศาลากลางจังหวัดตราด ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่คนตราดให้ความสำคัญมาก เพราะตลอดรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้มีการเสด็จประพาสหัวเมืองต่าง ๆ ประมาณ 24 ครั้ง โดยเฉพาะเมืองตราดที่พระองค์เสด็จประพาสมากถึง 12 ครั้งด้วยกัน จึงทำให้ชาวตราดมีความผูกพันกับในหลวง รัชกาลที่ 5 อย่างมาก หากใครวางแผนไปเที่ยวตราดก็อย่าลืมแวะไปที่อนุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 กันนะ
10. เกาะหมาก
          ตั้งอยู่ระหว่างเกาะช้างและเกาะกูด เสน่ห์ของเกาะหมากอยู่ที่ความเงียบสงบ ไม่ค่อยมีสถานที่ท่องเที่ยวบันเทิงมากนัก น้ำทะเลใสแจ๋ว จะเล่นน้ำหรือชมปะการังสวย ก็ทำได้จุใจ แนะนำว่าการไปเที่ยวเกาะหมากควรไปเที่ยวแบบค้างคืน เพราะว่าตัวเกาะอยู่ห่างจากฝั่งค่อนข้างมาก ซึ่งนักท่องเที่ยวควรซื้อแพ็กเกจจากทางที่พักบนเกาะหมากไปก่อนล่วงหน้า จะเป็นการสะดวกที่สุด สำหรับกิจกรรมห้ามพลาดบนเกาะหมาก นั่นคือ การดำน้ำ ซึ่งจุดที่สามารถดำน้ำชมปะการังได้อย่างสวยงาม ได้แก่ บริเวณหมู่เกาะรัง, เกาะยักษ์ใหญ่, เกาะยักษ์เล็ก และเกาะมะปริง เป็นต้น

ตั๊กออแกไนท์ตราด รับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ 
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคตราด
นางรำตราดเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคตราด
ตราดรําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคตราด
รําบวงสรวงพญานาคตราด
ฟ้อนบูชาพญานาคตราด
รําบวงสรวงพญานาคตราด

  ติดต่อสอบถามเรา        
            


262
10 ที่เที่ยวจันทบุรี หลากหลายความสนุก อยากเที่ยวแบบไหนจัดเลย

1. อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ

           เริ่มกันกับสถานที่แรกคือ "อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ" เป็นแหล่งต้นน้ำสำคัญของแม่น้ำจันทบุรี เนื่องจากสภาพป่าในบริเวณนี้มีหลากหลายและอุดมสมบูรณ์รวมทั้งมีพันธุ์ไม้หายากจำนวนมาก ซึ่งภายในยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ได้แก่ "น้ำตกกระทิง" มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาคิชฌกูฏ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่มี 13 ชั้น, "ยอดเขาพระบาท" ประดิษฐานอยู่บนยอดเขาคิชฌกูฎ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาที่นำมาผูกกับตำนานทางพระพุทธศาสนา โดยสามารถชมทิวทัศน์ของเทือกเขาสระบาป เขาสุกิม เกาะนมสาว และตัวเมืองจันทบุรีได้

          ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะกำหนดจัดงานนมัสการพระบาทพลวง ณ เขาคิชฌกูฏ เป็นประจำทุกปีในช่วงขึ้น 1 ค่ำ เดือน 3 ซึ่งประชาชนจะนิยมไปนมัสการรอยพระบาทพลวงเป็นจำนวนมากเพื่อเสริมสิริมงคลให้กับตัวเอง

          + เขาคิชฌกูฏ 2563 นมัสการรอยพระพุทธบาทพลวง วันที่ 25 มกราคม - 24 มีนาคม

2. ตึกแดง

           ตั้งอยู่ที่ตำบลปากน้ำแหลมสิงห์ อำเภอแหลมสิงห์ บริเวณท่าเรือแหลมสิงห์ ใกล้กับคุกขี้ไก่ ห่างจากตัวเมืองจันทบุรี 30 กิโลเมตร สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2436 เดิมเป็นที่ตั้งของป้อมพิฆาตปัจจามิตร ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 ต่อมาเมื่อฝรั่งเศสเข้ายึดเมืองจันทบุรีได้รื้อป้อมแห่งนี้ลง และสร้างตึกแดงขึ้นเพื่อใช้เป็นที่พักและกองบัญชาการทหารฝรั่งเศส เป็นตึกชั้นเดียว สีแดง หลังคามุงกระเบื้อง และเปิดให้เข้าชมทุกวันในเวลา 08.30-16.30 น.

3. คุกขี้ไก่

         ตั้งอยู่ที่ตำบลปากน้ำแหลมสิงห์ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2436 ตั้งอยู่ใกล้กับตึกแดง เมื่อฝรั่งเศสได้เข้ายึดจันทบุรีในกรณีพิพาท เรื่องดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ฝรั่งเศสได้สร้างคุกขี้ไก่เพื่อใช้กักขังคนไทยที่ต่อต้านฝรั่งเศส มีลักษณะเป็นหอสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดเล็ก ผนังก่ออิฐ มีช่องระบายอากาศอยู่สองแถว หลังคาโปร่ง เล่ากันว่าเป็นคุกที่ทรมานมาก เพราะชั้นบนใช้เป็นที่เลี้ยงไก่ ซึ่งจะถ่ายมูลราดศีรษะนักโทษที่ถูกคุมขังตลอดเวลา


4. ค่ายตากสิน

         ตั้งอยู่ที่ถนนท่าหลวง ภายในประกอบด้วยอาคารเก่าแก่หลายแห่งมีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบยุโรป นั่นก็เพราะว่าที่นี่เคยเป็นที่ตั้งค่ายกองกำลังของทหารฝรั่งเศสในช่วง ร.ศ. 112 (พ.ศ. 2436) ในสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทหารฝรั่งเศสได้สร้างอาคารไว้หลายหลัง เช่น อาคารกองรักษาการณ์ทหารฝรั่งเศส, อาคารที่คุมขัง, อาคารกองบัญชาการทหาร, อาคารคลังพัสดุ, อาคารที่พักทหารรักษาการณ์ฝรั่งเศส, อาคารซ่อมบำรุงและสรรพาวุธ, คลังกระสุนปืนดินดำ เป็นต้น


         การเข้าเที่ยวชมค่ายตากสิน จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวชมเฉพาะในโซนศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชและอาคารโบราณสถานต่าง ๆ เท่านั้น เปิดให้เข้าเที่ยวชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย สามารถนำรถเข้าไปจอดบริเวณด้านในค่ายได้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานระยอง โทรศัพท์ 0 3865 5420
 

5. สถานีพัฒนาป่าชายเลนที่ 2 ลุ่มน้ำเวฬุ

           ตั้งอยู่บริเวณบ้านท่าสอน ตำบลบ่อ อำเภอขลุง มีพื้นที่ 120,000 ไร่ ห่างจากตัวเมืองจันทบุรี 18 กิโลเมตร บนเส้นทางถนนสุขุมวิท ประมาณ กิโลเมตร ที่ 374-375 เป็นป่าชายเลนลุ่มน้ำเวฬุ อยู่ในความดูแลของสถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่ 2 (ท่าสอน จันทบุรี) ป่าชายเลนมีพันธุ์ไม้หลายชนิด เช่น โกงกาง แสม ลำพู แต่ละจุดแสดงจะมีป้ายสื่อความหมายไว้ โดยไฮไลท์อีกหนึ่งอย่างของที่นี่คือการชมหิ่งห้อยในป่าชายเลน โดยไม่ต้องลงเรือ เพราะมีถนนคนเดินยาว 2 กิโลเมตรครึ่ง ลดเลี้ยวเข้าไปในป่าชายเลน มีหิ่งห้อยนับแสนตัวเปล่งแสงระยิบระยับตลอดสองข้างทาง มีที่จอดรถกว้างขวางก่อนจะเข้าป่าชายเลน
 
           ทั้งนี้สอบถามรายละเอียดได้ที่ สถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่ 2 (ท่าสอน จันทบุรี) โทรศัพท์ 061 683 0926 หรือเฟซบุ๊ก ศูนย์การเรียนรู้เชิงนิเวศป่าชายเลนท่าสอน จ.จันทบุรี

6. เที่ยวย่านท่าหลวง เที่ยวชมย่านเก่าริมแม่น้ำ

           ย่านท่าหลวงตั้งอยู่ที่ถนนท่าหลวง ตำบลท่าช้าง อำเภอเมือง เป็นย่านการค้าเก่าของเมืองจันทบูรณ์ ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจันทบุรี เป็นชุมชนย่านเก่าแก่ของจีนและญวนมาตั้งแต่สมัยต้นรัตนโกสินทร์ และรุ่งเรืองมากในสมัยรัชกาลที่ 5 สามารถเดินเที่ยวชมบรรยากาศย้อนยุคอย่างสบาย ๆ มองหาอาคารเรือนแถวที่สร้างตามแบบโคโลเนียล ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมลูกครึ่งฝรั่งผสมจีน ลักษณะอาคารเรียงโค้งกันเป็นแถว และประดับชายคาด้วยแป้นไม้แกะฉลุลวดลายโปร่งตา


           ร้านค้าหลายร้านยังคงสภาพแบบดั้งเดิมไว้ เช่น ร้านตัดผมเรือนไม้, ร้านขายยาจีนแผนโบราณ, บ้านหลวงราชไมตรี ผู้ได้รับฉายา "บิดาแห่งยางพาราภาคตะวันออก" คหบดีแห่งย่านท่าหลวง ซึ่งบุกเบิกการค้ายางพาราในจังหวัดนี้ ตัวบ้านสร้างแบบโคโลเนียล และเคยเป็นสถานที่ถ่ายทำหนัง "โหมโรง" และละคร "อยู่กับก๋ง" ทั้งนี้ แวะร้านไอศกรีม "จรวด" เป็นทั้งร้านอร่อย และโรงงานแรกของจังหวัดที่ใช้เครื่องจักรผลิตไอศกรีมตั้งแต่ปี พ.ศ. 2502 เป็นต้นมา ซึ่งยังคงบรรยากาศเก่าแก่ของตัวอาคารแบบโคโลเนียลไว้ และแวะที่ร้านขายของที่ระลึกต่าง ๆ ชื่อร้าน "ทำสี" ที่ขายดี เช่น เสื้อยืด โปสการ์ด แม่เหล็กติดตู้เย็น และของใช้จุกจิก

           - 12 ที่พักจันทบุรีในเมือง นอนสบาย เดินทางเที่ยวแสนสะดวก

          - 10 ร้านกาแฟจันทบุรี บรรยากาศดีต่อใจ มาแล้วต้องเช็กอินให้ครบ

          - เที่ยวจันทบุรี 2 วัน 1 คืน แวะนอนพักโฮมสเตย์ เดินเล่นชุมชนริมน้ำชิล ๆ

7. อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว
 
           ตั้งอยู่ในเขตอำเภอแหลมสิงห์ บนเทือกเขาสระบาป มีเนื้อที่ 84,063 ไร่ มีพันธุ์ไม้ต่าง ๆ และยังสัตว์ป่าต่าง ๆ หลายชนิดเช่น โดยที่มาของชื่อน้ำตกคือคำว่า "พลิ้ว" กล่าวกันว่าเป็นภาษาชอง ซึ่งเป็นเจ้าของถิ่นเดิม แปลว่า ทราย หรือ หาดทราย แต่เข้าใจกันว่าน้ำตกพลิ้วคงจะได้ชื่อมาจากต้นไม้ชนิดหนึ่ง ซึ่งชอบขึ้นในดินปนทราย เป็นไม้เถามีดอกเป็นผลเล็กขนาดลูกเกด สีเหลืองอมแดง ขึ้นทั่วไปในแถบนี้ สำหรับน้ำตกพลิ้วเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ มีน้ำตลอดปี ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว

8. หาดเจ้าหลาว

           ชายหาดชื่อดังที่ตั้งอยู่ในตำบลคลองขุด อำเภอท่าใหม่ อยู่ทางทางด้านตะวันออกของอ่าวคุ้งกระเบน และอยู่ก่อนถึงตัวเมืองจันทบุรี 60 กิโลเมตร เป็นชายหาดที่มีชื่อแห่งหนึ่งของเมืองจันท์ เพราะมีชายหาดที่สวยงาม มีบรรยากาศเงียบสงบ ร่มรื่นด้วยทิวมะพร้าว หาดทรายจะเป็นสีแดงละเอียด ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษของหาดทรายเมืองจันท์ รวมทั้งหาดทรายของหาดเจ้าหลาวยังทอดยาวไปจดเขตห้ามล่าสัตว์ป่าคุ้งกระเบน มีกิจกรรมทางน้ำให้เลือกทำมากมาย เช่น เล่นน้ำทะเล, บานาน่าโบ๊ต, ดำน้ำดูปะการังน้ำตื้น ซึ่งอยู่ห่างจากฝั่งเพียง 2 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังมีเรือท้องกระจกให้บริการอีกด้วย

          - 10 ที่พักหาดเจ้าหลาว พักผ่อนยาว ๆ เคล้าบรรยากาศริมทะเล

          - 5 ทะเลจันทบุรี บรรยากาศเป็นส่วนตัวดีต่อใจ เที่ยววนไปก็ไม่เบื่อ

9. ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

           เป็นสถานที่สำคัญสำหรับศึกษาค้นคว้าและวิจัย เพื่อเป็นแนวทางการพัฒนาที่เหมาะสมต่อสภาพพื้นที่ชายฝั่งจังหวัดจันทบุรีโครงการหนึ่งที่ศูนย์ทำขึ้น เพื่อให้ประชาชนที่สนใจเข้ามาศึกษาสภาพธรรมชาติ ก่อให้เกิดความเข้าใจระบบนิเวศในป่าชายเลน และรู้จักใช้ทรัพยากรเหล่านั้นให้เกิดประโยชน์สูงสุด คือ สะพานเดินศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนอ่าวคุ้งกระเบน ตั้งอยู่ตรงข้ามศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริใช้เวลาเพียง 30-45 นาที บนเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ระยะทาง 1,600 เมตร มีจุดสื่อความหมายธรรมชาติอยู่ตามบริเวณจุดต่าง ๆ เป็นแหล่งอาหารธรรมชาติ ตลอดจนแหล่งสมุนไพรสำหรับชุมชนที่อาศัยอยู่โดยรอบอีกด้วย

           สำหรับที่นี่เปิดทุกวันเวลา 06.30-18.00 น. การเข้าชมเป็นหมู่คณะควรติดต่อล่วงหน้าที่ศูนย์ศึกษาพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ นอกจากนี้ ทางศูนย์ยังมีบริการบ้านพักสำหรับบริการหน่วยงานรัฐที่ไปจัดอบรมสัมมนาโดยติดต่อล่วงหน้า โทรศัพท์ 0 3936 9216-8 โทรสาร 0 3936 9219 หรือ fisheries.go.th และ เฟซบุ๊ก ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ

10. ถนนอัญมณี

           "ถนนอัญมณี" หรือ "ตลาดพลอย" ตั้งอยู่ภายในบริเวณถนนศรีจันท์และซอยกระจ่าง นับเป็นถนนเศรษฐกิจของจังหวัด เพราะเป็นที่ตั้งของร้านเจียระไนพลอยและร้านค้าอัญมณีต่าง ๆ ซึ่งอาจนับได้ว่าสถานที่แห่งนี้เป็นตลาดค้าพลอยเจียระไนที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ในวันศุกร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 10.00-15.00 น. ยังสามารถเห็นบรรยากาศการซื้อขายพลอยของพ่อค้าพลอย ที่เดินทางมาจากที่ต่าง ๆ กันทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

ตั๊กออแกไนท์จันทบุรีรับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ 
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคจันทบุรี
นางรำจันทบุรีเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคจันทบุรี
จันทบุรีรําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคจันทบุรี
รําบวงสรวงพญานาคจันทบุรี
ฟ้อนบูชาพญานาคจันทบุรี
รําบวงสรวงพญานาคจันทบุรี



  ติดต่อสอบถามเรา        
            


263
10 ที่เที่ยวอุทัยธานี เมืองประวัติศาสตร์ ธรรมชาติงาม ที่ไม่ควรพลาด!
10 ที่เที่ยวอุทัยธานี เมืองประวัติศาสตร์
ธรรมชาติงาม ที่ไม่ควรพลาด!
วิหารแก้ว วัดท่าซุง
พระพุทธชินราชจำลอง
วัดท่าซุง หรือ วัดจันทาราม วัดขึ้นชื่อเรื่องความงามของจังหวัดอุทัยธานี และเป็นหนึ่งในวัดที่สวยที่สุดในประเทศไทย เป็นวัดเก่า แต่ก็ได้มีการบูรณะเรื่อยมาตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน มีรูปหล่อหลวงพ่อปาน และหลวงพ่อใหญ่ขนาด 3 เท่า อยู่มุมกำแพงด้านหน้า มณฑป และพระวิหารแก้วที่ประดิษฐาน พระพุทธชินราชจำลอง และศพของหลวงพ่อฤาษีลิงดำที่ไม่เน่าเปื่อย ไฮไลท์ความงามของที่นี่ต้องยกให้ “วิหารแก้ว 100 เมตร” ที่ตกแต่งด้วยโมเสกแก้วเล็กๆทั้งวิหาร ทำให้ดูแวววับจับตา

ถัดมาอีกหน่อยแต่ยังอยู่ภายในบริเวณวัดท่าซุงนี้ จะพบ ปราสาททองคำ (กาญจนาภิเษก)  ก่อสร้างด้วยการก่ออิฐฉาบปูน ประดับลวดลายไทยปิดทองคำเปลวติดกระจก ใช้เป็นสถานที่ประดิษฐานพระพุทธรูปที่ญาติโยมถวาย รอบนอกปราสาทใช้ทองคำเปลวปิดรอบปราสาทอีกด้วย

ถ้ำพุหวาย ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติพุเตย เคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำละครนาคี ภายในถ้ำจะพบภูเขาหินปูนสูงชันสลับซับซ้อน หินงอกหินย้อย หลากหลายแบบ อาทิ หินดอกเห็ด, หินย้อย, เสาโรมัน, ดอกไม้หิน, หินรูปหัวปลาโลมา,หินเกร็ดเพชร, หินงอกดอกกุหลาบ เป็นต้น อีกทั้งยังมีค้างคาวอาศัยอยู่ถึง 9 ชนิด และ พระพุทธรูป ที่ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวเข้ามากราบไหว้

ทางด้านหลังของถ้ำพุหวาย คือ ถ้ำเทพมาลี หรือ ถ้ำพญานาค เป็นถ้ำขนาดเล็กค่อนข้างลึกมีความสวยงามตามธรรมชาติของหินงอกหินย้อย หากเดินขึ้นไปยัง ยอดเขาพุหวาย สูงกว่า 700 เมตรจากระดับน้ำทะเล จะสามารถมองเห็นทัศนียภาพที่กว้างไกลอย่างสวยงาม บนสันเขามีสภาพเป็นป่าเต็งรังที่ค่อนข้างสมบูรณ์

หุบป่าตาด ตั้งอยู่ในอำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี ขึ้นชื่อว่าเป็น ดินแดนจูราสสิคเมืองไทย ชมความมหัศจรรย์ของผืนป่าดึกดำบรรพ์ บริเวณโดยรอบของหุบป่าตาดนี้เป็นระบบนิเวศค่อนข้างปิดเนื่องจากมีทางเข้าออก ทางเดียว แสงแดดจะส่องถึงเฉพาะช่วงเวลาเที่ยงวันเท่านั้น เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักผจญภัยลิสไว้ว่าต้องมาให้ได้ เป็นอีกหนึ่งที่ท่องเที่ยว Unseen ของเมืองไทยอีกด้วย ให้ความรู้สึกเหมือนเราเข้าไปอยู่ในยุคจูราสิคอย่างงั้นเลย

ไฮไลท์สำคัญของหุบป่าตาด ได้แก่ “ต้นตาด” ที่เป็นพืชตระกูลปาล์มดึกดำบรรพ์ที่พบมากในบริเวณหุบเขาหินปูนนี้ และ “กิ้งกือมังกรสีชมพู” สัตว์หายากของโลกที่ในประเทศไทยสามารถพบเห็นได้ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น ซึ่งหุบป่าตาดจะเปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.00-17.00 น.

วัดถ้ำเขาวง

วัดถ้ำเขาวง วัดไม้เก่าแก่ท่ามกลางภูเขาหินปูน

 วัดสวย แปลกตา ที่เราอยากให้คุณหาโอกาสไปเยี่ยมชมให้ได้ หากมองจากภาพถ่ายเชื่อว่าหลายคนคงคิดว่า เป็นรีสอร์ทสวยๆ ที่ไหนสักแห่ง แต่ความจริงแล้วที่นี่คือ “วัด” โดยวัดแห่งนี้เป็นอาคาร 4 ชั้น ออกแบบลักษณะเรือนไทย ยกใต้ถุน แบ่งสัดส่วนการใช้งานเป็น 4 ส่วน คือ ใต้ถุนเป็นลานเอนกประสงค์และร้านขายของ , ชั้นที่ 2 เป็นวิหาร , ชั้นที่ 3 เป็นกุฏิ และ ชั้นที่ 4 จะเป็นโบสถ์สร้างด้วยไม้สัก และไม้มะค่า

วัดถ้ำเขาวง วัดไม้เก่าแก่ท่ามกลางภูเขาหินปูน

บริเวณโดยรอบ วัดถ้ำเขาวงมีการจัดภูมิทัศน์ให้สวยงาม ร่มรื่น มีฉากหลังเป็นเขาหินปูนสูงตระหง่าน บริเวณด้านหน้ามีสวนไม้ดัด และบ่อน้ำซึ่งมีปลาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ห่างจากตัววัดไปทางด้านหลังจะมีถ้ำอยู่ประมาณ 7-8 ถ้ำ บางถ้ำเป็นที่นั่งวิปัสสนาสำหรับพระภิกษุ บางถ้ำเป็นถ้ำค้างคาว และบางถ้ำก็มีหินงอกหินย้อยให้ชมกัน ระหว่างทางเดินที่จะขึ้นไปชมถ้ำ จะผ่านน้ำตกเทียมที่ดูเข้ากับบรรยากาศ เมื่อมาเยือนวัดแห่งนี้ จะรู้สึกปลอดโปร่ง ทั้งจากใจที่สงบจากการทำบุญ และจากกายที่ได้พักผ่อนเหมือนมาตากอากาศในรีสอร์ท

เมืองอุไทยธานีเป็นเมืองที่อยู่บนที่ดอน ไม่มีแม่น้ำสายใหญ่ ในอดีตจึงต้องค้าขายกันโดยการพายเรือ ชาวเมืองต้องขนข้าวบรรทุกเกวียนมาลงที่แม่น้ำ จึงทำให้พ่อค้าพากันไปตั้งยุ้งฉางรับซื้อข้าวที่ริมแม่น้ำจนเป็นหมู่บ้านใหญ่ เรียกว่า “หมู่บ้านสะแกกรัง” เนื่องจากเป็นพื้นที่มีป่าสะแกขึ้นเต็มริมน้ำ และมีต้นสะแกใหญ่อยู่กลางหมู่บ้าน
วีถีชีวิตชาวเรือนแพ แห่งลำน้ำสะแกกรัง

หาเรามาเยือนที่แห่งนี้ก็จะได้ชมภาพชีวิตของชาวแพ ซึ่งได้สร้างบ้านคร่อมไว้บนแพลูกบวบไม้ไผ่ และตลอดลำน้ำยังจะได้เห็นการปลูกพืชผักลอยน้ำที่สวยงาม โดยเฉพาะเตยแพ และพุทธรักษาที่ชาวบ้านปลูกไว้อย่างมากมาย รวมไปถึงการเลี้ยงปลาในกระชังที่ทำกันทุกแพ สำหรับสิ่งที่ถือว่าเป็นความโดดเด่นของแม่น้ำสายนี้ คือ ปลาแรดที่มีรสชาติดีกว่าแหล่งอื่น ๆ ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรจึงมีการทำประมงน้ำจืดจำนวนมาก และในบางฤดูจะมีกุ้งแม่น้ำขนาดใหญ่ ให้กับคนท้องถิ่นได้ตกขึ้นมาเป็นอาชีพเสริมมีรายได้ดี

เที่ยว ถนนคนเดิน ตรอกโรงยา หรือ เซ็กเกี๋ยกั้ง ไปสัมผัสผู้คนในชุมชนที่ยังคงผูกพันกับวีถีชีวิตในอดีต เสน่ห์ของที่นี่ก็คือ บ้านเรือนไม้เก่าๆ ที่ทุกวันเสาร์ บนถนนสายเล็กๆ แห่งนี้ จะมีนักท่องเที่ยวต่างพากันมาเดินเที่ยว กินอาหารอร่อยๆ ขึ้นชื่อของเมืองอุทัยฯ ผู้คนในชุมชนจะเปิดบ้านชาวจีนในสมัยก่อนหลายหลัง รวมถึงมีการเล่าถึงประวัติของตรอกโรงยาในสมัยก่อน ให้นักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ได้ทราบกัน นอกจากจะอิ่มความรู้กันแล้ว แถมยังได้ช๊อบของฝากเล็กๆ น้อยๆ กลับมาฝากคนที่บ้านอีกด้วยนะ

ประเพณีตักบาตรเทโว มีปรากฏอยู่ในพุทธตำนาน เรื่อง “เทโวโรหณสูตร” ประเพณีตักบาตรเทโว มาจากคำว่า “เทโวโรหณะ” การเสด็จลงจากสวรรค์ ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ในแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงสู่มนุษย์โลก จากพุทธตำนานดังกล่าว พุทธศาสนิกชนในจังหวัดอุทัยธานีจึงได้ร่วมกันจัดงาน เป็นประเพณีสืบต่อกันมาช้านาน โดยจะมี พระภิกษุสงฆ์จากทุกอำเภอในจังหวัดอุทัยธานี จะมาชุมนุมกัน ณ ยอดเขาสะแกกรัง เพื่อลงมารับบาตรจากพุทธศาสนิกชน โดยลงมาตามบันไดจำนวน 449 ขั้น

ทานกาแฟร้านดัง “ร้านจงรัก” ทานกาแฟร้านดัง “ร้านจงรัก”

ร้านนี้นอกจากจะขายกาแฟสด น้ำสมุนไพรต่างๆแล้ว
ยังเรียกได้ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์สะสมของเก่าแห่งเมืองอุทัยได้อีกด้วย
มีคุณป้าจันทิตาและคุณลุงไพศาลเป็นเจ้าของ คุณลุงเล่าว่าแต่ก่อนที่ตรงนี้เป็นบ่อปลา ต่อมาก็เริ่มถมที่และปลูกต้นไม้ ซึ่งต้นไม้ทุกต้นที่นี่คุณลุงไพศาลเป็นคนปลูกเองทั้งหมด ใช้เวลาเกือบ 30 ปี! เมื่อนำพื้นที่ตรงนี้มาทำเป็นโฮมสเตย์ ก็สร้างโดยการปลูกแทรกตามต้นไม้ โดยไม่ตัดต้นใดทิ้งแม้แต่ต้นเดียว ^^

บ้านสวนจันทิตา เป็นที่พักโฮมสเตย์ แบบบ้านไม้ 4 หลัง ตั้งแทรกอยู่ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ เชื่อมต่อกันทั้งหมด 4 หลัง ซึ่งบ้านแต่ละหลังจะมีความสูงไม่เท่ากัน เพราะอยากให้ดูมีมิติ และระบายอากาศได้ดี ภายในบ้านโปร่งสบาย เน้นเจาะหน้ารอบบ้านให้เราเห็นธรรมชาติได้แบบพาโนรามา อีกทั้งบรรยากาศโดยรอบยังร่มรื่นด้วยพรรณไม้นานาชนิด แถมที่พักราคาไม่แพงด้วย เพียงหลังละ 2,000 บาทเท่านั้น แต่ถ้าอยากมาพักผ่อนที่นี่ต้องจองล่วงหน้ากันยาวสักหน่อย ^

ตั๊กออแกไนท์อุทัยธานี รับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ 
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคอุทัยธานี
นางรำอุทัยธานีเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคอุทัยธานี
อุทัยธานีรําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคอุทัยธานี
รําบวงสรวงพญานาคอุทัยธานี
ฟ้อนบูชาพญานาคอุทัยธานี
รําบวงสรวงพญานาคอุทัยธานี


  ติดต่อสอบถามเรา        
            


264
12 ที่กิน ที่เที่ยวอ่างทอง เมืองรองที่ไม่ควรมองข้าม

12 ที่กิน ที่เที่ยวอ่างทอง
เมืองรองที่ไม่ควรมองข้าม
1. พระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดในโลก วัดม่วง
วัดม่วง ที่ประดิษฐาน พระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดในโลก (พระใหญ่) มีความเชื่อกันว่าหากใช้ 2 มือ สัมผัสที่ปลายนิ้วกลางของหลวงพ่อ แล้วตั้งจิตอธิษฐาน โดยเฉพาะให้เติบโต เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน จะสมหวังตามปรารถนา

2. วัดขุนอินทประมูล

วัดเก่าแก่ ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยสุโขทัย ประดิษฐานพระนอนที่ยาวเป็นอันดับสองในประเทศไทย รองจากพระนอนแห่งวัดบางพลีใหญ่กลาง จังหวัดสมุทรปราการ เดิมพระพุทธไสยาสน์องค์นี้ประดิษฐานอยู่ในวิหาร แต่ถูกไฟไหม้ไป จึงเหลือเพียงพระนอนอยู่กลางแจ้งเท่านั้น ซึ่งมีพระพักตร์ยิ้มละไม สงบเยือกเย็น น่าเลื่อมใสศรัทธา
3. วัดป่าโมกวรวิหาร

สักการะพระพุทธไสยาสน์ ที่งดงามที่สุดองค์หนึ่งของไทย  ตัวองค์พระก่ออิฐถือปูนปิดทอง สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยสุโขทัย ผู้คนนิยมมากราบไหว้ขอพรเรื่องสุขภาพ ให้แข็งแรงและปราศจากโรคภัย เพราะมีตำนานเล่าต่อกันมาว่า สมัยโบราณที่อหิวาตกโรคระบาดหนัก ชาวบ้านได้ยินเสียงบอกวิธีรักษา จึงเรียกพระนอนองค์นี้ว่า พระนอนพูดได้ และเป็นศูนย์รวมจิตใจชาวบ้านตั้งแต่นั้น

4. พระธาตุเจดีย์ศรีโพธิ์ทอง วัดท่าอิฐ

วัดท่าอิฐ วัดที่สวยงามที่สุดวัดหนึ่งของภาคกลาง ชมความอลังการของพระธาตุเจดีย์ศรีโพธิ์ทอง ที่ตั้งตระหง่านทองอร่ามมาแต่ไกล ซึ่งเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระศอของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระพุทธรูปปางต่าง ๆ  พร้อมกราบไหว้หลวงพ่อเพช็รในอุโบสถ และหลวงพ่อขาว ในวิหาร

5. โบสถ์เก่าแก่ใต้ต้นโพธิ์ วัดสังกระต่าย

วัดสังกระต่าย สถานที่เที่ยว Unseen แห่งใหม่ของอ่างทอง ชมโบสถ์ร้างโบราณ อายุกว่า 400 ปี ที่ถูกต้นโพธิ์ล้อมรอบผนังทั้ง 4 ด้านไว้อย่างแน่นหนา เรียกว่าสวยแปลกตามากๆ ด้านในแบ่งออกเป็น 3 ห้อง ห้องแรกประดิษฐานหลวงพ่อแก่น ถัดมาห้องใหญ่มีพระประธานองค์ใหญ่หลวงพ่อวันดี และหลวงพ่อศรี หลวงพ่อสุขที่มีขนาดย่อมลงมาประดิษฐานอยู่ ห้องสุดท้ายเป็นห้องว่าง ปัจจุบันไม่มีหลังคาปกคลุมโบสถ์ ม่ีเพียงร่มเงาของต้นโพธิ์ปกคลุมแทน

6. พิพิธภัณฑ์ตุ๊กตาชาววังบ้านเสด็จ
ศูนย์ตุ๊กตาชาววังบ้านบางเสด็จ ตั้งอยู่ภายในบริเวณวัดท่าสุทธาวาส ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นอาคารทรงไทย 2 ชั้น ชั้นบนจัดแสดงนิทรรศการพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ ส่วนชั้นล่างเป็นที่ทำการของกลุ่มปั้นตุ๊กตาชาววัง จะมีการสาธิตปั้นตุ๊กตาจากดินเหนียว และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ตุ๊กตา รวมถึงผลิตภัณฑ์ OTOP ของจังหวัดอ่างทอง ในราคาย่อมเยา

ซึ่งที่นี่ เป็นโครงการที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2519 เพื่อสร้างอาชีพเสริมให้กับคนในชุมชนค่ะ

7. บ้านหุ่นเหล็ก

บ้านหุ่นเหล็ก เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของนายไพโรจน์ ถนอมวงษ์ ที่นำอะไหล่เก่าเหลือใช้จากเครื่องยนต์ต่าง ๆ มาสร้างเป็นหุ่นต่าง ๆ นำมาเชื่อมประกอบกันในรูปแบบต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากภาพยนตร์ดังหลายเรื่อง พวกทรานส์ฟอร์มเมอร์ส สตาร์วอร์ เอเลี่ยน ฯลฯ มีตั้งแต่ขนาดใหญ่ 2-4 เมตร ไล่มาถึงหุ่นขนาดเล็ก นอกจากนี้ที่นี่ยังมีของที่ระลึกให้เลือกซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้าน และที่สำคัญค่าเข้าชมฟรี

เปิดให้เข้าชมทุกวัน 9.00 – 17.00 น.

8. สภากาแฟ บ้านหุ่นเหล็ก

คาเฟ่สุดชิคที่ตั้งอยู่ภายใน บ้านหุ่นเหล็ก ที่นี่แนวมากๆ เพราะมีสไตล์ที่โดดเด่น ตกแต่งร้านด้วยหุ่นยนต์และเฟอร์นิเจอร์ที่ทำมาจากเหล็ก

สภากาแฟมีทั้งอาหาร ไอติม และเครื่องดื่ม ที่สำคัญราคาย่อมเยามาก เมนูแนะนำ ชากุหลาบฝรั่งเศส รสชาติหอมกลิ่นกุหลาบ ปนด้วยความหวานบางๆ ของน้ำผึ้งแท้ๆ  Affogato (อัฟโฟกาโต) กาแฟราดไอติมนี่ก็เด็ดมากๆ สภาซันเดย์ ไอติมที่เสิร์ฟมาพร้อมกับสายไหม มาเป็น set ใส่ปิ่นโตเลยค่ะ เก๋ไก๋มากค่ะ
9. Pomm Cafe

ที่นี่เป็นที่รู้จักกันดีของคอกาแฟชาวอ่างทอง เรียกได้ว่าเป็นผู้บุกเบิกกาแฟสดในจังหวัดอ่างทองเลยก็ว่าได้ เมล็ดกาแฟก็คั่วกันเองที่ร้านนั่นแหละ ทำให้กาแฟมีกลิ่นหอม ลอยเตะจมูกตั้งแต่ก้าวเข้าร้านเลยค่ะ

บรรยากาศของร้านเน้นธรรมชาติสบายๆ ร่มรื่นมากๆ กาแฟรสเลิศ ราคาไม่แพง ถ้าใครไม่ชอบทานกาแฟ แนะนำให้สั่งชาบาบูตองมาลองทานค่ะ อร่อย รสกลมกล่อมสุดๆ

10. มะขามคาเฟ่

สายเขียวมาทางนี้! มะขามคาเฟ่ ร้านกาแฟสไตล์บ้านๆ บรรยากาศโคตรชิลล์ ให้คุณเข้ามานั่งจิบเครื่องดื่มเย็นๆ พลางชมวิวทุ่งนา แล้วยังมีอาหารประเภทส้มตำ อาหารจานเดียว ให้บริการด้วย หรือจะเดินถ่ายรูปไปตามสะพานไม้ที่ทอดยาวผ่านท้องทุ่งกว่า 200 เมตร หากมองเลยไปทางด้านหลัง จะเห็นหลวงพ่อพระพุทธรูปองค์ใหญ่ วัดม่วง สีทองอร่ามตัดกับสีเขียวขจีของนาข้าว น่าเลื่อมใส

11. อินทร์โตฟาร์ม (Intofarm)

อินทร์โตฟาร์ม ฟาร์มเมล่อนที่มีโรงเรือนขนาดใหญ่กว่า 40 หลัง และปลูกเมล่อนกว่า 10 สายพันธุ์ ซึ่งที่นี่เราสามารถเข้าไปตัดผลเมล่อนเองได้ด้วยนะ ใครสนใจสามารถแจ้งทางฟาร์มล่วงหน้าไว้เลย นอกจากเมล่อนลูกโต รสชาติหวาน กรอบ อร่อยแล้ว ยังมีเมนูอาหารคาวหวานสารพันที่นำเมล่อนไปเป็นส่วนผสม ไม่ว่าจะเป็นเมล่อนปั่น ไอศกรีมเมล่อน บิงซูเมล่อน บัวลอยเมล่อน วาฟเฟิลเมล่อน โอ้โหหหเยอะขนาดนี้ ต้องไปลองให้รู้ซะหน่อย

12. ตลาดวิเศษชัยชาญ
ตลาดวิเศษชัยชาญ หรือ ตลาดศาลเจ้าโรงทอง เป็นตลาดโบราณที่อยู่คู่กับจังหวัดอ่างทองมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ส่วนใหญ่เป็นชาวจีน ปลูกอาคาร บ้านเรือนไม้ เรียงชิดติดกัน แล้วยังมีการอนุรักษ์โรงแรมเก่า โรงสีข้าว ร้านขายของชำไว้ด้วย นอกจากนี้ยังมีอาหารคาวหวานอร่อยๆ ห้ามพลาด เช่น ปลาม้าทอดน้ำปลา ข้าวต้มห่อ ขนมดอกลำดวน ขนมกล้วยรังผึ้ง ขนมเกษรลำเจียก และอี่นๆ รอให้คุณมาลิ้มลองอีกมากมาย
หยุดเสาร์ อาทิตย์ หรือวันไหนว่างๆ ตามรอยเราไปเที่ยวอ่างทองกันนะคะ พาครอบครัวไปทำบุญ จูงมือแฟนไปนั่งทานขนมอร่อยๆ หรือจะไปกันเป็นกลุ่มเพื่อน ก็สนุกสนาเฮฮา ที่สำคัญอยู่ใกล้กรุงเทพนิดเดียว เที่ยวแบบไม่เหนื่อยด้วย
ตั๊กออแกไนท์อ่างทอง รับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ 
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคอ่างทอง
นางรำอ่างทองเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคอ่างทอง
อ่างทองรําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคอ่างทอง
รําบวงสรวงพญานาคอ่างทอง
ฟ้อนบูชาพญานาคอ่างทอง
รําบวงสรวงพญานาคอ่างทอง

  ติดต่อสอบถามเรา        
            


265
10 ที่เที่ยวสุพรรณบุรี ชมวิถีเมืองเก่า ป่าเขางดงาม

1. บึงฉวาก เฉลิมพระเกียรติ

บึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ เป็นบึงน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 2,700 ไร่ อยู่ห่างจากตัวเมืองสุพรรณบุรีประมาณ 64 กิโลเมตร บึงฉวากมีพื้นที่ติดต่อกับอำเภอหันคา จังหวัดชัยนาทและอำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี ส่วนที่อยู่ในเขตอำเภอเดิมบางนางบวชมีพื้นที่ประมาณ 1,700 ไร่ บึงฉวากได้รับประกาศให้เป็นเขตห้ามล่าสัตว์มาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2526 และในปี พ.ศ. 2541 ได้รับการจัดให้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับชาติ

สถานที่ท่องเที่ยวในบึงฉวาก มีทั้งโซนสวนสัตว์ อุทยานผักพื้นบ้าน อุโมงค์ปลาน้ำจืด บ่อจระเข้น้ำจืด เหมาะสำหรับพาครอบครัวไปท่องเที่ยว ที่สำคัญภายในบึงฉวากยังมี่ที่พักคอยให้บริการอีกด้วย

2. วัดป่าเลไลยก์
ว่ากันว่า ถ้ามาเมืองสุพรรณ แล้วไม่ได้แวะมากราบไหว้หลวงพ่อโต วัดป่าเลไลยก์ ก็เหมือนมาไม่ถึงเมืองสุพรรณ ด้วยที่วัดป่าเลไลยก์เป็นวัดสำคัญคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดสุพรรณบุรีมาช้านาน และยังเป็นสถานที่หนึ่งในวรรณคดีเรื่อง ขุนช้าง-ขุนแผน อีกด้วย

วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร ตั้งอยู่ที่ ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมือง ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำสุพรรณบุรี หรือท่าจีน ห่างจากฝั่งประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร เนื้อที่กว้าง 82 ไร่ 1 งาน มีโบราณสถานอันเป็นประธานของวัด คือ พระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์ ซึ่งเรียกกันว่า “ หลวงพ่อโตวัดป่าไลไลยก์”

3. ตลาดสามชุก
ตลาดเก่าแก่อายุนับร้อยปี ที่สร้างด้วยไม้เรียงติดกัน อยู่ริมฝังตะวันตกของแม่น้ำท่าจีน ภาพวิถีชีวิตของผู้คนในชุมชน สถาปัตยกรรมโบราณ เชิงชายไม้แกะสลัก อาคารพิพิธภัณฑ์บ้านขุนจำนงค์ จีนารักษ์ ร้านขายยาจีน ร้านกาแฟโบราณ ร้านถ่ายรูปโบราณ ฯลฯ ยังคงมีสภาพและรูปแบบดั้งเดิม เหมาะแก่การอนุรักษ์ไว้ให้คนรุ่นหลังได้ดู

ด้วยความร่วมมือกันของชุมชน ทำให้ตลาดสามชุก เป็นตลาดโบราณที่กลับมามีชีวิตอีกครั้ง และเป็นต้นแบบให้กับอีกหลายๆ ตลาดที่มีอายุเก่าแก่ ได้กลับมาค้าขายกันเช่นอดีต โดยปรับปรุงดูแล และยังคงรักษารูปแบบดั้งเดิมเมื่อนับร้อยปี จนกระทั้งปี พ.ศ. 2552 ชุมชนสามชุกตลาดร้อยปี ได้รับรางวัลมรดกโลก ประเภทอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรม แห่งเอเชียแปซิฟิก จากองค์การยูเนสโก

4. สวนหินธรรมชาติ พุหางนาค
มรดกทางธรรมชาติชิ้นเอกของเมืองสุพรรณ ที่ควรค่าแก่การปกปักษ์รักษาไว้ ความงดงามของสวนหินธรรมชาติดึกดำบรรพ์อายุนับหมื่นล้านปี สวนป่าไม้โบราณอายุนับ 1000 ปี และปริศนาแห่งศาสนสถาน เมืองโบราณอู่ทอง เป็นสถานที่ที่น่าสนใจแห่งใหม่ของจังหวัดสุพรรณบุรี ที่เต็มไปด้วยความงดงามทางธรรมชาติ สวนหินที่งดงามตามจินตนาการ ด้วยรูปทรงที่หลากหลาย ดั่งผลงานชิ้นยอดของศิลปินชั้นเยี่ยม ความงามที่แฝงไว้ซึ่งปริศนา ให้ผู้ที่สนใจเรื่องราวของอารยธรรมโบราณ ร่องรอยที่ปรากฏเป็นปริศนาให้เราต้องค้นหากันต่อไป

ปัจจุบัน สวนหินธรรมชาติ พุหางนาค ได้เปิดให้เป็น แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ อยู่ภายใต้การดูแลของวนอุทยานพุม่วงโดยความร่วมมือกับชาวชุมชนในพื้นที่ จัดเส้นทางพาชมความงดงาม และเรียนรู้ธรรมชาติของสวนหินแห่งนี้ เพื่อเป็นเกราะป้องกันการบุกทำลายและหาประโยชน์ จากทรัพยากรณ์อันทรงคุณค่า โดยหวังให้นักเดินทางท่องเที่ยวที่มีจิตสำนึกในธรรมชาติ จะได้เข้ามามีส่วนร่วมในการปกป้องป่าแห่งนี้

5. หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย
บ้านควาย…คือสถานที่ที่รวบรวมเรื่องราว และรูปแบบวิถีชีวิตของคนในชนบท รูปแบบที่กำลังจะเลือนหายไป เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ไม่ควรพลาด หากมีโอกาสได้เดินทางมาท่องเที่ยวเมืองสุพรรณ ด้วยสุพรรณ เป็นจังหวัดที่มีอาชีพหลักคือการเกษตรกรรม และ “ควาย” ก็เป็นสัตว์เลี้ยงเพื่อการใข้งาน ที่มีวิถีชีวิตเคียงคู่กับคนสุพรรณโดยตลอดมา

นอกจากนี้ หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย ยังมีกิจกรรมหลากหลายให้นักเรียนนักศึกษา และนักท่องเที่ยว ได้ร่วมสนุกและได้ความรู้ เกี่ยวกับวิถีชีวิตของชาวนาไทย และการแสดงความสามารถของควายแสนรู้


6. อุทยานมังกรสวรรค์ พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร

อุทยานมังกรสวรรค์ พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง และหมู่บ้านมังกรสวรรค์ คือสถานที่ที่ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน อลังการงานสร้าง ด้วยแรงเงิน และแรงศัทธา สถานที่รวบรวมเรื่องราวที่มากคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ห้องเรียนที่น่าตื่นตาตื่นใจ และสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่อาจผ่านเลย

ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง สถานที่เคารพของชาวไทยเชื้อสายจีน เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ผู้คนต้องแวะเวียนมากราบไหว้ขอพร ที่ซึ่งหลายคนเชื่อว่า หากได้มากราบไหว้แล้ว จะนำมาซึ่งโชคลาภ ความร่ำรวย ความสำเร็จ และความสุข

พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร จัดแสดงประวัติศาสตร์ของจีน จัดตกแต่งสวยงาม มีรูปปั้น ระฆังยักษ์ และน้ำตกขนาดใหญ่ แบ่งเป็นห้อง 18 ห้อง รูปแบบแปลกตาด้วยภาพ แสงสีเสียง และเทคนิกพิเศษ น่าชมเป็นอย่างยิ่ง

หมู่บ้านมังกรสวรรค์ หมู่บ้านซึ่งได้จำลองรูปแบบ “เมืองลีเจียง” ซึ่งเป็นเมืองเก่าแก่โบราณอายุนับพันปี ที่มีรูปแบบที่สวยงามจนได้รับแต่งตั้งให้เป็นเมืองมรดกโลก


7. อุทยานแห่งชาติพุเตย
ดินแดนแห่งขุนเขา ป่าหนึ่งเดียวที่สมบูรณ์ที่สุดของเมืองสุพรรณ เป็นชายป่าผืนสุดท้ายของป่าห้วยขาแข้ง เป็นสถานที่ที่เหมาะกับนักเดินทางทีหลงใหลในธรรมชาติ ความสงบเงียบ ป่าเขา น้ำตก ความงดงามงามของดวงอาทิตย์ยามเช้า ไอหมอก ความหนาวเย็น และวิถีชีวิตของชนชาวกระเหรี่ยง

เหมาะแก่การท่องเที่ยวเชิงผจญภัย เป็นดินแดนแห่งความหนาวเย็น ในหน้าหนาวอุณหภูมิจะลดลง 5-6 ํC ทีี่ยอดเขาเทวดา ที่มีความสูงกว่า 1000 เมตร ในวันที่อากาศเหมาะสม นักท่องเที่ยวอาจจะได้ชมทะเลหมอกที่สวยงาม และไปยืนจุดที่เป็น ดินแดนรอยต่อของสามจังหวัด สุพรรณบุรี-อุทัยธานี-กาญจนบุรี การเดินทาง หน้าฝนควรเป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ส่วนหน้าแล้งรถยนต์นั่งธรรมดาก็สามารถไปได้ แต่ควรเป็นรถกระบะ

8. สวนสวรรค์สุพรรณบุรี

ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร (พันธุ์พืชเพาะเลี้ยง) อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี หรือสวนสวรรค์สุพรรณบุรี ตั้งอยู่บนเนื้อที่หลายร้อยไร่ ประกอบไปด้วยพืชพันธุ์มากมายหลายชนิด ที่นำมาจัดแสดงให้ชมในแต่ละช่วงเวลา ตลอดทั้งปี ทั้งไม้ดอกของไทย และต่างประเทศ สีสันสดสวยงามตระการตา และไม้ใบ ไม้ผล ที่ผ่านการค้นคว้าและทำการขยายพันธุ์ จนได้พันธุ์ที่เหมาะสมมีคุณภาพดีที่สุด เพื่อจำหน่ายจ่ายแจกให้เกษตรกรได้นำไป ทำการเพาะปลูกต่อไป

โดยช่วงเวลาตลอดปี จะมีการแสงพันธุ์ดอกไม้ อาทิ ดอกทิวลิปบานรับปีใหม่ , กุมภาสัญญารัก ดอกกุหลาบ , เทศกาลดอกไม้งามฤดูร้อน , ทุ่งดอกกระเจียวสื่อรักวันแม่ , งานเบญจมาศบาน , ทุ่งทานตะวัน วันพ่อ และเทศกาลดอกไม้เมืองหนาว

9. รอยพระพุทธบาท วัดเขาดีสลัก

บนเทือกเขาในเขตอำเภออู่ทอง มีวัดวัดหนึ่งเป็นวัดที่สวยงามสงบเงียบ  และรายล้อมด้วยธรรมชาติ เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่น่าเยี่ยมชม ในความเป็นธรรมชาติ มีสิ่งก่อสร้างในความเชื่อทางศาสนา ที่มีอายุนับพันปี ที่งดงามทั้งรูปแบบ มากด้วยคุณค่ามีเรื่องราวที่น่าศึกษาค้นคว้าความเป็นมา ของประวัติศาสตร์ที่ยังคงปริศนา

พระพุทธบาทวัดเขาดีสลัก เป็นรอยพระพุทธบาทจำลองสร้างด้วยหินทรายแดง มีลักษณะแตกต่างจากรอยพระพุทธบาทที่พบตามที่อื่นๆ คือ เป็นรอยพระพุทธบาทนูนต่ำ ขนาดกว้างประมาณ 65.5 ซม. ยาว 141.5 ซม. นักโบราณคดีให้ความเห็นแตกต่างกันไป บางท่านว่าเป็น ศิลปะสมัยทวาราวดี อายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 14-16 บางท่านว่า แม้รูปแบบลวดลายจะคล้ายกับศิลปะสมัยทวาราวดี แต่ก็มีรูปแบบอื่นเข้ามาปะปน ซึ่งอาจเป็นผลงานที่สร้างในสมัยอยุธยา ราวพุทธศวรรษที่ 19-23 ก็เป็นได้

10. เขื่อนกระเสียว

เขื่อนกระเสียว เป็นหนึ่งในสถานที่ที่สามารถชมความงดงาม ยามพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุด ของจังหวัดสุพรรณบุรี ยิ่งในช่วงหน้าหนาว แสงสีที่ค่อยๆเปลี่ยนไป ภาพดวงอาทิตย์สีแดงกลมโต ที่ค่อยๆเลื่อนลงเหนือยอดเขา และแสงเงาที่กระทบลงผืนน้ำ อากาศที่หนาวเย็น นับเป็นช่วงเวลาที่มีความหมาย เป็นช่วงเวลาที่เราจะได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างแท้จริง

เขื่อนกระเสียว สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2523 เป็นเขื่อนดินกักเก็บน้ำสร้างกั้นลำห้วยกระเสียว ยาว 4,250 เมตร สูง 32.5 เมตร พื้นที่กักเก็บน้ำ 28,750 ไร่ ปริมาณ น้ำที่สามารถกักเก็บน้ำได้สูงสุด 240 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็นเขื่อนดินที่มีความยาวมากที่สุดในประเทศไทย และเป็นแหล่ง เพราะพันธุ์ปลาขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง รวมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทิวทัศน์สวยงาม กลางวันอากาศค่อนข้างร้อน ช่วงเย็นอากาศดีมาก โดยเฉพาะจุดตั้งแค้มป์ริมเขื่อนเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม

ตั๊กออแกไนท์สุพรรณบุรีรับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ 
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคสุพรรณบุรี
นางรำสุพรรณบุรีเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคสุพรรณบุรี
สุพรรณบุรีรําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคสุพรรณบุรี
รําบวงสรวงพญานาคสุพรรณบุรี
ฟ้อนบูชาพญานาคสุพรรณบุรี
รําบวงสรวงพญานาคสุพรรณบุรี



  ติดต่อสอบถามเรา        
            


266
ที่เที่ยวสุโขทัย ไปพักร้อน เที่ยวชิล ๆ กันที่เมืองโบราณ
1. อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย

         อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ตั้งอยู่ในบริเวณตำบลเมืองเก่า อำเภอเมืองสุโขทัย ประกอบไปด้วยโบราณสถานเก่าแก่มากมาย ซึ่งแสดงถึงอาณาจักรสุโขทัยเมื่อ 600 กว่าปีที่แล้ว โดยภายในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย มีทั้งวัดวาอาราม กำแพงเมืองเก่า และร่องรอยของพระราชวัง จุดที่น่าสนใจ อาทิ วัดมหาธาตุ, วัดศรีชุม, วัดชนะสงคราม, วัดช้างล้อม, กำแพงเมือง, วัดช้างรอบ, วัดศรีสวาย, วัดตระพังเงิน, วัดสระศรี, วัดตระพังทองหลาง, เนินปราสาทพระร่วง, วัดพระพายหลวง และทำนบพระร่วง เป็นต้น

          นักท่องเที่ยวสามารถปั่นรถจักรยานชมบริเวณโดยรอบได้ หรือจะนั่งรถรางก็ได้ มีออร์ดิโอ ทัวร์ ด้วย ซึ่งเป็นอุปกรณ์เครื่องฟังแนะนำสถานที่สำคัญต่าง ๆ ภายในบริเวณอุทยาน มี 3 ภาษา เช่าได้ที่บริเวณศูนย์บริการท่องเที่ยวของอุทยาน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย

2. โครงการเกษตรอินทรีย์ สนามบินสุโขทัย

          โครงการเกษตรอินทรีย์ สนามบินสุโขทัย เป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้ามาร่วมกิจกรรมห้องเรียนกลางแจ้ง เพื่อเรียนรู้และลงมือปฏิบัติงานส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับวิถีชีวิตของเกษตรกรและความเป็นอยู่แบบไทยพื้นบ้าน

          โดยมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเก็บไข่เป็ดที่เล้า, การชมฝูงควาย กว่า 200 ตัว, การชมโรงสีข้าวกล้อง, การชมแปลงผักอินทรีย์, การถอนกล้าและการดำนา, การทำอาหารแบบเกษตรอินทรีย์, การเรียนรู้งานใบตองและแปรรูปผลิตภัณฑ์ และรับประทานอาหารและเครื่องดื่มออร์แกนิก เป็นต้น สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก โครงการเกษตรอินทรีย์ สนามบินสุโขทัย - Organic Agriculture Project

3. บ้านนาต้นจั่น

          ชุมชนเล็ก ๆ สุดเงียบสงบในตำบลบ้านตึก อำเภอศรีสัชนาลัย โดดเด่นด้วยสภาพแวดล้อมของท้องไร่ท้องนา ชาวบ้านใช้ชีวิตกันแบบเรียบง่าย เหมาะที่จะไปนอนพักผ่อนโฮมสเตย์ ซึ่งชาวบ้านจะจัดเป็นโปรแกรมท่องเที่ยวมีทั้งอาหารพื้นเมืองสุดอร่อยให้ลิ้มลอง พาไปชมพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางทะเลหมอกที่จุดชมวิวห้วยต้นไฮ พาไปขี่จักรยานชมทุ่งนากว้างใหญ่ ชมการทำผ้าหมักโคลน การทำตุ๊กตาบาร์โหน ได้ชาร์จพลังอย่างเต็มที่จากธรรมชาติแน่นอน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก โฮมสเตย์บ้านนาต้นจั่น จังหวัดสุโขทัย

4. จุดชมวิวกิ่วตะเคียนงาม

          จุดชมวิวกิ่วตะเคียนงาม ตั้งอยู่ที่บ้านปางตะเคียน ตำบลแม่สิน อำเภอศรีสัชนาลัย เป็นจุดชมวิวที่มองเห็นทิวเขา โอบล้อมด้วยภูเขาน้อยใหญ่ ถ้ามาเที่ยวช่วงหน้าหนาว ก็จะได้เห็นทะเลหมอกสวยอลังการ มีแสงพระอาทิตย์เหลืองทองสาดส่อง บรรยากาศสวยงาม อากาศสดชื่นเย็นสบาย จิบกาแฟอุ่น ๆ พร้อมกับการชมวิวไปพลาง ๆ บอกเลยว่ามันฟินมาก ! ที่นี่สามารถนอนกางเต็นท์ได้ การขึ้นไปด้านบนต้องนั่งรถอีแต๊กขึ้นไป

          สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ผู้ใหญ่ชื่น ปวนกันทา โทรศัพท์ 09 6670 0469 อบต.ก้าน ดงดอน โทรศัพท์ 06 4675 4761 และ อบต.วัชรพล ตาเปี้ย โทรศัพท์ 08 5604 6221

5. จุดชมวิวดอยเขามุ้ง
 
          จุดชมแห่งนี้ตั้งอยู่ที่บ้านปลายนา อำเภอศรีสัชนาลัย เป็นอีกหนึ่งดอยที่มีความสวยงามของจังหวัดสุโขทัย ด้านบนสามารถมองเห็นวิวของขุนเขาน้อยใหญ่ได้ไกลสุดลูกหูลูกตา ในตอนเช้าจะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นสวยงามมาก ยิ่งถ้าไปเที่ยวช่วงหน้าหนาว ก็จะได้เห็นทะเลหมอกลอยละล่องคลอเคลียกับยอดเขา มีแสงแดดบางเบาค่อย ๆ ฉาบทาไปทั่วผืนปุยหมอก อากาศเย็นฉ่ำใจ เหมาะแก่การมาชาร์จพลังงานมาก
          การขึ้นไปเที่ยวดอยเขามุ้ง เปิดให้เข้าเที่ยวชมทุกวัน วันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 05.00-10.00 น., 16.00-20.00 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 05.00-20.00 น. สามารถนอนกางเต็นท์ได้ ต้องนั่งรถไถชาวบ้านขึ้นไป ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ดอยเขามุ้ง

6. เมืองสวรรคโลก

          เมืองสวรรคโลก เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของจังหวัดสุโขทัย โดยเฉพาะใครที่ชอบเมืองเก่า ๆ แนวฮิปสเตอร์ ที่นี่มีจุดให้ถ่ายรูปเก๋ ๆ เพียบ ที่แรกที่อยากแนะนำคือ สถานีรถไฟสวรรคโลก มีความเก่าแก่มากกว่า 100 ปี ตัวอาคารเป็นเรือนไม้ 2 ชั้น มีข้าวของเครื่องใช้สมัยโบราณเก็บไว้ บางอย่างยังคงใช้งานได้ดี แล้วก็เดินมาถ่ายรูปเล่นกันที่ตลาดเก่าสวรรคโลก มีบ้านเรือนแถวไม้ให้ได้ถ่ายรูปหลากหลายมุม

          จากนั้นก็ไปเช็กอินกันที่สถานีตำรวจสวรรคโลกหลังเก่า อาคารเป็นแบบทรงปั้นหยาและทรงจั่วที่มุขด้านหน้า หน้าต่างเป็นไม้สักทอง มีพื้นที่ตรงกลางเป็นโถงโล่งกว้าง งดงามทรงคุณค่าจริง ๆ แล้วค่อยปิดท้ายกันด้วยร้านบะหมี่เม้งเจ้าเก่า ร้านบะหมี่ที่ทำเส้นและเกี๊ยวเองมายาวนานมากกว่า 100 ปี อร่อยเด็ดเป็นต้องสั่งเบิ้ลทุกเมนู แล้วค่อยไปต่อกันที่ตึกสวรรค์วรนายก วัดสวรรคาราม และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสวรรควรนายก

7. เขาหลวง อุทยานแห่งชาติรามคำแหง


          เขาหลวง เป็นภูเขาที่มียอดเขาสูงที่สุดอยู่ทางด้านทิศใต้ของเมืองสุโขทัย รูปร่างคล้ายกับสตรีนอนสยายผมที่มีส่วนใบหน้าเคลียอยู่กับเมฆหมอกตลอดเวลา จุดที่เป็นไฮไลต์ของที่นี่อยู่ที่ผานารายณ์ เป็นจุดที่สามารถไปยืนชมทิวทัศน์กว้างไกลของทุ่งหญ้าและผืนป่าดงดิบตามริมห้วยชุ่มชื้น และยังเป็นจุดชมดวงอาทิตย์ขึ้นในยามเช้าและตกในยามเย็น โดยจะต้องเดินขึ้นไปยังด้านบน 4 กิโลเมตร เป็นเส้นทางเดินป่าระยะไกล ทางลาดชัน ควรค้างคืนบนยอดเขา 1 คืน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติรามคำแหง เขาหลวง โทรศัพท์ 05 5910 0001, 09 8883 9297


8. เกาะรูปหัวใจ ทุ่งทะเลหลวง


          เกาะรูปหัวใจ ตั้งอยู่ในทุ่งทะเลหลวง ตำบลบ้านกล้วย อำเภอเมืองสุโขทัย ถ้าหากมองจากบนเครื่องบินจะเห็นเป็นรูปหัวใจชัดเจน สวยงามมาก เกิดจากแนวคิดโครงการแก้มลิงตามแนวพระราชดำริ มีเนื้อที่มากกว่า 7,000 ไร่ โดยที่บนเกาะรูปหัวใจนั้นจะเป็นสวนสาธารณะ เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่มากมาย มีพระพุทธรัตนสิริสุโขทัยตั้งอยู่กลางเกาะ นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปกราบไหว้ขอพรกันได้

9. หาดเจ้าราม

          ตั้งอยู่ภายในอ่างเก็บน้ำห้วยหนองเคาะ ตำบลวังน้ำขาว อำเภอบ้านด่านลานหอย เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวสุโขทัยในฤดูร้อน บริเวณริมอ่างเก็บน้ำจะมีเนินทรายให้ได้ลงไปเล่นน้ำเย็นฉ่ำกับแบบสะใจ พร้อมกับมีแพไม้ไผ่ให้นักท่องเที่ยวได้นั่งกินข้าวชมวิวของขุนเขาโดยรอบ รับลมเย็น ๆ กันแบบชิล ๆ เหมาะสำหรับการเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัว มีห่วงยางให้เช่า พร้อมกับห้องน้ำ ร้านค้า ร้านอาหาร

10. ตลาดริมยม ๒๔๓๗ กงไกรลาศ


ภาพจาก เฟซบุ๊ก ตลาดริมยม ๒๔๓๗ กงไกรลาศ สุโขทัย
 
          ตลาดริมยม ๒๔๓๗ กงไกรลาศ ตั้งอยู่ที่บริเวณริมน้ำยม (หน้าวัดกงไกรลาศ) ตำบลกง อำเภอกงไกรลาศ เป็นตลาดแนวย้อนยุค ภายในงานมีกิจกรรมที่น่าสนใจหลายอย่าง อาทิ การแต่งตัวย้อนยุค, การจำหน่ายอาหาร-ขนมต่าง ๆ, สินค้าหัตถกรรม, สินค้าการเกษตรที่ผลิตในชุมชน และมีกิจกรรมการละเล่น เช่น ลีลาศ, รำวงย้อนยุค, หนังกลางแปลง, การเล่าขานตำนานกงไกรลาศ ซึ่งผู้ที่มาท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับบรรยากาศย้อนอดีตสมัยปี พ.ศ. 2437

          ตลาดริมยม ๒๔๓๗ กงไกรลาศ จัดขึ้นทุกวันเสาร์แรกของเดือน ตั้งแต่เวลา 16.00-21.00 น. สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ตลาดริมยม ๒๔๓๗ กงไกรลาศ สุโขทัย

11. สวนดาวเรือง บ้านปากแคว

          สวนดาวเรือง บ้านปากแคว เป็นทุ่งดอกไม้สวย ๆ อีกแห่งของจังหวัดสุโขทัย ซึ่งจะเบ่งบานในทุกช่วงฤดูหนาวบนพื้นที่กว่า 50 ไร่ ในช่วงที่ดอกดาวเรืองบานพร้อมกัน จะมองเห็นเป็นทุ่งสีเหลืองทองอร่ามสวยงามมาก ๆ ยิ่งถ้าตอนเช้าจะเห็นสายหมอกบาง ๆ ลอยละล่องเหนือดอกดาวเรืองด้วย ทางเจ้าของไร่จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวชมและถ่ายรูปอย่างใกล้ชิด แต่ก็ฝากไว้สักนิดว่าไม่ควรเดินเหยียบย่ำ หรือเด็ดดอกดาวเรืองหากยังไม่ได้รับอนุญาตจากทางเจ้าของไร่ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก สวนดาวเรือง บ้านปากแคว สุโขทัย

12. ทุ่งเสลี่ยม

          อำเภอที่สมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติของทุ่งนาและขุนเขา ใครที่อยากเที่ยวแบบเงียบ ๆ ชิล ๆ ขับรถเที่ยวไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องเร่งรีบ เจอจุดไหนสวยก็ลงแวะถ่ายรูปเล่นเพลิน ๆ ขอให้ปักหมุดมาที่อำเภอนี้เลย โดยเฉพาะวิวของทุ่งนากว้างใหญ่ จะเดินลงไปถ่ายรูปในท้องนาก็ได้ เอามุมไหนก็จัดกันไปตามใจชอบ ถ้าอยากเสริมบุญบารมีทริปนี้ให้ตัวเองและครอบครัวสักหน่อย ก็มุ่งตรงไปที่วัดทุ่งเสลี่ยม ไปไหว้หลวงพ่อศิลากัน แล้วค่อยไปอิ่มอร่อยกับส้มตำยกครก ร้านส้มตำสุดแซ่บที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง

          จากนั้นถ้าอยากดื่มกาแฟก็มีร้านกาแฟริมท้องนาอย่างบ้านหอมกลิ่นดิน และ Friendship Cafe' 28 ให้ไปนั่งจิบกาแฟชิล ๆ แต่ถ้ายังเติมความหวานไม่สะใจ ต้องไปปิดท้ายกันด้วยโรตีลิซึ่ม ร้านโรตีที่มีไส้ให้เลือกหลากหลายไส้ สายหวานฟินแน่นอน

13. วัดพิพัฒน์มงคล

          วัดพิพัฒน์มงคล ตั้งอยู่ที่หมู่ 2 ตำบลทุ่งเสลี่ยม อำเภอทุ่งเสลี่ยม เป็นวัดโบราณอายุกว่า 700 ปี งดงามไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบไทยล้านนา อาคารต่าง ๆ ออกแบบและตกแต่งอย่างสวยงามวิจิตรบรรจง โดยมีพระพุทธรูปทองคำศิลปะสมัยกรุงสุโขทัยเป็นพระพุทธรูปคู่กับวัดมาช้านาน นอกจากนี้ภายในพุทธวิหารลายคำเป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อทันใจ และมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้เคารพกราบไหว้อีกมากมาย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก วัดพิพัฒน์มงคล สุโขทัย

14. ปางช้างแม่สิน

          ปางช้างแม่สิน ตั้งอยู่ที่ตำบลแม่สิน อำเภอศรีสัชนาลัย มีเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ ซึ่งจัดทำเป็นหมู่บ้านช้าง เปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาเที่ยวชม เรียนรู้วิถีชีวิตของช้าง มีกิจกรรมสนุก ๆ ให้ได้ร่วมสนุกมากมาย ทั้งการอาบน้ำช้าง การเลี้ยงช้าง การล่องแพไม้ไผ่ การแวะชิมส้มสวนส้มในตำบลแม่สิน ฯลฯ สามารถจัดเป็นทริปวันเดย์ทริปได้สบาย ๆ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก Maesin elephant camp ปางช้างแม่สิน

15. พระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช

          พระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ตั้งอยู่ที่ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมืองสุโขทัย ลักษณะของพระบรมรูปประทับห้อยพระบาทบนพระแท่นมนังคศิลาบาตร ขนาดเท่าพระแท่นจริงยาว 4 เมตร กว้าง 2.88 เมตร พระหัตถ์ขวาทรงถือสมุดไทยอันหมายถึงสรรพวิทยาการต่าง ๆ ที่พระองค์ทรงรอบรู้ พระหัตถ์ซ้ายแสดงลักษณะทรงสั่งสอนพสกนิกรหรือขณะออกว่าราชการ พระแท่นด้านซ้ายมีพานวางพระขรรค์ไว้ข้าง ๆ ขนาดพระบรมรูป 2 เท่าของพระองค์จริง เฉพาะพระองค์สูง 3 เมตร หล่อด้วยโลหะทองเหลืองผสมทองแดงรมดำ เปิดให้เข้ากราบไหว้ขอพรทุกวัน

          นี่เราคัดมาเฉพาะแลนด์มาร์กเด่น ๆ เท่านั้นนะคะ จริง ๆ แล้วสุโขทัยยังมีอะไรที่น่าสนใจรอเราอยู่อีกเพียบ ใครยังไม่เคยไปเที่ยวขอเชิญชวนให้ไปสักครั้งนะคะ ไปปั่นจักรยานเที่ยวชมวัดวาอารามเก่า ๆ ชมท้องทุ่งนากว้างใหญ่ กินอาหารพื้นเมืองอร่อย ๆ มันฟินจริง ๆ ค่ะ :)

ตั๊กออแกไนท์สุโขทัยรับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ 
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคสุโขทัย
นางรำสุโขทัยเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคสุโขทัย
สุโขทัยรําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคสุโขทัย
รําบวงสรวงพญานาคสุโขทัย
ฟ้อนบูชาพญานาคสุโขทัย
รําบวงสรวงพญานาคสุโขทัย



  ติดต่อสอบถามเรา        
            


267
ไหว้พระสิงห์บุรี เส้นทางทำบุญใกล้กรุง วันเดียวก็เอาอยู่

1. วัดพิกุลทอง พระอารามหลวง
          วัดสำคัญอันเป็นที่ตั้งของ "หลวงพ่อใหญ่" หรือ "พระพุทธสุวรรณมงคลมหามุนี" พระพุทธรูปปางประทานพรขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สร้างแบบคอนกรีตเสริมเหล็ก ประดับด้วยโมเสกทองคำธรรมชาติชนิด 24k มีขนาดหน้าตักกว้าง 11 วา 2 ศอก สูง 21 วา 1 คืบ 3 นิ้ว มองเห็นได้ในระยะไกล นอกจากนี้ภายในวัดยังมีพระพิฆเนศและสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกมากมาย พร้อมทั้งยังมีการจัดตกแต่งภูมิทัศน์โดยรอบ ๆ วัดให้สวยงามอยู่เสมอ
         
ไหว้พระสิงห์บุรี
2. วัดโพธิ์เก้าต้น
          วัดที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ตามหลักฐานต่าง ๆ บ่งบอกว่าที่นี่มีบทบาทอย่างมากต่อค่ายบางระจัน เป็นสถานที่ที่พระอาจารย์ธรรมโชติ พระสงฆ์ที่มีชื่อเสียงในสมัยอยุธยา เลือกเป็นที่ตั้งค่ายเพื่อเตรียมรับมือรบกับข้าศึกกองทัพพม่าร่วมกับชาวบ้านบางระจัน ปัจจุบันภายในวัดมีต้นแดงจำนวนมาก บรรยากาศร่มรื่น มีสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ วิหารพระอาจารย์ธรรมโชติ รูปหล่อหลวงปู่ธรรมโชติ พระพุทธรูปปางมารวิชัยสีขาวองค์ใหญ่ ให้ได้เดินเที่ยวชม นอกจากนี้ในบริเวณใกล้เคียงยังมีที่เที่ยวที่มีชื่อเสียงอย่างอุทยานวีรชนค่ายบางระจัน และตลาดย้อนยุคบางระจันให้ได้ไปเดินเที่ยวชม เลือกซื้ออาหารอร่อย ๆ และถ่ายรูปสวย ๆ กันด้วย โดยตลาดจะเปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
         

ไหว้พระสิงห์บุรี
3. วัดพระปรางค์มุนี
          ตั้งอยู่ติดริมถนนทางหลวงเอเชียสาย 2 เป็นอีกวัดที่มีสถาปัตยกรรมโดดเด่น โดยมีอาคารรูปทรงพระปรางค์สีเหลืองทอง ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางวัด สามารถที่จะเดินขึ้นไปเที่ยวชมด้านบนได้ และบริเวณโดยรอบก็ยังมีพระนอนองค์ใหญ่ พระพุทธรูปปางปาลิไลยก์ วิหารหลวงพ่อเย็น บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ต้นนารีผลจำลอง และพระพุทธรูปที่สำคัญ คือ พระภูเขาทอง และพระพุทธนิมิตพิชิตมารมหาจักรพรรดิให้ได้กราบไหว้ขอพร
       

4. วัดอัมพวัน
          วัดสำคัญอีกแห่งของสิงห์บุรี ด้วยเป็นวัดที่พระธรรมสิงหบุราจารย์ หรือหลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม พระนักเทศน์และพระวิปัสสนาจารย์ชื่อดังเคยเป็นเจ้าอาวาสอยู่ วัดแห่งนี้สันนิษฐานว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา มีการพัฒนาเรื่อยมา ปัจจุบันเป็นวัดที่ได้รับความศรัทธาจากพุทธศาสนิกชนจากทั่วทุกสารทิศ พร้อมทั้งยังเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ทั้งนี้ภายในวัดมีสถานที่สำคัญ และมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมาย ขณะนี้กำลังมีการก่อสร้างพระเจดีย์ธรรมสิงหบุราจริยานุสรณ์ คาดว่าจะเปิดให้เข้าเที่ยวชมได้เร็ว ๆ นี้
       
5. วัดกุฎีทอง
          วัดที่มีชื่อเสียงด้านการปฏิบัติธรรม และเป็นวัดสำคัญของชาวไทยวน ตั้งอยู่กลางเมืองพรหมบุรี ใกล้กับสถานที่ราชการต่าง ๆ และแม่น้ำเจ้าพระยา นอกจากจะสามารถมาปฏิบัติธรรมกันได้แล้ว ภายในวัดก็มีสิ่งที่น่าสนใจ เช่น มณฑปย่อมุมไม้สิบสอง ที่ยอดมณฑปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนด้านในประดิษฐานพระพุทธบาทโลหะจำลอง และศาลพระพรหมศักดิ์สิทธิ์ สามารถขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลกันได้ตลอด
       
6. วัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร
          สถานที่ประดิษฐานพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดสิงห์บุรีและพระพุทธรูปปางไสยาสน์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองไทย โดยมีความยาว  47 เมตร 42 เซนติเมตร และยังมีพุทธลักษณะที่งดงามตามแบบสมัยสุโขทัย สันนิษฐานกันว่าผู้สร้างพระพุทธรูปองค์นี้ คือ ท้าวอู่ทอง มีความเก่าแก่และน่าศรัทธา ซึ่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้เคยเสด็จพระราชดำเนินมาเยือน ณ วัดแห่งนี้ เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ด้วย ทั้งนี้บริเวณโดยรอบของวัดก็มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่น่าสนใจอีกมากมาย พร้อมทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ ตลาดชุมชน (เปิดในช่วงวันหยุด) ให้เดินเที่ยวชม
         
7. วัดเสถียรวัฒนดิษฐ์
          แต่เดิมนั้นมีชื่อว่า วัดท่ากระบือ ชาวบ้านจะเรียกว่า วัดท่าควาย ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีพระพุทธรูปที่สำคัญ มีลักษณะเป็นพระพุทธรูปแบบศิลปะสุโขทัย สมัยพระมหาธรรมราชาลิไท หล่อขึ้นด้วยวัสดุโลหะสัมฤทธิ์ผสมทองคำสีเหลืองอร่าม พุทธลักษณะงดงามมาก มีอายุมากกว่า 100 ปี เปิดให้นักท่องเที่ยวได้กราบไหว้ขอพรทุกวัน นอกจากนี้ก็มีพระพุทธรูปองค์อื่น ๆ พร้อมกับศาลเจ้าแม่ตะเคียนให้ได้ทำบุญขอพรด้วย
       
8. วัดม่วงชุม
          วัดเก่าแก่อายุมากกว่า 400 ปี เดิมชื่อ วัดกระดังงา มีการขุดพบเศียรพระจำนวนมาก หนึ่งในนั้นก็คือ หลวงพ่อดำ ซึ่งปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่ด้านหลังวัด ส่วนที่มาของชื่อใหม่ของวัดนั้น มาจากที่ชาวบ้านบางระจันได้มาประชุมกันที่ใต้ต้นมะม่วง จึงได้เรียกว่า วัดม่วงชุม เรื่อยมา ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจอีกหลายจุด เช่น พระพุทธรูปหลวงพ่อขาว และพระมหาเจดีย์บางระจัน แต่ที่ห้ามพลาด ก็คือ พระสิงห์ใหญ่ พระพุทธสิหิงค์มิ่งมงคล พระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ หน้าตัก 21 เมตร สูง 37 เมตร อยู่บนฐานดอกบัวสีชมพูสวยสง่า จะมีการจัดงานตักบาตรดอกไม้ในช่วงเข้าพรรษาทุกปี
         
9. วัดพระปรางค์
          วัดเก่าแก่สมัยอยุธยา โดดเด่นด้วยพระปรางค์ศิลปะแบบอยุธยาตอนต้น สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช สร้างด้วยอิฐมอญ สูงราว ๆ 15 เมตร มีลักษณะเป็นพระปรางค์ทรงสูงคล้ายฝักข้าวโพด ฐานเตี้ย ด้านในกลวง นอกจากนี้ก็มีวิหารเก่า หน้าบันมีการแกะสลักไม้เป็นลวดลายสวยงามวิจิตรบรรจง ควรค่าแก่การอนุรักษ์ ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2478
         
ไหว้พระสิงห์บุรี
10. วัดกระดังงาบุปผาราม
          สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยา มีประวัติยาวนาน สันนิษฐานผู้สร้างคือ ทหารเอกของพระมหาธรรมราชาธิราช พระราชบิดาของสมเด็จพระนเรศวรมหราช ที่จัดสร้างวัดนี้เพื่อเป็นอนุสรณ์ของการรบและเป็นสถานที่เก็บอัฐิของบรรพบุรุษ สิ่งที่น่าสนใจของวัดนี้คือ หลวงพ่ออึ่ง ตั้งอยู่ภายในวิหารมหาอุด มีลักษณะเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นแบบมอญ ปากสีแดง อยู่ภายในวิหารทรงไทยสมัยอยุธยาตอนต้น ก่ออิฐฉาบผนังทึบ มีทางเข้า-ออกเพียงทางเดียว สันนิษฐานว่าที่นี่ใช้เป็นสถานที่ปลุกเสกของมงคลเพื่อการออกรบ นอกจากนี้ก็มีเจดีย์ทรงระฆังคว่ำสมัยอยุธยา หลวงปู่จีน และโบสถ์เก่าแก่ที่มีหลังคามุงด้วยกระเบื้องดิน พร้อมกับบานประตูไม้แกะสลักสวยงามให้ได้ชม
         
11. วัดม่วง
          วัดคู่บ้านคู่เมืองของอำเภออินทร์บุรี มีการสร้างมาตั้งแต่สมัยช่วงรัตนโกสินทร์ตอนต้น โดยมีสิ่งที่สำคัญมากมาย ที่สำคัญคือ วิหารหลังเก่า ที่มีการออกแบบเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า บริเวณหน้าบันงดงามไปด้วยการประดับประดาของเครื่องถ้วยชามหลากสีสัน ด้านในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเก่าแก่ ลายเส้นสวยวิจิตรบรรจง พร้อมด้วยพระประทานปางมารวิชัยสง่างาม นอกจากนี้ก็ยังมีพระปรางค์เก่าแก่แบบย่อมุมไม้สิบสองตั้งอยู่ด้วย
 
   
12. วัดไทร
          แลนด์มาร์กที่ห้ามพลาดอีกแห่งของสิงห์บุรี ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา น่าสนใจด้วยพระอุโบสถเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยา ซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยรากไทรมากมาย กลายเป็นการยึดให้ผนังโบสถ์ไม่พังทลาย มีทางเข้า-ออกทางเดียว เชื่อกันว่าเป็นวิหารมหาอุดที่ใช้สำหรับการปลุกเสกพิธีสำคัญก่อนการออกรบ ด้านในประดิษฐานองค์พระประธาน ชาวบ้านเรียกกันว่า หลวงพ่อขาว หรือ หลวงพ่อทะยาน แต่ปัจจุบันเรียกกันว่า หลวงพ่อวัดไทร สามารถมาเที่ยวชมไหว้พระขอพรได้ตลอดทั้งวัน
 
         
          ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเส้นทางไหว้พระใกล้กรุงเทพฯ หากจัดสรรเวลาดี ๆ ก็สามารถที่จะเที่ยวได้ครบจบภายในวันเดียว เป็นการท่องเที่ยวที่สามารถเที่ยวได้ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ เก็บไว้พิจารณาสำหรับทริปครั้งต่อไปกันนะ :)

ตั๊กออแกไนท์สิงห์บุรี รับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ 
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคสิงห์บุรี
นางรำสิงห์บุรีเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคสิงห์บุรี
สิงห์บุรีรําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคสิงห์บุรี
รําบวงสรวงพญานาคสิงห์บุรี
ฟ้อนบูชาพญานาคสิงห์บุรี
รําบวงสรวงพญานาคสิงห์บุรี


 


  ติดต่อสอบถามเรา        
            


268
10 ที่เที่ยวลพบุรีหลากหลายสไตล์ ไปกี่รอบก็ไม่มีเบื่อ
1. ศาลพระกาฬ

          สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองลพบุรี เป็นจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดลพบุรี ภายในประดิษฐานเจ้าพ่อพระกาฬ สันนิษฐานว่าเป็นเทวรูปพระนารายณ์ยืน สร้างด้วยศิลาแลง 2 องค์ องค์เล็กเป็นแบบเทวรูปเก่าในประเทศไทย องค์ใหญ่เป็นประติมากรรมแบบลพบุรี แต่พระเศียรเดิมหายไป ภายหลังมีผู้นำพระเศียรพระพุทธรูปศิลาทรายสมัยอยุธยามาสวมต่อไว้ บริเวณโดยรอบศาลพระกาฬปกคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของฝูงลิงมากมาย จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของทางจังหวัด และเมื่อมีคนนำอาหารและผลไม้มาแก้บนที่ศาล ลิงเหล่านั้นก็ได้เข้ามากินอาหาร ต่อมากลายเป็นความเคยชินของลิง และความคุ้นเคยของชาวบ้านและนักท่องเที่ยวไปโดยปริยาย

2. พระปรางค์สามยอด

          เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดลพบุรี โดดเด่นด้วยลักษณะทางสถาปัตยกรรมปราสาทเขมรในศิลปะบายน สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 มีลักษณะเป็นปราสาทปรางค์เรียงต่อกัน 3 องค์ เชื่อมต่อกันด้วยมุขกระสัน วางตัวในแนวเหนือ-ใต้ สังเกตได้ว่าปราสาทประธานจะมีความสูงมากกว่าอีก 2 องค์

           ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทั้งยังมีการประดับประดาส่วนต่าง ๆ ของปราสาทด้วยปูนปั้น หลังจากที่เสร็จสิ้นการไหว้ศาลพระกาฬแล้ว ว่ากันว่า "พระปรางค์สามยอด" เป็นโบราณสถานที่ทุกคนจำเป็นต้องเดินทางมาแวะเที่ยวและเคารพสักการะกันทุกคน

3. วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ

          ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามสถานีรถไฟลพบุรี ในเนื้อที่ประมาณ 20 ไร่ ถือได้ว่าเป็นวัดใหญ่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีอีกแห่งหนึ่งของจังหวัด โดดเด่นด้วยพระปรางค์องค์ใหญ่ตั้งเด่นเป็นประธานอยู่ตรงกึ่งกลางของพื้นที่ ก่อด้วยศิลาแลงตั้งแต่ฐานถึงหน้าบัน ประดับด้วยลวดลายปูนปั้นที่งดงาม ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมเขมร ภายในองค์ปรางค์มีจิตรกรรมฝาผนังเขียนด้วยสีฝุ่นรูปพระพุทธเจ้าและพระสาวกเจดีย์รายและพระปรางค์

          นอกจากนี้ภายในวัดท่านสามารถชมวิหารเก้าห้อง ซึ่งมีลักษณะเป็นวิหารที่มีผนังยาวโดยมีช่วงเสากั้นอยู่รวมเก้าช่วงเสา เป็นลักษณะสถาปัตยกรรมแบบสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งได้รับอิทธิพลจากชาวต่างประเทศ มีความสวยงามและควรค่าต่อการรักษาเป็นมรดกคู่บ้านคู่เมืองจังหวัดลพบุรีตราบนานเท่านาน

4. พระนารายณ์ราชนิเวศน์


          ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าหิน อำเภอเมือง ชาวเมืองลพบุรีเรียกที่นี่กันจนติดปากว่า "วังนารายณ์" เป็นพระราชวังที่สมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้โปรดให้สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 2208-2209 ออกแบบโดยวิศวกรชาวฝรั่งเศส ความสวยงามของที่นี่อยู่ที่ลักษณะสถาปัตยกรรมแบบไทยผสมตะวันตก โดยความสำคัญของพระราชวังแห่งนี้อยู่ที่สมเด็จพระนารายณ์จะทรงโปรดประทับช่วงตลอดฤดูฝน แต่ภายหลังการเสด็จสวรรคตพระนารายณ์ราชนิเวศน์ได้ถูกทิ้งร้าง จนถึงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์โปรดให้บูรณะพระราชวังของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช สร้างพระที่นั่งขึ้นใหม่ และพระราชทานนามว่า "พระนารายณ์ราชนิเวศน์" มาจนถึงปัจจุบัน

5. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสมเด็จพระนารายณ์

          พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติแห่งที่ 3 ของประเทศไทย ตั้งอยู่ภายใน พระนารายณ์ราชนิเวศน์ เขตตำบลท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี เป็นสถานที่จัดแสดงศิลปวัตถุโบราณ และนิทรรศการตามอาคารต่าง ๆ จำนวนทั้งสิ้น 4 อาคาร ได้แก่ "พระที่นั่งพิมานมงกุฎ" แสดงหลักฐานวัตถุโบราณสมัยก่อนประวัติศาสตร์ บริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาและแหล่งโบราณจังหวัดลพบุรี "พระที่นั่งจันทรพิศาล" แสดงพระราชประวัติของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และโบราณวัตถุ "หมู่ตึกพระประเทียบ" (อาคารชีวิตไทยภาคกลาง) จัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้ของชาวนา "พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่" จัดแสดงหนังใหญ่เรื่องรามเกียรติ์ นับเป็นแหล่งโบราณสถานที่น่าแก่การศึกษาและค้นคว้าทางประวัติศาสตร์แก่เยาวชนและผู้ที่มีความสนใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

6. ทุ่งทานตะวัน

          ลพบุรีเป็นจังหวัดที่มีการปลูกทานตะวันมากที่สุดในประเทศไทย โดยช่วงที่ดอกทานตะวันเริ่มแย้มกลีบบานอยู่ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-มกราคมของทุกปี นอกจากทุ่งทานตะวันเหล่านี้จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สร้างรายได้ให้กับจังหวัดแล้ว ทานตะวันยังเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเมล็ดที่สามารถนำมาสกัดเป็นน้ำมันปรุงอาหาร หรืออบแห้งเพื่อรับประทาน และอีกสารพัดประโยชน์ของทานตะวันอีกมากมาย เราจึงเห็นแหล่งปลูกทานตะวันกระจายอยู่ทั่วไปทั้งจังหวัด ตั้งแต่ในเขตอำเภอพัฒนานิคม อำเภอชัยบาดาล บริเวณเขาจีนแล ตำบลโคกตูม โดยนักท่องเที่ยวสามารถเลือกชมความสวยงามของทุ่งทานตะวันไปตามเส้นทางเหล่านี้ และแวะถ่ายรูปเพื่อสัมผัสความงดงามได้ตามใจชอบ

7. สวนรุกขชาติน้ำตกวังก้านเหลือง

          ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าดินดำ ภายในมีน้ำตกที่มีขนาดใหญ่ไม่มาก แต่มีความสวยงามไม่แพ้น้ำตกที่อื่น ความพิเศษของน้ำตกอยู่ที่ต้นธารน้ำตก เพราะปกติมักจะอยู่บนภูเขาสูง แต่ที่นี่กลับปรากฏว่าต้นน้ำของน้ำตกแห่งนี้เป็นเพียงตาน้ำขนาดใหญ่ที่ผุดขึ้นจากใต้ดิน และไหลคดเคี้ยวมาตามทางลาด และรวมตัวกันที่อ่างเก็บน้ำ จนไหลเอ่อจากต้นน้ำตกลงมาปะทะกับหินผา เกิดเป็นน้ำตกกว้างที่ลดหลั่นดูสวยงามเป็นทางยาวกว่า 3 กิโลเมตร มีน้ำไหลตลอดทั้งปี ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถลงเล่นน้ำได้ นอกเหนือไปจากความงดงามของน้ำตกแล้ว ที่นี่ยังร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อยที่ขึ้นปกคลุมมากมาย มีหินงอก หินย้อย เกิดขึ้นหลายแห่ง นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและแหล่งพักผ่อนหย่อนใจที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดลพบุรี

8. เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์


          ตั้งอยู่บ้านหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม เป็นเขื่อนดินที่ยาวที่สุดในประเทศไทย นอกจากคุณประโยชน์ในการกักเก็บน้ำเพื่อการเกษตรแล้ว เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดลพบุรี เพราะมีจุดชมวิวริมอ่างเก็บน้ำ พิพิธภัณฑ์ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และสันเขื่อน ล้วนแล้วแต่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจุดที่รถไฟจอดอยู่เหนือเขื่อน ในลักษณะทางรถไฟที่คดโค้งให้ความรู้สึกเหมือนรถไฟลอยอยู่เหนือน้ำ เราจึงเห็นนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนไม่น้อยหยิบกล้องถ่ายรูปเพื่อบันทึกภาพความสวยงามเหล่านั้นเอาไว้ ตลอดจนร้านอาหาร ร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึก รถนำชมวิวทิวทัศน์ บ้านพักรับรอง ลานกางเต็นท์ เอาไว้รองรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่

9. บ้านหลวงรับราชทูต

          บ้านหลวงรับราชทูต หรือบ้านหลวงวิชาเยนทร์ ตั้งอยู่ที่ถนนวิชาเยนทร์ ตำบลท่าหิน อำเภอเมือง มีลักษณะเป็นกลุ่มบ้านที่ก่อสร้างขึ้นด้วยอิฐ มีสถาปัตยกรรมแบบยุโรป มีกำแพงล้อมโดยรอบ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือด้านทิศตะวันตก เป็นตึก 2 ชั้นหลังใหญ่ 1 หลัง และอาคารชั้นเดียวแคบยาว มีซุ้มประตูทางเข้าเป็นรูปโค้งครึ่งวงกลม, พื้นที่ตรงกลาง มีฐานสิ่งก่อสร้าง สันนิษฐานว่าเป็นหอระฆัง และมีโบสถ์คริสตศาสนา พร้อมกับซุ้มประตูทางเข้ารูปจั่ว และด้านทิศตะวันตก มีกลุ่มอาคารใหญ่ 2 ชั้น ซึ่งมีบันไดทางขึ้นเป็นรูปครึ่งวงกลม ซุ้มประตูก็เป็นโค้งครึ่งวงกลมด้วยเช่นกัน

          ในอดีตที่นี่เป็นสถานที่รับรองเอกอัครราชทูตจากฝรั่งเศสของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 โดยในช่วงปลายรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ ได้เคยพำนักอยู่ที่นี่ จึงเรียกกันว่าบ้านเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ ปัจจุบันที่นี่หลงเหลือเพียงซากปรักหักพัง แต่ก็ยังเห็นโครงสร้างต่าง ๆ อย่างชัดเจน นักท่องเที่ยวสามารถไปเที่ยวชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-17.00 น.

10. สวนสัตว์ลพบุรี


          ตั้งอยู่ที่อำเภอเมือง เป็นสวนสัตว์ที่อนุรักษ์โครงสร้างแบบดั้งเดิมตั้งแต่อดีตไว้เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวและเรียนรู้ของชาวจังหวัดลพบุรีและใกล้เคียง ดังจะเห็นได้จากเสาไฟฟ้าสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม และท่อส่งน้ำสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์เมืองลพบุรี ภายในสวนสัตว์มีอาณาบริเวณกว้างขวางและร่มรื่น น่าจะเป็นที่ถูกใจเหล่าบรรดาคุณน้องหนูที่อยากรับชมและสำรวจชีวิตสัตว์ป่าชนิดต่าง ๆ เช่น กวาง ลิง เสือโคร่ง เสือดาว กระต่าย เต่า ช้าง จิงโจ้ เป็นต้น รวมถึงทางสวนสัตว์ยังได้จัดกิจกรรมต่าง ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมสนุก ทั้งเวทีการแสดงความสามารถของลิงอุรังอุตัง (ซึ่งเป็นดาวเด่นแห่งสวนสัตว์ลพบุรี) การสาธิตการจับงู การขี่ม้า การให้นมแพะ เหล่านี้เป็นสีสันที่ช่วยเสริมสร้างความรู้ ความสนุก และความบันเทิงให้กับนักท่องเที่ยว โดยเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00-17.30 น. ราคาบัตรผู้ใหญ่ 30 บาท เด็กโต 20 บาท เด็กเล็ก 10 บาท (สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 036 413 551)
         
          ใครที่กำลังเตรียมตัวเที่ยวลพบุรีครั้งหน้า ลองไปเที่ยวตามสถานที่ที่เราแนะนำให้เพื่อน ๆ คราวนี้ดูก็ได้นะคะ หรือใครที่เคยไปลพบุรีมาแล้วและไม่อยากไปแต่ที่เดิม ๆ แต่ก็คิดไม่ออกว่าจะไปเที่ยวที่ไหน ก็ลองดูที่เที่ยวลพบุรีที่เราได้บอกไว้ดูก็ได้ไม่ว่ากัน เผื่อว่าการเที่ยวลพบุรีครั้งหน้าของเพื่อน ๆ จะได้มีสีสันและความสนุกสนานมากยิ่งขึ้น ยังไงก็อย่าลืมแวะไปให้ได้นะคะ

ตั๊กออแกไนท์ลพบุรี รับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ 
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคลพบุรี
นางรำลพบุรีเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคลพบุรี
ลพบุรีรําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคลพบุรี
รําบวงสรวงพญานาคลพบุรี
ฟ้อนบูชาพญานาคลพบุรี
รําบวงสรวงพญานาคลพบุรี


  ติดต่อสอบถามเรา        
            



269
แหล่งท่องเที่ยวอยุธยา พร้อมเปิดบริการหลังประกาศคลายล็อกดาวน์
- วัดไชยวัฒนาราม
          ส่วนหนึ่งของอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย เช่น พระปรางค์ศรีรัตนมหาธาตุ แต่ละมุมของฐานมีปรางค์ประจำทิศตั้งอยู่ด้วย ซึ่งเป็นลักษณะสถาปัตยกรรมแบบสมัยอยุธยาตอนต้น นอกจากนี้ก็ยังมีจุดอื่น ๆ ที่ห้ามพลาด เช่น ระเบียงคด, พระอุโบสถ, เมรุ, ภาพปูนปั้น, พระประธาน เป็นต้น
- วัดมหาธาตุ
          วัดในเขตอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ภายในประดิษฐานพระบรมธาตุใจกลางพระนคร ความน่าสนใจของวัดมหาธาตุ ได้แก่ เศียรพระพุทธรูปหินทราย ตั้งอยู่ในรากโพธิ์ และเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของวัด, เจดีย์แปดเหลี่ยม, วิหารเล็ก, พระปรางค์ประธาน, จิตรกรรมฝาผนัง, วิหารหลวง และพระอุโบสถ เป็นต้น
ที่เที่ยวอยุธยา เปิด
- วัดราชบูรณะ
          อีกหนึ่งวัดสำคัญของอยุธยา สิ่งที่สำคัญของวัดแห่งนี้ก็คือ องค์ปรางค์ประธาน เพราะเป็นสถานที่เก็บของมีค่าจำนวนมากในอดีต พร้อมทั้งมีภาพจิตรกรรมฝาผนังสมัยอยุธยาตอนต้นผสมผสานศิลปะจีนอยู่ด้วย ปัจจุบันของมีค่าต่าง ๆ ได้ถูกนำไปเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา
ที่เที่ยวอยุธยา เปิด
- วัดพระราม
          ตั้งอยู่ใจกลางเกาะเมืองเก่าอยุธยา ใกล้กับสวนสาธารณะพระราม เป็นอีกหนึ่งวัดที่มีความสวยงามมาก ๆ ของอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา มีพื้นที่กว้างขวางใหญ่โตโอ่อ่า โดดเด่นด้วยพระปรางค์ตามแบบสถาปัตยกรรมสมัยอยุธยาตอนต้น ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากเขมร และมีบึงน้ำกว้างใหญ่อยู่หน้าวัด หรือที่เรียกกันว่าบึงพระรามนั่นเอง
ที่เที่ยวอยุธยา เปิด
- วัดกุฎีดาว
          ไม่ปรากฏประวัติการสร้างชัดเจน แต่สันนิษฐานว่าสร้างช่วงเวลาเดียวกับวัดมเหยงคณ์ เนื่องจากลักษณะศิลปกรรมและสถาปัตยกรรม เป็นแบบอยุธยาตอนปลายในช่วงเวลาเดียวกัน ครั้งหนึ่งวัดแห่งนี้เคยเป็นวัดที่พระราชวงศ์กรุงศรีอยุธยาเคารพเป็นอย่างมาก  เพราะที่นี่เคยเป็นที่ประทับของพระเทพมุนี  พระราชาคณะในสมัยกรุงศรีอยุธยา  อีกทั้งยังเคยเป็นสถานที่เจรจา ประนีประนอม เหตุการณ์ในครั้งสมัยสมเด็จพระเจ้าอุทุมพรอีกด้วย
ที่เที่ยวอยุธยา เปิด
- วัดมเหยงคณ์
          เดิมเป็นพระอารามหลวงฝ่ายวิปัสสนาธุระ ที่เคยสำคัญยิ่งในสมัยอยุธยา โดยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) ทรงสร้างขึ้น และได้รับการปฏิสังขรณ์หลายครั้งในหลายสมัย ปัจจุบันเป็นวัดร้างที่สภาพโบราณสถานและโบราณวัตถุที่ยังเหลืออยู่ได้ปรักหักพังไปมาก แต่ก็พอมีเค้าเป็นหลักฐานบ่งบอกถึงศิลปะการก่อสร้างอันประณีตงดงามและระดับความสำคัญของพระอารามแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี
ที่เที่ยวอยุธยา เปิด
- วัดพระศรีสรรเพชญ์
          อดีตเคยเป็นวัดประจำพระราชวังเช่นเดียวกันกับวัดมหาธาตุ จังหวัดสุโขทัย และวัดพระศรีรัตนศาสดาราม กรุงเทพฯ ภายในวัดพระศรีสรรเพชญ์จะมีเจดีย์สำคัญ 3 องค์ มีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงลังกา ตั้งเรียงรายเป็นสัญลักษณ์อย่างสวยงาม และยังมีซากปรักหักพังของสิ่งก่อสร้างที่สำคัญอื่น ๆ เช่น พระวิหาร หอระฆัง และพระอุโบสถ เป็นต้น
ที่เที่ยวอยุธยา เปิด
- วิหารพระมงคลบพิตร
             พระมงคลบพิตรเป็นพระพุทธรูปบุทองสัมฤทธิ์องค์ใหญ่ที่สุดองค์หนึ่งในประเทศไทย สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยอยุธยาตอนต้น เมื่อ พ.ศ. 2499 จอมพล ป. พิบูลสงครามได้บูรณะวิหารพระมงคลบพิตรใหม่ทั้งหมดดังที่ปรากฏในปัจจุบัน
ที่เที่ยวอยุธยา เปิด
- พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จันทรเกษม
          ตั้งอยู่ริมแม่น้ำป่าสัก ปรากฏหลักฐานว่าสร้างในสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช เพื่อให้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และเคยใช้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระยุพราชและพระมหากษัตริย์หลายพระองค์ ภายในมีโบราณสถานและโบราณวัตถุต่าง ๆ น่าสนใจ ได้แก่ กำแพงและประตูวัง, พลับพลาจตุรมุข, พระที่นั่งพิมานรัตยา, พระที่นั่งพิสัยศัลลักษณ์ และตึกที่ทำการภาค
- พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา
          ภายในจัดแสดงเรื่องราวประวัติความเป็นมาของกรุงศรีอยุธยา และของมีค่าต่าง ๆ มีทั้งหมด 3 อาคาร ได้แก่ 1. หมู่อาคารเรือนไทย สร้างอยู่ในสระน้ำ มีลักษณะเป็นเรือนไทยภาคกลาง ภายในจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ของผู้คนในอดีต 2. อาคารศิลปะในประเทศไทย มี 2 ชั้น จัดแสดงศิลปวัตถุสมัยต่าง ๆ ที่รวบรวมได้จากจังหวัดอยุธยา และ 3. อาคารเจ้าสามพระยา จัดแสดงศิลปวัตถุสำคัญ ๆ จากสมัยอยุธยา
ที่เที่ยวอยุธยา เปิด
ที่เที่ยวอยุธยาเปิดให้บริการวันที่ 23 พฤษภาคม 2563

- วัดพนัญเชิงวรวิหาร
          หนึ่งในวัดสำคัญของอยุธยา ที่ผู้คนนิยมมากราบไหว้พระพุทธไตรรัตนนายก หรือหลวงพ่อโต พระพุทธรูปปูนปั้นลงรักปิดทอง ปางมารวิชัยขัดสมาธิราบ ศิลปะสมัยอู่ทองตอนปลาย นอกจากนี้ก็ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอื่น ๆ อาทิ พระพุทธรูปปูนปั้น 3 องค์ภายในพระอุโบสถ, พระวิหารเขียน, พระวิหารหลวง, ศาลเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก เป็นต้น
ที่เที่ยวอยุธยา เปิด
- วัดใหญ่ชัยมงคล
          สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนต้น สิ่งที่โดดเด่นของวัดนี้ ก็คือ พระเจดีย์ชัยมงคล หรือพระเจดีย์ใหญ่ สันนิษฐานว่าสร้างโดยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ในปี พ.ศ. 2135 เมื่อครั้งที่พระองค์ทรงทำศึกยุทธหัตถีชนะพระมหาอุปราชแห่งพม่า ที่ตำบลหนองสาหร่าย เมืองสุพรรณบุรี จึงได้สร้างพระเจดีย์ใหญ่ขึ้นที่วัดนี้เป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะ ต่อมาชาวบ้านก็เรียกวัดนี้ว่า วัดใหญ่ชัยมงคล
ที่เที่ยวอยุธยา เปิด
- วัดสุวรรณดาราราม
          ตั้งอยู่ริมป้อมเพชร มากมายด้วยสิ่งที่น่าสนใจ ล้ำค่าด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นพระอุโบสถ ที่ยังคงไว้ซึ่งสถาปัตยกรรมสมัยอยุธยาตอนปลาย มีภาพจิตรกรรมฝาผนังเทพชุมนุมที่ผนังอุโบสถ, พระทอง (ในพระวิหาร), เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุหลังพระวิหาร และเจดีย์บรรจุพระบรมอัฐิของพระชนกนาถในรัชกาลที่ 1
ที่เที่ยวอยุธยา เปิด
- วัดท่าการ้อง
          วัดเก่าแก่สมัยอยุธยา ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นวัดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะมาสักการะพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ นามว่า “พระพุทธรัตนมงคล” หรือที่เรียกกันว่า “หลวงพ่อยิ้ม เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต รวมถึงบริเวณโดยรอบยังได้รับการตกแต่งสวยงามและร่มรื่นน่าเที่ยวชมอีกด้วย
- วัดหน้าพระเมรุ
         พลาดไม่ได้กับการนมัสการ "หลวงพ่อพระพุทธนิมิตวิชิตมารโมลีศรีสรรเพชญ์บรมไตรโลกนาถ" พระพุทธรูปทรงเครื่องใหญ่ และมีพระลักษณะสวยงามที่สุดองค์หนึ่ง ตลอดจนความสวยงามของ "พระวิหารน้อย" ภายในมีพระคันธารราฐ พระพุทธรูปศิลาเขียวสมัยทวารวดี และภาพจิตรกรรมฝาผนังงดงามที่สุดแห่งหนึ่งของไทย

- วัดธรรมาราม
          ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจคือ พระอุโบสถศิลปะสมัยอยุธยาตอนปลาย ก่อผนังหุ้มกลองหน้า-หลังเชื่อมผนังเป็นหน้าบันยันอกไก่ และปั้นปูนเป็นรูปลายเครือเถา ประดับถ้วยชาม และปั้นปูนลวดลายตรงที่เป็นช่อฟ้าใบระกา
- วัดพุทไธศวรรย์
          ความโดดเด่นของวัดพุทไธศวรรย์ คือ "พระมหาธาตุ" หรือปรางค์ประธานสีขาวสะอาดตา มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบปราสาทขอม รวมถึงวิหารพระพุทไธศวรรย์, พระอุโบสถ, ตำหนักพระพุทธโฆษาจารย์, พระอนุสาวรีย์กษัตริย์ 3 พระองค์และจิตรกรรมฝาผนัง เป็นต้น
ที่เที่ยวอยุธยา เปิด
- วัดกษัตราธิราชวรวิหาร
          วัดโบราณในสมัยกรุงศรีอยุธยา มีพระปรางค์ใหญ่เป็นประธานหลักของวัด และยังมีพระอุโบสถสมัยอยุธยาซึ่งมีลายดาวเพดานจำหลักไม้งดงามมาก ภายในวัดมีภาพจิตรกรรมฝาผนังสมัยรัตนโกสินทร์ เป็นวัดที่มีความสวยงามมากวัดหนึ่ง

- วัดสะตือ
          ภายในประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่ สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2413 ซึ่งเป็นที่นับถือของคนในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง ต่างนิยมเดินทางมากราบไหว้เพื่อเสริมสิริมงคล รวมถึงขอพรและโชคลาภต่าง ๆ แก่ตัวเองและครอบครัว ซึ่งมักจะสัมฤทธิผลตามที่ใจหวัง
ที่เที่ยวอยุธยา เปิด
- วัดตะโก
          วัดชื่อดังอันเนื่องจากเป็นที่จำพรรษาของหลวงพ่อรวย เกจิอาจารย์ชื่อดัง ทั้งยังเป็นพระเกจิที่มีจริยวัตรงดงามปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดตะโก จนอายุครบอุปสมบท ก็อุปสมบทที่วัดตะโก เป็นพระนักพัฒนานำเอาความเจริญรุ่งเรืองมาสู่วัดตะโกมาตลอดหลายสิบปี
ที่เที่ยวอยุธยา เปิด
- วัดเชิงท่า
          สิ่งสำคัญภายในวัดก็คือ "ปรางค์ห้ายอดสมัยอยุธยา" มีการก่อฐานพระปรางค์เป็นทรงแท่งสี่เหลี่ยมจัตุรัสและสร้างวิหารยื่นออกไปเป็นรูปกากบาทหรือไม้กางเขน ทางทิศใต้สร้างเป็นวิหารขนาดใหญ่เป็นมหาปราสาทยอดปรางค์ หาชมได้ยากยิ่ง นอกจากนี้ยังมีธรรมาสน์ปิดทองคำเปลวงดงามตั้งอยู่ภายในศาลาการเปรียญ โดยเชื่อกันว่าลายจำหลักไม้หน้าบันนั้นเป็นของดั้งเดิมที่เหลือรอดมาจากครั้งกรุงแตก
ที่เที่ยวอยุธยาที่เปิดให้บริการแล้ว

- ตลาดโก้งโค้ง
          ตลาดโบราณย้อนยุค ที่จะพาทุกคนไปสัมผัสบรรยากาศเก่า ๆ แบบสมัยอยุธยา เพลิดเพลินด้วยการเลือกซื้อข้าวของต่าง ๆ ทั้งอาหารคาว อาหารหวาน ขนมโบราณ ผลไม้ต่าง ๆ รับชมการรำวงกลองยาว และการทำบุญตักบาตรเหรียญ
- ตลาดน้ำอโยธยา
          ตลาดท่องเที่ยวชื่อดังของอยุธยา สัมผัสบรรยากาศที่โอบล้อมด้วยสายน้ำเย็นฉ่ำ มีระเบียงริมน้ำให้นักท่องเที่ยวไว้นั่งหย่อนขาสัมผัสสายน้ำเย็นชื่นใจ หลากหลายด้วยเมนูอาหารอร่อย ๆ ทั้งของคาว-ของหวาน เช่น ผัดไทย, ทอดมัน, ก๋วยเตี๋ยว, น้ำพริกปลาทู, ส้มตำรสเด็ด, ขนมครกไข่นกกระทา, ถุงทอง, หมูระเบิด, ไก่ระเบิด, หอยครกกระทะร้อน และยำต่าง ๆ เป็นต้น
ที่เที่ยวอยุธยา เปิด
- วัดพระงาม
ที่เที่ยวอยุธยา เปิด
          หนึ่งในไฮไลต์ของวัดพระงาม นั่นคือ ซุ้มประตู ที่ปกคลุมด้วยรากต้นโพธิ์มาเป็นเวลานานกว่าร้อยปี จนได้รับการขนานนามว่า “ประตูแห่งกาลเวลา”  ซึ่งไม่ว่าใครไปที่นี่ ต่างก็ต้องไปดูให้เห็นด้วยตาตัวเอง แล้วจะรู้สึกได้ถึงความสวยงามและมนตร์เสน่ห์อย่างยากที่จะหาคำมาบรรยาย
- วัดภูเขาทอง
          วัดภูเขาทองสถาปนาขึ้นในสมัยสมเด็จพระราเมศวร เมื่อปี พ.ศ. 1930 ภายในมีเจดีย์ภูเขาทองเป็นมหาเจดีย์สำคัญ มีความสูงถึง 90 เมตร นอกจากนี้ยังสามารถเยี่ยมชมบริเวณด้านบนรอบเจดีย์ดูวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม, สักการะพระพุทธรูป, ชมรอยพญานาค และวิหารแกลบ เป็นต้น
- พุทธอุทยานมหาราช หลวงปู่ทวด
ที่เที่ยวอยุธยา เปิด
          ชมความงดงามของรูปเหมือน “หลวงปู่พ่อทวด” เหยียบน้ำทะเลจืด สร้างจากปูนหุ้มสัมฤทธิ์เคลือบสีทองทั้งองค์ นับได้ว่าเป็นรูปเหมือนพระสงฆ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก อีกทั้งบริเวณใกล้เคียงกันยังมี “ตลาดหลวงปู่ทวด” ให้ได้เดินเลือกซื้อของกิน ของฝาก และของที่ระลึกมากมาย

          ทั้งนี้ ยังคงมีสถานที่ท่องเที่ยวอยุธยาที่ยังคงปิดให้บริการอยู่ (ณ วันที่ 20 พฤษภาคม 2563) ได้แก่ โฮมสเตย์ ไทรน้อย, เกาะเกิดและรางจระเข้, ป้อมเพชร, ศูนย์ศิลปาชีพเกาะเกิด, หมู่บ้านโปรตุเกส, พระราชวังบางปะอิน, หมู่บ้านญี่ปุ่น และหมู่บ้านฮอลันดา

ตั๊กออแกไนท์อยุธยา รับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ 
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคอยุธยา
นางรำอยุธยาเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคอยุธยา
อยุธยารําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคอยุธยา
รําบวงสรวงพญานาคอยุธยา
ฟ้อนบูชาพญานาคอยุธยา
รําบวงสรวงพญานาคอยุธยา



  ติดต่อสอบถามเรา        
            


270
ที่เที่ยวชัยนาท เช็กอินสนุก เที่ยวกี่รอบก็ไม่เบื่อ

1. วัดปากคลองมะขามเฒ่า

         ตั้งอยู่ที่ตำบลมะขาม อำเภอวัดสิงห์ หากใครไปถึงถิ่นต้องไปสักการบูชา "พระครูวิมลคุณากร (ศุข)" หรือ "หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า" เกจิอาจารย์ที่ผู้คนต่างเลื่อมใสศรัทธา เชื่อกันว่าใครมากราบไหว้ขอพร จะมีความสุขสมความปรารถนา มีสิริมงคลต่อชีวิตและแคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง และยังเชื่อในการบูชาเครื่องรางของขลังของหลวงปู่ศุข ว่าให้คุณทั้งในด้านโชคลาภ เมตตามหานิยม และแคล้วคลาดอยู่ยงคงกระพัน ปัจจุบันวัดปากคลองมะขามเฒ่า ได้รับการปรับปรุงจนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งของจังหวัดชัยนาท ที่ใครมาก็ต้องแวะ

2. วัดปทุมธาราม

         อีกหนึ่งวัดน่าเที่ยวของจังหวัดชัยนาท พลาดไม่ได้กับการเยี่ยมชมความสวยงามของพระมหาเจดีย์ศรีชัยนาท เจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดชัยนาท สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงครองราชสมบัติครบ 50 ปี เพื่ออัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุของพระอรหันต์บรรจุสถิตอยู่ ณ บุษบก ยอดพระเจดีย์ เป็นอีกหนึ่งวัดของชัยนาท ที่ใครมาแล้วไม่ได้มาวัดปทุมธาราม ไม่ได้มากราบองค์พระเจดีย์ เหมือนมาไม่ถึงชัยนาท
3. สวนนกชัยนาท

         สวนนกที่มีชื่อเสียงมานานของจังหวัดชัยนาท เป็นทั้งที่เที่ยวและแหล่งความรู้ให้เด็ก ๆ ได้เข้ามาเที่ยว เพราะนอกจากจะได้เพลิดเพลินกับนกนานาชนิดแล้ว ที่นี่ยังมีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำจืดและท้องฟ้าจำลอง สร้างสีสันให้การเที่ยวสวนนกสนุกมากยิ่งขึ้น หรือใครที่เป็นช่างภาพสมัครเล่นหรือมืออาชีพ ก็สามารถมาเที่ยวถ่ายรูปกันได้เพลิน ๆ ท่ามกลางความร่มรื่นของหมูแมกไม้นานาชนิด เที่ยวเพลินได้ทั้งวัน

          หมายเหตุ : เนื่องจากโควิด 19 ณ วันที่ 22 พฤษภาคม 2563 ยังคงปิดบริการอยู่
       
4. ตลาดโรงพักเก่าสรรพยา

         ตลาดโรงพักเก่าสรรพยา หรือ ตลาดกรีนดี เกิดขึ้นจากการร่วมมือของเทศบาลตำบลสรรพยา และชมรมฟื้นฟูตลาดเก่าสรรพยา ได้ร่วมฟื้นฟูพื้นที่ตลาดแห่งนี้ขึ้นมาใหม่ โดดเด่นด้วยบรรยากาศย้อนยุคจากสถาปัตยกรรมโรงพักที่เป็นเรือนไม้ ดูสวยและคลาสสิกเหนือกาลเวลา นอกจากนี้ที่นี่ยังให้ความใส่ใจกับสิ่งแวดล้อม ด้วยการงดใช้โฟม พลาสติก และหันมาใช้วัสดุจากธรรมชาติ ละลานตาด้วยของกินอร่อย ๆ ให้เลือกซื้ออยู่เต็มไปหมด แถมยังได้ซึมซับบรรยากาศเก่า ๆ ด้วย
     
5. วัดธรรมามูลวรวิหาร

          วัดที่ตั้งอยู่บนไหล่เขาธรรมามูล เป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยา สันนิษฐานว่า พระมหาธรรมราชา แห่งกรุงสุโขทั ทรงสร้างภายในประดิษฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ "หลวงพ่อธรรมจักร" พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองชัยนาทและจังหวัดใกล้เคียง ในแต่ละปีจะมีการจัดงานประเพณีนมัสการปิดทองหลวงพ่อธรรมจักร ในงานมีมหรสพสมโภชตามประเพณีทั่วไป ในอดีตเมื่อมีงานประเพณีนมัสการปิดทองคราวใด จะต้องมีงานแข่งเรือในลำน้ำหน้าวัดด้วย แต่ประเพณีนี้ได้ล้มเลิกไปเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2505 นอกจากนี้ทุกวันแรม 11 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี ทางวัดได้จัดให้มีงานประเพณีตักบาตรเทโวอีกด้วย
         
6. เขื่อนเจ้าพระยา

         ตั้งอยู่ที่ตำบลบางหลวง อำเภอสรรพยา บริเวณรอบเขื่อนสวยงามด้วยธรรมชาติรายล้อม มีลมพัดเย็น ๆ พัดมาชิล ๆ หรือถ้าใครมาเที่ยวช่วงเดือนมกราคม นักท่องเที่ยวจะได้เจอกับฝูงนกเป็ดน้ำนับหมื่นตัวมาอาศัยหากินอยู่บริเวณเหนือเขื่อน เป็นอีกหนึ่งภาพความสวยงามของธรรมชาติที่ไม่ได้หาดูกันได้ง่าย ๆ หรือใครจะมาเที่ยวชิล ๆ ช่วงยามเย็น บอกเลยว่าก็ชิลไม่แพ้กันเลย


7.  ถนนคนเดินจังหวัดชัยนาท

         ตลาดเก่าริมแม่น้ำเจ้าพระยา ครั้งในอดีตเป็นชุมชนที่เคยเจริญรุ่งเรืองด้านการค้าขายทางน้ำ โดยบริเวณตลาดถูกใช้เป็นท่าจอดพักเรือ ต่อมาในปัจจุบัน ชาวบ้านในชุมชนคุ้งสำเภา ได้รวมกันก่อตั้งถนนคนเดินคุ้งสำเภา เพื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เสน่ห์ของถนนคนเดินที่นี่อยู่ที่บรรยากาศความเป็นกันเองของชาวบ้าน และอาหารการกินที่แสนอร่อย มีให้เลือกมากมายทั้งคาวหวาน และสินค้าหัตถกรรมจากชาวบ้านให้ได้เลือกช้อปกันอีกด้วย (เปิดทุกวันศุกร์ ตั้งแต่ช่วงสี่โมงเย็นเป็นต้นไป)

8. บึงกระจับใหญ่

         เกาะอยู่กลางบึงขนาดใหญ่ สถานที่พักผ่อนหย่อนใจ รวมถึงเป็นที่อยู่ของนกเป็ดน้ำและนกปากห่างเป็นจำนวนมาก ไฮไลต์สำคัญของที่นี่นอกจากความชิลที่นักท่องเที่ยวจะสัมผัสได้แล้วนั้น ยังชิลไปกับการเดินเล่นบนสะพานไม้ที่ทอดตัวยาวข้ามบึงใหญ่ นอกจากเดินเล่นถ่ายรูปได้แล้ว ยังปั่นจักรยานได้อีกด้วย ยิ่งช่วงเวลาแดดร่มลมตก ที่นี่จะกลายเป็นอีกหนึ่งสถานที่ยอดฮิตที่นักท่องเที่ยวสามารถมาล่องเรือชมนกนานาชนิด หรือจะเพลินไปกับบรรยากาศยามเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน บอกเลยว่าสวยสุด ๆ

9. วัดขุนสรรค์สามัคคี

         อีกหนึ่งวัดน่าเที่ยวของจังหวัดชัยนาท ใครที่มาเที่ยวที่วัดนี้ เป็นต้องมาเยี่ยมชมองค์พระประธานของวัดที่ดูแปลกไม่เหมือนกับพระประธานที่วัดอื่น แต่งองค์ทรงเครื่องเหมือนจักรพรรดิ ประดับด้วยเพชรทั้งชุด มีทั้งกำไล สร้อยคอ เข็มขัด ชฎา ที่ประดับด้วยเพชร พลอย สวยงาม รวมถึงนิ้วมือก็ยังสวมใส่แหวนเพชร นั่งบนแท่นประดับด้วยกระจก เชื่อกันว่าใครที่กราบไหว้จะร่ำรวยเงินทอง และเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต 

10. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ชัยนาทมุนี

         สถานที่ที่เก็บรวบรวม รักษา อนุรักษ์ และจัดแสดงโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ที่เป็นมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดชัยนาท ตั้งอยู่ภายในบริเวณวัดพระบรมธาตุวรวิหาร ภายในพิพิธภัณฑ์แบ่งเป็น 2 ส่วนใหญ่ ๆ ได้แก่ "ชั้นล่าง" จัดแสดงเรื่องราวด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดีของจังหวัดชัยนาท และ "ชั้นบน" จัดแสดงพระพิมพ์ที่ได้จากการดำเนินงานทางโบราณคดีในประเทศไทย รวมถึงยังมี "อาคารพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน" จัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้ในการเกษตร การทำมาหากิน วิถีชีวิต ขนบธรรมเนียมประเพณี ของคนไทยในอดีต ให้นักท่องเที่ยวเยี่ยมชมอีกด้วย

11. วัดพระแก้ว

          หนึ่งในวัดเก่าแก่ของจังหวัดชัยนาท งดงามด้วยองค์เจดีย์สี่เหลี่ยม ที่กล่าวกันว่าเป็นราชินีแห่งเจดีย์ทั้งมวลในเอเชียอาคเนย์ ลักษณะเป็นเจดีย์แบบละโว้ทรงสูง ผสมกับเจดีย์ทวารวดี ตอนปลายฐานเรือนธาตุแบบลดท้องไม้ เป็นศิลปะสมัยสุโขทัยกับสมัยศรีวิชัยผสมผสานกัน บริเวณด้านหน้าเจดีย์มีวิหารหลวงพ่อฉาย ด้านหลังองค์หลวงพ่อฉายมีทับหลัง แกะสลักติดอยู่ลักษณะเป็นภาพหงายไม่ใช่ภาพคว่ำเหมือนทับหลังทั่วไป นอกจากนี้โดยรอบบริเวณวิหารยังมีดอกสาละสวย ๆ ให้ได้ชื่นชมเพลิน ๆ
   
12. อนุสาวรีย์ขุนสรรค์

          ตั้งอยู่หน้าที่ว่าการอำเภอสรรคบุรี โดยตัวอนุสาวรีย์นั้นมีขนาดเท่าครึ่งของตัวจริง และมีโลหะแบบรมดำ ในท่าทางที่ท่านถือปืนอาวุธคู่กายพร้อมต่อสู้ โดยขุนสรรค์ "วีรบุรุษแห่งลุ่มแม่น้ำน้อย" เป็นหนึ่งในผู้นำชาวบ้านบางระจันที่ต่อสู้กับพม่าด้วยความกล้าหาญ โดยทุก ๆ วันที่ 19 มกราคม ชาวอำเภอสรรคบุรีจะกระทำพิธีบวงสรวงดวงวิญญาณขุนสรรค์เป็นประจำทุกปี

13. หมู่บ้านวัฒนธรรมลาวครั่งบ้านกุดจอก

          ตั้งอยู่ที่อำเภอหนองมะโมง ชุมชนที่แสนจะมีเสน่ห์และน่าเที่ยว โดยสิ่งที่น่าสนใจภายในชุมชนแห่งนี้ก็มีทั้ง หลวงพ่อเดิม ซึ่งเป็นพระพุทธรูปทำด้วยศิลาแลง ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่ วัดศรีสโมสร นอกจากนี้แล้วก็ยังมี พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นลาวครั่ง ที่มีความน่าสนใจเพราะจัดแสดงวัตถุโบราณมากมายหลายชิ้นด้วยกัน รวมทั้งผลิตภัณฑ์ผ้าทอต่าง ๆ ที่เป็นลวดลายเฉพาะของชุมชนแห่งนี้ ไว้ให้ได้ช้อปได้ดูกันเพลิน ๆ

14. วัดพิชัยนาวาส

         ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านเชี่ยน สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยอยุธยาตอนกลาง มีอายุไม่ต่ำกว่า 300 ปี ภายในพระอุโบสถซึ่งสร้างไว้กลางสระน้ำ มีพระประธาน คือ "หลวงพ่อโต" เป็นพระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์ ปั้นด้วยปูนสอ ประทับห้อยพระบาท สันนิษฐานว่าระหว่างสร้างพระประธานองค์นี้ บ้านเมืองเกิดระส่ำระสายจากสงคราม เพราะเป็นพื้นที่ซึ่งกองทัพจากพม่าเดินทางผ่าน วัดกำหนดจัดงานนมัสการปิดทองสมโภชระหว่างเทศกาลวันเพ็ญเดือนสาม และเทศกาลวันเพ็ญเดือนสิบสองเป็นประจำทุกปี
     
15. สวนน้ำอวกาศ

         สวนน้ำที่อยู่ในสวนนกชัยนาท เพลิดเพลินไปกับเครื่องเล่นสนุก ๆ มีสระว่ายน้ำ ทั้งระบบรวมสระเปิดและบริการคลองน้ำวน มีสระสำหรับเด็ก และสระสำหรับผู้ใหญ่ และไฮไลต์สำคัญ คือ เจ้าหุ่นยนต์ NAKA ROBOT นอกจากนี้ยังมีอาคารร้านขายของจำหน่ายอาหารและของที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยว มีห้องผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า รับของฝาก รวมถึงมีพนักงานดูแลความปลอดภัยอย่างดี

ตั๊กออแกไนท์ชัยนาท รับงานแสดงละครรำ รำถวายแก้บนตามงานพิธีมงคลต่างๆ 
รับงานแสดงไทย โขน ละคร ฟ้อน รำ ทุกประเภท งบประมาณตามตกลงและพอใจ
รับงานแสดงไทย รำอวยพร รำแก้บน รำหน้าไฟ ผลงานของเรา
รำบวงสรวงพญานาคชัยนาท
นางรำชัยนาทเพลงรําถวายพ่อปู่ศรีสุทโธ
พิธีรำบวงสรวงพญานาคชัยนาท
ชัยนาทรําบวงสรวงพญานาคประวัติ
ชุดรําบวงสรวงพญานาคชัยนาท
รําบวงสรวงพญานาคชัยนาท
ฟ้อนบูชาพญานาคชัยนาท
รําบวงสรวงพญานาคชัยนาท

  ติดต่อสอบถามเรา        
            


หน้า: 1 ... 16 17 [18] 19 20 ... 29